ครอบครัวจุนห่าวกำลังนั่งอยู่ในโรงน้ำชาที่มีผู้คนพลุกพล่าน ฟังเสียงซุบซิบขณะรอยกอาหารเข้ามา จุนห่าวและหานรุ่ย้าห้องส่วนตัว ทว่าจุนตงและจุนหนานสองพี่น้องไม่้า พวกเขาอยากกินในห้องโถง เพื่อที่พวกเขาจะได้ฟังข่าวซุบซิบต่างๆ
จุนห่าวมองงูขาวตัวเล็กๆ ที่อยู่บนโต๊ะที่มีท่าทางี้เี แล้วคิดว่าวันนั้นที่เขากับงูเหลือมเสวียนเทียนต่อสู้กัน ไม่ได้เทียบเคียงกันเลย ในวันนั้นที่ทำพันธะสัญญากับงูเสวียนเทียน จุนห่าวทั้งครอบครัวก็รีบออกจากที่เกิดเหตุ การต่อสู้ครั้งใหญ่ดังกล่าว ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนในเทือกเขาอู๋หยินแน่
สองเดือนผ่านมา ก็อยู่บนรถม้าที่วิ่งบนถนนตลอดเวลา และแล้วครอบครัวของจุนห่าวก็มาถึงเมืองเล็กๆ ริมทะเลของจักรวรรดิหั่วเหยียน การที่พวกเขามายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็เพราะว่าเมืองนี้เป็หนทางเดียวที่ไปยังเกาะหลานชิง
หลังจากจุนห่าวและหานรุ่ยผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่เทือกเขาอู๋หยินครานั้น พวกเขาก็กลายเป็ที่รู้จักทั่วแผ่นดินชางหลาน ในเวลาสองเดือน ชื่อเสียงของจุนห่าวและหานรุ่ยแพร่กระจายจากเทือกเขาอู๋หยินกว่าหลายพันไมล์จนมาถึงที่นี่
“พวกเ้าได้ยินข่าวไหม? ในการต่อสู้แย่งชิงผลไม้ชิงลัวในเทือกเขาอู๋หยิน มีชายดุร้ายสองคนปรากฏตัวขึ้น ได้สังหารยอดฝีมือที่มีลมปราณขั้นสิบสอง รวมถึงพี่ชายของพระสนมคนโปรดขององค์ชายสามด้วย กลุ่มทหารรับจ้างสิงโตคลั่งที่เขาจัดตั้งขึ้น ก็ถูกทำลายจนสิ้น”
“เ้าเพิ่งจะได้ข่าวหรือ ข่าวนี้มีมานานแล้ว ชายผู้ดุร้ายสองคนนั้นไม่เพียงสังหารคนขององค์ชายสาม แต่ยังชิงผลไม้ชิงลัวทั้ง 9 ผลด้วย สังหารยอดฝีมือจำนวนมากขนาดนั้น ยามนี้กองกำลังใหญ่ของจักรวรรดิสุ่ยเย่ว์กำลังตามตัวสองคนนี้อยู่”
“ใช่แล้ว ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน แค่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนไปที่ใด เวลานี้ ผ่านไปสองเดือนแล้ว เห็นทีคนสองคนนี้จะหายไปจริงๆ จักรวรรดิสุ่ยเย่ว์ส่งยอดฝีมือจำนวนมากออกตามหาขนาดนั้น ก็ยังหาไม่พบ”
“น่าจะหลบซ่อนตัวอยู่ อันที่จริงบนแผ่นดินชางหลานไม่ได้มีแค่จักรวรรดิสุ่ยเย่ว์จักรวรรดิเดียว พวกเขาต้องหลบซ่อนแน่ ซึ่งหายากจริงๆ”
“หากข้าได้พบสองคนนั่นคงดีไม่น้อย ผลไม้ชิงลัวทั้ง 9 ต่อให้กินไปแล้ว 2 ผล ก็ยังเหลืออีก 7 ผล”
“พอเถอะ ต่อให้สองคนนั่นยืนอยู่ตรงหน้าเ้า เ้าก็ไม่รู้จักเขา ต่อให้รู้จัก เ้าก็เอาชนะเขาไม่ได้หรอก ผู้มีลมปราณขั้นสิบสองต่างถูกทำร้ายจนตาย แค่ปลายนิ้วมือของเขาก็ฆ่าเ้าตายได้แล้ว”
“ใช่ ได้ยินว่าพวกเขาคนนึงอายุ 19 ปี อีกคนอายุ 21 ปี พลังปราณถึงขั้นสิบแล้ว เ้าว่าพวกเขาบำเพ็ญเพียรได้ยังไง ช่างเป็คนเหนือคนที่ทำให้คนอิจฉานักนะ เค้าเป็อัจฉริยะ ส่วนเ้าก็แค่คนเก่งปานกลาง”
ชายคนนั้นพูดจบ ทั้งสองก็มองหน้ากันแล้วยิ้ม ทุกอย่างก็เงียบลง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านดังใหญ่แล้ว ทุกคนต่างกำลังพูดถึงพวกท่าน ข้าในฐานะลูกชาย ภูมิใจในตัวพวกท่านมาก”
จุนหนานกะพริบตาโตและกล่าวชื่นชมจุนห่าวและหานรุ่ย
ฟังคำของจุนห่าว หานรุ่ยมองไปรอบๆ และกระซิบบอกจุนหนานว่า “เสี่ยวหนาน ระวังคำพูดหน่อย ที่นี่เป็ที่สาธารณะนะ”
“ท่านแม่ ไม่เป็ไรหรอก ท่านระวังตัวมากอยู่แล้ว ที่นี่มีเสียงดังเซ็งแซ่ ไม่มีใครได้ยินที่เราพูดคุยกันหรอก” จุนหนานพูดกับหานรุ่ยอย่างไม่เห็นด้วย
“งั้นก็เบาเสียงลงหน่อย เ้าจะทำให้คนอื่นสนใจบทสนทนาของเราได้ เบาเสียงหน่อยดีกว่า” หานรุ่ยพูดกระซิบ ตำแหน่งของโรงน้ำชาแห่งนี้ไม่เลว มีระยะห่างระหว่างแต่ละโต๊ะ หากมิได้พูดเสียงให้เป็ที่สังเกต ก็คงไม่ได้ยิน
“ฟังแม่เ้าเถอะ เราลดเื่อะไรได้ย่อมดีกว่าสร้างเื่เพิ่ม” จุนห่าวกล่าว
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกเขาโกหก เห็นอยู่ว่าเราชิงมาได้แค่ 6 ผล เหตุใดพวกเขาถึงบอกว่าเราชิงมาได้ 9 ผลล่ะ” จุนตงพูดอย่างไม่เข้าใจ คิดในใจ ว่ากันว่าการโกหกเป็เด็กไม่ดี แต่ผู้ใหญ่มักโกหกอยู่เสมอ
จุนห่าวลูบคางของเขา พลางพูดกับจุนตงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “มันเป็แค่ข่าวลือ เ้าไม่ต้องคิดมาก คนที่ชิงผลไม้ชิงลัวมาไม่ได้เ่าั้ ้าให้พวกเราเป็ที่สนใจ อันที่จริง ใครๆ ก็เห็นว่าเราชิงมาได้ 3 ผล ไม่ว่าจะเป็ 9 หรือ 3 ยังไงเราก็มีผลไม้ชิงลัวอยู่ในมือ ข้าเดาว่าอีก 3 ผลต้องถูกสัตว์อสูรแย่งชิงไป การไร้องรอยของผลไม้ชิงลัว สิ่งที่เรามีอยู่ในมือเราก็กลายเป็ของหวานแสนอร่อย”
จุนตงขมวดคิ้วและถามอย่างงงงวยว่า “ผ่านมาหลายวันขนาดนี้ พวกเขาไม่กลัวว่าเราจะกินผลไม้ชิงลัวหมดหรือ ในทางกลับกัน การได้ของล้ำค่าเช่นนี้ต้องหิยให้เรียบสิ อย่าบอกนะว่าจะไม่กิน และรอคนมาแย่งชิงไป”
“เ้าไม่เข้าใจหรือ ต่อให้เรากิน ก็ยังเหลืออีกผลมิใช่หรือ? มันเป็ของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง มีแค่ผลเดียวก็พอแล้ว หากเราไม่กิน ก็เท่ากับได้อีกสามคน” จุนห่าวพูดกับจุนตงยิ้มๆ “ความจริงแล้ว พวกเขาก็แค่บ่นๆ ได้มาก็ดี หาไม่พบก็ไม่เสียหายอะไร ไม่หา ยังไงก็พลาดโอกาสชิงผลไม้ชิงลัวไปต่อหน้าต่อตาแล้ว”
“แม้ว่าจะพบพวกเรา คิดหรือว่าพวกเขาจะฉวยฉกอาหารจากปากของเสือได้? อันที่จริงท่านพ่อและท่านแม่ก็หาใช่ลูกพลับที่อ่อนนุ่มไม่” จุนตงถามต่อ
ฟังคำของจุนตง จุนห่าวถอนหายใจและพูดว่า “บนโลกนี้ มีคนตั้งมากมาย เ้าคิดว่าข้าและแม่เ้าเป็เสือ แต่คนอื่นคิดว่าข้าและแม่เ้าคือหนู เ้าว่าการหยิบอาหารออกจากปากหนูไม่ง่ายอีกหรือ? ท้ายที่สุด มิใช่ทุกคนที่เชื่อว่าพ่อแม่ของเ้ามีพลัง ข่าวลือที่แพร่สะพัดไปนั่น ไม่น่าเชื่อถือที่สุด”
ฟังคำของจุนห่าว จุนตงหัวเราะเฮ่อๆ แล้วพูดว่า “หากพวกเขาคิดว่าท่านพ่อและท่านแม่คือหนู งั้นพวกเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พวกเขาจะตายยังไง”
ฟังคำของจุนตง จุนหนานก็หัวเราะเฮ่อๆ แล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าพวกเขาจะตายยังไง ถูกท่านพ่อท่านแม่สังหารไง”
จุนตงกลอกตามองจุนหนาน และพูดว่า “ไม่ต้องให้เ้าบอกหรอก ทุกคนต่างก็รู้ อยากบอกนะว่าไม่ใช่ท่านพ่อและท่านแม่ที่สังหาร แต่เป็เ้าที่สังหารหรือ”
จุนหนานถามอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมข้าจะสังหารไม่ได้ล่ะ ข้าก็เป็คนเก่งกาจเช่นกัน ท่านพี่ ท่านอย่าดูถูกคนอื่น จากนี้ไปข้าต้องเก่งกว่าท่านแน่”
ฟังคำของจุนหนาน จุงตงก็หัวเราะเฮ่อๆ ที่จุนตง้าจะพูด ล้วนอยู่ในเสียงเฮ่อๆ สองเสียงนี่ ต่างคนเข้าใจคำตอบที่ต่างกัน
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของจุนตง จุนหนานก็ทำหน้าบูดบึ้ง และพูดอย่างไม่มีความสุขว่า “ท่านพี่ ท่านหัวเราะอะไร ท่านแอบหัวเราะเยาะข้ารึ?“
จุนตงหัวเราะเฮ่อๆ อีกครั้ง ความหมายนั้นชัดเจนของมันเอง
จุนหนานโกรธจนหน้าแดง พูดอย่างเดือดดาลว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องแอบหัวเราะเยาะข้า เมื่อข้าโตขึ้น ข้าต้องเก่งกว่าท่านแน่ แล้วข้าต้องหาชายหนุ่มที่เก่งกว่าชายของท่านแน่”
จุนตงพูดอย่างใจเย็นว่า “แล้วแต่เ้า ยังไงข้าก็ไม่คิดเื่แต่งงาน ดังนั้น เ้าหาคนที่เก่งกว่าข้าให้ได้แล้วกัน แค่เกรงว่าเ้าจะผิดหวัง”
ฟังคำของจุนตงและจุนหนาน หานรุ่ยคิดไม่ถึงว่าทั้งคู่จะคุยกันเื่แต่งงานกันแล้ว ดังนั้น หานรุ่ยจึงเปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า “พวกเ้าเลิกพูดกันได้แล้ว มาดูอาหารเถอะ พวกเ้าเพิ่งบอกว่าเราไม่ได้ทานมื้อใหญ่มานานแล้วมิใช่หรือ? งั้นยามนี้ทานอย่างมีความสุขเถอะ”
เด็กทั้งสองฟังคำของหานรุ่ย ดวงตาเปล่งประกาย มองดูบริกรยกสำรับเข้ามาอย่างตั้งใจ บริกรถูกมองจนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย พอวางสำรับลงก็รีบจากไป
จานหนึ่งต่อเนื่องไปอีกจานหนึ่ง จุนห่าวปล่อยสายฟ้าและเสือดาวน้อยออกมาอยู่รวมกับงูเสวียนเทียนและจุนตงจุนหนาน ครู่หนึ่งทุกคนก็ทานอาหารทุกจานบนโต๊ะจนเกลี้ยง
จุนห่าวมองฝูงชนที่สัญจรไปมาบนท้องถนน พูดกับหานรุ่ยว่า “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนเกาะหลานชิง หลายวันมานี้ มีคนจำนวนมากแห่ยังเกาะหลานชิง วันนี้ตอนที่ข้าซื้อตั๋ว มีคนซื้อตั๋วเรือมากมายนัก ได้ยินจากคนที่ขายตั๋วว่า ใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ตั๋วขายหมดเร็วมาก”
ฟังคำของจุนห่าว หานรุ่ยกล่าว “‘งั้นอาจมีบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นแน่ ไม่เช่นนั้นผู้คนมากมายคงไม่หลั่งไหลมายังเกาะหลานชิงมากมายขนาดนี้ อันที่จริงเกาะหลานชิงก็มิใช่สถานที่ที่สำคัญอะไร นอกจากเป็แหล่งกำเนิดของจื่อหยางเกิงจินแล้ว ก็ไม่มีสถานที่พิเศษอื่น ถ้าอย่างนั้น เราลองถามบริกรดูไหม”
จุนห่าวเรียกบริกรเข้ามาคนหนึ่ง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “เกิดอะไรขึ้นที่เกาะหลานชิงอย่างงั้นหรือ? ข้าเห็นคนจำนวนมากต่างรีบไปที่นั่น”
ฟังคำของจุนห่าว บริกรพูดยิ้มๆ ว่า “ก็มิใช่ความลับอะไร เกาะหลานชิงเกิดเื่ใหญ่ขึ้น ก็คือจะมีการเลือกคู่ครองให้แก่คุณหนูสามจากตระกูลอู๋ คนส่วนใหญ่ที่ไปเกาะหลานชิงในขณะนี้ต่างต้องไปเข้าร่วมการเลือกลูกเขยนี้”
ฟังคำของบริกร จุนห่าวก็ร้อง “อ้อ” เขาคิดว่าจะมีอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เป็การเลือกลูกเขยนี่เอง จุนห่าวสูญเสียความปรารถนาที่จะถามต่อ
บริกรมองสีหน้าเจื่อนๆ ของจุนห่าว ก็รู้ว่าจุนห่าวไม่รู้เื่ภายใน เขากล่าวต่อว่า “ได้ยินมาว่า คุณหนูสาม ไม่เพียงงามดุจนางฟ้านาง์ แต่ยังมีพร์ในการบำเพ็ญเพียร ตอนนี้เพิ่งจะอายุ 30 กว่าปี ก็มีลมปราณขั้นที่สิบสองแล้ว แน่นอนว่า เทียบกับชายดุร้ายสองคนนั้นไม่ได้ อันที่จริง การเลือกสามีให้คุณหนูจากตระกูลอู๋ยังมีเื่ภายใน นี่คือเหตุผลว่าทำไมทุกคนต่างดิ้นรน”
เมื่อได้ยินว่ามีเื่ภายใน จุนห่าวตื่นเต้นขึ้น เขาหยิบตั๋วเงินพร้อมส่งให้บริกร จากนั้นเอ่ยถามว่า “เื่ภายในอะไร เล่าให้ข้าฟังที ข้าชอบฟังเื่ภายในที่สุด”
บริกรหนุ่มมองตั๋วเงินที่จุนห่าวมอบให้ เห็นตัวเลขของตั๋วเงินแล้ว พอใจยิ่งนัก เขาเก็บตั๋วเงินอย่างดี ท่าทีที่มีต่อจุนห่าวดีขึ้นไปอีก เอ่ยว่า “ได้ยินว่าตระกูลอู๋มีเรือใหญ่ลำนึง บรรพบุรุษของพวกเขานำกลับมาจากที่ไปแผ่นดินอื่น เรือใหญ่ลำนี้สามารถข้ามทะเลซวีอู๋ได้อย่างปลอดภัย ได้ยินว่าการเลือกลูกเขยของตระกูลอู๋ในคราวนี้ ก็คือการขายตั๋วเรือ ข้ารู้มาแค่นี้ หากท่านสนใจ ไปดูที่เกาะหลานชิงด้วยตัวเองได้”
จุนห่าวสนใจเื่นี้นัก ทว่าเขาไม่จำเป็ต้องถามบริกรต่อ จุนห่าว หยิบตั๋วเงินอีกใบและยื่นให้บริกรหนุ่ม บริกรหนุ่มหยิบตั๋วเงินเดินออกไปอย่างมีความสุข คิดในใจ จากข่าวที่รู้กันดี ก็ทำเงินได้มากมายเพียงนี้ เขาช่างโชคดีจริงๆ
หลังจากบริกรหนุ่มจากไป จุนห่าวก็พูดกับหานรุ่ยว่า “เ้าคิดว่าข่าวนี้เชื่อถือได้ไหม?”
หานรุ่ยครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าวว่า “ยังไงเราก็ต้องไปเกาะหลานชิงอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นเราไปดูกัน หากเป็เื่จริง เราซื้อตั๋วเรือลงเรือ ก็ไม่เลวนัก ยังไงตอนนี้เราก็ยังไม่มีเรือ หากเราสร้างเรือใหม่ ราคาจะยิ่งสูง”
ทั้งสองคนพูดคุยกันครู่หนึ่ง รอพวกจุนตงทานให้เรียบร้อย แล้วพวกเขาก็จ่ายเงินและจากไป
