เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดที่ชั่วร้ายของชายหนุ่ม สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ยังคงมีรอยยิ้มจางๆ อยู่บนใบหน้า นางกล่าวว่า “นายน้อย ได้โปรดอย่าพูดล้อเล่นแบบนั้นเลย”
“ใครจะเสียเวลามาพูดเล่นกับเ้า? ไสหัวมาหานายน้อยซะ! นังคนชั้นต่ำ เป็แค่ทาสแท้ๆ แต่ทำตัวเหมือนคนชั้นสูงอยู่ได้!!!”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างก้าวร้าว ในดวงตาของเขาทอประกายหมดความอดทนขึ้นมา
หลินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าในเมืองหลวงจะมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย แต่ดูเหมือนว่าจะมีคุณชายผู้ยโสโอหังและโง่เขลาอยู่มากกว่า คนประเภทนี้ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา และคิดว่าตัวเองเป็ศูนย์กลางของโลก
นางกัดปากตัวเองเล็กน้อย ขณะที่สีหน้าค่อยๆ ซีดขาว ก็จริงอย่างที่ชายคนนั้นพูด สถานะทางสังคมของนางต่ำต้อยมาก เป็เพียงแค่ทาสคนหนึ่ง มิฉะนั้นแล้วจะออกมายืนต้อนรับแขกอยู่ด้านนอกทำไม? และยังต้องปั้นหน้ายิ้มอยู่ตลอดเวลา ในทวีปเก้า์นี้ อาชีพของนางนับว่าเป็อาชีพชั้นต่ำ
ดังนั้นหากอีกฝ่าย้าย่ำยีนาง นางก็ไม่สามารถขัดขืนได้
นางจำได้ว่ามีคนชนชั้นสูงท่านหนึ่งบังเอิญถูกใจเพื่อนของนาง ทำให้เพื่อนของนางถูกข่มขืนก่อนจะสังหารทิ้งอย่างเหี้ยมโหด ซึ่งเป็จุดจบที่น่าสังเวช แต่ในสายตาของพวกเขา ทาสสาวในลานประมูลอย่างพวกนางก็ไม่ต่างอะไรกับโสเภณี
พวกนางถูกฝึกมาเพื่อต้อนรับแขก นั่นเป็งานของพวกนาง
เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาว รอยยิ้มชั่วร้ายของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จากนั้นเขาก็กล่าวต่อไปว่า “ข้าจำได้ว่าครั้งก่อน เิชงได้พบทาสที่เขาชื่นชอบ เขาได้เพลิดเพลินกับนางจนกระทั่งนางตาย ถ้าเ้ามาหาข้าและทำตามที่ข้าบอก ข้าจะเมตตาส่งเ้าไปค่ายทหาร เ้าก็น่าจะรู้ว่าคนในค่ายเหมือนหมาป่าหิวกระหาย ที่ไม่ได้ลิ้มรสชาติเนื้อสมันสาวมานาน มาดูสิว่าเ้าจะรับมือกับพวกเขาได้สักกี่คน!”
สีหน้าของหญิงสาวยิ่งซีดขาวมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ยังจะยกนางให้อีกหลายๆ คนเล่น?
ตอนนั้นเองจิตสังหารก็แล่นผ่านดวงตาของหลินเฟิงไป เ้ามันสัตว์ไร้ยางอาย! ทั้งที่กล่าวคำพูดอนาจารต่ำๆ เช่นนี้ แต่กลับแสดงท่าทางดีอกดีใจอยู่ได้ ราวกับภูมิใจที่ได้กล่าวออกมา
“หุบปากไปซะ เ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะได้กลิ่นเหม็นเน่าจากปากของเ้าหรือไง?”
หลินเฟิงหันหน้าไปมอง ดวงตาเ็าภายใต้หน้ากากสีเงินจ้องไปที่ชายหนุ่มคนนั้นเขม็ง
คำพูดของหลินเฟิงทำให้ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ก่อนที่ดวงตาจะฉายแววเ็าและกล่าวว่า “เ้ารู้หรือไม่ว่าเ้ากำลังพูดอยู่กับใคร?”
“แน่นอนข้ารู้” หลินเฟิงพยักหน้า ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มแสดงความพอใจออกมา จากนั้นก็กล่าวอย่างยโสว่า “หากเ้ารู้ว่าข้าเป็ใคร เ้าไม่กังวลกับผลที่จะตามมาเลยหรือ?! หรือว่าเ้าสูญเสียความเป็ตัวของตัวเองเพราะหญิงสาวคนนี้?”
“ข้าจำเป็ต้องนึกถึงผลที่จะตามมาเมื่อพูดคุยกับสุนัขด้วยหรือ?” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“พรืด… ฮ่าๆ”
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ที่นั่งอยู่ในเขตของเหล่าชนชั้นสูงได้ยินสิ่งที่หลินเฟิงกล่าว พวกเขาก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
เมื่อได้ยินคนอื่นหัวเราะเยาะ สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ ก่อนจะเ็าขึ้นเรื่อยๆ “ทำลายการบ่มของมันและโยนออกไปจากที่นี่ซะ! แล้วไปพาตัวผู้หญิงคนนั้นมาหาข้า!”
“ขอรับ” คนที่นั่งข้างเขาลุกขึ้นยืนและเดินไปหาหลินเฟิง
ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมสีเทาแบบเรียบง่ายและมีสีหน้าเ็า ยามที่เขาก้าวเดินจะเกิดเสียงลมดังขึ้นแ่ๆ
หลินเฟิงหันไปมองชายคนนั้น เขารู้สึกได้ถึงลมปราณรุนแรงที่ทะลักจากร่างของเขา มันช่างเืร้อนและก้าวร้าว บ่งบอกชัดเจนว่าคนผู้นี้คือทหาร!
จากนั้นหลินเฟิงก็จำได้ว่าชายหนุ่มคนนั้นได้พูดถึงค่ายทหาร เป็ไปได้ไหมว่าภูมิหลังของเขาจะเกี่ยวข้องกับทหาร?
“ช้าก่อน!” ตอนนั้นเองก็มีเสียงะโดังขึ้นมา ทำให้ชายในเสื้อคลุมสีเทาหยุดเดินและหันหน้าไปหาต้นเสียง
ในขณะนั้นเองได้มีเงาร่างของคนคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ และกล่าวกับชายหนุ่มคนนั้นว่า “นายน้อยเิ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็แขกพิเศษของลานประมูล ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะออกไปจากที่นี่ ลานประมูลของพวกเราจะทำหน้าที่รับประกันความปลอดภัยให้กับทุกท่าน หวังว่านายน้อยเิจะเข้าใจและไว้ชีวิตเขาด้วย”
“แน่นอนว่าหากท่านสนใจหญิงสาวผู้นี้ ข้าสามารถมอบนางให้กับท่านได้ ท่านสามารถทำอะไรกับนางก็ได้”
คนที่มาใหม่พูดจาสุภาพมาก ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นผ่อนคลายลง เขาไม่ควรทำให้ผู้จัดการลานประมูลต้องเสียหน้า เพราะเ้าของลานประมูลนั้นมีสถานะไม่ธรรมดาและเป็บุคคลที่ไม่อาจไปยั่วยุได้
“นับว่าเ้าโชคดี!” นายน้อยเิปรายตามองหลินเฟิงอย่างเ็า ถ้าผู้จัดการลานประมูลไม่ออกมาห้ามไว้ล่ะก็ ป่านนี้หลินเฟิงคงโดนเตะออกไปแล้วแน่ๆ!!!
“ให้สาวใช้คนนั้นมาหาข้า นายน้อยผู้นี้จะลิ้มรสนางต่อหน้าทุกคน”
ชายหนุ่มแสดงสีหน้าชั่วร้าย ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวซีดขาวมากกว่าเดิม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
นางคาดไม่ถึงเลยว่า เพียงเพราะประโยคเรียบง่ายที่นางพูดออกมา จะทำให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ นอกจากนี้นางก็ไม่ได้ทำผิดพลาดประการใด ที่นั่งในเขตเหล่าชนชั้นสูง ทุกคนสามารถเลือกนั่งได้ตามใจชอบ
แต่ในโลกนี้ ถูกหรือผิดไม่ใช่เื่สำคัญ ความแข็งแกร่งเท่านั้นที่สำคัญ
“ตกลง” ผู้จัดการกล่าวจบก็มองไปที่สาวงามและพูดว่า “เ้าไม่ได้ยินที่นายน้อยเิพูดหรือไง! ทำไมยังไม่มาอยู่กับเขาอีก?”
สีหน้าของหญิงสาวพลันซีดเผือด ขณะที่ร่างสั่นระริกขึ้นมา นางไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง ถ้านางถูกชายหนุ่มคนนั้นพาไป
น้ำตาไหลออกจากดวงตาของนาง ในดวงตาฉายแววโศกเศร้าและจำยอม ก่อนจะก้าวเท้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น
เมื่อเห็นฉากนี้ นายน้อยเิก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
แต่หลังจากก้าวเดินไปได้หนึ่งก้าว ดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยและหยุดเดิน
นางเห็นมือเล็กๆ ของนางถูกคว้าด้วยมือที่ใหญ่และอบอุ่น มือนั่นดึงแขนนางไว้ไม่ให้เดินต่อ
“นั่งข้างข้า”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า ซึ่งทำให้สาวงามมึนงงและลังเลที่จะฟังเขา
“ข้ากำลังบอกให้เ้านั่งลง ไม่จำเป็ต้องไปไหน”
หลินเฟิงกล่าวขณะที่จับมือนางไว้แน่นและบังคับให้นั่งลง ทำให้ฝูงชนประหลาดใจ
“ข้าหวังว่าคุณชายท่านนี้จะไม่ทำให้พวกข้าต้องยุ่งยากมากขึ้น”
ผู้จัดการลานประมูลกล่าว สำหรับเขาแล้วเพราะไม่อยากให้หลินเฟิงเสียหน้า ถึงได้ออกโรงปกป้องเขา แต่หลินเฟิงช่างไม่รู้จักแยกแยะเอาเสียเลย ทำให้น้ำเสียงของเขาเริ่มไม่เป็มิตรขึ้นมา
“ทำให้เื่มันยุ่งยาก?” หลินเฟิงแสยะยิ้มและมองไปที่เขา จากนั้นถามขึ้นว่า “ข้าเป็แขกพิเศษของที่นี่ใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง มิฉะนั้นเ้าคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้” ผู้จัดการพยักหน้า
“ในเมื่อเป็แขกพิเศษของที่นี่ ก็ไม่แปลกอะไรที่นางจะต้องต้อนรับข้า แต่เป็เพราะนางดูแลข้า นางถึงต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเ้าปากเหม็นคนนั้นเพื่อสลายความโกรธของมัน แต่เ้าไม่คิดถึงหน้าข้าบ้างหรือ?”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเสียหน้ามากน้อยเท่าไร ในเมื่อไม่ให้เกียรติข้า ข้าก็ไม่จำเป็ให้เกียรติเ้า
สาวงามคนนี้ดูแลหลินเฟิงตามหน้าที่ ทำให้นายน้อยเิโกรธและเป็เหตุให้นางถูกลงโทษด้วยการส่งตัวให้นายน้อยเิ สาเหตุเกิดมาจากตัวเองแล้วจะให้หลินเฟิงนิ่งเฉยได้อย่างไร?
ผู้จัดการลานประมูลไม่ได้ถามความคิดเห็นของหลินเฟิงั้แ่แรก เพราะเขาคิดแต่ว่าอยากสลายความโกรธของนายน้อยเิ แล้วความโกรธของหลินเฟิงล่ะ? ไม่จำเป็ต้องใส่ใจอย่างนั้นหรือ?!
เมื่อผู้จัดการได้ยินหลินเฟิงกล่าว สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อขึ้นมา เขามัวแต่สนใจความรู้สึกของนายน้อยเิ จึงละเลยความคิดของหลินเฟิงไป แต่ในสายตาของเขานั้น สถานะของนายน้อยเิสูงส่งกว่าหลินเฟิงมาก เขาจึงต้องทำแบบนี้ อันที่จริงแล้วหลินเฟิงควรขอบคุณเขามากกว่า เพราะถ้าไม่ได้เขาเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย ป่านนี้คงแย่ไปแล้ว
เมื่อได้ยินหลินเฟิงพูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกว่าหลินเฟิงช่างเป็คนที่แยกแยะดีเลวไม่เป็!
ดวงตาของผู้จัดการฉายแววไม่พอใจขึ้นมาขณะที่มองไปที่หลินเฟิง แล้วเบนสายตาไปที่หญิงสาวคนนั้นแล้วพูดว่า “ใครอนุญาตให้เ้านั่งตรงนั้นกัน? ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง? มาหานายน้อยเิซะ”
เดิมทีนายน้อยเิรู้สึกโกรธเพราะคำพูดของหลินเฟิง ดังนั้นผู้จัดการจึงพยายามหาทางลงให้กับเื่นี้ แต่ดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะไม่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์
“เ้ามันไร้ยางอายจริงๆ!”
ผู้จัดการลานประมูลเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกมา ขณะที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า หลินเฟิงช่างไร้ยางอายจริงๆ
ดวงตาของหลินเฟิงแข็งกร้าวขึ้น เขาเหลือบมองคนของลานประมูล แล้วพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ว่า “เมื่อกี้เ้าพูดอะไรนะ?”
“หึ!” ผู้จัดการร้องหึออกมาคำเดียว ก่อนชี้ไปที่หญิงสาวคนนั้นแล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “ปล่อยให้นางไปหานายน้อยเิซะ”
“ตูม!”
สิ้นเสียงของคนคนนั้น ก็ได้ยินเสียงะเิดังกระหึ่มขึ้นมา ก้อนหินพลันแตกกระจายเป็เสี่ยงๆ พื้นดินสั่นะเื ศาลาที่หลินเฟิงอยู่และข้าวของต่างถูกหมัดของเขาบดขยี้ไม่มีชิ้นดี!