เมื่อถามคำถามนั้นออกไป จี้เจียงหยวนก็รู้สึกหงุดหงิดเกินทน
ตามคาด เพียงไม่กี่วินาทีสั้นๆ เขาก็ได้เชยชมการแสดงประจำชาติอย่าง ‘การเปลี่ยนหน้ากาก [1] ’ จากแม่ของเขา สีหน้าโปรยเสน่ห์ของหญิงชาวตะวันออกที่ทำให้ชาวต่างชาติลุ่มหลงของจี้หย่า แปรเปลี่ยนเป็น่ากลัวในบัดดล
“ทังหงเอินไปหาลูกที่มหาวิทยาลัยใช่ไหม!”
เธอคิดแล้วว่าทังหงเอินต้องไปหาเขา เอาแต่ขัดความ้าของเธอ ทังหงเอินมักจะทำเื่แบบนี้ตลอด!
ที่แท้แม่ของเขารู้อยู่ก่อนแล้วจริงๆ
ทังหงเอินไม่ได้ตั้งใจไปหาเขาที่มหาวิทยาลัย ครั้งนั้นเขาไปหาเซี่ยเสี่ยวหลาน เื่นี้เซี่ยเสี่ยวหลานเคยบอกไว้แล้ว และจี้เจียงหยวนเชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่ถึงกับต้องกุเื่โกหกกับเขาเช่นนี้
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น สืบเสาะหาความจริงจนตามไปถึงโรงพยาบาล
“เขาไม่ได้มาหาผม ผมเพียงเจอเขาผ่านคนอื่น... ถ้าแม่คิดว่าผมอายุ 19 ปีแล้วก็ยังไม่ควรรู้เื่ที่แม่กับพ่อหย่าร้างกัน ก็คิดเสียว่าเมื่อกี้ผมไม่เคยถาม แม่ครับ แม่ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก ไม่มีใครแย่งตัวผมไปจากแม่ได้แน่นอน”
จี้เจียงหยวนยังจำตอนที่เขาเพิ่งไปอเมริกาใหม่ๆ ได้ดี เขาป่วยหนัก และจี้หย่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอไม่ยอมให้เขาออกจากบ้านตามลำพังเป็ระยะเวลาสองปี ขนาดไปโรงเรียนยังกลัวมีคนมาแย่งตัวเขาไป
จี้เจียงหยวนพูดออกมาช้าเกินไป เพราะจี้หย่าปาโทรศัพท์ตั้งโต๊ะลงกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
แม้แต่แก้วน้ำและจานผลไม้บนโต๊ะน้ำชาก็ไม่รอด
จี้เจียงหยวนเม้มปากแน่น ร่างกายของเขาเกร็งเหมือนคันศรที่ถูกรั้งตึง จี้หย่าสวมรองเท้าแตะเหยียบลงบนเศษกระเบื้อง สุดท้ายจี้เจียงหยวนก็กอดเธอจากด้านหลังแน่น
“ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรถามแบบนั้น อย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลยครับ”
เศษกระเบื้องแทงฝ่าเท้าของจี้หย่า เวลาอาการฮิสทีเรียกำเริบจี้หย่าจะไม่รู้สึกเ็ปทั้งสิ้น ทุกครั้งจึงจบลงด้วยการยอมแพ้ของจี้เจียงหยวน หรือไม่ก็แฟนหนุ่มที่เธอกำลังคบหาอยู่เสมอ
จี้เจียงหยวนรู้ว่าแฟนเก่าหลายคนของแม่นั้นล้วนมีคุณสมบัติดีเลิศ เริ่มแรกก็รักจี้หย่ามาก แม้จะเห็นเธออาการกำเริบก็หาได้ใจนหนีหาย ทว่าคนปกติยากที่จะยอมรับว่าคู่รักของตนสามารถะเิอารมณ์ได้ทุกเมื่อเช่นนี้ หนึ่งปีไม่หนี ผ่านไปสองปีก็ไม่แน่ว่าจะทนไหว... แต่จี้เจียงหยวนหนีไม่ได้ เพราะเขาคือลูกชายแท้ๆ ของจี้หย่า!
หลังจับตัวจี้หย่าให้นั่งบนโซฟา จี้เจียงหยวนก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาอย่างคล่องแคล่ว เขาดึงเศษกระเบื้องออกจากเท้าของเธอ ฆ่าเชื้อ และทำแผลให้อย่างเรียบร้อย
พื้นบ้านสภาพดูไม่ได้แม้แต่น้อย จี้หย่าคลำเจอบุหรี่ที่ตนโยนทิ้งไว้บนโซฟา ก่อนจะจุดมันอีกมวน
หลังผ่านการอาละวาดเมื่อครู่แล้ว สีหน้าของเธอก็กลับมาเป็ปกติอีกครั้ง
ความสวยของจี้หย่าไม่ใช่ใบหน้าที่สวยจัด หากใช้คำพูดของโลกอนาคตมันคือ ‘ความสวยชั้นสูง’ มีเสน่ห์ที่มองอย่างไรก็ไม่เบื่อ จอร์จ แฟนหนุ่มชาวอเมริกันที่กำลังคบหาดูใจหลงใหลท่าทางตอนเธอสูบบุหรี่เป็อย่างมาก
จี้เจียงหยวนนิ่งเงียบ เขาชินกับอาการฮิสทีเรียของจี้หย่าแล้ว
การถามหาความจริงเกี่ยวกับพ่อของเขาในคราวนี้ ทำให้จี้เจียงหยวนล้มเลิกความตั้งใจ คำถามที่ว่าทำไมคนตระกูลจี้ถึงได้เกลียดชังพ่อของเขาอย่างทังหงเอินนัก มันคือคำถามต้องห้าม
บุหรี่ช่วยให้จี้หย่าคิดอะไรๆ ได้ดีขึ้น ความเงียบอันยาวนานระหว่างสองแม่ลูกไม่ได้ส่งผลกระทบกับเธอแต่อย่างใด ตอนนี้เธอกำลังคิดถึงสิ่งที่จี้เจียงหยวนบอก เขาเจอกับทังหงเอินผ่านคนอื่น
‘คนอื่น’ ที่ว่าคือใคร ใครกันที่เป็คนช่วยทังหงเอินเชื่อมสะพานระหว่างเขากับจี้เจียงหยวน?
เพราะทังหงเอินทำงานอยู่ไกลถึงเผิงเฉิง จี้หย่าถึงยอมให้จี้เจียงหยวนกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยที่จีน
หากไม่มีคนคอยส่งข่าว ทังหงเอินจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกชายเธอเรียนอยู่ที่หัวชิง?
จี้หย่าไม่อนุญาตให้ลูกชายแท้ๆ หลุดออกจากควบคุมของตัวเอง สิ่งที่เธอเตรียมไว้ให้จี้เจียงหยวนคือสิ่งที่ดีที่สุด รวมถึงการแต่งงานในอนาคตด้วยเช่นกัน
จี้เจียงหยวนกำลังเก็บกวาดเศษแก้วในห้องรับแขก จู่ๆ จี้หย่าก็กล่าวเสียงอ่อนโยนขึ้นมา
“ที่มหาวิทยาลัยเป็อย่างไรบ้าง มีเพื่อนสนิทบ้างหรือยัง ครั้งก่อนลูกเอาช็อกโกแลตที่บ้านไปให้หนิงเสวี่ยหรือ”
มือของจี้เจียงหยวนหยุดชะงัก
“เปล่าครับ ผมให้เพื่อนคนอื่น”
ช็อกโกแลตกับลูกอม ไม่มีทางที่จี้เจียงหยวนจะเอาไปให้เพื่อนผู้ชายกิน
จี้หย่ารู้ดีว่าสมัยอยู่อเมริกา จี้เจียงหยวนได้รับความนิยมในหมู่เด็กสาวมากเพียงใด หากไม่ใช่หนิงเสวี่ยแล้วจะเป็ใคร? ถ้ามีคนคิดแย่งจี้เจียงหยวนไปจากเธอ ไม่ว่าจะเป็ทังหงเอินหรือคนอื่น เธอไม่มีทางยอมเด็ดขาด
เธอตัดสินใจนัดเจอหนิงเสวี่ย
มีแค่คนตระกูลจี้เท่านั้นที่รู้ว่าจี้หย่ามีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ คนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเธอ ย่อมไม่มีทางสังเกตเห็นความผิดปกตินี้อย่างแน่นอน
หนิงเสวี่ยค่อนข้างยินดีที่ได้เจอกับจี้หย่า
เคยหย่าร้างแล้วอย่างไรเล่า?
เมื่อรู้ว่าชีวิตแต่งงานไม่ราบรื่น ผู้หญิงที่ฝืนทนต่อไปต่างหากคือคนอ่อนแอผู้โง่เขลา ผู้หญิงที่ฉลาดควรหยุดความเสียหายเอาไว้ให้ทันท่วงที แก้ไขการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตนอย่างรวดเร็ว อีกอย่างจี้หย่าสามารถพาจี้เจียงหยวนไปไกลถึงอเมริกา ไม่เพียงยืนหยัดด้วยตัวเองที่นั่นได้ ทั้งยังให้คุณภาพชีวิตที่ดีกับเขาอีกด้วย หนิงเสวี่ยเคยตามคุณปู่หนิงเยี่ยนฝานไปที่อเมริกาสมัยมัธยมปลาย และได้ไปพักที่บ้านของจี้หย่า ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเลื่อมใสในตัวจี้หย่ามาก
จี้หย่าพาหนิงเสวี่ยออกไปทานอาหาร เธอเลือกร้านอาหาร ‘มักซิม’ ที่แม้แต่เส้ากวงหรงก็รู้สึกว่าราคาแพงเกินไป แต่ราคาที่สูงลิ่วหาได้ทำให้ลูกค้าผู้ร่ำรวยเข็ดขยาดไม่ ฤดูหนาวของปี 1984 ชีวิตของผู้คนไม่ได้ลำบากเหมือนเมื่อหลายปีก่อนอีกต่อไปแล้ว แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่เริ่มร่ำรวยเงินทองอย่างเงียบๆ
ในร้านอาหารมีชาวต่างชาติอยู่จำนวนไม่น้อย การตกแต่งและดนตรีของร้าน รวมถึงภาพนู้ดสีน้ำมันที่แขวนประดับตามกำแพง ส่งผลให้ร้านอาหารแห่งนี้ดูมีระดับแตกต่างจากร้านต้มพะโล้ข้างทางอย่างสิ้นเชิง
“อาเสวี่ย ่นี้ทำไมไม่มาที่บ้านบ้างเลยล่ะ”
จี้หย่าพูดคุยกับหนิงเสวี่ยอย่างเป็กันเอง หนิงเสวี่ยกลืนอาหารลงคอก่อนตอบออกไป “คุณน้า เป็ความผิดฉันเองค่ะที่ไปเยี่ยมคุณน้าบ่อยๆ ไม่ได้ การเรียนที่หัวชิงค่อนข้างหนัก นอกจากนี้สุดสัปดาห์ยังต้องทำการบ้านที่คุณปู่สั่งไว้ให้เสร็จด้วย”
หนิงเสวี่ยพูดอย่างเกรงใจ เธอกับจี้เจียงหยวนอยู่ที่มหาวิทยาลัยทำตัวเหมือนคนแปลกหน้า เจอกันก็แทบนับครั้งได้ แถมยังไม่ค่อยได้พูดจากันอีกด้วย
ในสถานการณ์แบบนี้ เธอคงไม่เดินไปบอกจี้เจียงหยวนว่าอยากไปเป็แขกที่บ้านตระกูลจี้น่ะสิ
แต่ทั้งสองตระกูลมีมิตรภาพร่วมกันมาั้แ่รุ่นคุณปู่ หลายสิบปีที่ผ่านมานี้ก็นับว่าคอยช่วยเหลือกันผ่านมรสุมมาตลอด ทว่าพอถึงรุ่นของเธอกับจี้เจียงหยวน จี้เจียงหยวนกลับตีตนออกหากจากเธอ แน่นอนว่าหนิงเสวี่ยบังคับให้จี้เจียงหยวนมาสนิทด้วยไม่ได้ จี้เจียงหยวนปฏิบัติกับเพื่อนนักศึกษาหญิงคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอย่างมีมารยาทและกระตือรือร้น หนิงเสวี่ยเห็นบ่อยครั้งเข้าก็รู้สึกขยาด
ดีที่เธอไม่จำเป็ต้องอาศัย ‘มิตรภาพ’ ของจี้เจียงหยวนมาเป็หลักยึดในการดำรงชีวิตประจำวัน แทนที่จะมามัวยึดติดกับเื่นี้ สู้เอาเวลาไปใช้กับเื่เรียนยังดีเสียกว่า
จี้หย่าเป็คนเซ้นท์แรง
หนิงเสวี่ยดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ที่จริงใส่ใจมากเหลือเกิน
“เจียงหยวนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรู้จักกับเพื่อนใหม่ใช่หรือเปล่า เพื่อนที่สนิทกันเกินเพื่อนทั่วไปน่ะ”
กำลังถามว่าจี้เจียงหยวนมีแฟนหรือเปล่าสินะ?
หนิงเสวี่ยนึกถึงภาพเซี่ยเสี่ยวหลานกับจี้เจียงหยวนเดินด้วยกัน เธอได้พบเจออยู่หลายครั้ง เซี่ยเสี่ยวหลานมีแฟนแล้ว ส่วนแฟนของเธอคือใครนั้นความลับนี้ทั้งมหาวิทยาลัยอาจจะมีแค่หนิงเสวี่ยกับจี้เจียงหยวนเท่านั้นที่รู้ ถึงเซี่ยเสี่ยวหลานจะเสียสมาธิให้กับเื่อื่น แต่หนิงเสวี่ยเพียงรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากพร์ที่มีเท่านั้น และไม่ถึงกับมองเซี่ยเสี่ยวหลานในแง่ร้ายแต่อย่างใด
ถ้าถามว่าใครรู้สึกกับอีกฝ่ายเกินเพื่อน ก็คงเป็จี้เจียงหยวนที่รู้สึกกับเซี่ยเสี่ยวหลานเสียมากกว่า
หนิงเสวี่ยส่ายหน้า “ขอโทษค่ะคุณน้า ฉันไม่เห็นอะไรผิดที่สังเกตเลย เจียงหยวนเข้ากับเพื่อนนักศึกษาทุกคนได้ดีมากค่ะ”
อาการลังเลชั่วเสี้ยววินาทีของหนิงเสวี่ยนั้น ทำให้จี้หย่าได้รับคำตอบในสิ่งที่ตน้า
แสดงว่ามีจริงๆ สินะ
แต่ไม่ว่าอย่างไรเด็กสาวที่ยอดเยี่ยมอย่างหนิงเสวี่ยต่างหากคือคนที่คู่ควรกับลูกชายของเธอ
เชิงอรรถ
[1] ในที่นี้เล่นคำกับคำว่า ‘เปลี่ยนสีหน้า’ ซึ่งใช้คำจีนเดียวกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้