ตอนนี้คือยามซวี [1] เป็เวลาประมาณสองทุ่ม สำหรับเคอโยวหรานที่เป็นกเค้าแมวกลางคืนแล้ว การให้นอนในเวลาเช่นนี้กล่าวได้ว่าเร็วเกินไปมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีะเิเวลาเช่นต้วนเหลยถิงอยู่ด้วย นางควรกลับไปช้าสักหน่อยจะดีกว่า รอจนกระทั่งเขาหลับไปแล้วถึงจะ ‘ปลอดภัย’ อย่างแท้จริง
ดวงตาของเคอโยวหรานกลิ้งกลอกก่อนเอ่ยว่า “โยวหลาน โยวเยวี่ย ให้พี่สอนวิธีเขียนหนังสือให้พวกเ้าเถิด!”
“ดีเลยเ้าค่ะ!” เคอโยวเยวี่ยตอบกลับเป็คนแรก ทั้งยังเอ่ยด้วยความยินดีว่า “พี่หญิงใหญ่ ท่านรู้หนังสือเพราะท่านปรมาจารย์ทั้งสองอบรมสั่งสอนใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“อืม ใช่แล้ว!” เคอโยวหรานเอาหมวกของปรมาจารย์ทั้งสองมาครอบหัวโดยไม่ลังเล
จากนั้นเอ่ยกับทุกคนในจวนว่า “พวกเราทุกคนต้องรู้หนังสือ รวมถึงท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยนะเ้าคะ ภายหน้าข้าจะใช้ความรู้ที่ท่านปรมาจารย์ทั้งสองสอนข้าหาเงินให้ได้มากๆ ส่วนพวกท่านก็ช่วยข้าดูแลกิจการ ดีหรือไม่เ้าคะ?”
ถงซื่อเอ่ยอย่างเป็กังวลอยู่บ้าง “แม่อายุมากแล้ว หากจำไม่ได้จะทำอย่างไร?”
เคอโยวเยวี่ยกอดแขนของมารดาพลางเอ่ย “ท่านแม่ไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ หากท่านจำไม่ได้ ข้ากับพี่หญิงรองจะช่วยสอนท่านอีกหลายๆ ครั้ง ย่อมต้องจำได้แน่นอนเ้าค่ะ
ภายหน้าพวกเราจะต้องเก่งเหมือนกับพี่หญิงใหญ่ ทำให้ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้ารังแกพวกเรา”
เคอโยวหลานพยักหน้าเห็นด้วย นางไม่อยากถูกรังแก เพราะในอดีตถูกคนสกุลเคอกดขี่จนเคยชิน นางจึงมีนิสัยเก็บตัวและไม่รู้จะแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของตนเองอย่างไร
ทางด้านบิดาสติปัญญาไม่ต่างจากเด็กสามสี่ขวบ สำหรับเขาแล้วราวกับได้เกิดใหม่ก็มิปาน เป็ดั่งกระดาษขาวแผ่นหนึ่งที่เฝ้ารอให้คนในครอบครัวขีดเขียนด้วยน้ำหมึก
นับั้แ่ที่สมองของเขาถูกขับเืคั่งออกไปจนหมด ความทรงจำก็เหลือเพียงสตรีตรงหน้าไม่กี่คน พวกนางคือการมีอยู่ที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขา
ครั้นเห็นทุกคนเตรียมพร้อมแล้ว เคอโยวหรานจึงรินน้ำชาออกจากกา จากนั้นนำนิ้วจุ่มน้ำแล้วขีดเขียนลงบนโต๊ะว่า ‘คุณธรรมเยาวชน คำปราชญ์คนโบราณสอน’
นางเลือกคัมภีร์ 《คัมภีร์เยาวชน》 มาเริ่มสอน ตั้งใจว่าในแต่ละวันเรียนรู้ทีละสามถึงหกคำแล้วค่อยเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
กลับนึกไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ มารดากับน้องๆ และบิดาทึ่มล้วนพากันจดจำได้แล้ว
ทุกคนทั้งอ่านและเอานิ้วจุ่มน้ำขีดเขียนลงบนโต๊ะตามลำดับขีดของเคอโยวหราน
แม้เส้นขีดจะบิดเบี้ยวไปบ้างแต่ก็ยังพอดูออก ขอเพียงฝึกฝนให้มาก การจะเขียนให้ดูเข้าทีย่อมไม่เป็ปัญหาแต่อย่างใด
หืม? เข้าใจบทเรียนการเขียนอักษรกันอย่างง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือ? เคอโยวหรานถึงขั้นเตรียมตัวสอนซ้ำนับครั้งไม่ถ้วน กลับนึกไม่ถึงว่านางยังสามารถสอนเนื้อหาถัดจากนั้นได้อีก
ด้วยเหตุนี้ ยังไม่ทันสองเค่อก็เรียนจนถึงประโยคที่สิบ ‘บิดามารดาติผู้ใด นิ่งฟังไว้เป็เด็กดี’
เคอโยวหรานรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเสียแล้ว เป็เพราะเย็นนี้ทุกคนล้วนแต่กินอาหารที่ทำจากน้ำในสระบัวเจ็ดสีใช่หรือไม่?
คล้ายว่ามีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นจึงจะสามารถอธิบายได้ เช่นนั้นนอกจากช่วยเพิ่มการจดจำ น้ำในสระบัวยังมีความสามารถอื่นอีกหรือไม่?
เคอโยวหรานคิดใคร่ครวญขณะกลับห้อง ทันทีที่เดินเข้าประตูพลันพบว่าต้วนเหลยถิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง บนข้อพับหัวเข่าของเขายังมีเนื้อหาส่วนแรกของคัมภีร์เคล็ดวิชาลับวิทยายุทธ์วางเอาไว้ ยามนี้อีกฝ่ายได้เข้าฌานไปแล้ว
นางไม่กล้ารบกวนจึงผลัดไปสวมชุดนอนที่เพิ่งตัดเย็บเสร็จวันนี้ ค่อยๆ คลานขึ้นไปจากด้านข้างเตียง ไม่นานนักก็เข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
กลางดึก เคอโยวหรานพลันฝันประหลาดเป็อย่างยิ่ง
ภายในฝันนางตกลงไปในบ่อน้ำเหม็นเน่า พยายามดิ้นรนอยู่ภายในนั้นไม่ต่างกับสาหร่ายเหนือผิวน้ำ ทว่ากลับจมลึกลงเรื่อยๆ จนมิอาจปีนป่ายออกมาได้
นอกจากนี้ยังได้กลิ่นเหม็นเน่าในลมหายใจ เรียกได้ว่าช่างสมจริงเหลือเกิน
ขณะนางจมดิ่งลงไปจนเหลือเพียงศีรษะและหยุดดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง ฉับพลันนั้นก็ถูกคนผู้หนึ่งฉุดรั้งจนสะดุ้งตื่นจากฝัน
ครั้นเบิกตาโพลง จึงเห็นต้วนเหลยถิงที่อยู่เบื้องหน้ากำลังส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง บนิัยังมีคราบเหนียวเหนอะสีเทาดำ
“์!” เคอโยวหรานกระเถิบถอยหลังไปไกลลิบ คิดอยากจะยกมือขึ้นมาป้องปากของตนเอาไว้ เมื่อครู่เพียงขยับเข้าใกล้จมูกก็เกือบจะรมตนเองจนเหม็นตายเสียแล้ว
ครั้นก้มลงมองอย่างละเอียด “์เอ๋ย! นี่มันเื่อันใดกัน?”
บนกายของนางเหมือนกับต้วนเหลยถิงไม่มีผิด เรียกได้ว่าเหม็นหึ่งจนมิอาจทนดม
เคอโยวหรานพลิกกายลุกขึ้น พุ่งลงจากเตียงด้วยความเร็วสูง ใช้น้ำในอ่างล้างหน้าล้างมือของตน จากนั้นจัดการหยิบเสื้อผ้าสำหรับใช้ผลัดเปลี่ยนมาถือไว้หมายจะตรงไปยังห้องอาบน้ำ
แต่กลับถูกต้วนเหลยถิงดึงเอาไว้และเอ่ยว่า “โยวหราน ช้าก่อน ท่านปรมาจารย์ทั้งสองกำลังอยู่ในห้องอาบน้ำ พี่ใหญ่กับพี่รองเปลี่ยนน้ำให้พวกเขาเป็รอบที่สี่แล้ว ยามนี้ยังไม่ออกมา”
ว่าอย่างไรนะ?
ครั้นเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของเคอโยวหราน ต้วนเหลยถิงจึงเอ่ยด้วยความขบขันว่า “ั้แ่เช้าตรู่ของวันนี้ นอกจากพี่สะใภ้ใหญ่ ทุกคนล้วนแต่ไม่ต่างกับตกบ่อส้วม เหม็นจนมิอาจทนดม ร่างทั้งร่างสกปรก ไม่รู้ว่าเกิดเื่ใดขึ้นกันแน่”
“หา?” เคอโยวหรานเบิกตาโตพลางเผยสีหน้าประหลาดใจ
ทันใดนั้นก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงโพล่งออกไปว่า “ข้าแค่ใช้น้ำในสระบัวเจ็ดสีทำอาหารเย็นเท่านั้น เหตุใดจึงกลายเป็เช่นนี้ไปได้เล่า?”
ต้วนเหลยถิงรู้สึกสงสัย “เ้าไปตักน้ำในสระบัวมาั้แ่เมื่อใด?”
เคอโยวหรานเอ่ยอย่างประหม่า “เมื่อวานข้าขึ้นเขาไปตักมาโดยลำพังเ้าค่ะ”
“ไม่ถูกต้อง!” ต้วนเหลยถิงกล่าวด้วยความฉงน “เมื่อวานตอนพวกข้าไปถึงปากถ้ำ ถ้ำลึกลับแห่งนั้นก็หายไปแล้ว!”
“เ้าคะ?” เคอโยวหรานค่อยๆ เปิดปากเอ่ย “แต่ตอนข้าไปถ้ำก็อยู่ที่เดิม และพ่อหมาป่ายังได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกของมันตั้งหลายชั่วยามเลยนะเ้าคะ!”
ต้วนเหลยถิง “...?”
เคอโยวหรานหันไปมองลูกหมาป่าที่นอนฝันหวานอยู่ในตะกร้า “เป็ไปได้หรือไม่ว่าถ้ำแห่งนั้นจะเกี่ยวข้องกับลูกหมาป่าเหล่านี้?”
“มีความเป็ไปได้” ต้วนเหลยถิงใคร่ครวญก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เื่นี้ให้รู้กันแค่พวกเราสองคนเป็พอ มิอาจบอกบุคคลที่สามโดยเด็ดขาด รวมถึงอาจารย์ทั้งสองของเ้าด้วย
ต้องปกป้องหมาป่าน้อยให้ดี มิเช่นนั้นอาจชักนำให้ผู้อื่นเพ่งเล็ง ผลลัพธ์ที่ตามมาคงมิอาจคาดเดา”
เคอโยวหรานพยักหน้า บุ้ยปากเอ่ยอย่างกล้ำกลืนว่า “แต่ตอนนี้บนกายเหม็นโฉ่ยิ่งนัก หากยังมิได้อาบน้ำ ข้าคงรมตนเองจนขาดใจตายเสียก่อน อยากมีห้องอาบน้ำส่วนตัวเหลือเกินเ้าค่ะ จะได้ไม่ต้องแย่งกันใช้เพียงห้องเดียว”
“หึ!” ต้วนเหลยถิงหัวเราะเสียงเบาก่อนหันหลังออกไปจากห้อง ไม่นานนักก็เดินกลับมาพร้อมกับมือหนึ่งที่แบกอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ส่วนอีกมือหนึ่งถือถังน้ำร้อนแล้วเอ่ยว่า
“เ้าอาบน้ำในห้องเถิด ถังอาบน้ำนี้ข้าซื้อมาระหว่างทางกลับของเมื่อวาน ข้าจะออกไปอาบข้างนอก ยามเปลี่ยนน้ำเ้าก็ร้องบอก ข้าจะตักน้ำร้อนมาส่งเ้า”
เหตุใดเขาถึงรู้ว่าตนมีนิสัยรักสะอาด ไม่ชอบใช้ถังอาบน้ำร่วมกับผู้อื่นเล่า?
หรือว่าเื่ที่ยามตนไปห้องอาบน้ำแล้วไม่เคยใช้อ่างอาบน้ำร่วมกับผู้อื่นถูกเขาพบเข้าเสียแล้ว?
บุรุษผู้นี้ช่างอบอุ่นและเอาใจใส่อย่างแท้จริง!
เมื่อต้วนเหลยถิงออกไปข้างนอกแล้ว เคอโยวหรานจึงนำแก้วเครื่องเคลือบสองใบที่ใช้ดื่มน้ำมาแบ่งบรรจุครีมอาบน้ำและแชมพูสำหรับบุรุษ
หลังอาบน้ำอ่างแรกเสร็จ ตอนไปหลบหลังฉากกั้นเพื่อบอกให้ต้วนเหลยถิงเปลี่ยนน้ำ นางก็อธิบายวิธีใช้ให้เขาฟัง
เคอโยวหรานยกยิ้มหลังจากเห็นอีกฝ่ายหยิบข้าวของออกไปผ่านทางซอกฉากกั้น
นางทำเช่นนี้ซ้ำไปมา บอกให้ต้วนเหลยถิงช่วยเปลี่ยนน้ำเจ็ดถึงแปดรอบอย่างอารมณ์ดี ในที่สุดก็อาบน้ำจนสะอาดได้เสียที
ยามเช้าตรู่ ครั้นหยวนซื่อพบว่าทุกคนในครอบครัวล้วนแต่กลายเป็มนุษย์โคลน มีเพียงตนที่สะอาดหมดจดก็รู้สึกดีใจจนแทบเสียสติ
ทั้งยังเอ่ยเหน็บแนมไป๋ซื่อกับเคอโยวเยวี่ยไปหลายประโยค นึกยินดีที่พวกนางพบเจอเื่ลำบาก
“ดูเอาเถิด ต้องเป็เพราะกินอาหารที่เคอโยวหรานทำเป็แน่ถึงได้มีสภาพเช่นนี้ พวกเ้าก็ช่างกล้ากินอาหารที่ปีศาจจิ้งจอกทำ ไม่กลัวนางวางยาพิษพวกเ้าจนตายหรือ?”
กลับนึกไม่ถึงว่าสกุลต้วนจะจัดทัพทำการชะล้าง อาบน้ำ และซักฟูกนอนตลอดทั้ง่เช้า
น้ำที่อยู่ในโอ่งเก็บน้ำสิบกว่าใบหลังจวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า ผ่านไปไม่นานก็ถึงขั้นมองเห็นก้นโอ่งเสียแล้ว
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ยามซวี 戌时 หมายถึง ่เวลา 19.00 - 20.59 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้