หลินเฟิงจ้องเขม็งไปที่ดอกบัวสีดำขนาดั์ ซึ่งดูคล้ายกับภาพมายาที่กำลังหยุดดาบของเขาไว้
แต่หลินเฟิงยังคงมีใบหน้าสงบนิ่ง อีกทั้งดวงตาสีเทาก็ดูเฉยเมยอย่างน่าประหลาด ผ่านไปไม่นานริมฝีปากของเขาก็ขยับและมีเสียงลอดออกจากปาก
“ไม่สามารถทำลายได้งั้นหรือ?”
เมื่อสิ้นเสียงอันเยือกเย็นของหลินเฟิง ทันใดนั้นเพลงดาบร่วงโรยที่รุนแรงกว่าเดิมพลันตัดผ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า
ดาบมรณะเป็ทักษะระดับลี้ลับ มีความแม่นยำสูงมากเมื่อเทียบกับทักษะระดับพิภพ
หลินเฟิงหลับตาลง จากนั้นดาบของเขาได้ส่งเสียงหึ่งๆ แต่ไม่มีคลื่นดาบพวยพุ่งออกมา แต่เพียงชั่วพริบตาดาบของหลินเฟิงกลับสั่นสะท้านราวกับมีชีวิต
“หืม?” แววตาของเฮยม่อดูประหลาดใจ เมื่อเห็นดาบเล่มนั้นที่อยู่บนดอกบัวสีดำ
“แกร๊ก!”
ทันใดนั้นได้มีเสียงหนึ่งดังจากเหนือดอกบัวสีดำขนาดใหญ่นั่น และมันได้ปรากฏรอยแตก ทำให้เฮยม่อต้องตกตะลึง
“สลายไปซะ!”
หลินเฟิงะโออกมา จากนั้นเจตจำนงการสังหารที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมได้ทำลายดอกบัวสีดำในพริบตา และดาบของหลินเฟิงยังพุ่งเข้าหาเฮยม่อต่อไป ซึ่งตอนนี้เขาไม่อาจหยุดการโจมตีของหลินเฟิงได้
เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องตกตะลึง ดอกบัวสีดำของเฮยม่อได้ถูกทำลายลงไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าเพียงดาบเดียวของหลินเฟิงจะสามารถทำลายดอกบัวสีดำเ่าั้ลงได้ง่ายๆ
“เพลงดาบช่างทรงพลังนัก นี่สิถึงจะเรียกว่านักดาบ สามารถตัดผ่านได้ทุกสิ่ง ไร้ซึ่งหนทางป้องกัน”
หัวใจของเฮยม่อสั่นระรัวมากกว่าเดิมและสีหน้าก็ยิ่งบิดเบี้ยว เมื่อครู่เขายังภาคภูมิใจในตัวเองอยู่เลย ทว่าตอนนี้คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะทำให้ดอกบัวสีดำของเขาสลายไปได้
“เพียงแค่ดาบเดียว ข้าก็ไม่สามารถป้องกันได้”
เฮยม่อจ้องมองดาบอันทรงพลังที่พุ่งมาหาเขา เขารู้ทันทีว่าไม่สามารถหลบมันได้ จากนั้นสิ่งที่ดูเหมือนเปลวเพลิงสีดำก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา เขารวบรวมดอกบัวสีดำจนมีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่งแล้วส่งมันตอบโต้กับหลินเฟิง
“ตูม!!!” ดาบและดอกบัวสีดำเข้าปะทะกัน คาดไม่ถึงว่าแสงสีขาวและสีดำที่เจิดจ้าได้ผสานเข้าด้วยกัน จนเวทีประลองในตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างที่น่าสะพรึง
เฮยม่อและหลินเฟิงต่างยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ผู้คนต่างมองตาค้าง หัวใจของพวกเขาเต้นระรัวและสงสัยว่า การโจมตีครั้งนี้ใครเป็ฝ่ายชนะ?
“อึก... ตูม!!!”
ในตอนนั้นเองได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา จากนั้นฝูงชนต่างใเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของเฮยม่อฉีกขาด และหน้าอกของเขาก็มีเืไหลออกมา
ทางด้านหลินเฟิง เสื้อผ้าของเขาก็ฉีกขาดเช่นกัน อีกทั้งปรากฏรอยช้ำจำนวนมากบนร่างกายของเขา
การโจมตีรอบนี้ ทั้งคู่ต่างก็ได้รับาเ็
“อย่างที่คิด เฮยม่อแข็งแกร่งกว่ากงหลุนและคนอื่นๆ มากนัก” หลินเฟิงพึมพำ ก่อนหน้านี้เฮยม่อรู้ดีว่าไม่ว่าสามารถหลบทักษะดาบร่วงโรยได้ เขาจึงไม่พยายามหลบมัน แต่เขาก็ไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใดแล้วเลือกวิธีโจมตีกลับไปเพื่อต้านพลังเอาไว้ แต่มันก็ทำให้เขาได้รับาเ็เช่นกัน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เฮยม่อที่ได้รับาเ็ก็ได้ขยับตัวและจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงทันที
“ข้ายอมรับว่า… ข้าประเมินเ้าต่ำไป เ้ามีคุณสมบัติถึงกับทำให้ข้าต้องใช้พละกำลังขนาดนี้ได้” เฮยม่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ทำให้ฝูงชนต่างประหลาดใจ เฮยม่อแข็งแกร่งและทรงพลังมาก แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะยังแสดงพลังออกมาไม่หมด ถ้าเขาแสดงพลังออกมาทั้งหมดล่ะก็... มันจะน่ากลัวขนาดไหนกัน?
ประกายแสงวาบผ่านดวงตาหลินเฟิง เขามองเฮยม่อและกล่าวอย่างเ็าว่า “เ้าจะหยุดพล่ามได้หรือยัง?”
“ั้แ่เริ่มต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ เ้าบอกว่าข้าไม่มีคุณสมบัติพอ ถ้าอย่างนั้นาแบนร่างของเ้ามาจากไหนกัน?”
หลินเฟิงกล่าวด้วยเสียงเ็า คำพูดของเฮยม่อทำให้เขาไม่ชอบใจนัก ต้องเป็คนมีคุณสมบัติเท่านั้น ถึงทำให้เขาต้องใช้พลังออกมาทั้งหมด? นั่นแสดงให้เห็นว่าั้แ่ต้น เฮยม่อเป็คนที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายมาก
“แล้วเ้าจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด” เฮยม่อกล่าวอย่างเฉยชาก่อนจะเงยหน้าขึ้น จากนั้นเปลวเพลิงสีดำก็ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ดอกบัวสีดำขนาดเล็กได้หมุนรอบร่างของเฮยม่อ
“ผสาน” เฮยม่อกล่าวเสียงเบาแต่หนักแน่น จากนั้นดอกบัวสีดำก็เริ่มผสานเข้ากับิัและกล้ามเนื้อของเฮยม่อ ทันใดนั้นิัของเฮยม่อก็ปรากฏเส้นเืสีดำ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คน
ดูเหมือนในตอนนี้ ผู้คนต่างเข้าใจความหมายที่คลุมเครือของคำว่า ‘เฮยม่อ’ ได้ทันที
เจตจำนงการทำลายล้างอันทรงพลังได้ถูกปลดปล่อยจากร่างของเฮยม่อ หลายคนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ว่าตอนนี้ทั้งร่างกายของเขาราวกับเป็เปลวเพลิงทมิฬแห่งความตาย เหมือนกับว่าสามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่ง
แต่สิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุดก็คือ ลมปราณของเฮยม่อที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ตูม!!!” หัวใจของผู้คนพลันสั่นสะท้าน ขอบเขตจิติญญาขั้นที่ 7! คาดไม่ถึงว่าลมปราณของเฮยม่อในตอนนี้จะอยู่ระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 ช่างเป็ลมปราณที่น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
“นี่สินะคือไพ่ตายของเฮยม่อที่ยังไม่ได้เผยออกมา จิติญญาเพลิงทมิฬและการผสานเปลวเพลิง คาดไม่ถึงว่าความแข็งแกร่งของเขาจะทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 แล้ว ช่างน่ากลัวยิ่งนัก หลินเฟิงต้องตายแน่ๆ”
ไม่มีใครสามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้ เฮยม่อที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ก็ว่าน่ากลัวแล้ว แต่นี่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 เพราะฉะนั้นแล้วพวกเขาไม่อยากคิดเลยว่าตอนนี้จะน่ากลัวขนาดไหนกัน แค่การโจมตีเดียวของหลินเฟิงจะสามารถทำให้เขาได้รับาเ็ได้หรือไม่
หลินเฟิงเองยังต้องตะลึงลาน “นี่มันเล่ห์กลอะไรกัน? คาดไม่ถึงว่าจะดูดกลืนเพลิงทมิฬ เพื่อเพิ่มระดับการบ่มเพาะของตนเอง?”
“ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7” หลินเฟิงพึมพำ แม้เขาจะรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของเฮยม่อได้เพิ่มขึ้นในเวลาสั้นๆ แต่เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ นี้ เฮยม่อสามารถทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 ได้ ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
อวี่โฉวยิ้มขณะมองไปที่เวทีประลอง และกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หลินเฟิงต้องตายแน่ๆ”
หลังจากนั้น มีบางคนในตระกูลเนี่ยก็ได้กล่าวว่า “คาดไม่ถึงว่าเนี่ยเอ๋อร์จะสามารถก้าวหน้าไปได้ขนาดนี้ แบบนี้คงได้ตายตาหลับแล้ว”
ในตอนนี้ไม่มีใครเชื่อว่าหลินเฟิงจะชนะการต่อสู้ หลายคนต่างคิดว่าหลินเฟิงจะต้องตายอย่างแน่นอน
เฮยม่อกำลังมองหลินเฟิงด้วยสายตาเหยียดหยาม และกล่าวว่า “เ้าบังคับให้ข้าต้องใช้เคล็ดวิชาเพลิงเขมือบได้ เ้าจงภูมิใจในตัวเองซะ แต่ไม่ว่าอย่างไรเ้าก็ต้องตายอยู่ดี”
หลินเฟิงยังคงเงียบขรึม ในขณะเดียวกันสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ได้อยู่ในสมองของเขาหมดแล้ว รวมถึงลมปราณที่ทรงพลังของเฮยม่อด้วย จากนั้นหลินเฟิงได้กระชับดาบยาวในมือไว้แน่น เขาเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งและแทงไปข้างหน้า ซึ่งดาบนี้เป็ดาบที่ดูธรรมดาๆ
“หึ” เฮยม่อแสยะยิ้ม เปลวเพลิงทมิฬกลายเป็กระแสน้ำวนและเคลื่อนไปขวางดาบของหลินเฟิงไว้ ซึ่งดาบนี้ดูเหมือนจะสามารถป้องกันได้ง่ายๆ แต่ในขณะนั้นดาบของหลินเฟิงได้เริ่มสั่นสะท้านอีกครั้ง
ดาบของหลินเฟิงทะลวงกำแพงเพลิงทมิฬไปได้ แล้วยังพุ่งไปที่หน้าอกของเฮยม่ออีกด้วย ลมปราณสังหารที่แหลมคมและทรงพลังได้ทะลวงเข้าสู่ร่างกายของเฮยม่อ
“เป็ไปไม่ได้…” สีหน้าของเฮยม่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย ลมปราณที่น่าสะพรึงกลัวได้ปะทุออกจากร่าง และมือของเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทันใดนั้นแรงกดดันที่น่ากลัวก็พุ่งเข้าหาร่างของหลินเฟิง
“เงาสังหาร! ตายซะ!”
หลินเฟิงที่มีสีหน้าเคร่งขรึมได้คายประโยคหนึ่งออกมา ทันใดนั้นร่างของเขาก็กลายเป็เงามายา แม้ระยะห่างจะสั้นแต่ยังคงปรากฏร่างเงามายาให้เห็น จากนั้นดาบของหลินเฟิงได้พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
“ฉึก…”
ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ดาบของหลินเฟิงทะลวงผ่านชั้นิัของเฮยม่อ ดาบของเขาแทงทะลุร่างเฮยม่อ
“ตูม!!!”
ผู้คนต่างตกตะลึงกับฉากนี้ พวกเขาไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองว่ามันเป็ได้อย่างไร? มันเป็ได้อย่างไรกัน?
ตอนที่การบ่มเพาะของเฮยม่อเพิ่มขึ้นและยังทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 ผู้คนต่างคิดว่าหลินเฟิงจะต้องถูกเฮยม่อสังหารอย่างแน่นอน และเฮยม่อน่าจะสังหารหลินเฟิงได้ง่ายดาย ทว่าหลินเฟิงยังคงมีท่าทีนิ่งสงบ และการกระทำของเขาก็ทำให้ผู้คนยากที่จะลืมเลือนเหตุการณ์นี้ออกไปได้ เหตุการณ์ที่เขาใช้เพียงดาบเดียวแทงทะลุร่างของเฮยม่อจนตายได้
แววตาของอวี่โฉวก็ตกตะลึงเช่นกัน คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะสามารถแทงเฮยม่อได้
“เยี่ยนเอ๋อร์”
ผู้นำตระกูลเนี่ยลุกขึ้นยืน แต่รอยยิ้มเมื่อครู่ยังคงแข็งค้างอยู่บนใบหน้า และมองฉากตรงหน้าด้วยแววตาตกตะลึง นี่… นี่มันเป็แบบนี้ไปได้อย่างไร?
“อ๊าก…!!!”
เสียงที่ออกจากปากของเฮยม่อนั้นราวกับว่าไม่ใช่เสียงของมนุษย์ ผมของเขายุ่งเหยิง ขณะนั้นได้มีเส้นสีดำปกคลุมร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่องและกระตุ้นให้ลมปราณมรณะแผ่ออกจากร่างกาย
“ตาย!”
เฮยม่อคำราม กำปั้นที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างพุ่งใส่หลินเฟิง ทันใดนั้นดาบก็หลุดจากมือหลินเฟิงจนเขาต้องถอยร่นไป จากนั้นกำปั้นที่น่าหวาดกลัวได้ทิ้งรอยช้ำสีดำไว้บนหน้าอกของหลินเฟิง แล้วเสื้อผ้าของเขาก็ถูกทำลายไป
“อัก!” มุมปากของหลินเฟิงมีเลือกออกมา เฮยม่อในตอนนี้กำลังตรงมาหาเขาอย่างกับคนบ้า เมื่อมาถึงด้านหน้าหลินเฟิง เขาก็เหวี่ยงหมัดออกไปจนร่างของหลินเฟิงต้องกระเด็นออกไป และอาเจียนออกมาเป็เื
“ตาย!”
เฮยม่อในตอนนี้ถูกครอบงำไปด้วยความบ้าคลั่ง คาดไม่ถึงว่าเพียงดาบเดียวของหลินเฟิงจะสามารถแทงเขาได้ ถ้าหากพลาดไปนิดเดียวดาบของหลินเฟิงก็จะแทงทะลุหัวใจเขาแน่นอน
เฮยม่อเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เขาดูราวกับปีศาจร้ายตัวจริง เขา้าสังหารคนตรงหน้าในตอนนี้
ในขณะนั้นจู่ๆ แรงกดดันอันรุนแรงและทรงพลังก็กระจายไปทั่วเวทีประลอง แต่ละย่างก้าวที่ทรงพลังของเฮยม่อทำให้ผู้คนต่างต้องแข็งทื่อ พวกเขามองไปยังด้านหลังของหลินเฟิง ไม่ไกลจากเขาได้ปรากฏร่างของหญิงสาวที่ดูศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์อย่างมาก เธอเดินเข้าหาหลินเฟิงช้าๆ
“นางอีกแล้ว” ฝูงชนต่างนึกประหลาดใจ ดูเหมือนว่านางพร้อมโจมตีทุกเมื่อ ในท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนว่าหลินเฟิงจะไม่สามารถต่อกรกับเฮยม่อได้ แต่นางก็ไม่ได้โทษหลินเฟิงแต่อย่างใด เฮยม่อนั้นแข็งแกร่งเกินไป ที่หลินเฟิงต้านมาได้ถึงขนาดนี้ และเกือบสามารถสังหารเฮยม่อได้ แค่นี้ก็น่าภูมิใจมากแล้ว นั่นจึงไม่มีใครอยากพูดดูถูกเขา
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนน่าประหลาดใจก็คือ หลินเฟิงกำลังคุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวกับหญิงสาวด้านหลังว่า “ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
เมิ่งฉิงจ้องเขาด้วยสายตาแปลกๆ นางอยากปฏิเสธเพราะไม่อาจปล่อยให้หลินเฟิงตายไปต่อหน้าต่อตา
ขณะนั้นหลินเฟิงได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาดูเป็ชายที่เด็ดเดี่ยวและยึดมั่นในศักดิ์ศรีของตัวเอง
“ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย หากวันนี้พ่ายแพ้ ข้าก็ยินดีตายอย่างภาคภูมิ” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ แต่กลับทำให้ผู้คนต้องะเืใจกับคำว่า ‘ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย’
สู้เพื่อชัยชนะหรือไม่ก็ตกตายไป
เขาหลับตาลง ทุกสิ่งรอบข้างก็ได้ปรากฏในสมองของหลินเฟิงอย่างชัดเจนอีกครั้ง ความรู้สึกที่สามารถควบคุมได้ทุกสิ่งกำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง
“จิติญญาแห่ง์”
หลินเฟิงพึมพำในใจ เขาเริ่มรู้สึกได้ว่าััสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในขณะนั้นร่างกายเขาเริ่มสั่นสะท้านอีกครั้ง ดวงตาของเขาในตอนนี้กำลังมองไปที่คัมภีร์์ แม้จะไม่ได้ปลดปล่อยจิติญญาแห่งคัมภีร์์ออกมา แต่เขากลับเห็นคัมภีร์์ได้ชัดเจน มันค่อยๆ เปิดไปทีละหน้าช้าๆ
และในหน้าแรกนั้น ได้มีดาบเล่มหนึ่งลอยอยู่บนหน้านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้