อย่างไรก็ตามตอนที่คนผู้นั้นหายตัวไป กลับมีลำแสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าก่อนจะแตกะเิ ทำให้ผู้คนในบริเวณนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน
“ยังทิ้งสัญญาณเรียกรวมตัวไว้ด้วย คนของสำนักศึกษาเสินเจียงช่างรอบคอบเสียจริง”
เย่เฟิงขมวดคิ้วขณะมองลำแสงนั่น เขารู้ว่าลำแสงนั่นคือสิ่งที่อีกฝ่ายใช้เรียกรวมตัวสหาย หากเขาเดาไม่ผิด อีกไม่นานคนของสำนักศึกษาเสินเจียงจะมาตามหาเขา
“สหาย เ้าก่อเื่แล้ว เมื่อครู่คนนั้นเป็ผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียง เขาส่งสัญญาณเรียกรวมตัวตอนใกล้ตาย ข้าว่าเ้ารีบออกไปจากที่นี่จะดีกว่า!” มีเสียงเตือนดังมาจากคนรอบข้าง
“ใช่ คนของสำนักศึกษาเสินเจียง หอชิงหลง และสำนักอี่เทียนร่วมมือกัน อาละวาดไปทั่วค่ายกลมายา เ้าไปล่วงเกินคนของพวกเขา มีจุดจบไม่ดีเป็แน่” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนกล่าว เป็อย่างที่สองคนนี้กล่าว ่นี้คนของสำนักศึกษาเสินเจียง หอชิงหลง และสำนักอี่เทียนรวมกลุ่มสร้างพันธมิตร เข่นฆ่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนมหาศาล
“ฮ่า ๆ ๆ ฆ่าคนของสำนักศึกษาเสินเจียง คิดจะหนีตอนนี้ก็สายไปแล้ว!” ขณะนั้นมีเสียงเย็นเยือกดังเข้ามาในหูของเหล่าผู้คน พวกเขาต่างต้องใ
จากนั้นเห็นแสงสองสายส่องกะพริบที่กลางอากาศ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องสองเสียงที่น่าเวทนา สองคนที่เตือนให้เย่เฟิงหนีไปได้ถูกสังหารลง
เมื่อผู้คนจำนวนไม่น้อยเห็นฉากนี้ต่างก็สูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกถึงไอเย็นที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายจนทำให้พวกเขาอดตัวสั่นเทาไม่ได้
แม้ทุกอย่างในค่ายกลมายาจะเป็ภาพลวงตา แต่มันสมจริงเกินไป หลาย ๆ คนจึงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็ความจริง
“โหดร้ายมาก!”
เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองสองศพบนพื้น พร้อมมีไอสังหารแผ่ออกจากร่าง คนของสำนักศึกษาเสินเจียงถึงกับฆ่าแกงสองคนนี้เพียงเพราะเตือนเขาแค่ไม่กี่ประโยค ช่างโเี้ยิ่งนัก
“ตาย!”
ผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงที่ถูกเรียกรวมตัวมามีทั้งหมด 6 คน ต่างอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 6 ขึ้นไป หลังจากฆ่าผู้ฝึกยุทธ์สองคนนั้นที่เตือนเย่เฟิง คนเหล่านี้ก็บุกโจมตีเย่เฟิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ผู้ฝึกยุทธ์หกคนล้อมปราบ เกรงว่าชายผู้นี้คงรอดได้ยาก คนเหล่านี้อาจใช้วิธีที่โเี้ที่สุดในการฆ่าเขา ต่อให้ทุกอย่างเป็ภาพลวงตา ก็อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างรุนแรง!” ผู้คนคิดในใจ แม้เย่เฟิงจะแข็งแกร่ง แต่ไม่มีทางต่อต้านหกคนนี้ได้
จากนั้นเห็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลเข้าโจมตีเย่เฟิงเป็คนแรก
“ไปให้พ้น!” เสียงเย็นเยือกดังออกจากปากของเย่เฟิง จากนั้นปลดปล่อยเก้าวัชรหุนหยวน โคจรพลังหุนหยวนในกายอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะวาดฝ่ามือโจมตี ห้วงอากาศต้องสั่นไหว
“อั่ก!” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นส่งเสียงโอดครวญ นาทีต่อมาผู้คนเห็นผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นถูกฝ่ามือของเย่เฟิงโจมตีจนกระเด็นออกไป แขนหักงอผิดรูป หน้าอกปรากฏหลุมยุบลง และถูกฆ่าตายในที่สุด!
“แกร่งมาก พลังของชายผู้นี้ดูเหมือนจะแกร่งกว่าที่คิดไว้มาก!”
หนึ่งกระบวนท่าสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 จากสำนักศึกษาเสินเจียง ทำเหล่าผู้คนต่างตกตะลึง ก่อนจะหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“ปัง!” เย่เฟิงเรียกพลังฝ่ามือกลับ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตี รังสีหมัดทะลวงทุกสิ่ง ตรงเข้าโจมตีผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงอีกคนที่กำลังจะลงมือ ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบสนอง ก็ถูกฆ่าตายเสียก่อน
“ชายผู้นี้เป็ใครกัน?” เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจก็มีผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงสองคนตกตายในน้ำมือของเย่เฟิง นี่ทำให้ผู้คนรอบข้างใเป็อย่างมาก จึงพากันคาดเดาตัวตนของเย่เฟิง
ขณะเดียวกันมีสองเงาร่างปรากฏตัวในที่ใกล้ ๆ แม้จะปกปิดโฉมหน้า แต่มิอาจปกปิดความน่าเกรงขามได้ โดยเฉพาะหญิงสาวที่อยู่ทางซ้าย รูปร่างดี สวยสง่า แฝงด้วยกลิ่นอายแห่งความสูงศักดิ์ราวกับว่าการมีอยู่ของนางทำให้ความสวยสดของหญิงอีกคนอันตรธานไป สาวสวยก็คือสาวสวย นี่คือความงามที่สาวสวยสามารถล้มบุรุษทุกคนบนโลกได้
ไม่นานพวกนางก็หยุดอยู่บนที่สูง ๆ ดวงตาภายใต้หน้ากากส่องประกายแสงจ้า ราวกับว่ามองปราดเดียวก็ทำให้ผู้คนยอมศิโรราบได้แล้ว ความสูงศักดิ์เช่นนี้เหมือนมีมาั้แ่เกิด
“คุณหนู ทางนั้นมีศึกปะทะเกิดขึ้น!” นางรับใช้ของหญิงผู้นั้นกล่าว
หญิงสาวมองไปที่เย่เฟิงพร้อมตาวาบประกายแสง “อยู่เพียงขั้นรวมชี่ที่ 5 แต่พลังต่อสู้ใช้ได้ ชุ่ยเอ๋อร์ หยุดดูการต่อสู้ก่อนเถอะ”
“เ้าค่ะ!”
นางรับใช้นามว่าชุ่ยเอ๋อร์ผู้นั้นพยักหน้า ครู่ต่อมานางคล้ายฉุกคิดบางอย่างได้ จึงพูดขึ้นว่า “คุณหนู ข้าว่าคนที่อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 5 น่าจะทนได้อีกไม่นาน อย่างไรเสียฝ่ายตรงข้ามก็มีหลายคน ทั้งยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 หากพวกเราไปช้า พวกผู้บัญชาการมู่จะเป็ห่วงเอา ไปจากที่นี่กันเถอะเ้าค่ะ!”
“ไม่ รออีกเดี๋ยว ข้าไม่อยากให้พวกมู่เยี่ยนติดตามพวกเรา เพราะงั้นไม่ต้องไปสนใจ” หญิงสาวกล่าวเสียงเรียบเฉย แต่เสียงของนางราวกับทำให้ผู้คนเกิดความเคารพนับถือ
“เ้าค่ะ คุณหนู” นางรับใช้นามว่าชุ่ยเอ๋อร์ผู้นั้นตอบกลับโดยไม่กล้าไม่เชื่อฟัง
“วูบ ๆ!” รังสีหอกสองสายฝ่าทะลวงอากาศ ก่อนจะคร่าชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 สองคนไปในพริบตา ในเวลาสั้น ๆ ก็มีผู้ฝึกยุทธ์ตกตายในน้ำมือของเย่เฟิงถึงห้าคน หลงเหลือเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 คนนั้นตะลึงงัน แม้เขาจะเผชิญหน้ากับการล้อมปราบของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 6 หลายคนก็ไม่มีทางรับมือเช่นนี้ได้ นี่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 คนนั้นเกิดความผันผวนขึ้นในใจ แต่สีหน้าของเขายังคงเฉยเมย ก่อนจะกล่าวกับเย่เฟิงว่า “แม้เ้าจะแข็งแกร่ง แต่จะต่อต้านข้าได้อย่างไร ข้าจะให้โอกาสเ้า ไสหัวไปซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า”
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกล่าวเสียงแข็งกร้าว หวังว่าเย่เฟิงจะยอมล่าถอย
“ไม่จำเป็ต้องให้เ้ายกโทษ!” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็เหยียดยิ้ม เขาต้องให้อีกฝ่ายมายกโทษให้หรือ?
ขณะกล่าวเขาเดินออกมาหนึ่งก้าว พลันพลังดาราปกคลุมร่าง แสงดาวเรืองรอง ก่อนจะไปเยือนเบื้องหน้าผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น พร้อมกับแทงหอกออกไป
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นเห็นฉากนี้ก็หน้าถอดสีทันที ความเสแสร้งที่มีเมื่อครู่อันตรธานหายไป ก่อนจะอ้อนวอนด้วยความตื่นใ “ใต้เท้า โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ออกไป ผู้คนในที่แห่งนั้นต่างก็มองผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นด้วยสายตาดูแคลน เห็นชัดว่าอ่อนแอ แต่แสร้งทำเป็แข็งแกร่ง ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก
นาทีต่อมาได้ยินเสียงเืพุ่งกระฉูด หอกทะลวงร่างของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น และได้คร่าชีวิตของเขาไปในทันที
“นี่...” ผู้คนต่างตาเบิกโพลงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ผู้ฝึกยุทธ์หกคน ทั้งยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 รวมอยู่ในนี้ แต่เย่เฟิงสังหารคนเหล่านี้ด้วยการเคลื่อนไหวดุจดั่งสายน้ำในหกกระบวนท่า เขาจะแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว
“ถึงทักษะหอกนี้จะไม่ได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ทุกหอกที่ออกแรงเต็มกำลังล้วนคร่าชีวิตของผู้คนได้ แม้แต่ข้าก็ยังมองคนผู้นี้ไม่ออก!”
บนพื้นที่สูงไม่ไกลออกไป หญิงสาวตาเผยประกายคมกริบพลางพึมพำกับตัวเอง พลังที่เย่เฟิงแสดงออกมาทำนางใเป็อย่างมาก แม้แต่นางรับใช้ของหญิงสาวก็ยังไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ไสหัวออกมาซะ!” ในขณะเดียวกันผู้คนเห็นเย่เฟิงมองไปที่บางแห่ง ก่อนจะตวาดเสียงดังลั่น จากนั้นผู้คนพบว่ามีเงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังหินก้อนใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล เขามองเย่เฟิงด้วยสายตาหวาดกลัว ซึ่งเป็ผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงอีกคน
“วางใจได้ ข้าไม่ฆ่าเ้าหรอก!” เย่เฟิงกล่าว
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นได้ยินเช่นนั้นก็ถอนใจด้วยความโล่งอก เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่โดยคิดหาโอกาสจู่โจมเย่เฟิง แต่นึกไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะจัดการผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 7 พวกของเขาได้ในหอกเดียว แล้วเขาจะไปเอาความกล้ามาจากไหน?
แต่พอเขาคิดหาโอกาสหนี กลับถูกเย่เฟิงพบเข้า
“ประสาทััช่างไวยิ่งนัก!” ทั้งที่หญิงสาวอยู่ที่นี่ กลับไม่รู้ว่าหลังหินก้อนใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ นางมีคนซ่อนตัวอยู่ แต่เย่เฟิงกลับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกฝ่าย มันจะน่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว
ฝีมือของเย่เฟิงทำให้หญิงสาวสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“กลับไปบอกคนของสำนักศึกษาเสินเจียง ว่าข้าตั๋วมิ่งยินดีสู้กับพวกเขาทุกเมื่อ!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นขณะมองผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงคนนั้น ซึ่งเขาใช้นามแฝงว่า ตั๋วมิ่ง หมายความว่าพร้อม่ชิงชีวิตของศัตรูทุกเมื่อ
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็ต้องใ เย่เฟิงบอกว่าพร้อมรับทุกความท้าทายจากสำนักศึกษาเสินเจียง นี่เป็การประกาศากับสำนักศึกษาเสินเจียง จะกำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้ว!
