เสียงใบไม้ไหวพลิ้วปะทะกับสายลมในวัด แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมาบนใบหน้าของครอบครัวเล็กๆ ทั้งสามคน ที่เดินลงจากรถยนต์ ลมพัดทำให้กระโปรงสีขาวของจ้าวเวยเวยพัดไปตามลม ก่อนทั้งสามจะพากันเดินไปทางอาคารไม้เก่าแก่ของวัดป่า
“สมัยตอนที่แม่เป็เด็ก คุณยายของลูกชอบพาแม่มาทำบุญที่วัดแห่งนี้เป็ประจำ”เขมิกาเดินนำหน้าครอบครัวก็เล่าเื่สมัยเป็เด็กด้วยไป
“คุณแม่ไม่เห็นพาพวกเรามาที่วัดแห่งนี้เลย ทั้งๆที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเรามากนัก”จ้าวเจินเจินถามแม่ด้วยความสงสัย
“ั้แ่แม่แต่งงานกับพ่อของลูก ก็ไม่ได้มาที่วัดแห่งนี้อีกเลย จะโทษแม่ไม่ได้นะ พวกลูกนะ…พอบอกจะพาไปวัดเล็กแถวบ้าน ก็พากันบ่นไม่อยากมาแล้ว จะไปแต่วัดที่มีชื่อเสียงอย่างเดียว”เขมิกากล่าวและลูบหัวของลูกสาวคนเล็ก
“โธ่…แม่ค่ะ หนูก็อยากไปทำบุญและถ่ายรูปตามประสาวัยรุ่นบ้างสิคะ”จ้าวเจินเจินกล่าวและหัวเราะออกมา
“กราบค่ะพระคุณเ้า”เขมิกาคลานเข่าเข้าไปกราบพระท่าน
พระอาจารย์รับไหว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน"สาธุ…โยมเขมิกา โยมมาทำบุญกันหรือ"
“ค่ะ ดิฉันไม่ค่อยสบายใจ เลยพาครอบครัวมาทำบุญและกราบท่านเ้าค่ะ”เขมิกาพนมมือตอบคำถามพระอาจารย์
พระอาจารย์พยักหน้าช้าๆสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาของพระอาจารย์มองไปที่เด็กสาวอย่างจ้าวเวยเวย ที่นั่งอยู่ด้านหลังคนเป็แม่ สายตาที่จ้องมองมาทำให้จ้าวเวยเวยรู้สึกขนลุกเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าท่านทำไมถึงมองเธอแบบนั้น
ท่านเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสงบและมีเมตตาว่า"โยมเขมิกา โยมยังจำคำที่อาตมาเคยบอกเอาไว้ได้หรือเปล่า"
เขมิกาได้ยินที่ท่านถาม เธอก็หันไปสบตากับสามีก่อนจะกล่าวว่า"ตอนที่ท่านบอกดิฉันตอนที่กำลังท้องเวยเวยหรือเ้าค่ะ ดิฉันจำได้"
“ใช่!โยมคงจะจำได้ ว่าตอนนั้นอาตมาพูดอะไรกับโยม…”พระอาจารย์กล่าว
เขมิกาใบหน้าซีดเซียวขึ้นมาทันที หลังจากที่เธอจำได้ว่าท่านเคยพูดอะไรกับเธอเอาไว้ ตอนที่เธอกำลังท้องลูกสาวคนโต และพาสามีมากราบไหว้ของพรท่าน หลังจากที่ท้องลูกสาวคนโตได้ไม่กี่เดือน และตอนเธอมาที่วัดแห่งนี้ ท่านพระอาจารย์เป็คนเดินเข้ามาทักเธอกับสามีก่อนที่จะเข้าไปกราบพระด้วยซ้ำ
จ้าวเจินเจินที่อยากรู้อยากเห็น กระซิบถามแม่เสียงเบาว่า“แม่ พระท่านพูดอะไรกับแม่เหรอ?ทำไมถึงหน้าซีดแบบนั้นละ”
เขมิกาไม่ได้ตอบลูกสาวคนเล็ก แต่กลับถามพระอาจารย์แทน"จำได้ว่าท่านเคยบอกว่า ลูกสาวคนโตของดิฉันไม่ใช่คนที่นี่ เธอแค่มาขออาศัยด้วยชั่วคราว ให้ดิฉันกับสามีให้ความรักและดูแลลูกสาวคนนี้ให้ดี"
“ใช่ ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ที่ลูกสาวคนโตของโยม ต้องกลับอยู่ในที่ที่ขอเขา”ท่านพระอาจารย์กล่าวและมองไปทางจ้าวเวยเวยด้วยสายตาเมตตา จ้าวเวยเวยไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่กับพระกำลังคุยกัน ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอเหรอ?แล้วที่ไหนล่ะถึงจะเป็ที่ของเธอ จ้าวเวยเวยคิดในใจ
จ้าวเจินเจินที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากพี่สาว ขยับเข้ามาใกล้พี่สาวมากขึ้น และกระซิบว่า"พี่…ท่านพูดเหมือนกับบทในนิยายย้อนเวลาที่ฉันเคยอ่านเลย หรือว่าพี่กำลังจะได้ย้อนเวลาจริงๆ พี่อย่าลืมพาฉันไปด้วยนะ ฉันเองก็อยากไปเจอพี่หมื่นด้วย"
"เพ้อเจ้อ!ย้อนเวลาอะไร!?"จ้าวเวยเวยหันไปดุน้องสาวเสียงเบา ที่ชอบพูดเล่นไปเรื่อย
“แล้วพี่มาดุฉันทำไหม ฉันก็แค่พูดเองนะ ใช่ว่าคนเราจะย้อนเวลาได้จริงๆ”จ้าวเจินเจินที่ถูกพี่สาวดุ เลยบ่นออกมาเบาๆและขยับไปนั่งใกล้กับคุณพ่อแทน ก่อนจะหันมามองพี่สาวอย่างงอนๆ
“เสี่ยวเจิน…อยู่อย่าอยู่เหลวไหลกับพี่สาวลูกสิ”จ้าวิโจวบอกลูกสาวที่ขยับมานั่งเบียดกับตน
“พระอาจารย์ ท่านหมายความว่ายังไง!ที่…ที่ที่ว่าคือที่ไหนคะ ลูกของดิฉันจะต้องไปที่ไหนกันแน่น ในเมื่อบ้านของเธออยู่ก็อยู่ที่นี่ ดิฉันไม่ยอมให้ลูกสาวของดิฉันต้องไปไหน”เขมิกาถามพระอาจารย์ ตอนนี้เธอหวาดกลัวไปหมดแล้ว
พระอาจารย์ไม่ตอบ ก่อนจะเรียกจ้าวเวยเวยเข้ามา"โยม…เขยิบเข้ามาด้านหน้าสิ"
จ้าวเวยเวยมองพ่อกับแม่ ก่อนจะคลานเข่าเข้าไป"พระอาจารย์"
“เติบโตมาได้ดีจริงๆนะ ต่อไปเมื่อไปถึงที่นู่นแล้ว ก็อยากใไป โยมต้องมีสติ เมื่อมีสติแล้วก็จะมีปัญญา ใช้สติและปัญญาในการนำทางตัวเอง” พระอาจารย์กล่าวบอกจ้าวเวยเวย ก่อนจะหยิบสายสิญจน์ออกมาและมัดข้อมือให้กับเด็กสาว"สายสิญจน์เส้นนี้ จะช่วยให้โยมปล่อยภัยและทำให้ชีวิตขอโยนง่ายขึ้น"
จ้าวเวยเวยไม่เข้าใจ แต่ก็ก้มกราบพระอาจารย์
“พระคุณเ้าค่ะ ดิฉันกับครอบครัวไม่เข้าใจ ลูกสาวดิฉันกำลังจะบินไปต่างประเทศ แต่ก็ไปแค่เดือนเดียว ทำไมท่านพูดเหมือนว่าลูกสาวดิฉันจะไปในที่ห่างไกล และไม่กลับมาอีก”เขมิการ้อนใจนัก เธอเอ่ยถามพระอาจารย์อีกรอบ
“โยมเขมิกา โยมต้องทำใจนะ มันเป็หน้าที่ของเขาที่ไม่มีใครทำแทนได้ โยมจ้าวเวยเวยเกินมาเพื่อจะแก้ไขเื่ราวในอดีต ลูกสาวของโยมเกิดมาพร้อมกลับบาปที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด ทำให้ลูกสาวของโยมต้องกลับไปแก้ไขในบาปแห่งนี้ ไม่อยากนั้นลูกสาวของโยมจะอยู่ได้อีกไม่นาน” พระอาจารย์กล่าว ปกติท่านจะไม่ทักหรือพูดมากเท่านี้ แต่เนื่องจากท่านสงสารเด็กสาวคนนี้ ที่ต่อไปคงทุกข์และลำบากมากจึงได้พูดออกมา
“บาปหรือเ้าคะ ลูกสาวของดิฉันเธอเป็เด็กดีมาก เธอจะมีบาปได้ยังไงกัน” เขมิกาถาม
“นั่นสิครับ บาปอะไรกันหรือครับ” จ้าวิโจวถามเช่นกัน
“บาป…บาปของลูกสาวโยม คือบาปที่ทำให้ผู้ให้กำเนิดเสียใจ ทำให้เกิดมาพร้อมกับบาปที่ติดตัวมาด้วย” พระอาจารย์กล่าว
“บาปของมารดาหรือเข้าค่ะ”เขมิกาถาม เธอไม่เข้าใจเขมิกามองลูกสาวคนโต
พระอาจารย์มองและกล่าวว่า “มารดาในอดีตชาติของลูกสาวโยม ลูกสาวของโยมจำเป็ต้องกลับไปแก้ไข เพื่อไม่ให้บาปนี้เกิดขึ้นได้อีก”
“เราไม่มีทางช่วยได้เลยหรือเ้าค่ะ”เขมิกาถามด้วยความวิตกกังวล
"ไม่มี…โยนควรทำใจและปล่อยให้โชคชะตาเป็ผู้นำทาง” หลังจากที่พระอาจารย์พูดจบ ท่านก็หลับตานั่งสมาธิไม่ได้ตอบคำถามของเขมิกาอีก