บทที่ 72 ซาลาเปาของบ้านหนูอร่อยสุดๆ
หญิงชราที่นอนกองอยู่บนพื้นถึงกับสติแตกไปแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็แบบนี้ไปได้?
ก็แค่เด็กสาวสองคนเท่านั้น เธอคิดว่าวันนี้จะต้องสำเร็จแน่ๆ แต่กลับไม่คิดว่าจะกลายเป็แบบนี้ไปได้
ที่สำคัญที่สุดคือ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่ามันกลายเป็แบบนี้ไปได้ยังไง?
ตอนนี้ถึงกับอึ้งไปเลย พอได้ยินว่าจะส่งตัวเธอไปสถานีตำรวจ เธอก็รีบลุกขึ้นจากพื้นทันที ก้นก็ลืมปัด รีบวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต
“นี่...เอวไม่เจ็บจริงๆ ด้วย แกล้งทำเป็มาหลอกเอาเงินจริงๆ สินะ!” สวี่จือจือเบิกตากว้าง มองดูท่าทางคล่องแคล่วของหญิงชราอย่างตกตะลึง
แต่ไม่นานก็ถูกประชาชนใจดีหลายคนวิ่งไล่ตามจับตัวไว้ได้ “จะหนีไปไหน? ไปสถานีตำรวจกับพวกเราก่อน!”
“ใช่แล้ว ต้องส่งไปสถานีตำรวจ คนแบบนี้ต้องประจานให้เข็ดหลาบ” มีคนพูดตาม
สวี่จือจือยื่นตะกร้าให้ลู่ซืออวี่ถือไว้ คนใจดีคนหนึ่งก็ช่วยกันยกรถจักรยานของเธอขึ้น “แม่หนู ดูสิว่ารถจักรยานเป็อะไรไหม? ทางที่ดีไปสถานีตำรวจด้วยกัน ให้ยายแก่คนนี้ชดใช้ค่าเสียหาย”
หญิงชราร้องไห้โฮ “ได้โปรดเมตตาฉันด้วยเถอะ นี่เป็ครั้งแรกของฉัน ได้โปรดเถอะ”
พูดจบก็ผลักมือที่จับตัวเองไว้ออก แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ความเร็วนั้นราวกับมีฝูงหมาป่ากำลังไล่ตามเธออยู่ข้างหลัง
เพียงแต่วิ่งเร็วเกินไปก็เลยล้มหน้าคะมำไปข้างหน้าอย่างแรง ไม่รู้ว่าเป็เด็กบ้านไหนที่อึไว้ข้างถนนพอดิบพอดี ใบหน้าของหญิงชราก็ล้มหน้าทิ่มไปเต็มๆ
“ฉัน...” หญิงชราคลานขึ้นมาจากพื้น เอามือป้ายหน้าตัวเองก็เปรอะเปื้อนไปทั้งหน้า ช่างน่าเวทนาเกินจะมอง
น่าขยะแขยงสิ้นดี!
ทุกคน “สมน้ำหน้า! ถ้าพวกเราเห็นป้าหลอกลวงอีก พวกเราจะส่งป้าไปสถานีตำรวจแน่นอน ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
พอหญิงชราได้ยินคำพูดนั้นก็รีบลุกขึ้นมา เอามือป้ายหน้าวิ่งหนีไปพลาง
สวี่จือจือทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว จูงลู่ซืออวี่รีบไปที่ตลาด
ตอนนี้ในตลาดมีคนเยอะมากแล้ว มีขายทุกอย่าง แน่นอนว่าทำเลดีๆ ก็ถูกจับจองไปเกือบหมดแล้ว
ทั้งสองคนหาจุดที่ค่อนข้างจะเปลี่ยวหน่อย สวี่จือจือตั้งขาตั้งจักรยานขึ้น หันเบาะหลังรถออกไปทางถนน เอาซาลาเปาและหมั่นโถวที่นึ่งไว้ั้แ่เช้า รวมถึงหัวไชเท้าดองที่ใส่ถุงไว้ ออกมา
“น้องสาว พวกเธอขายอะไรกันเนี่ย?” คุณลุงที่ขายตะกร้าสานถามขึ้น
“ซาลาเปาไส้กุยช่ายกับหมั่นโถวค่ะ” สวี่จือจือตอบอย่างสดใส “คุณลุงทานข้าวเช้าหรือยังคะ? จะรับสักหน่อยไหม? ซื้อหมั่นโถวไปใส่กับข้าวก็ได้นะคะ”
ครั้งนี้พวกเธอนึ่งซาลาเปาน้อย แต่หมั่นโถวเยอะ หมั่นโถวก็ราคาถูกกว่าซาลาเปาด้วย
“ไม่...ไม่กินแล้ว” ชายร่างกำยำรีบโบกมือ
ตอนเช้ายังขายตะกร้าไม่ออกสักใบเลย จะมีเงินที่ไหนกินซาลาเปา?
แต่พอกระทั่งสวี่จือจือเปิดผ้าสีขาวที่คลุมไว้บนตะกร้า กลิ่นหอมของหมั่นโถวก็ลอยออกมา ชายร่างกำยำรู้สึกว่าท้องของตัวเองยิ่งร้องโครกครากมากขึ้น
“ขายซาลาเปาหมั่นโถวแล้วจ้า ซาลาเปาลูกละหนึ่งเหมาห้า หมั่นโถวใส่กับข้าวลูกละแปดอีแปะ”
สวี่จือจือไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ หาจานมาตักหมั่นโถวที่ทำจากข้าวโพดผสมแป้งสาลีและซาลาเปาที่นึ่งเองสองลูกใส่จาน จากนั้นก็เอาผ้าคลุมไว้ ทำมือเป็รูปแตระโขาย
เสียงของเธออ่อนหวานนุ่มนวล ฟังแล้วสบายหู ไม่นานก็มีคนที่มาเดินตลาดเข้ามาถาม “แม่หนู ซาลาเปาของเธอขายยังไง?”
สวี่จือจือก็บอกราคาไปอีกรอบ สุดท้ายก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณลุงนี่เอง”
คนคนนั้นก็ยิ้มออกมา ที่แท้ก็คือคนที่ช่วยพูดให้สวี่จือจือตอนที่ถูกชนเมื่อกี้
“ซาลาเปาและหมั่นโถวของบ้านหนูอร่อยมากๆ แต่หนูแนะนำให้คุณลุงซื้อหมั่นโถวของบ้านหนู หนูจะใส่หัวไชเท้าดองที่บ้านทำเองให้ อร่อยและอิ่มท้องด้วยค่ะ”
คนคนนั้นสวมชุดจงซาน[1]และสวมแว่น พอได้ยินก็ยิ้ม พลางดันแว่นขึ้นกล่าวว่า “แม่หนู เธอน่าสนใจดีนะ ทำไมไม่ให้ฉันซื้อซาลาเปาที่ราคาแพงกว่าล่ะ? ซาลาเปาบ้านเธอไม่อร่อยเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ” สวี่จือจือพูดพลางยิ้ม “หนูแค่กลัวว่าถ้าคุณกินซาลาเปาแล้วจะหยุดไม่ได้ค่ะ”
อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?
ชายวัยกลางคนยิ้ม เอากระเป๋าหนังหนีบไว้ใต้รักแร้ แล้วพูดกับสวี่จือจือว่า “ซาลาเปาอร่อยขนาดนั้นจริงๆ เหรอ? ถ้าอย่างนั้น...เอาซาลาเปาให้ฉันสักลูกก่อน”
ตอนเช้ารีบออกมายังไม่ได้กินข้าว พอเดินผ่านมาที่นี่ก็ได้ยินเสียงของแม่หนูคนนี้ก็เลยถูกดึงดูดเข้ามา
ผลปรากฏว่าเป็เด็กสาวสองคนที่แต่งตัวสะอาดสะอ้าน ตะกร้าก็สะอาดสะอ้านมาก สะอาดกว่าคนที่ซื้อขายของข้างนอกพวกนั้นเยอะมากก็เลยเอ่ยปากถาม ไม่คิดเลยว่าจะเป็เด็กสาวที่น่าสนใจขนาดนี้
“ได้เลยค่ะ” สวี่จือจือยิ้ม ลู่ซืออวี่ยื่นผ้าขนหนูเปียกที่เตรียมไว้ให้ “คุณลุงจะเช็ดมือหน่อยไหมคะ?”
ตอนที่เธอเตรียมผ้าขนหนูเปียก ตอนนั้นที่บ้านไม่เข้าใจเลย
ชายวัยกลางคนเห็นดังนั้นก็หัวเราะ “เธอคิดถี่ถ้วนดีจริงๆ”
“โรคภัยไข้เจ็บเข้าปากนี่คะ” สวี่จือจือพูดพลางยิ้ม “ประชาชนอย่างพวกเราไปหาหมอไม่ใช่เื่ง่ายๆ นะคะ”
“อร่อย” ชายวัยกลางคนเช็ดมือเสร็จก็อดใจไม่ไหวที่จะลองชิมซาลาเปา “ซาลาเปาลูกนี้อร่อยมาก”
ชายร่างกำยำที่จ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา “...”
ก็แค่ซาลาเปาไส้กุยช่าย จะมีอะไรอร่อยนักหนา? ในใจไม่เห็นด้วยอย่างมาก
ทันใดนั้นก็ได้ยินชายวัยกลางคนพูดว่า “แม่หนู เอาหมั่นโถวของพวกเธอมาให้ฉันอีกสักลูก แล้วก็ไอ้ที่ใส่กับข้าวนั่นด้วย”
สวี่จือจือยิ้ม “ได้เลยค่ะ”
หมั่นโถวถูกผ่าครึ่งตรงกลาง สวี่จือจือทาน้ำมันพริกหน่อย ใส่หัวไชเท้าดองนิดหน่อยแล้วยื่นให้
พริกกระเทียมทำั้แ่เช้า น้ำมันทอดจนร้อนๆ ในชามมีพริกป่น งา และผงเครื่องเทศ ราดน้ำมันร้อนๆ ลงไป กินกับหมั่นโถวนึ่งใหม่ๆ ไม่ต้องกินหัวไชเท้าดองก็กินหมั่นโถวได้สามสี่ห้าลูกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นพอกินคู่กับหัวไชเท้าดองที่ช่วยเจริญอาหารก็ยิ่งอร่อยมากขึ้น
“อร่อย อร่อยมาก” ชายวัยกลางคนพูดไปกินไป
ชายร่างกำยำที่อยู่ข้างๆ กลืนน้ำลาย เอี้ยวตัวหนีไปอีกทางอย่างฝืนใจ
หมั่นโถวที่ใส่แป้งสาลีเข้าไป แน่นอนว่าอร่อยอยู่แล้ว แต่ลูกละแปดอีแปะมันแพงไปหน่อย แต่พอใส่น้ำมันพริกกับหัวไชเท้าดองเข้าไปแล้วก็ไม่แพงเลยสักนิด
แต่เขาขายของไม่ได้เลย กินไม่ลง!
“ขอบคุณค่ะคุณลุง” สวี่จือจือยิ้มหวานกล่าว “ถ้าอร่อยคราวหน้ามาใหม่นะคะ คราวหน้าพวกเราจะมาที่ตลาดทุกครั้งเลยค่ะ”
ตลาดในอำเภอมีแค่เดือนละสองครั้ง วันที่หนึ่งและวันที่สิบห้า
ชายวัยกลางคนหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปาก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ชี้ไปยังชายร่างกำยำขายตะกร้าที่หันหน้าหนี “ตะกร้าสานอันนี้ขายยังไง?”
ชายร่างกำยำ “...”
เขานึกว่าหูฝาดไป หันหน้าไปมองชายวัยกลางคน เห็นอีกฝ่ายพูดอีกครั้งว่า “ถามคุณอยู่น่ะ ตะกร้าของคุณขายยังไง?”
“หา?” ชายร่างกำยำนั่งยองๆ พูดตะกุกตะกัก “ตะ...ตะกร้าใบนี้สามอีแปะ ใบที่ใหญ่กว่าหน่อยห้า...ห้าอีแปะ”
งงไปหมด ทำไมอยู่ดีๆ กำลังกินหมั่นโถวอยู่ดีๆ ถึงจะมาซื้อตะกร้าของบ้านเขาได้
“แม่หนู” ได้ยินชายวัยกลางคนพูด “เอาซาลาเปามาให้ฉันหกลูก หมั่นโถวหกลูก ส่วนหัวไชเท้าดองนี่ต้องทำยังไง?” พูดไปพลางหยิบเงินห้าอีแปะยื่นให้ชายร่างกำยำ แล้วเลือกตะกร้าที่ถูกใจมาใบหนึ่ง
“เื่นี้ง่ายมากค่ะ” สวี่จือจือพูดพลางยิ้ม “หนูเอาชามมาจากบ้านด้วยสองสามใบ เดี๋ยวใส่แตงกวาให้คุณลุงใส่ชามกลับไป แล้วค่อยเอาชามมาคืนหนูนะคะ”
“แต่ต้องคิดค่ามัดจำชามด้วยนะคะ” เธอพูดพลางยิ้ม “หนึ่งอีแปะค่ะ”
.............................
[1] ชุดจงซานหรือชุดสูทเหมา สูทประจำตัวของผู้นำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้