จุนห่าวมาถึงฐานที่มั่นของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาโยนลูกบอลที่ผสานพลังิญญาธาตุทองและธาตุดินสองชนิด ไปยังฐานที่มั่นของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง พลังของลูกบอลขนาดเล็กนี้ยิ่งใหญ่มาก การกระทบพื้นเมื่อครู่นี้ทำให้เกิดเสียงะเิ “ปังงง” ทันใดนั้น ฐานที่มั่นของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งก็เต็มไปด้วยฝุ่นและไฟที่ประทุรอบด้านจนยุ่งเหยิงชลมุน
จุนห่าวมองฉากที่เขาสร้างขึ้นพลางคิดว่า คาดไม่ถึงว่า พลังการหลอมรวมของพลังิญญาทั้งสอง จะยิ่งใหญ่กว่าพลังของะเิในชาติที่แล้วของเขาเสียอีก เห็นทีเขาต้องตั้งใจฝึกเทคนิคการหลอมรวมนี้เสียแล้ว พลังิญญาสองชนิดยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ถ้าอย่างนั้น หากลองสามชนิด กระทั่งสี่หรือห้าชนิดล่ะ พลัง ณ เวลานั้นต้องเกินกว่าที่เขาจินตนาการแน่ ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นรวบรวมลมปราณ อย่างถ้านั้น ด้วยพลังปราณที่เพิ่มขึ้น พลังย่อมยิ่งใหญ่ขึ้นแน่นอน ในเคล็ดวิชาห้ารากิญญาฮุ่นตุ้นที่จุนห่าวใช้ในการบำเพ็ญเพียร มีเพียงคาถาประเภทนี้ที่ใช้โจมตีได้ ใช้ชื่อเรียบง่ายว่า ‘ศาสตร์แห่งการหลอมรวม’ ขั้นรวบรวมลมปราณและขั้นสร้างรากฐานปราณ คือขั้นหลอมรวมพลังิญญาสองประการเข้าด้วยกัน หากเป็เช่นนี้เรื่อยๆ กระทั่งหลอมรวมพลังิญญาทั้งห้าชนิดได้ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของศาสตร์แห่งการหลอมรวมก็คือ การหลอมรวมพลังิญญาทั้งห้าชนิดเข้าด้วยกัน ถึงครานั้น มันจะกลายเป็พลังิญญาใหม่...พลังฮุ่นตุ้น ซึ่งพรรณาไว้ว่า พลังฮุ่นตุ้นคือพลังที่มีอานุภาพทำลายล้าง แต่ทั้งนี้ จุนห่าวในยามนี้ สามารถบำเพ็ญเพียรด้วยศาสตร์แห่งการหลอมรวมในขั้นรวบรวมลมปราณเท่านั้น ขั้นรวบรวมลมปราณก็คือการหลอมรวมของพลังิญญาสองชนิดเข้าด้วยกัน ต้องมีพลังปราณเพิ่มขึ้น ถึงจะสอดคล้องกับการบำเพ็ญเพียร
จุนห่าวคิดว่า ผู้ที่สร้างเคล็ดวิชานี้อาจเกรงว่าคนรุ่นต่อไปจะเกิดความโลภในการใช้ประโยชน์จากมัน จุนห่าวจึงเริ่มฝึกศาสตร์แห่งการหลอมรวมด้วยความดูถูกเหยียดหยาม และคิดว่าคำพรรณานั้นเกินจริง หลังจากที่เขาเริ่มฝึกฝน ถึงได้รู้ว่าคำว่าหลอมรวมสองคำนี้ ช่างง่ายดายนัก แต่การฝึกฝนมันกลับยากยิ่งนัก เขาใช้เวลา 3 ปีในการหลอมรวมพลังิญญาทองและดินเข้าด้วยกัน วันนี้เป็ครั้งแรกที่เขาใช้งาน และได้ผลเป็ที่น่าพอใจยิ่งนัก
จุนห่าวมิได้ปิดบังหานรุ่ย แม้ว่าหานรุ่ยจะไม่อาจฝึกเคล็ดวิชาห้ารากิญญาฮุ่นตุ้นได้ ทว่าเขาก็สามารถบำเพ็ญเพียรศาสตร์แห่งการหลอมรวม ในเวลานั้นเขาและหานรุ่ยคำนวนอยู่ในใจเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าใน่ 3 ปีที่ผ่านมา หานรุ่ยก็หลอมรวมพลังิญญาธาตุไฟและสายฟ้าเข้าด้วยกันได้
การฝึกศาสตร์แห่งการหลอมรวมนั้น มีเงื่อนไขที่สำคัญยิ่งคือรากิญญาทั้งสองต้องมีขนาดของความบริสุทธิ์เสมอกัน ซึ่งจุดนี้ยากที่จะทำได้ แต่หานรุ่ยกลับฝึกฝนได้ แสดงให้เห็นว่า รากิญญาของเขาตรงตามเงื่อนไข หินิญญาในตอนนี้ก็ลวกๆ นัก วัดค่าได้แต่รากิญญาประเภทเดียว สิ่งอื่นๆ กลับไม่อาจวัดได้
“ผู้ใดกัน ถึงกล้าก่อเหตุในฐานที่มั่นของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือไง!” ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น จุนห่าวก็เห็นคนที่ดูน่าเกรงขามหลายคนรีบวิ่งออกมาพร้อมกับอาวุธต่างๆ
จุนห่าวยืนอยู่ด้านหน้าของฐานที่มั่นของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง เขาสวมชุดสีดำ และคาดเข็มขัดสีดำ เส้นผมสีดำเข้มพาดไปด้านหลังเขา ด้วยดวงตาคู่หนึ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ ใบหน้าอันหล่อเหลา ร่างสูงยืนตระหง่านที่วางมือไขว้หน้าหลัง พร้อมท่าทางของคนสูงศักดิ์ จุนห่าวมองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร มีแต่เขาคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าช่างเป็ภาพงดงาม เสียงคำรามของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง มิได้ทำให้จุนห่าวเกิดรอยย่นบนใบหน้าแม้แต่น้อย
หลังจากได้ยินเสียงะเิ หลายคนต่างกรูกันออกมาดูรอบๆ เห็นจุนห่าวยืนอยู่ด้านหน้าของฐานที่มั่นของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งเพียงคนเดียว นึกเศร้าใจในใจ ไม่รู้ว่าผู้นี้ใจกล้าจากไหน ถึงกล้าลุยเดี่ยวมาบุกกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งได้
ชายใจกล้าพูดกับสหายของเขาว่า “ชายคนนี้เป็ใครกัน ดูอายุยังน้อย มองพลังปราณไม่ออก ขนาดกล้าลุยเดี่ยวมาหาเื่กลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง”
สหายของเขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าชายคนนี้จะเป็ใคร คงซวยแน่แล้ว ไม่เกรงกลัวกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งหรือไง อย่างน้อยก็ต้องเกรงกลัวองค์ชายสามที่หนุนหลัง ลองถามดูสิ ในจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ มีใครบ้างที่กล้าต่อกรกับราชวงศ์ ราชวงศ์สุ่ยเย่ว์ปกครองจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์เป็พันๆ ปี ซึ่งรากฐานที่มีพันปีนั้น มิใช่สิ่งที่คนคนเดียวจะต่อกรได้ เว้นแต่ว่าจะมีกองกำลังยิ่งใหญ่อยู่เื้ั ยังไงซะ หากเป็เช่นนี้จริง กองกำลังหลักทั้งสองต้องเข้าสู่า ความโชคร้ายกตกอยู่กับพลเรือนอย่างพวกเรา”
“เห็นท่าท่างของคนๆ นั้น ดูไม่เหมือนคนธรรมดาอ่า ยังไงคงไม่ใช่คนต่ำต้อยแน่”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ต้องต่อดูกันต่อไป”
การสนทนาดังกล่าวไม่มีที่สิ้นสุด หานรุ่ยยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนพลางฟังเสียงกระซิบของคนเหล่านี้ มิได้อ่อนไหวในใจ จดจ้องเพียงเขาคนนั้นที่อยู่ตรงหน้า ในดวงตาไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่น
จุนตงและจุนหนานพึมพำอยู่ในใจว่า ท่านพ่อของพวกเขาเก่งกาจยิ่งนัก ไม่แปลกเลยที่เป็ตัวร้ายที่ใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่ง สองพี่น้องแน่ชัดแล้วว่าจุนห่าวคือตัวร้าย
เหวินต้าไห่สองพ่อลูกออกมาตรวจสอบสถานการณ์ เห็นชายรูปงามบุกไปหาเื่กลุ่มกำลังทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง ก็นึกดีใจ หลังจากดีใจ ก็เป็กังวลต่อชายคนนั้น แม้ว่าเขาจะมองพลังปราณของชายคนนั้นไม่ออก ทว่าเห็นได้ว่ายังอายุไม่ถึง 20 ปี พลังปราณคงไม่สูงนัก เหวินต้าไห่ขมวดคิ้วและพูดว่า “ชายหนุ่มผู้นี้บ้าบิ่นเกินไป”
เหวินเจ๋อเยี่ยนมองจุนห่าวด้วยสายตาเคร่งเครียดและพูดว่า “ไม่ว่าเขาจะบ้าบิ่นหรือไม่ การที่เขากล้าลุยเดี่ยวบุกกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง ทำในสิ่งที่ข้าไม่กล้าทำ ข้าก็ขอคารวะเขา จากนี้ไปเขาก็คือคนที่ข้าชื่นชมมากที่สุด หามีใครเทียบได้ไม่”
กลุ่มของหอหยุนเซียวที่ประจำการอยู่ด้านนอก “ท่านพี่ คนนั้นใช่จุนห่าวหรือไม่? เหตุใดเขาถึงยืนอยู่ตรงนั้น” ฟางหย่าเอ่ยถามอู๋โม่วหาน จากนั้นก็เป็ดังที่อยู่ในใจ กล่าวเสียงดังว่า “อย่าบอกนะว่า เสียงดังเมื่อครู่นี้จุนห่าวเป็คนทำ จุนห่าวช่างองอาจยิ่งนัก ข้าก็ไม่ถูกชะตากลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่ง อย่างกับกลุ่มคนป่าเถื่อนว่าไหม? อาศัยชายกระโปรงผู้หญิงทำเื่ชั่วก่อกรรมทำเข็ญ”
อู๋โม่วหานมิได้ตอบฟางหย่า เขามองร่างสูงที่ยืนอย่างสง่างามตรงนั้น ตกอยู่ในภวังค์แห่งความคิด เขาไม่คิดว่าจุนห่าวจะทำไปเพราะความชอบธรรม จุนห่าวมิใช่คนเช่นนั้น การที่จุนห่าวหาเื่กลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งแบบเอิกเกริกเช่นนี้ คง้าท้าทายองค์ชายสามอย่างเปิดเผย คนอื่นไม่รู้ถึงความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงระหว่างพวกเขา ทว่าเขากลับรู้ เขาคาดไม่ถึงว่าจุนห่าวจะทำการถึงเพียงนี้เพื่อหานรุ่ย ดูท่าคงรักหานรุ่ยด้วยใจจริง ความกล้าหาญนี้ที่เขาไม่มี เขากังวลมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงถูกลิขิตให้ไม่ได้รับความรักจากหานรุ่ย คนที่รักเขาด้วยทั้งหมดของหัวใจเช่นนี้ ในสายตาของหานรุ่ยจะมีคนอื่นได้อย่างไร องค์ชายสามมิได้น่ากลัวหรอก ที่น่ากลัวก็คือจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ที่อยู่เื้ัเขา แม้แต่ตระกูลหานเองก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับราชวงศ์ ทว่าบุคคลนี้กลับกล้าท้าทาย พอคิดได้ อู๋โม่วหานตกตะลึง นอกจากพลังปราณของจุนห่าวที่อาจจะบำเพ็ญเพียรจนถึงจุดสูงสุดแล้ว เขาอาจมีพลังอื่นที่ช่วยสนับสนุนอยู่เื้ั เขาถึงกล้าทำเยี่ยงนั้น แต่อายุของจุนห่าวก็ยังไม่มาก มันเป็ไปได้หรือ?
ณ ฐานที่มั่นของตระกูลหยุน
“เหตุใดถึงเป็เขา?” หยุนจิ่นกล่าวอุทาน เขาไม่คิดมาก่อนว่าคนที่ะเิกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งผู้นั้นจะเป็จุนห่าว
“ท่านลุง ท่านรู้จักคนผู้นี้หรือ?” หยุนจ่านเฮ่อเอ่ยถามพลางมองไปทางจุนห่าว
“เคยมีชะตาต้องกันครั้งหนึ่ง เราไปพูดกันข้างใน” หยุนจิ่นพูดกับหยุนจ่านเฮ่ออย่างจริงจัง ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไป เขาต้องเกลี้ยกล่อมพ่อของเขาให้ส่งถ่านไปหาให้ตระกูลหานในยามที่มีหิมะเสียแล้ว ตระกูลหานที่มีหานรุ่ยและจุนห่าว ย่อมไม่มีวันล่มสลายแน่ ครั้งก่อนที่พบกัน จุนห่าวยังมีพลังปราณน้อยกว่าเขา บัดนี้ เขากลับมองพลังปราณของจุนห่าวไม่ทะลุแล้ว ไม่ได้พบกันแค่ครึ่งปี ดูสิว่าความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของจุนห่าวน่ากลัวเพียงใด บุคคลเช่นนั้นต้องเป็มิตรเท่านั้นอย่าริอาจเป็ศัตรู อีกทั้งยาิญญาที่จุนห่าวมอบให้เมื่อครั้งก่อน ก็ทำให้เขาและเซ่าเจี้ยนหลิ่นะโโลดเต้น ถึงจะมีเงินก็ใช่ว่าจะหาได้ซื้อยาิญญาชั้นเลิศนี้ได้ หยุนจิ่นลูบท้องของตัวเองอย่างทะนุถนอม ยิ่งมุ่งมั่นที่จะมิตรกับจุนห่าว
หยุนจ่านเฮ่อเห็นท่าทีของหยุนจิ่น เลิกสนใจความคึกครื้นตรงนั้น เดิมตามหยุนจิ่นเข้าไปในเต็นท์
ส่วนสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งพุ่งพรวดออกมา เห็นจุนห่าวเพียงคนเดียว พูดกับจุนห่าวด้วยใบหน้าที่เหยียดหยามว่า “เ้าเองรึที่มาก่อกวน เบื่อมีชีวิตแล้วใช่มั้ย วันนี้นายใหญ่ของข้าคงได้เชือดไก่ให้ลิงดู”
พูดจบก็ถือกริชพุ่งไปทางจุนห่าว จุนห่าวไม่ขยับหนี ตอนที่กริชถึงหน้าเขา จุนห่าวเหยียดมือขวาออกโดยเร็ว พร้อมใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางจับมีดและหักมีดทันที จากนั้นเขาก็เตะตรงหัวใจของชายคนนั้นโดยเร็ว เพื่อให้ชายคนนั้นไม่มีโอกาสหลบหนี ลูกเตะนี้จุนห่าวใช้พลังจากเก้าในสิบของเขา ชายคนนั้นก็บินทยานไปและสิ้นใจบนพื้น จากนั้นจุนห่าวก็ขว้างกริชของชายคนนั้นไปทางชายอีกคนที่วิ่งเข้าหาเขา ในชั่วพริบตา กริชนั้นก็ทิ่มแทงตรงหัวใจของเขา ดวงตาของชายคนนั้นเบิ่งกว้าง และสิ้นใจในที่สุด เขายังไม่เข้าใจว่า นี่พวกเขาไปยั่งยุเทพเซียนตอนไหน แม้แต่โอกาสที่จะให้พวกเขาลงมือก็ยังไม่มี หลังจากจุนห่าวขว้างกริชแล้ว ก็ควักผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนหนึ่งออกมา ค่อยๆ เช็คมีดด้วยเช็ดนิ้วกลางและนิ้วชี้อย่างเบามือ จากนั้นเขาก็โยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งราวกับขยะ
จุนห่าวลงมืออย่างอุกอาจเช่นนี้ ทำให้ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง ชายทั้งสองถือว่ามีฝีมือ มีลมปราณขั้นที่หก ในเมืองเล็กๆ ก็ถือว่าเป็ยอดฝีมือ กลับถูกชายหนุ่มคนนี้ฆ่าตายอย่างสบาย ช่างง่ายดายจริงๆ ร่างกายไม่แม้แต่ไหวติง ใช้เพียงลูกเตะเดียวกับกริชที่ทำหล่นไว้ ก็สามารถสังหารได้สบายราวกับการขยี้มด
คนของกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งต่างเมามัวอาละวาด ไม่เคยพบใครเฉกเช่นจุนห่าวมาก่อน ที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็สังหารสหายทั้งสองของเขา ก่อนหน้านี้มีแต่พวกเขาที่เข่นฆ่าผู้อื่น หาได้เจอฉากแบบนี้มาก่อนไม่ ดังนั้น หลายคนในกลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งเมื่อเห็นสหายของพวกเขาถูกฆ่าตาย ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยเื และไม่สนใจว่าพวกเขาจะเป็คู่ต่อสู้ของจุนห่าวหรือไม่ พุ่งพรวดเข้าปดั่งฝูงผึ้ง เห็นจุนห่าวยืนตรงนั้น จะกี่ลูกเตะ กี่หมัดมวย กี่คนที่พุ่งเข้าไป จุนห่าวก็จัดการได้หมด ร่างกายไม่มีแม้แต่เืสักหยด
ครั้งนี้จุนห่าวมาเพื่อหาเื่ จึงมิได้ออมมือ ในใจของเขานึกถึงแต่องค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวา ผู้เป็ศัตรูของเขา การมีจิตใจที่อ่อนโยนต่อศัตรูนั้นเป็เื่โหดร้ายต่อตัวเอง ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นด้วยตาตัวเองว่า สหายรบของเขา ถูกฆ่าตายขณะจับกุมพ่อค้ายาเสพติด เพราะเขาใจอ่อนต่อหญิงค้ายาเสพติด ในที่สุดก็ถูกหญิงผู้นั้นฆ่าตายด้วยมีด จุนห่าวจึงฆ่าหญิงผู้นั้นอย่างไร้ความปราณี ั้แ่นั้นมา ศัตรูในใจของเขา ไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็หญิงหรือชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ ตราบใดที่เป็ศัตรู เขาก็จะฆ่าโดยปราศจากความเมตตา
ก่อนหน้านี้ เขาไม่ถือว่าองค์ชายสามสุ่ยเย่ว์หรูหวาคือศัตรู เพียงแค่้าที่จะให้บทเรียนกับเขา เพื่อแก้แค้นแทนหานรุ่ย ทว่าหลังจากได้ยินข่าวลือนี้ จุนห่าวคิดว่าสุ่ยเย่ว์หรูหวาจิตใจเหี้ยมโหดเกินไป การกระจายข่าวใส่ร้ายป้ายสีหานรุ่ย เพื่อปกปิดความเนรคุณของตนเอง ช่างหน้าซื่อใจคดเสียจริง
ตอนที่หานรุ่ยเล่าเื่ที่เขาได้รับาเ็ เวลานั้นจุนห่าวยังนึกสงสัย เหตุใดถึงบังเอิญมากมายเพียงนี้ แท้จริงแล้วความบังเอิญมากมายนั้น หาใช่ความบังเอิญไม่ แต่เป็ความตั้งใจของคน ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ไม่แน่ใจว่าการที่หานรุ่ยได้รับาเ็ ก็อาจเป็แผนการของสุ่ยเย่ว์หรูหวา สุ่ยเย่ว์หรูหวาคิดจะให้หานรุ่ยตายอยู่ในดินแดนลับ ในสภาพแวดล้อมที่ลึกลับและมีอันตรายมากมาย การตายของคนๆ นึง ย่อมเป็เื่ปกติที่สุด แต่ทว่า หานรุ่ยมีชะตาดี จึงหนีออกมาได้ ไม่เช่นนั้น บัดนี้หานรุ่ยคงกลายเป็ิญญาที่โดดเดี่ยวเฝ้าดินแดนลับแห่งนั้นแล้ว
