ที่หน้าประตูจวนตระกูลเวิน โต๊ะที่เรียงรายมีโจ๊กหมูวางอยู่เต็มไปหมด ผู้คนที่มารับโจ๊กต่างมากันอย่างไม่ขาดสาย สีหน้าดูมีความสุขมาก
“ขอบคุณขอรับนายท่านเวิน ขอบคุณขอรับ”
“คุณหนูเวินเยียน ช่างเป็พระโพธิสัตว์เดินดินเสียจริง ขอบคุณเ้าค่ะ ขอบคุณ”
“คุณหนูเวินเยียน ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจท่านผิดไป ข้าขอโทษด้วยนะเ้าคะ ขอบคุณมาก ขอบคุณคุณหนูจริงๆ”
......
ผู้คนในแถวมองดูโจ๊กหมูด้วยน้ำลายสอ ต่างก็ชื่นชมตระกูลเวินไม่ขาดปาก
ยามนี้โรคระบาดรุนแรง ทุกคนต่างเอาตัวรอดได้ยาก ผู้คนที่นำอาหารออกมาแจกจ่ายนับว่าเป็ผู้ที่อยู่เหนือนักบุญเสียอีก เมื่อตระกูลเวินทำเช่นนี้ ประชาชนก็พร้อมที่จะลืมเื่ราวที่พวกเขาทำในอดีตไป
“ทุกท่านไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ทาน หากไม่พอยังมีอีกเ้าค่ะ”
“่นี้ตระกูลเวินจะแจกโจ๊กทั้งวัน หากทุกท่านหิวก็สามารถมารับได้”
เวินเยียนตักโจ๊กพลางหันไปพูดกับทุกคน
เมื่อรู้สึกได้ถึงท่าทีที่ผู้คนเคารพ ริมฝีปากของนางก็ยิ้มกว้างขึ้น
หากมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว วันที่ตระกูลเวินจะกลับมารุ่งเรืองหลังจากที่โรคระบาดหมดไปก็อยู่แค่เอื้อม
เวินเยียนคิดไปพลางตักโจ๊กเร็วขึ้น
ยังไม่ทันที่เวินซีจะเดินไปถึงประตูตระกูลเวิน ก็ได้ยินผู้คนชื่นชมตระกูลเวิน นางขมวดคิ้วแน่นพลันเพิ่มความเร็วของฝีเท้า
ทันทีที่นางเห็นเวินอวิ๋นโปและเวินเยียน รังสีที่แผ่ออกมารอบตัวก็เยือกเย็นยิ่งขึ้น
ขณะที่เวินเยียนเงยหน้าขึ้นก็สังเกตเห็นนางเช่นกัน
สีหน้าของเวินเยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะเอ่ยกับเวินซี “คุณหนูเวินซี มารับโจ๊กแจกหรือ? แม้แต่ถ้วยก็มิได้เอามาหรือ? ดีที่ข้ามีถ้วยใหม่อยู่หลายใบ”
นางหยิบถ้วยขึ้นมา ตักโจ๊กให้เต็มพลันวางกระบวยลง แล้วถือไปให้เวินซี
“นี่ ทานสิ” เวินเยียนมีน้ำเสียงนุ่มนวล สีหน้าเต็มไปด้วยการยั่วยุและดูถูกเหยียดหยาม
เวินซียิ้มเยาะ มองกลับไปด้วยสายตาเ็า
“รีบเอาไปสิ ถ้วยเดียวพอหรือไม่? ข้าจำได้ว่าฟู่จวินของเ้าเป็นักล่าสัตว์นี่ มีโรคระบาดเช่นนี้คงจะล่าสัตว์มิได้สินะ ข้าจะตักให้อีกถ้วย เอาไปให้เขาเสีย หากยังไม่พอก็มาเอาอีกได้”
“เราเป็พี่น้องกัน เ้ามีปัญหาข้าย่อมช่วยเหลือ วันหลังเ้ามาทานอาหารที่ตระกูลเวินสิ ครอบครัวเราจะได้ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา”
คำพูดของเวินเยียนดูเหมือนแสดงถึงความห่วงใย แต่ลึกๆ แล้วล้วนเต็มไปด้วยคำประชดประชัน
“ขอบคุณเ้าค่ะ แต่คุณหนูเวินเยียนเ้าคะ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเหตุใดที่ตระกูลเวินถึงมีอาหารมากมายเช่นนี้? ยามนี้ตระกูลเวินมีเพียงคุณหนูกับนายท่านเวินสองคน ไม่กลัวหรือว่าอาหารจะเน่าเสียหมด? หรือว่าพวกท่านรู้ล่วงหน้าว่าในเมืองจะเกิดเื่ขึ้น จึงเตรียมการไว้ก่อน?”
เวินซียิ้มเล็กน้อยพลันเอื้อมมือไปหยิบโจ๊กถ้วยนั้น
คำพูดของนางทำให้สีหน้าของประชาชนที่มองดูความสนุกอยู่เปลี่ยนเป็ใ
ตระกูลเวินมีกันเพียงสองคน เหตุใดถึงมีอาหารมากมายเช่นนี้ มันน่าสงสัยเสียจริง
เวินเยียนคิดคำแก้ต่างไว้แล้ว นางจึงเอ่ยปากช้าๆ
“ท่านแม่ของข้าทำเื่ผิดพลั้งไป ข้าเชื่อคำบอกเล่าที่ว่าคนบาปจะต้องไปชดใช้กรรมในนรก จนกว่าจะล้างความผิดของตนเองได้ทั้งหมด ข้าในฐานะบุตรสาวอยากจะให้นางได้ไปดี มิต้องลงไปชดใช้กรรม จึงซื้ออาหารมาไว้แจกจ่ายเป็การชดใช้ความผิดบาปแทนนาง กลับไม่คิดเลยว่าในเมืองจะเกิดเื่นี้ขึ้นพอดี”
“แต่ยามนี้จุดประสงค์ก็ยังเป็เช่นเดิม ข้าอยากช่วยสะสมบุญให้ท่านแม่”
“คุณหนูเวินเยียนเป็ลูกสาวที่ดีจริงๆ”
“คุณหนูเวินเยียนรู้บาปบุญคุณโทษ มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่เกินสตรี นางเป็คนที่หายากจริงๆ”
“คุณหนูเวินเยียนเป็คนดีมีเมตตา หากภูติผีใต้พิภพรับรู้ได้คงจะเห็นแก่จิตใจที่กตัญญูของคุณหนูและละเว้นโทษให้ฮูหยินใหญ่เวินเป็แน่”
......
คำพูดของเวินเยียนได้รับคำชมและเสียงปรบมือจากผู้คน
เวินซีมองดูภาพที่เกิดขึ้นด้วยสายตาประชดประชัน “เช่นนั้นเ้าก็ชดใช้ต่อไปเถิด ข้าไม่รบกวนคุณหนูเวินเยียนแล้ว โจ๊กนี่ก็ด้วย เ้าเก็บไว้ทานเองเถิด”
พูดจบ เวินซีก็หมุนตัวเดินกลับไป
นางรู้ว่าในยามนี้เวินเยียนได้ครองใจผู้คนแล้ว หากนางพูดมากไปเกรงว่าเวินเยียนจะกลับดำเป็ขาว ทำให้นางต้องโดนประชาชนด่าแน่
แต่วันนี้ก็มิได้มาเสียเที่ยว ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ตระกูลเวินจะต้องรู้เื่พิษนี้แน่ อีกทั้งยังเตรียมการมาแล้วอย่างดี
หากตระกูลเวินรู้ หลานเยว่เฉิงย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่...
เมื่อเวินซีพอจะคาดเดาได้แล้วจึงเดินต่อไปทางประจิม
ทางทิศประจิมของเมืองเป็สถานที่ที่ผู้คนยากจนที่สุด ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นว่าบ้านเรือนของคนเ่าั้ทั้งซอมซ่อ เมื่อไปถึงสุดทางก็เป็กระท่อมฟางที่ดูโอนเอนจนแทบจะพัง
ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็คนจากที่นี่ ทำให้ตอนนี้บ้านเรือนในฝั่งประจิมนั้นไร้ผู้คน
เวินซีเอาผ้าขาวพันหน้าเพื่อปิดปากและจมูก จากนั้นเดินกลั้นหายใจเข้าไป
นางเปิดประตู ตรวจสอบภายในบ้านเรือนทีละหลัง ไม่นานก็พบจุดที่เหมือนกัน
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำแห่งเดียวกัน
อ่างเก็บน้ำมีขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ภายนอก และมีหินที่ใช้ซักผ้ากองอยู่ด้วย
เวินซีเดินไปที่อ่างเก็บน้ำ ถอดปิ่นเงินออก ในขณะที่กำลังจะจุ่มปิ่นเงินลงน้ำ ทันใดนั้นลมที่พัดมาอย่างรุนแรงก็เข้าหูของนาง นางเหลือบไปเห็นว่ามีดาบเล่มหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามา
นางตอบสนองอย่างรวดเร็ว เบี่ยงตัวหลบได้
คนที่จู่โจมเป็ทหารลับสวมหน้ากากผู้หนึ่ง เขากำลังจะโจมตีนางอีกครั้ง
เวินซีมองเขาด้วยสายตาเ็า นางได้เตรียมผงพิษไว้แล้ว มีโอกาสให้ได้ใช้มันพอดี
นางสาดผงพิษออกมาจากแขนเสื้อติดต่อกัน แต่ทหารลับผู้นั้นก็หลบได้ทุกครั้งไป ผงพิษของนางสูญเปล่า
นางกำปิ่นเงินไว้แน่นแล้วใช้มันเป็อาวุธ ทิ่มแทงทหารผู้นั้นด้วยความรวดเร็วและรุนแรง
ทหารลับเปลี่ยนจากการโจมตีเป็ตั้งรับ คอยหลบนางและล่อให้นางออกห่างจากอ่างเก็บน้ำ
ปิ่นปักผมปักเข้าที่ไหล่ของเขาในตอนที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาไม่ส่งเสียงร้องใดๆ พลันยกมือตัดแขนเสื้อของเวินซี
เวินซีถอยออกไป สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ในตอนนั้นเองนางถึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติของทหารลับผู้นี้
ทหารลับมีโอกาสที่จะฟันนางได้เมื่อครู่ แต่เขาไม่ลงมือ และกระบวนท่าที่เขาใช้ต่อสู้กับนางล้วนเป็กระบวนท่าธรรมดาทั่วไป
นางมองไปที่ทหารลับผู้นั้น หรี่ตาลงและโจมตีเขาด้วยเข็มเงินอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเวินซีดีดเข็มเงินมาที่ท้อง เขาก็ใช้ดาบกันไว้ได้ ในตอนนั้นเองเวินซีก็เอื้อมมือไปดึงผ้าคลุมหน้าของเขาออก
ทหารลับรีบหันตัวกลับไปทันที
เวินซียืนนิ่ง หยุดการเคลื่อนไหว
“ข้ารู้ว่าเ้าเป็ผู้ใดแล้ว ยังจะหลบอีกหรือ?” นางเอ่ยอย่างเ็า
ทหารลับตกตะลึงและก้มศีรษะลง ในขณะที่ถอยออกไปก็กำดาบในมือแน่นขึ้น
เขาไม่ได้หันกลับมา และไม่เอ่ยคำใด
เวินซีหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินไปหาทหารลับที่ถอยออกไปทีละก้าว
“สืออี เ้าคิดว่าข้าโกหกเ้าอยู่หรือ?”
หลังจากที่เวินซีรู้เข้า แววตาของสืออีก็มืดมน ก่อนจะหันกลับไปหานาง “คุณหนูเวินซี คุณหนูระวังตัวจากข้าอยู่ตลอดเลยหรือขอรับ?”
“เปล่าเสียหน่อย จะสู้ต่อหรือไม่? เ้าชนะข้ามิได้หรอก” เวินซีหัวเราะเบาๆ
“ข้ารู้ขอรับ แต่ข้าได้รับคำสั่งมาแล้ว ท่านเข้าใกล้อ่างเก็บน้ำมิได้ขอรับ คุณหนูเวินซีกลับไปเถิด” สืออีจับดาบในมือแน่น
“จะมีประโยชน์อันใดกัน? หากไม่อยากให้ข้าเข้าใกล้อ่างเก็บน้ำ เ้าคงจะห้ามข้าไม่ให้มาที่นี่แล้ว” คำพูดของเวินซีทำให้แววตาของสืออียิ่งมืดมน
สืออีเม้มปาก แต่ยังไม่ทันได้พูดอันใดก็เห็นเวินซีเดินเข้าไปใกล้อ่างเก็บน้ำ เขาจึงใช้มีดสกัดนางไว้
“คุณหนูเวินซี สืออีไม่อยากทำร้ายคุณหนู กลับไปเถิดขอรับ” เขาพูดอย่างเ็า ดึงปิ่นเงินออกจากไหล่แล้วยื่นให้นาง
เวินซีมองปิ่นเงินที่เปื้อนเื แต่นางมิได้รับมา
“สืออี เ้าทำให้ดีแล้วกัน” นางเอ่ยแล้วหันหลังเดินจากไป
การที่สืออีมาอยู่ที่นี่ นางก็ได้คำตอบที่ตามหาแล้ว
พิษนี้เกี่ยวข้องกับหลานเยว่เฉิง
นางประเมินเขาต่ำไปจริงๆ อยู่ภายใต้สายตาเช่นนี้ แต่เขายังก่อเื่ได้