หลังจากกล่าวจบ มู่หลิงเอ๋อร์ก็กระพือปีกสีดำบนแผ่นหลังของนางทันที ร่างอันบอบบางของหญิงสาวพลันพุ่งเข้าหาฉู่หมั่งด้วยความเร็วสูงจนไม่อาจมองตามได้ทัน การเคลื่อนไหวของนางนั้นรวดเร็วมากเสียจนทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึง แน่นอนว่ามันเร็วกว่าความเร็วของนางในยามปกติมาก เกรงว่ากระทั่งยอดฝีมือระดับหนิงกังขั้นหกก็ยังไม่อาจเทียบได้
เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างของมู่หลิงเอ๋อร์ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกฉู่หมั่ง อีกฝ่ายรู้สึกหวาดกลัวนางมากจนต้องรีบถอยห่างออกไป
ทว่ากรงเล็บอันแหลมคมของมู่หลิงเอ๋อร์ก็พุ่งโจมตีไปที่ศีรษะของฉู่หมั่งอย่างรวดเร็วเสียก่อน ฉู่หมั่งรีบยกดาบในมือขึ้นสกัดเอาไว้ แต่มู่หลิงเอ๋อร์ก็บิดกายอย่างว่องไว และหันไปฉีกกระชากสหายอีกคนของฉู่หมั่งในกรงเล็บเดียว
“อ๊าก…!”
ชายหนุ่มผู้นั้นกรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างเ็ป ด้านหน้าของเขาถูกกรงเล็บของมู่หลิงเอ๋อร์ฉึกทึ้งจนกล้ามเนื้อฉีกขาด การโจมตีนี้ทำให้เขาต้องจบชีวิตลงในสภาพที่น่าอนาถเป็อย่างยิ่ง
จากนั้นมู่หลิงเอ๋อร์ก็สะบัดฝ่ามือขว้างอะไรบางอย่างออกไป กริชอันแหลมคมเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงไปทางร่างของชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งจะได้รับาเ็จากลูกธนูเมื่อครู่ของนาง
กริชเล่มนั้นพุ่งทะลุศีรษะของชายหนุ่มด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด ความแรงของมันทำให้กริชถึงกับทะลุผ่านกะโหลก และสังหารเขาได้ในการโจมตีเดียว เมื่อมู่หลิงเอ๋อร์โบกมือ กริชเล่มนั้นก็ราวกับมีจิติญญา มันลอยกลับไปที่มือของนางอีกครั้ง
กริชเล่มนี้มีสีแดงเข้มและมีความยาวสองฟุต ส่วนสันมีดของมันเป็สันหยักที่มีความคม มันถูกโอบล้อมไว้ด้วยพลังปราณสีดำและมีกลิ่นอายชั่วร้ายที่น่าสะพรึง
ดวงตาสีทองเข้มของมู่หลิงเอ๋อร์ดูราวกับอสูรร้ายที่ชวนให้หวาดหวั่น นางแผ่รังสีสังหารออกมาพร้อมกับกลิ่นอายอันเย็นะเื ดวงตาคู่นั้นของนางจับจ้องไปทางฉู่หมั่งอย่างเ็า
ฉู่หมั่งรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ความแข็งแกร่งของมู่หลิงเอ๋อร์ในตอนนี้ต้องเหนือกว่าความแข็งแกร่งในยามปกติของนางที่ถูกจัดอันดับเอาไว้อย่างแน่นอน
ทั้งความเร็วและพลังที่ะเิออกมานั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับหนิงกังขั้นหกเสียอีก
ฉู่หมั่งกำดาบในมือเอาไว้แน่น ในขณะเดียวกันก็ก้าวถอยหลังออกไปไม่หยุด เขาจ้องมองมู่หลิงเอ๋อร์ก่อนจะตวาดใส่นาง “มู่หลิงเอ๋อร์ เ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเ้ากำลังทำอะไร การสังหารสหายร่วมสำนักถือเป็การทำผิดกฎขั้นร้ายแรงนะ!"
“ทำไม เ้ากำลังกลัวอย่างนั้นรึ?”
มู่หลิงเอ๋อร์กล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยัน
“กลัวรึ? ข้าเพียงแค่คิดว่าเราไม่มีความจำเป็ที่จะต้องฆ่ากันแบบนี้ สำหรับมู่เฟิง ต่อไปข้าจะไม่ก่อกวนเขาอีก ส่วนเื่ระหว่างเราก็ปล่อยมันไปดีหรือไม่? เื่ในวันนี้เองข้าก็จะไม่พูดมันออกมาเช่นกัน”
ฉู่หมั่งกล่าวด้วยใบหน้านิ่งสงบ จากคำพูดนี้ของเขาคือ้าสงบศึกกับมู่หลิงเอ๋อร์
“เมื่อเ้าได้เห็นข้าในสภาพนี้แล้ว เ้ายังคิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้เ้าไปอยู่อีกหรือ?”
สิ้นเสียง ร่างกายของมู่หลิงเอ๋อร์ก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ความเร็วของนางนั้นน่าสะพรึงอย่างยิ่ง
“นางแพศยา อย่าได้คิดว่าเหล่าจือจะหวาดกลัวเ้า”
ฉู่หมั่งตวาดออกมาอย่างดุดัน เขายกดาบขึ้นและตวัดคมดาบไปทางมู่หลิงเอ๋อร์ทันที ลำแสงสีแดงกวาดออกเป็ครึ่งวงกลมซัดไปทางมู่หลิงเอ๋อร์อย่างรุนแรง
ฉับพลันนั้นแส้ยาวสีดำเข้มก็ปรากฏขึ้นในมือของมู่หลิงเอ๋อร์ นางฟาดแส้ยาวออกมาปล่อยให้ปลายแส้พุ่งทะลวงผ่านอากาศไปยังรัศมีดาบที่กำลังพุ่งเข้ามา และเมื่อพลังจากทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน ปราณดาบสีแดงก็พลันสลายไปในทันที
เพียงหญิงสาวสะบัดมือเนียนขาวราวกับหยก ปลายแส้ที่คมดุจใบมีดก็โจมตีไปทางฉู่หมั่งราวกับอสรพิษ มันพุ่งตรงไปยังลำคอของฉู่หมั่งประหนึ่งกระบี่ที่หมายจะปลิดชีพศัตรู
ฉู่หมั่งยกดาบขึ้นมาสกัดกั้นการโจมตีนี้ใน เมื่อความคมของปลายแส้กระทบเข้ากับตัวดาบก็เกิดประกายไฟขึ้นมาทันที
“ฝ่ามือกลืน์!”
มู่หลิงเอ๋อร์พลันแผดเสียงออกมา พร้อมกับปล่อยตราฝ่ามือสีดำทมิฬที่อัดแน่นไว้ด้วยพลังปีศาจออกมา ฝ่ามือนั้นพุ่งทะยานเข้าหาฉู่หมั่ง และเพียงพริบตามันก็สามารถทำลายเกราะพลังกังชี่ที่ปกคลุมร่างของฉู่หมั่งเอาไว้จนแตกเป็เสี่ยงๆ อย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว ไม่มีพลังปราณเหลือแล้ว”
สีหน้าของฉู่หมั่งพลันเปลี่ยนไป ตราฝ่ามือของอีกฝ่ายตบลงบนทรวงอกของเขาอย่างรุนแรงจนเขากระอักเืออกมา ก่อนที่ร่างของเขาจะปลิวไปไกลกว่าสิบเมตร และกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างแรง สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือพลังประหลาดสายหนึ่งที่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านตราฝ่ามือนี้ โดยพลังนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนที่รุนแรงเป็อย่างมาก ทันทีที่มันหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา มันก็เริ่มกัดกร่อนเส้นลมปราณและอวัยวะภายในของเขาทันที
“อ๊าก…!”
ฉู่หมั่งเปล่งเสียงร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าเวทนา เขาดิ้นพล่านด้วยความทุรนทุรายอยู่บนพื้น ในขณะที่เส้นลมปราณของเขาถูกกัดกร่อนจนไม่เหลือชิ้นดี
มู่หลิงเอ๋อร์เดินเข้าไปหาฉู่หมั่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย เวลานี้ฉู่หมั่งกำลังเ็ปกับการถูกกัดกร่อนร่างกาย สายตาของเขาเหลือบมองมู่หลิงเอ๋อร์ด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ปีกสีดำบนแผ่นหลังและกรงเล็บอันคมกริบของนางได้หดกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว ลายเส้นปีศาจสีดำอันน่าขนลุกบนผิวของนางก็เลือนหายไปเช่นกัน
“ปล่อยข้าไปเถอะ ข้ามีเห็ดหลินจือเหลืองสมุนไพรขั้นสี่ เ้าปล่อยข้าไปเถอะนะ...”
ฉู่หมั่งกล่าวขึ้นพลางมองมู่หลิงเอ๋อร์ที่กำลังขยับเข้ามาใกล้ด้วยความหวาดกลัว
มู่หลิงเอ๋อร์มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าว่างเปล่า ในพริบตานั้นนางก็ตวัดแส้ในมือออกไป ปลายแส้พุ่งทะลวงเจาะผ่านลำคอของฉู่หมั่งอย่างแรง
ฉู่หมั่งยกมือขึ้นกุมลำคอของตัวเอง รูม่านตาของเขาขยายใหญ่ขึ้นและไม่นานลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ถูกพรากไป
เพียงมู่หลิงเอ๋อร์ยื่นมือออกไป พลังปีศาจสีดำสายหนึ่งก็โอบอุ้มเห็ดหลินจือเหลืองให้ลอยเข้ามาอยู่ที่ฝ่ามือของนาง และเพียงแค่นางสะบัดปลายนิ้ว เปลวเพลิงปีศาจก็แผดเผาร่างของฉู่หมั่งจนมอดไหม้และกลายเป็เถ้าถ่าน
หลังจัดการศพของอีกฝ่ายจนเรียบร้อย ร่างของหญิงสาวก็หายเข้าไปในป่า
เ้าคือชูร่า ส่วนข้าคือปีศาจ ข้าจะใช้มือทั้งสองที่เปื้อนเืนี้คอยช่วยเหลือเ้าจากมุมมืด...
เหนือจากพื้นดินขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายร้อยเมตร มีอินทรีสีครามตัวหนึ่งกำลังบินโฉบไปมาอยู่บนน่านฟ้า ร่างของคนที่อยู่้าเหลือบมองศพที่เพิ่งถูกเผาทำลายและทิ้งไว้กลางป่า ก่อนจะก็นำอินทรีสีครามบินผ่านไป...
“พี่เฟิง เ้าอสูรร้ายตัวนั้นมีปัญหาแน่ ไม่ใช่บอกว่าอสูรร้ายระดับหนิงกังถูกขับไล่ออกไปนอกรัศมีสี่ร้อยลี้แล้วหรอกหรือ?”
มู่ขวงมองไปยังอสูรร้ายตรงหน้าขณะกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม
“ไม่มีอะไรแน่นอน เทือกเขาเทียนอวิ่นนั้นกว้างใหญ่เป็อย่างมาก จะสามารถขับไล่อสูรร้ายระดับหนิงกังออกไปทั้งหมดได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ผู้าุโเจิ้งก็บอกแล้วว่ายังมีอสูรร้ายระดับหนิงกังหลงเหลืออยู่บางส่วน และก็เป็เพียงส่วนน้อยเท่านั้น ในเมื่อได้พบมันเข้าแล้วก็มาจัดการมันกันเถอะ”
มู่เฟิงกล่าวเสียงเรียบ
เบื้องหน้าของพวกเขาคือสูรร้ายที่มีลักษณะคล้ายกิ้งก่า แต่ด้านหลังของมันถูกปกคลุมไว้ด้วยกระดองหนา
อสูรร้ายตัวนี้มีความสูงเท่ากับมนุษย์ แต่มีความยาวมากกว่าแปดเมตร หัวของมันดูคล้ายกับงูขนาดใหญ่และมีหางที่ยาวเป็อย่างมาก บริเวณแผ่นหลังถูกปกคลุมด้วยกระดองที่มีหนามแหลมงอกออกมา ส่วนเท้าทั้งสี่ของมันก็มีกรงเล็บยาว เมื่อพิจารณาจากคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากตัวของมันแล้ว คาดว่าพลังของเ้าัเกราะหนามตัวนี้คงจะอยู่ระดับหนิงกังขั้นหนึ่ง
พลังโจมตีของัเกราะหนามนั้นไม่แข็งแกร่งมากนัก อีกทั้งการเคลื่อนไหวก็ยังเชื่องช้า แต่พลังป้องกันของมันนั้นน่าทึ่งเป็อย่างมาก
“โฮก…!”
ัเกราะหนามส่งเสียงร้องคำราม ร่างอันใหญ่โตของมันกำลังจะพุ่งเข้าใส่พวกมู่เฟิง
“ทุกคน กระจายตัว!”
เมื่อมู่เฟิงะโสั่งการ ทุกคนก็รีบกระจายตัวอย่างรวดเร็ว มู่เฟิงะโทะยานร่างขึ้นก่อนจะฟาดฟันคมดาบไปยังัเกราะหนามทันที รูปลักษณ์ของคมดาบพลันกลายเป็เงาพยัคฆ์พุ่งกระโจนเข้าใส่ัเกราะหนาม
เปรี้ยง...!
พลังอันแข็งแกร่งของดาบนี้โจมตีกระดองของัเกราะหนามอย่างแรง ทำให้มันต้องถอยออกไปสองก้าว แต่การโจมตีนี้ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมันได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ทันใดนั้นเอง มู่เฟิงก็ตวัดคมดาบไปบนแผ่นหลังของัเกราะหนามอีกครั้ง เสียงการปะทะกันดังสนั่นอย่างชัดเจน ทว่าคมดาบของเขากลับทำได้เพียงแค่ทิ้งรอยถากตื้นๆ เอาไว้บนกระดองของมันเท่านั้น
ัเกราะหนามโต้กลับด้วยการเหวี่ยงหางยาวของมันออกมา มู่เฟิงใช้ดาบในมือสกัดกั้นหางอันทรงพลังนั้นเอาไว้ แต่แรงกระแทกก็ผลักร่างของเขาให้ปลิวกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร ทว่าเด็กหนุ่มยังคงสามารถตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว เขาตีลังกากลับหลังก่อนจะร่อนลงอย่างมั่นคง
มู่ขวง ไป๋จื่อเยว่และบรรดาศิษย์ตระกูลมู่คนอื่นต่างก็ลงมือโจมตีพร้อมกัน พวกเขาปลดปล่อยปราณดาบและปราณกระบี่ออกมาโจมตีัเกราะหนาม แต่การโจมตีเ่าั้กลับไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย แม้ว่าจะล้อมโจมตีัเกราะหนามด้วยผู้คนนับสิบคนก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากพลังป้องกันของมันนั้นแข็งแกร่งมากเกินไป
ัเกราะหนามรวบรวมพลังปราณสีทองเอาไว้ในปากของมัน จากนั้นมันก็อ้าปากขึ้น ก่อนจะปลดปล่อยศรพลังจำนวนหนึ่งไปทางกลุ่มคนตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง
ฉึก!
“อ๊าก…”
ศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลมู่กรีดร้องขึ้น ร่างของเขาถูกศรพลังยิงเข้าอย่างจังจนล้มลง
ัเกราะหนามพุ่งตัวเข้าหาศิษย์ตระกูลมู่ผู้นั้นทันที กรงเล็บของมันเตรียมพร้อมที่จะสังหารเขาให้ตายในครั้งเดียว
“มู่ฝาน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้