จากนั้นกัวไฮว่ก็ติดต่อโหยวโยวโยว โยวโยวเองก็หัวเสียไม่น้อยพี่ออกจากโรงเรียนมาตั้งหลายวันแล้วไม่โทรมาแม้แต่นิดเดียว ใครจะไม่โกรธบ้างล่ะกัวไฮว่เลยต้องเอาใจอีกยกใหญ่ ส่วนเนื้อหาที่คุยก็เหมือนกันกับผู้หญิงคนอื่นนั่นก็คือเตรียมจะพบสาวๆ ในวันเสาร์
“ไม่รับ ดันไม่รับโทรศัพท์ฉัน” กัวไฮว่ต่อสายโทรหาหลินซวงอยู่หลายครั้งทว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับ กัวไฮว่จึงบ่นอุบ ในใจเขารู้สึกไม่สงบทว่าไม่กี่วันก่อนได้เสี่ยงทายดูก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่นา
“ตาบ้า ออกจากโรงเรียนไปตั้งหลายวันเพิ่งคิดจะมาติดต่อกับฉันนะแถมเพิ่งคิดถึงฉันหลังจากติดต่อเด็กพวกนั้นเสร็จอีก ตาบ้า ไอ้ตาบ้า” หลินซวงข่มใจไม่รับโทรศัพท์ที่ดังติดต่อกันสามครั้ง
“เวยเวย ่นี้ครูหลินไม่เป็ไรใช่ไหม” กัวไฮว่ต่อสายโทรหาเวยเวยอีกครั้งก่อนจะถามยิ้มๆ
“ไม่เป็อะไรนะ ตอนที่พี่เพิ่งโทรคุยกับฉันเสร็จฉันยังได้รับสายจากครูหลินยังถามถึงพี่อยู่เลย” มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ “พี่มีเื่จะหาครูหลินเหรอ”
“เปล่า ฉันเข้าใจแล้ว ไว้เราเจอกันวันเสาร์นะ” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็วางโทรศัพท์จากนั้นก็ต่อสายโทรหาหลินซวงอีกครั้ง
“เสี่ยวซวงซวง ไม่รับสายสามี อยากจะต่อต้านกันหรือไง” หลินซวงรับโทรศัพท์ กัวไฮว่ยังไม่ทันรอให้หลินซวงพูดอะไรเขาก็พูดขึ้นยิ้มๆ
“เรียกฉันว่าครูหลิน” หลินซวงพูดด้วยความเย็นเยียบ “โทรมามีอะไรเหรอ”
“เสี่ยวซวงซวง เมื่อก่อนเธอไม่ได้เป็แบบนี้นี่วันเสาร์ฉันจะเปิดคลินิกอยากเชิญเธอมาร่วม ถึงตอนนั้นแต่งตัวสวยๆ หน่อยล่ะ” กัวไฮว่ไม่ได้โกรธ เขาพูดขึ้นยิ้มๆ ว่า “อีกอย่างผ่าน่นี้ไปฉันจะไปหาตระกูลกู่ เื่ของตระกูลกู่เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ”
“กัวไฮว่ อย่าไปนะ ถือว่าฉันขอร้อง อย่าไปหาตระกูลกู่ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่เธอจะไปได้นะ” เมื่อหลินซวงได้ยินที่กัวไฮว่พูดก็รีบพูดขึ้น
“เธอเคยบอกเองไม่ใช่เหรอถ้าอยากให้เธอเป็ผู้หญิงของฉันก็ต้องจัดการตระกูลกู่ให้เรียบร้อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “่นี้รู้สึกไม่สบายตัวบ้างไหมถ้ารู้สึกไม่สบายก็ไม่ต้องไปที่โรงพยาบาล ให้มาหาฉันที่คลินิกโรคของเธอโรงพยาบาลรักษาให้ไม่ได้หรอก”
กัวไฮว่กับหลินซวงคุยจิปาถะกันนิดหน่อยก็รู้ว่าหลินซวงไม่ได้มีปัญหาอะไรจากนั้นกัวไฮว่ก็วางสายลง ผู้หญิงเยอะก็ไม่ใช่เื่ดีอะไร แค่โทรหาทีละคนๆก็หมดเวลาไปทั้งบ่าย
“ตาบ้า ถ้าวุ่นวายกับผู้หญิงของนายพวกนั้นเสร็จแล้วก็รีบมาช่วยหน่อย” จู่ๆ กัวไฮว่ก็ได้ยินเสียงอวี้เอ๋อร์ะโมาเขาเลยบินลอยไปอยู่ตรงหน้าของอวี้เอ๋อร์
“อวี้เอ๋อร์ เธอนี่มันนางฟ้าประจำตัวฉันจริงๆ เลยนะ ต่อให้อยู่ใน์ฝีมือเธอก็เป็อันดับหนึ่งอยู่ดี” กัวไฮว่มองเฟอร์นิเจอร์หลากหลายชนิดในคลินิกก็พูดอย่างภาคภูมิใจ
“ตาบ้า ฉันจัดการวัสดุไม้จันทน์จื่อจินให้พี่หมดแล้วนะที่เหลือพี่จัดการเองเถอะ ขอฉันไปพักผ่อนหน่อย” เมื่ออวี้เอ๋อร์เห็นว่ากัวไฮว่มาเธอก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง
“อวี้เอ๋อร์คนดี ช่วยแล้วก็ช่วยจนถึงที่สุดสิไม้หวงฮวาหลีที่เหลือกับไม้จันทน์เสี่ยวเยี่ยจื่อนั่นอีกเดี๋ยวฉันช่วยวาดแบบให้เธอ เธอช่วยฉันหน่อยสิ” กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปดึงอวี้เอ๋อร์เอาไว้
“ตอนนี้รู้แล้วสินะว่าอวี้เอ๋อร์เป็คนดี เมื่อกี้ยังได้ยินพี่คุยสนุกกับสาวๆกันอยู่เลย คืนนี้จะออกไปอีกไม่ใช่หรือไง” อวี้เอ๋อร์มองกัวไฮว่พลางพูดขึ้น “คืนนี้อยู่บ้านเป็เพื่อนฉันเถอะ ฉันจะช่วยพี่จัดการทุกอย่างเองไม่พูดเื่อื่นกัน ในสรวง์นอกจากอู๋กังแล้วงานไม้ไม่มีใครเทียบกับฉันได้เลย”
“อวี้เอ๋อร์ เธอก็ได้ยินแล้วนี่ ฉันตอบตกลงเขาไปแล้วคนเราจะพูดไปแต่เชื่อใจไม่ได้ไม่ได้หรอกนะ” กัวไฮว่พูดอย่างหน้าหนา “เดี๋ยวฉันทำของอร่อยๆ ให้เธอ ท่านเซียนอวี้เอ๋อร์ดีที่สุดเลย” พูดเสร็จ กัวไฮว่ไม่ทันให้อวี้เอ๋อร์มีปฏิกิริยาอะไร เขาก็วิ่งเข้าห้องไป
“ฮึ ตาบ้า ตาม้าพ่อพันธุ์ ไม่นานต้องเกิดเื่เพราะผู้หญิงแน่” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากพูดแต่มือยังคงไม่หยุดอวี้เอ๋อร์แกะสลักลวดลายจากมีดสั้นที่อยู่ในมืออย่างคล่องแคล่วถ้ามีคนมาเห็นจะต้องใเป็แน่ ลองจินตนาการภาพดูสิ แค่มีดสั้นๆเล่มเดียวก็ทำเฟอร์นิเจอร์ออกมาได้สวยวิจิตรแบบนี้
“เหนื่อยแทบตาย ตาบ้า ทำของออกมาดีแทบตายหวังว่าอาบน้ำเสร็จนายจะช่วยทำกับข้าวอร่อยๆ ให้ฉันหน่อยแต่วันนี้นายกลับออกไปเถลไถล” อวี้เอ๋อร์พูดเสียงดัง
“อวี้เอ๋อร์เมียรัก ดูหน่อยสิว่าถูกปากไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเขาก็ยกอาหารมาสิบสองอย่าง อาหารร้อนแปดอย่างอาหารเย็นสี่อย่าง วัตถุดิบชั้นยอดบวกกับฝีมือทำอาหารของกัวไฮว่ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวล
“ม้าพ่อพันธุ์จริงๆ ลงแรงขนาดนี้เพื่อจะไปเดตกับแฟนหรือว่าฉันไม่อาจทำให้นายได้อย่างนั้นเหรอ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆเธอไม่ได้เช็ดเหงื่อตรงศีรษะหมดเลยทีเดียว แต่ค่อยๆ ดึงเสื้อขึ้นไปเช็ดจึงเผยให้เห็นส่วนขาวนวล
“อวี้เอ๋อร์เมียรัก วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันก็ต้องทำให้เธอสบายหน่อยสิ” ใขขณะที่พูด กัวไฮว่ก็อุ้มอวี้เอ๋อร์เดินไปยังห้องนอน
“ตาบ้า ปล่อยฉันลงนะ คืนนี้ฉันไม่สนนายแล้ว รีบวางฉันลงเร็ว” อวี้เอ๋อร์ตะโดนเสียงดัง
“ยังจะอายอีก อวี้เอ๋อร์เมียรักลำบากแล้วล่ะ เดี๋ยวสามีนวดให้นะ” จากนั้นไม่นาน ในห้องก็มีแต่เสียงหอบหายใจเป็ระยะๆ
“เป็ผู้ชายมันไม่ง่าย เป็ผู้ชายดีๆ ก็ไม่ง่ายเลยเป็ผู้ชายอย่างฉันนี่ยากซะกว่าปีนฟ้าอีก” กัวไฮว่พูดพึมพำจากนั้นก็ออกมาจากที่พักตระกูลกัว หลังจากฝึกซ้อมคู่มาหลายครั้งพลังเซียนของกัวไฮว่ก็ค่อยๆ สามารถใช้กระบี่ได้แล้ว ครั้งนี้เขาก็ขี่กระบี่
ทว่ากัวไฮว่กลับไม่รู้ว่าที่เขาขี่กระบี่ในครั้งนี้ทำเอาผู้มีพลังวิเศษและผู้บำเพ็ญเพียรทั้งเมืองอู่เฉิงกระทั่งทั่วทั้งหัวซย่าต่างก็ััได้ถึงพลังงานสั่นไหวระลอกใหญ่ถึงขั้นที่ว่าชายชราผิวหย่อนยานที่นั่งที่อยู่ใต้สระแห่งฟ้าก็เบิกตาโพล่งขึ้นมาอีกครั้ง
“คนที่ทำเสี่ยวเทียนตายอยู่นี่นี่เอง ดี ดีมาก คอยดูเถอะไว้วันที่ฉันบำเพ็ญเพียรเสร็จฉันจะทำแกกระอักเื” พูดเสร็จชายชราผิวหย่อนยานก็หลับตาลง
“ไอกระบี่แกร่งมากเลย หรือว่าพวกสำนักบู๊ตึ๊งจะบรรลุแล้ว” ชายวันกลางคนที่หมู่บ้านในูเาคนหนึ่งขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆคนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือหัวหน้าผู้มีพลังวิเศษหัวซย่า ผู้นำตระกูลกู่กู่เจิ้นเหลย
ในขณะที่กู่เจิ้นเหลยใอยู่นั่นเอง สำนักบู๊ตึ๊ง สำนักเอ๋อเหมยสำนักเหมาซาน สำนักตงไห่ สำนักหนานได่ สำนักเป่ยไห่ รวมไปถึงผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดที่มีในแดนมนุษย์ต่างก็ตกอกใที่กัวไฮว่ขี่กระบี่ในครั้งนี้ทำให้คนจำนวนไม่น้อยในหัวซย่าไม่อาจหลับใหลได้เหมือนกับผีเสื้อในทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก[1]
“ตาบ้า นานขนาดนี้แล้วยังไม่มาอีก เื่แบบนี้ยังจะให้คนอื่นเขารออีก” ซุนหลิงหลิงเปิดห้องในโรงแรมมหาลัยอู่เฉิงเรียบร้อยแล้วยังคงเป็ที่เดิมที่เธอกับกัวไฮว่ทำอะไรสนุกๆ กันเธอรออยู่นานทว่ากัวไฮว่ยังไม่ถึงสักที ซุนหลิงหลิงจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหร้อนใจ
“หลิงหลิงเมียรัก ฉันมาแล้ว รอนานเลยล่ะสิ” จู่ๆกัวไฮว่ก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องของโรงแรม ทำเอาซุนหลิงหลิงตกอกใ
[1] หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Butterfly Effect
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้