ขณะที่เซียวจวิ้นกับเซียวฉิงมาถึง หิมะห่าใหญ่กำลังโปรยปรายลงมาอย่างหนัก
บนหลังคาเกวียนถูกกองหิมะคลุมทับถมเป็ชั้นหนา
เซียวจวิ้นถูกบิดาของเขาประคองเข้ามาในโรงเตี๊ยม
ประตูโถงใหญ่ของโรงเตี๊ยมเปิดออกกว้าง ลมเหนือพัดวูบวาบเข้ามาเป็ระยะๆ หัวคิ้วของเซียวฉิงขมวดขึ้นจนสามารถหนีบแมลงวันหนึ่งตัวตายได้
เ้าของโรงเตี๊ยมรีบโค้งเอวนำทางพวกเขาเข้าไปยังเขตที่พักที่พี่น้องสกุลหูเหมาไว้ทันที
เจินจูกับผิงอันเพิ่งทานอาหารเช้ากันเสร็จ เห็นลมเหนือหอบเอาหิมะตกลงมาอย่างหนักจนปลิวว่อน ความปรารถนาที่จะออกไปข้างนอกจึงหมดลงอย่างสิ้นเชิง
แม้หน้าหนาวในหมู่บ้านวั้งหลินจะหนาวมากเช่นกัน แต่ที่นั่นไม่ได้มีลมพัดพาที่หอบเอาเศษฝุ่นและเกล็ดหิมะปลิวว่อนหนักหน่วงอย่างในเมืองหลวงเช่นนี้ อีกอย่างเมืองหลวงค่อนมาทางเหนือ อากาศจึงแห้งเป็พิเศษ รวมกับลมเหนือพัดขึ้นหนึ่งที ผิวแก้มของคนมากมายก็ล้วนถูกพัดจนผิวแตกระแหงไปหมดแล้ว
แน่นอนว่าเจินจูกับผิงอันไม่ได้มีความกังวลในเื่นี้ แก้มของพวกเขายังคงดูชุ่มชื้นดี แต่ลมแรงหิมะตกหนัก ควรอยู่ภายในห้องที่มีความอบอุ่นของเตียงอิฐจะดีกว่า
หลัวจิ่งกับหลัวสือซานเมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอกดังเช่นเดิม
เจินจูจูงผิงอันมาต้อนรับพ่อลูกสกุลเซียวที่ห้องรับแขกขนาดเล็กภายในที่พัก
เ้าของร้านนำทางให้เสี่ยวเอ้อมารินน้ำชา หลังจากนั้นยกกระถางไฟที่เผาได้แดงเถือกมาวางอยู่ข้างที่นั่งของเซียวจวิ้นสองกระถาง แล้วถึงถอยออกไปจากห้องรับแขกด้วยความเคารพนบนอบ
“แม่นางหู หลัวจิ่งไม่อยู่หรือ?”
เซียวจวิ้นมาได้ครู่หนึ่ง ยังไม่เห็นวี่แววของหลัวจิ่งจึงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“เขาออกไปั้แ่เช้าตรู่ ข้าก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเขาไปไหนแล้ว” เจินจูตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ
เซียวฉิงใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาซ่อนอารมณ์อยู่ลึกไม่แสดงออกมา เขามองเด็กสาวตรงหน้าเขม็งและเอ่ยปากถาม “หลัวจิ่งมีความสัมพันธ์อย่างไรกับพวกเ้า?”
น้ำเสียงเ็า ทว่าแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามเล็กน้อย
เจินจูเลิกคิ้วงามขึ้น น้ำเสียงนี้ ...เป็การไต่สวนอยู่หรือ?
เซียวจวิ้นสีหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย กล่าวเสียงต่ำราวกับกำลังเตือน “ท่านพ่อ”
“แม่นางหูอย่าได้ตำหนิ ท่านพ่อของข้าฝึกอบรมเหล่าทหารจนเคยชิน ไม่ได้เจตนา ฮ่าๆ”
เขาไกล่เกลี่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มและหัวเราะ
เจินจูชำเลืองมองเขาปราดหนึ่ง สองพ่อลูกคู่นี้ไม่เพียงรูปโฉมต่างกันราวฟ้ากับดิน แม้แต่นิสัยก็ยังคนละทิศคนละทางอีกด้วย
คนหนึ่งแข็งแรงบึกบึนส่วนอีกคนหนึ่งผอมแห้งอ่อนแอ คนหนึ่งเคร่งขรึมเข้มงวดส่วนอีกคนปลิ้นปล้อนรู้จักเอาตัวรอด น่าสนใจยิ่งนัก
นางยิ้มบางๆ หนึ่งที “ความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัวข้าน่ะหรือ หากนายท่านกั๋วกงพบเขา ก็ถามเขาด้วยตัวเองได้เลยเ้าค่ะ”
ผลักเื่นี้ไปให้หลัวจิ่งเสีย ให้เขาไปอธิบายเอาเอง
เซียวฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ข้อแก้ต่างของนางก็ไม่ต่างอะไรกับการไม่กล่าวออกมา เขากำลังจะอ้าปากแต่กลับถูกเซียวจวิ้นมองแวบหนึ่ง เขาจึงปิดปากลงอย่างรู้สำนึกได้
“แม่นางหู อากาศของเมืองหลวงวันต่อๆ ไปจะยิ่งเหน็บหนาวมากขึ้น ไม่ทราบว่าเ้าจะอยู่เมืองหลวงอีกนานแค่ไหนหรือ แผ่นหนังผืนหนาเ่าั้รักษาความอบอุ่นได้ดียิ่ง เ้าสามารถให้ช่างนำไปตัดเย็บเสื้อกันหนาวหนังสัตว์ได้เลย” เซียวจวิ้นชี้ไปยังขนสัตว์หลากชนิดที่กองพะเนินสูงอยู่บนโต๊ะทานอาหารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส
วันนี้เขาออกมาข้างนอกก็คลุมด้วยเสื้อขนจิ้งจอกสีเพลิงตัวใหญ่ไว้ เมืองหลวงเพิ่งมีอากาศหนาวได้ไม่เท่าไร แต่เขารับรู้ได้ถึงความหนาวเย็นเป็อย่างมาก
อีกทั้งบนกายสองพี่น้องสกุลหูสวมไว้เพียงเสื้อกันหนาวสองชั้นบางๆ แม้แต่ผ้าหนังสัตว์สักชิ้นก็ไม่สวม
เจินจูมองเซียวจวิ้นที่ถูกห่อจนตัวกลายเป็หมี หลังจากนั้นมองตัวเองกับผิงอัน แตกต่างอย่างมากดังที่ว่าจริงๆ
“พี่ชายเซียว ข้ากับท่านพี่ไม่หนาว พวกเราร่างกายแข็งแรงดียิ่ง หน้าหนาวล้วนไม่กลัวความหนาวเหน็บ” ผิงอันยิ้มแล้วตบเข้าที่หน้าอกตัวเองเบาๆ
ไม่หนาว? เซียวจวิ้นมองเกล็ดหิมะที่ปลิวว่อนไปทั่วอยู่ด้านนอก
เจินจูเม้มปากยิ้ม นางกับผิงอันไม่ได้รู้สึกว่าหนาวเกินไปจริงๆ เว้นเสียแต่จะออกไปข้างนอกแล้วถูกลมพัดเข้า ดังนั้นหากอยู่ภายในห้องจึงไม่รู้สึกหนาวเลย นางหันไปมองทางบิดาของเขาทีหนึ่ง เจิ้นกั๋วกงก็สวมชุดผ้าไหมผืนหนาด้วยเช่นกัน ไม่ได้อยู่ในระดับที่หนาวเกินจริงเช่นเซียวจวิ้น
ก็คงเป็เช่นนั้น สภาพร่างกายหลอกคนไม่ได้หรอก
เซียวจวิ้นย่อมมองความหยอกเย้าของนางออกได้อย่างว่องไว อดหน้าแดงขึ้นอย่างเสียมิได้ ร่างกายของเขาแย่เกินไปถึงขั้นนั้นจริงหรือนี่ เพราะอย่างนั้นเขาเลยรู้สึกหนาวเป็พิเศษใช่หรือไม่?
“ขอบคุณสำหรับของกำนัลของพวกท่าน พวกข้าจะใช้อย่างดีแน่นอนเ้าค่ะ” นางยิ้มและกู้หน้าคืนให้เขา
“แค่กๆ” เซียวจวิ้นเห็นหญิงสาวยิ้มดวงตาโค้งเป็เสี้ยวพระจันทร์ ฟันขาวเรียงเป็ระเบียบ ทำให้ริมฝีปากอมชมพูดูนุ่มชุ่มชื้นขึ้นไปอีก เขากลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่งแล้วจึงยิ้มอย่างขัดเขินขึ้น
“แม่นางหู ขอบใจพวกเ้าสองพี่น้องที่ช่วยชีวิตจวิ้นเอ่อร์ของข้า พระคุณที่ช่วยชีวิต ทั้งตระกูลแซ่เซียวนี้จะไม่มีทางลืมเลือนอย่างแน่นอน” เซียวฉิงเห็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของบุตรชายอยู่ในสายตา
ในใจของเขาเกิดความตระหนักขึ้นได้ จึงหยัดกายลุกขึ้นยืนและโค้งกายขอบคุณสองพี่น้องสกุลหูอย่างจริงจัง
เจินจูกับผิงอันรีบลุกขึ้นยืนทันที พร้อมแสดงความเคารพกลับไป “นายท่านกั๋วกง นี่เป็สิ่งที่ควรทำอย่างเสียมิได้ เมื่อพบเข้ากับสถานการณ์เช่นนั้น คนส่วนใหญ่ล้วนต้องยื่นมือเข้าไปช่วยอย่างแน่นอน อีกอย่างผู้ที่เข้าไปช่วยเป็หลัวจิ่ง พวกข้าไม่ได้ทำอะไรเลยเ้าค่ะ”
“พวกเ้าไม่ต้องบ่ายเบี่ยง ข้าล้วนฟังจวิ้นเอ่อร์กล่าวมาแล้ว เป็น้องชายของเ้าที่ขี่ม้าเข้าไปช่วยจวิ้นเอ่อร์ออกมา ช่างเป็วีรบุรุษวัยเยาว์จริงๆ อายุไม่มากแต่ความกล้าหาญและวรยุทธ์ไม่ธรรมดาเลย” เสียงของเซียวฉิงทุ้มต่ำมีพลัง
ผิงอันหัวเราะด้วยความเขินอายทันที เกาศีรษะพร้อมกล่าว “ข้าแค่บังเอิญพบเข้าเองขอรับ ส่วนสำคัญที่สุดคือพี่ชายเซียวมีผู้คุ้มกันที่เก่งกาจกล้าหาญและจงรักภักดีทุ่มเทสุดชีวิตคอยปกป้องเขาอยู่ ข้าเพียงถือโอกาสพาเขาเดินทางออกมา่ระยะทางหนึ่งเท่านั้นเองขอรับ”
สองฝ่ายยืนกล่าวเกรงอกเกรงใจอย่างเ้ามาข้าไปหนึ่งรอบ แล้วจึงกลับมานั่งที่ประจำได้
เซียวฉิงถือโอกาสขณะที่พูดคุย สังเกตพี่สาวน้องชายตรงหน้าอย่างละเอียด สองคนหน้าตาคล้ายคลึงกันสี่ถึงห้าส่วน เด็กสาวสดใสสวยสง่า สีหน้าท่าทางมีความมั่นใจในตัวเองและดูสุขุม ไม่มีความขลาดกลัวเลยแม้แต่นิด แม้จะจ้องสบสายตากับเขา ดวงตาก็กลมโตมั่นคงไม่หลุกหลิกหลุบลง ช่างไม่เหมือนแม่นางน้อยทั่วไปเลยจริงเชียว กิริยาท่าทางทั่วทั้งกายทำให้เขาประหลาดใจอยู่ข้างใน ไม่แปลกใจเลยที่ในวันนั้นจะกล้าบอกให้เขาหลบทางให้บนถนน
ส่วนเด็กชายใบหน้าสง่างาม เอียงอายมีชีวิตชีวา อากัปกิริยาสงบ มีความเรียบง่ายอยู่เล็กน้อยแต่ไม่ขี้ขลาด
“แม่นางหู ได้ยินมาว่าในหมอนที่เ้ามอบให้แก่จวิ้นเอ่อร์ เป็หญ้าสงบจิติญญาซึ่งมีเพียงในหุบเขาไท่หางเท่านั้นเองหรือ?” จุดประสงค์ที่เขาเร่งรีบมาเยี่ยมสองพี่น้อง ประการแรกคือมากล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ ประการที่สองคือมาเพื่อหญ้าสงบจิติญญา
เจินจูกะพริบตา และตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “ก็ไม่แน่หรอกเ้าค่ะ แต่มันหาได้ยากมากจริงๆ หลายปีมานี้ ข้าเองก็ขุดมาได้เพียงเล็กน้อยเช่นกัน”
เซียวฉิงขมวดคิ้วขึ้นตามความเคยชิน สองวันมานี้ที่เซียวจวิ้นกลับมายังจวน ได้อาศัยหมอนหญ้าสงบจิติญญา อาการปวดศีรษะและนอนหลับยากถึงได้ดีขึ้นไม่น้อย การนอนหลับในตอนกลางคืนยิ่งดีขึ้นมากอย่างผิดปกติ
หญ้าสงบจิติญญาชนิดนี้ เขาแบ่งออกมาจากหมอนเล็กน้อย นำไปให้ท่านหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังทำการวินิจฉัย ท่านหมอหลายคนล้วนกล่าวเป็เสียงเดียวกัน ว่าไม่เคยได้ยินวัตถุดิบสมุนไพรชนิดนี้มาก่อน แต่ผลของมันทำให้ลมปราณสงบ จิตใจผ่อนคลายและรักษาอาการนอนไม่หลับ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าวัตถุดิบสมุนไพรที่ใช้ผ่อนคลายจิตใจทั่วไปเป็เท่าตัว ท่านหมอเ่าั้ล้วนแล้วแต่ทยอยกันถามแหล่งที่มาของหญ้าสงบจิติญญากันทั้งสิ้น
ในขณะเดียวกันเซียวฉิงที่รู้สึกสบายใจขึ้น ก็กลับเป็ทุกข์ใจขึ้นมาอีก เพราะหญ้าสงบจิติญญาชนิดนี้หาได้ยากอย่างมาก
กว่าจะหาสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเซียวจวิ้นสักชนิดเจอได้ไม่ง่ายเลย กลับเป็ชนิดที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นและตามหาได้ยากเสียนี่
“ไม่เคยมีชาวบ้านคนอื่นเก็บได้เลยหรือ?” เขาซักถามต่ออย่างไม่ตายใจ
“อ่า... อันดับแรก ชาวบ้านที่รู้จักหญ้าชนิดนี้ค่อนข้างมีน้อยนัก รองลงมา หญ้าสงบจิติญญาพบเห็นได้น้อยมากจริงๆ กลิ่นหอมของมันบริสุทธิ์และส่งไปไกล ง่ายต่อการดึงดูดเหล่าสัตว์น้อยแต่ละชนิดมาแทะเป็อาหาร ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีชาวบ้านคนอื่นที่เคยเก็บได้เลยเ้าค่ะ” เจินจูคิดหาเหตุผลไว้ดีแล้ว ต่อให้เขาส่งคนไปค้นหา เมื่อหาไม่เจอก็จะเป็เื่ปกติ
เซียวฉิงจ้องนางเขม็ง ้ามองความจริงเท็จในคำพูดที่กล่าวออกมาจากสีหน้าของนาง
เจินจูไม่ได้หวาดกลัวเขา จึงกอบถ้วยน้ำชาขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางไม่สะทกสะท้าน
“ท่านพ่อ!” เซียวจวิ้นตวาดบิดาของเขาหนึ่งที “ไม่ใช่ว่าเคยคุยกันแล้วหรือ ว่าสิ่งนี้หาได้ยากอย่างมาก อาจพบเจอได้แต่ไม่สามารถเรียกร้องมาได้ [1] ท่านหยุดบีบบังคับผู้อื่นในสิ่งที่เป็ไปได้ยากเสียทีเถอะขอรับ”
เซียวฉิงเม้มปากแน่นไม่กล่าวอะไร
เซียวจวิ้นลอบถอนหายใจอยู่ข้างใน เพื่อสุขภาพของเขาแล้ว บิดาตนจะรอบคอบและใส่ใจมากเป็พิเศษ
ก่อนเดินทางกลับ เซียวฉิงได้เชื้อเชิญสองพี่น้องไปเป็แขกที่จวนกั๋วกง แต่เจินจูปฏิเสธออกมาอย่างสุภาพ กล่าวเพียงว่าพวกนางพักอยู่เมืองหลวงไม่นาน ต้องเร่งกลับไปเอ้อโจวก่อนปีใหม่ ไว้มีโอกาสค่อยไปเยี่ยมเยียนอีกทีหนึ่ง
เซียวฉิงไม่ได้บีบบังคับอีก เพียงมอบจี้หยกมันแพะสีละมุนชิ้นหนึ่งให้พวกนาง บอกพวกนางว่าหากต่อไปมีเื่ลำบากอะไร สามารถไปหาเขาที่จวนเจิ้นกั๋วกงได้เลย หากอยู่ในขอบเขตที่ช่วยเหลือได้ สกุลเซียวจะให้การช่วยเหลืออย่างแน่นอน
เจินจูไม่ได้ปฏิเสธอย่างไร้เหตุผลอีก เพียงรับจี้หยกมาและกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ
เซียวฉิงขี่ม้าเคียงข้างกับรถม้าของเซียวจวิ้น
“จวิ้นเอ่อร์ เ้าไม่ใช่เคยบอกไว้ว่าที่ตัวของหลัวจิ่งยังมีหญ้าสงบจิติญญาอีกเล็กน้อยหรือ?”
“ท่านพ่อ หลัวจิ่งไม่มีทางให้ท่านอย่างแน่นอน เขาก็หวงแหนดังของล้ำค่าเช่นกันขอรับ” เซียวจวิ้นเคยหมายปองกระเป๋าใบเล็กติดตัวของหลัวจิ่งเช่นกัน แต่เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก หลัวจิ่งผู้นั้นก็เดาความคิดของเขาออกได้แล้ว ตอนนั้นเขาถูกสายตาเ็ามองตรงมาอย่างไม่ปิดบังพร้อมคำปฏิเสธทันที
เซียวฉิงใบหน้ามืดครึ้มลง หลานชายของบัณฑิตฮั่นหลินหลัวหรงชาง เขามีความทรงจำอยู่เล็กน้อย อ่อนกว่าเซียวจวิ้นไม่เท่าไร เมื่อก่อนเป็เด็กชายแสนซุกซนอยู่ไม่นิ่งผู้หนึ่งเลย ครั้งก่อนตอนอยู่บนถนน เขาจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย ไม่ได้สำรวจดูผู้คุ้มกันที่เดินทางติดตามมาด้วยให้ละเอียด แต่กวาดตามองคร่าวๆ อยู่หนึ่งครั้ง เห็นชายหนุ่มรูปงามเด่นสะดุดตา ใบหน้าสุขุมเยาว์วัยผู้หนึ่งที่อยู่ในนั้น ...คงเป็เขาแน่แล้ว
สกุลหลัว เมื่อสี่ปีก่อนถูกองค์ไท่จื่อค้นบ้านยึดทรัพย์และฆ่าล้างตระกูล ความแค้นมากมายมหาศาลเพียงนี้ เขาต้องอยากแก้แค้นแน่นอนกระมัง
เซียวฉิงคิดถึงคำรายงานของพานเชียนซานขึ้น คนชุดดำที่ไล่ล้อมคง้าจับเซียวจวิ้นไปเป็ๆ แล้วใช้เพื่อคุกคามเขา ให้เชื่อฟังคำสั่งขององค์ไท่จื่อ
มือที่กุมบังเหียนของเขากำแน่นขึ้นทันที
องค์ไท่จื่อหานเซี่ยน
เดิมทีเขาไม่เคยคิดจะเข้าร่วมการโต้แย้งข้อพิพาทขององค์รัชทายาทเลย แต่หานเซี่ยนเอาแต่บีบเขาให้ออกไปอยู่ตลอด เหอะ! ยอดเยี่ยมยิ่งนัก อุปนิสัยดุร้าย สายพระเนตรตื้นเขิน จิตใจคับแคบ คนเช่นนี้ไม่เหมาะกับการขึ้นเป็ฮ่องเต้ในอนาคต
เซียวฉิงแววตาเย็นเยียบขึ้นทันที บนกายแผ่ความหนาวเหน็บกระจายออกมาเป็พักๆ
เขาโบกมือขึ้น ผู้คุ้มกันด้านหลังรีบตบม้าขึ้นมาทันที
“ไปรอที่หน้าประตูโรงเตี๊ยมกว่างฟา ให้หลัวจิ่งมาพบข้า”
ผู้คุ้มกันรับคำและจากไปอย่างรวดเร็ว
ข่าวรั่วไหลที่มีประโยชน์เล็กน้อยนี่ คงจะมากพอให้แลกเปลี่ยนกับหญ้าสงบจิติญญาของเด็กผู้นั้นได้กระมัง
“ท่านพ่อ ท่านห้ามไปสร้างความยุ่งยากให้แก่เขาเพียงเพราะเื่ของข้า เขาในตอนนี้ก็ลำบากมากแล้วนะขอรับ” เซียวจวิ้นชะโงกออกมาจากหน้าต่างเกวียนพลางกล่าวโน้มน้าวบิดาของเขา “แม่นางหูไม่ใช่กล่าวแล้วหรือ ว่าหญ้าสงบจิติญญาเ่าั้สามารถใช้ได้อีกนานเลย”
“ในใจข้ารู้ดี เขาก็นับเป็ผู้ช่วยชีวิตเ้าคนหนึ่ง พ่อไม่มีทางทำอะไรเขาหรอก” เซียวฉิงกล่าวปลอบเขา หญ้าสงบจิติญญาหาได้ยากแม้เขาจะส่งคนเข้าไปค้นหาในส่วนลึกของหุบเขาไท่หางได้ แต่ในกรณีที่หาไม่พบล่ะ ฉะนั้นหญ้าสงบจิติญญาเล็กน้อยส่วนนั้นก็ยังพอยืดเวลาออกไปได้หน่อย
เซียวฉิงมองสีคล้ำจางๆ ใต้ตาบุตรชาย นี่เป็สภาพที่ดีที่สุดของเขาในหลายปีมานี้แล้ว สามารถนอนหลับอย่างสงบจิตสบายใจได้สักตื่น สำหรับเขาคงเป็เื่ที่หาได้ยากอย่างมาก
ผลของหญ้าสงบจิติญญามหัศจรรย์เพียงนี้ ต่อให้ที่ตัวหลัวจิ่งมีเพียงไม่กี่ต้น เขาก็ต้องคิดหาหนทางอย่างสุดกำลังเพื่อให้ได้มา
หลัวจิ่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยมก็ปาเข้าไปยามซวี [2]
เจินจูที่กำลังจะเข้าพักผ่อน เมื่อได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งออกไป
“ทำไมวันนี้กลับมาช้าเพียงนี้?” นางยืนห่างกันเพียงกั้นไว้ด้วยทางเดินและถามเขาขึ้น
หลัวจิ่งเห็นนางสวมเพียงชุดผ้าไหมตัวหนาวิ่งออกมา คิ้วดำขมวดจนกลายเป็เส้นเชื่อมต่อกันหนึ่งขีด
เมืองหลวงยามเข้าสู่หัวค่ำ แม้หิมะที่ตกหนักจะเริ่มหยุดลงแล้ว แต่อากาศจะยิ่งเย็นขึ้น
่ขาสูงยาวสองข้างของเขา ก้าวข้ามมาจากทางเดินอีกฝั่งด้วยก้าวใหญ่ แค่ไม่กี่ก้าวก็มาถึงข้างกายนาง หลังจากนั้นเอื้อมมือไปจับแขนของนางให้เข้าไปภายในห้อง และหมุนตัวกลับไปปิดประตูลง
เจินจูกะพริบดวงตากลมโต นางเพียงถามว่าทำไมเขาถึงกลับมาเอาป่านนี้เท่านั้นเอง เหตุใดถูกเขาจูงกลับมาในห้องตัวเองได้ล่ะ
เขาคิดจะทำอะไร?
เชิงอรรถ
[1] อาจพบเจอได้แต่ไม่สามารถเรียกร้องมาได้ หมายถึง ของสิ่งนั้นเป็ของที่หาได้ยากมาก ต่อให้พบแล้วก็ต้องมีวาสนาที่จะให้ได้ด้วย
[2] ยามซวี คือ เวลา 19.00 น. - 20.59 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้