ในวินาทีนั้นสตรีนางนี้เปลี่ยนมาเป็หญิงงามผู้สูงส่งและเ็า บางทีก็เปลี่ยนเป็สตรีที่แสนดีน่ารัก
สรุปคือจากแขกที่เคยเจอนางได้พูดเอาไว้ว่า สตรีนางนี้เป็คนที่เปลี่ยนไปได้หลายพันโฉมหน้า
สตรีเช่นนี้กลับเอ่ยคำพูดเย่อหยิ่งว่าแขกที่มาที่นี่ หากทำให้นางถูกใจแล้วนางจะตามกลับไปด้วยทันที แน่นอนสิ่งที่จะตามไปกับนางด้วยคือสมบัติทั้งชีวิตของนาง
คุณหนูหนิงเซียงคนนี้มีสมบัติเท่าใดนั้นไม่มีผู้ใดรู้แต่สาวใช้ที่คอยดูแลนางได้เผยออกมาว่า แค่หยกเย่ิขนาดเท่ากับปั้นคุณหนูของพวกนางก็มีอย่างน้อยห้าหีบ!
หยกเย่ิแค่ขนาดเท่ากำปั้นเม็ดเดียว ราคาเฉียดหมื่นแล้ว
และสมบัติพวกนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่ล่อใจคนที่สุดในตัวคุณหนูหนิงเซียงผู้นี้
นางยังมีความลับเกี่ยวกับกังฟูซึ่งขณะนี้เป็วิทยายุทธ์ที่รุนแรงที่สุดทุกปีที่นางจัดงานรวมตัว คุณหนูหนิงเซียงจะนำความลับกังฟูชุดหนึ่งออกมาประมูลคนที่จ่ายราคาสูงสุดเท่านั้นจึงจะได้ไป
จากที่ได้ยินมาเมื่อสองปีก่อน มีสองสำนักใหญ่ประมูลความลับกังฟูไป หลังจากนั้น สองสำนักใหญ่นี้ได้ทำตามความลับของกังฟูฝึกตนจนแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว…
เงินความลับ สองอย่างนี้ และยังมีความสามารถในการท่องกลอนเต้นรำ ช่างเป็สิ่งที่สุดยอดสตรีเช่นนี้ถือว่าเป็คนมีความสามารถรอบด้าน
แต่นางกลับปรากฏตัวในหอโคมเขียวเช่นนี้
คนที่ชาญฉลาดสามารถเดาออกสตรีเช่นนาง ไม่ควรมาปรากฏตัวในหอโคมเขียว แต่นางยังมาปรากฏตัวที่นี่
จากคำพูดของนางคือนางมาตามหาคนที่ตนเองพึงใจ เพื่อตามหาคนคนนั้น คุณหนูหนิงเซียงจึงยินดีเข้ามาอยู่ในหอโคมเขียว
แต่กลับไม่มีผู้ใดเลยที่ดูแคลนนางเพียงเพราะนางเข้ามาอยู่ในหอโคมเขียวกลับกัน เพื่อที่จะได้ยลโฉมนาง ล้วนแต่มีบรรดาคุณชายจากหลากหลายตระกูล นำเงินมากมายมาให้
แต่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเหตุที่คุณหนูหนิงเซียงมาที่นี่ความจริงแล้วเพื่อโจวอ้าวเสวียนเ้านายของพวกเขา
ไม่รู้ว่าเหตุใดหนิงเซียงถึงได้ต้องใจโจวอ้าวเสวียนสตรีที่เก่งรอบด้านเช่นนี้ แต่โจวอ้าวเสวียนกลับนิ่งเฉยต่อนาง ไม่คิดจะพัฒนาความสัมพันธ์ด้วยสำหรับพวกอู่เอ๋อร์แล้ว เื่นี้เป็เหมือนปริศนาอย่างหนึ่ง
หลังจากมองตรวจสอบหลายที่แล้วโจวอ้าวเสวียนมาถึงที่อยู่ของหนิงเซียง
ตอนที่โจวอ้าวเสวียนมาถึงโรงเตี๊ยมห่ายเทียนหนิงเซียงได้ยินเื่นี้
หลังจากได้ยินว่าตัวเขายังมาถึงที่พักของหนิงเซียงด้วยรอยยิ้มงดงามจึงปรากฏขึ้น เดิมทีนางเป็คนที่งดงามมากอยู่แล้วแม้แต่เหล่าสาวใช้ที่คอยดูแลนางจนชิน ตอนนี้ถึงกับมองค้างไปเลย
“คุณหนูงดงามจริงๆปกติควรจะยิ้มให้มากสักหน่อยนะเ้าคะ” สาวใช้เอ่ยออกมาเสียงเบา
สาวใช้อีกคนหนึ่งกลับหัวเราะออกมา“หากพวกเรา้าให้คุณหนูดีใจ คงต้องเชิญคุณชายห้ามาที่นี่ทุกวันนั่นแหละ”
หนิงเซียงปรายตามามองพวกนางสองคน“ไม่เห็นข้าเป็เ้านายแล้วใช่หรือไม่ หากพูดเช่นนี้ต่อไป ต้องดูหน้าพวกเ้าดีๆแล้ว”
ปกติแล้วนางเป็คนที่ค่อนข้างโอนอ่อนกับคนข้างกายแม้แต่เหล่าสาวใช้ หนิงเซียงก็ไม่ไปรังแกพวกนาง กลับกัน ยังดูแลเหมือนเพื่อนพี่สาว น้องสาวของตนเอง นานวันเข้าสาวใช้พวกนี้ต่างเข้าใจนิสัยของนาง
หากทำตัวเคร่งครัดกับตนเองมากเกินไปเ้านายจะไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก หลังจากนั้นค่อยๆ รวมกลุ่มเข้าด้วยกัน ผู้ใดจะรู้คุณหนูหนิงเซียงที่เข้าใกล้ยากในสายตาของคนอื่น กลับเป็คนที่เข้าใกล้ได้ง่ายมาก
“เ้าค่ะคุณหนูท่านวางใจเถิด คุณชายห้ามาหาแล้วนะเ้าคะ วันนี้คุณหนูจะดื่มชาชนิดใดดีเ้าคะ? หรือจะเอาชาเสวี่ยหลงมาใช้ดี? เช่นนี้จะดีมากเลยนะเ้าคะ!”
หนิงเซียงส่ายหน้า“ไม่ต้อง ครั้งก่อนคุณชายห้าบอกว่าเขาชอบชาดอกเก๊กฮวย ชงให้เขาสักถ้วยเถิดหลังจากวางชาเสร็จแล้วไม่ต้องเข้ามาอีก”
หลังจากสาวใช้ทั้งสองรับคำว่าเ้าค่ะก็หมุนตัวออกไป
หนิงเซียงเดินเข้าไปหาโจวอ้าวเสวียนที่อยู่ในห้องเพียงคนเดียววินาทีที่เห็นเขา ดวงตาทั้งสองข้างราวกับเอ่ยถ้อยคำได้วาววับขึ้นมา “ยอดรัก”
เสียงเรียกที่คล้ายจะโกรธดังขึ้นโจวอ้าวเสวียนได้ยินกลับเอือมระอาเต็มทน
เขามองค้อนใส่นาง“อย่าเอาวิธีการพูดเช่นนั้นของเ้ามาใช้กับข้า มันไม่ได้ผล”
หนิงเซียงทำเสียงไม่พอใจ“ข้าล่ะหงุดหงิดนัก สิ่งที่ใช้กับบุรุษส่วนมากได้ แต่กับเ้าเหตุใดจึงไม่ได้ผลกัน?”
หญิงงามบุ้ยปากอย่างแง่งอน
ท่าทางเช่นนี้เพียงแค่ยกมือขึ้นมาก็มีเสน่ห์เย้ายวน
นางในวินาทีนี้แม้จะเป็โจวอ้าวเสวียนก็มองค้าง หนิงเซียงยกยิ้มน้อยๆ ด้วยความพอใจมือยกขึ้นไปโอบไหล่ชายหนุ่ม “ยอดรัก…”
สายตาทั้งสองคนสบกันริมฝีปากแดงเรื่อเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าจะเข้ามาใกล้ในตอนนั้นเองที่โจวอ้าวเสวียนผลักนางออก ส่วนตัวก็เอนหนีไปด้านหลัง “เ้าพัฒนาแล้วแต่น่าเสียดายนักที่มันไร้ผลกับข้า”
เสียงเนือยๆทำให้คนที่มั่นใจในเสน่ห์ของตนเองอย่างหนิงเซียงทำหน้าใน้อยๆก่อนนางจะแย้มยิ้มสดใส “หากไร้ผลกับท่าน เช่นนั้นถือว่าไม่ได้พัฒนา โจวอ้าวเสวียนข้าจะต้องทำให้ท่านหลงเสน่ห์ให้ได้ให้เ้ากลายเป็บุรุษคนที่หนึ่งร้อยที่อยู่ในการของข้า”
โจวอ้าวเสวียนเหงื่อตกสตรีนางนี้จะคำพูดอะไรก็ช่างกล้าพูดเหลือเกิน
ฟังดนตรีอยู่ครู่หนึ่งพร้อมทั้งฟังเื่เล่าโดยหนิงเซียงเสร็จ ก็เป็เวลาอาหารกลางวันพอดี
“เอ๋มีอาหารตุ๋นด้วยอย่างนั้นหรือ?” หลังจากเห็นอาหารตุ๋นวางอยู่บนโต๊ะทั้งสองคนใเล็กน้อย จะต้องรู้ว่าอาหารเช่นนี้ปกติแล้วจะไม่ถูกส่งมาที่นี่
บ่าวรับใช้ที่ชื่อชุนนั้นฉลาดเมื่อเห็นทั้งสองคนมองไปยังจานอาหารตุ๋นที่มีดอกไม้แกะสลักตกแต่งอยู่จึงรีบอธิบายทันที
“ขออนุญาตคุณหนูและคุณชายห้าตอนที่ชุนเอ๋อร์ไปที่โรงอาหารเล็ก เห็นคนที่อยู่ด้านนอกโรงอาหารใหญ่กำลังจับกลุ่มทานเ้านี่อยู่เมื่อเห็นว่ามันดูน่าทาน อีกทั้งกลิ่นยังไม่เลวด้วย ข้าจึงลองชิมดูเล็กน้อย รู้สึกว่ารสชาติพิเศษมากจริงๆจึงให้พวกเขายกจานมาเ้าค่ะ”
หนิงเซียงพยักหน้าแล้วเอ่ยชมโจวอ้าวเสวียน “ดูเหมือนว่า โรงเตี๊ยมนี้มีของใหม่มาอีกแล้ว เฮ้อยิ่งเปลี่ยนใหม่หลากหลายแบบเช่นนี้ ข้ายิ่งไม่อยากไปแล้วจริงๆ อีกทั้งไม่รู้ว่าเ้าของโรงเตี๊ยมนี้เหตุใดจึงได้หาสิ่งแปลกใหม่มาได้ตลอดเช่นนี้”
พูดจบหนิงเซียงมองบุรุษที่กำลังหงุดหงิดตรงหน้า
โจวอ้าวเสวียนทำแค่คีบกับข้าวขึ้นมาทานนิ่งๆของพวกนี้ เขารู้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะอู่เอ๋อร์ได้บอกไว้ว่าจะไปหาเฉินจื่อิเพื่อนำอาหารเข้ามาในโรงเตี๊ยมเื่นี้เขาเห็นด้วย แต่จานอาหารตุ๋นตรงหน้า ดูเหมือนจะแตกต่างกับที่เขาเคยทานมา
แค่ดอกไม้แกะสลักบนจานล้วนสวยงามมากด้านใต้เนื้อยังตกแต่งด้วยใบผักวางรองอยู่ ส่วนเนื้อเป็สีเหลืองทอง ตอนที่ยกจานวางบนโต๊ะยังมีกลิ่นหอมลอยเข้าจมูก
เมื่อหยิบไส้เข้าปากรสเผ็ด พร้อมกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศพลันลอยออกมา ริมฝีปากมีกลิ่นหอมหลงเหลืออยู่รสชาติเผ็ดที่ทิ้งไว้คล้ายเร่งเร้าให้อยากทานต่อ เขาที่ทานอาหารอร่อยมาไม่น้อยแต่อาหารที่ทานในวันนี้ ไม่เคยได้ลิ้มลองจริงๆ
“นี่…คืออาหารตุ๋น?” โจวอ้าวเสวียนมองจานตรงหน้าแล้วถามออกมาด้วยความสงสัย
“ใช่สินี่คืออาหารตุ๋น แต่อาหารตุ๋นที่สามารถหาเจอในที่แบบนี้ได้รสชาติไม่เหมือนกับที่เจอบ่อยๆ อีกทั้งยังทำให้คนแปลกใจนัก ข้าอยากรู้เสียจริงว่าเ้าของร้านคนใดกันที่สามารถทำอาหารนี่ออกมาได้? รสชาติเช่นนี้รูปแบบเช่นนี้ ไม่ใช่ของที่จะพบที่นี่เลยนี่นา!”หลังจากหนิงเซียงทานอาหารตุ๋นเข้าไปหนึ่งชิ้นก็รู้สึกทอดถอนใจตาม
แววตาของนางเป็ประกายเล็กน้อยแฝงไปด้วยความประหลาดใจ
โจวอ้าวเสวียนมองนางนิ่งพลางครุ่นคิดในใจ ยิ่งอยากรู้มากจริงๆสถานที่นั้น จะเป็สถานที่แบบใดกัน? และพวกเขามาที่นี่ได้อย่างไรคนยุคนั้นเหตุใดจึงพัฒนาได้ถึงเพียงนี้ ความรู้ของพวกเขา วัฒนธรรมพัฒนาไปไกลกว่าประเทศของเราตอนนี้มากนัก
หนิงเซียงยิ้มไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่คีบเหมาตู้[1]ขึ้นมาหนึ่งชิ้น “เ้านี่ก็ไม่เลว เฮ้อ ไม่ได้ทานอาหารที่ถูกปากเช่นนี้มานานแล้วนะคนที่ทำเ้านี่ แม้จะไม่ได้รสชาติดีเลิศไร้ที่ติ แต่ในสถานที่ที่ขาดแคลนเครื่องปรุงเช่นนี้สามารถทำรสชาติได้ถึงเพียงนี้ถือว่าไม่เลวแล้วจริงๆข้าสามารถคำนวณไว้ล่วงหน้าเลยว่า ที่โรงเตี๊ยมห่ายเทียน ในด้านอาหารการกินจะต้องโด่งดังขึ้นมาเพราะเ้านี่ดูเหมือนว่าหลังจากหม้อไฟ ก็เป็อาหารตุ๋นจานรวมที่จะกลายเป็เมนูแนะนำของที่นี่”
โจวอ้าวเสวียนยิ้มในใจกลับกำลังคิดเื่นี้ เสี่ยวอู่ทำได้ดีมาก แต่ต่อมาเมื่อเขาคิดได้ถึงจุดนี้เฉินเนี้ยนหรานออกไปแล้ว จากที่ได้ยินมาว่านางไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน
เช่นนั้นนางอยู่ที่ใด?
คำตอบไม่ต้องหาให้ละเอียดก็รู้ว่า นางคงจะอยู่ที่เรือนของเฉินจื่อิ เพราะด้วยความสามารถของเฉินจื่อิไม่มีทางทำอาหารตุ๋นรสชาติเช่นนี้ออกมาได้
“เหตุใดถึงออกมาจากหมู่บ้านและแอบหนีมาที่เรือนของเฉินจื่อิ?” วินาทีนี้โจวอ้าวเสวียนเกิดความสงสัยในใจเพียงแต่ เมื่อคิดถึงฐานะของตนเองในตอนนี้กลับรู้สึกกระอักกระอ่วนสุดท้ายจึงฝืนกดความสงสัยนี้กลับไป
“โอ้คิดถึงคนคนนั้นอีกแล้วหรือ ข้าไม่รู้เลยว่าท่านคิดอย่างไร? ครั้งเดียวก็ตกหลุมรักได้หรือ? โจวอ้าวเสวียนท่านทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังจริงๆ เหตุใดจึงตกหลุมรักสตรีนางหนึ่ง ดูให้ดี ตรงหน้าของท่านมีดอกโบตั๋นที่งดงามมากดอกหนึ่งกำลังจะเบ่งบานท่านแค่ต้องยกมือขึ้นไปก็สามารถเด็ดดอกไม้ได้แล้ว ขอแค่ท่านเด็ดดอกไม้ป่าเล็กๆที่ดูจืดชืดนั้นออก ข้าสามารถเป็โลกที่เต็มไปด้วยทะเลดอกไม้ให้ท่านได้”เสียงของหนิงเซียง ตามมาด้วยร่างกายที่มีกลิ่นหอม
ดวงตาสุกใสคู่นั้นเหมือนจะสามารถเผาไหม้ิญญาของตนได้อย่างไรอย่างนั้น
แต่โจวอ้าวเสวียนกลับยกถ้วยสุราขึ้นมาดื่มและไม่ได้สนใจนางอีกเพียงแค่ทานอาหารบนโต๊ะไปเงียบๆ
***
หลังจากเฉินจื่อิส่งสินค้าไปที่โรงเตี๊ยมห่ายเทียนภายนอกเฉินเนี้ยนหรานดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจเท่าใด แต่ในใจกลับกังวลมาก
ทำอาหารนี้ออกมาแน่นอนว่าการทำให้คนทานรู้สึกหลงใหลได้จึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ
แม้จะเชื่อใจในฝีมือของตนเองมากแต่ตอนนี้นางยังรู้สึกกังวล
จะต้องรู้ว่านางกำลังสำรวจตลาดระดับสูงที่แสนสำคัญอยู่
“นายหญิงเ้าคะอย่าเดินอีกเลยเ้าค่ะ ข้าไปดูก่อนว่าเ้าของร้านกลับมาแล้วหรือยัง”จ้าวซื่อเห็นนางเดินไปเดินมาอยู่ตลอด จึงยิ้มแล้วพูดแนะนำ
“นี่คือการออกกำลังกายก่อนคลอดเสื้อผ้าของลูก รองเท้า และของอื่นๆ ล้วนแต่เตรียมตัวมาได้พอสมควรแล้วพรุ่งนี้ข้าจะไปตลาดดูว่าข้ายัง้าสิ่งใดอีก”
เชิงอรรถ
[1] 毛肚 เหมาตู้หรือสไบนาง
