การที่หลินเฟิงสังหารเคอเฉิงลงได้นั้น เป็เพราะว่าเคอเฉิงประมาทและประเมินหลินเฟิงต่ำไป
อย่างไรก็ตามเมื่อจู่หนิงได้เห็นการตายของเคอเฉิงด้วยตาของตัวเอง เขาก็เลิกดูเบาหลินเฟิง และทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อจัดการกับหลินเฟิง จู่หนิงปลดปล่อยจิติญญาออกมา แต่ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือก็ถูกหลินเฟิงสังหารอย่างง่ายดาย
“ชายคนนี้แข็งแกร่งมาก! เขาสังหารได้แม้กระทั่งจู่หนิง ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเขามาก่อน?”
ตอนนี้เองฝูงชนที่ยืนดูการต่อสู้อยู่ก็พากันซุบซิบขึ้นมา เมื่อเห็นหลินเฟิงสามารถสังหารจู่หนิงได้ในกระบวนท่าเดียว
“ฮ่าๆๆ เ้าไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาถึงไม่รู้จักเขา? ก็คนนั้นไง คนที่มีชื่อเสียงในสำนักเทียนอี้ตอนนี้น่ะ”
“ยะ… อย่าบอกนะว่าเขาคือหลินเฟิง!” ดวงตาของผู้พูดเบิกกว้างเล็กน้อย “หลินเฟิงที่ท้าประลองกับเฮยม่อคนนั้นอ่ะนะ!!!”
“หลินเฟิง!”
ดวงตาของอวี๋เจียวสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อนึกถึงคำพูดที่บรรยายเกี่ยวกับตัวหลินเฟิง ผู้เชี่ยวชาญดาบที่อายุเพียง 16-17 ปี เด็กหนุ่มผู้บ้าระห่ำและเชื่อมั่นในตัวเองสูง ตอนนี้เอง หัวใจของอวี๋เจียวพลันสั่นสะท้านขึ้นมา
“แม้ระดับการบ่มเพาะจะอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 แต่สามารถสังหารเคอเฉิงและจู่หนิงได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นเขามาก่อน คนคนนี้ต้องเป็หลินเฟิงแน่นอน”
อวี๋เจียวเกิดความคิดที่จะหนีขึ้นมา ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะของนางจะอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 เหมือนเคอเฉิงและจู่หนิง แต่ในด้านการต่อสู้แล้วนางด้อยกว่าทั้งสองคนอย่างเห็นได้ชัด หลินเฟิงสังหารเคอเฉิงและจู่หนิงได้อย่างง่ายดาย ตัวนางก็คงไม่คณนามือเขาเช่นกัน!!!
เมื่อเห็นหลินเฟิงชี้ปลายดาบมาที่นาง หัวใจของอวี๋เจียวพลันเต้นโครมครามด้วยความกลัว
“พวกเราไม่ได้มีความแค้นต่อกัน หากเ้า้าห้องฝึกข้ายกให้เ้าเลยก็ได้ ไม่จำเป็ต้องรังแกหญิงสาวอ่อนแอเช่นข้าหรอก”
อวี๋เจียวยิ้มและพยายามหว่านเสน่ห์ใส่หลินเฟิง แต่หลินเฟิงเพียงแค่นเสียงหัวเราะอย่างเ็า ในเวลาแบบนี้นางยังมีหน้ามายิ้มอยู่อีก หัวใจของนางช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“ตอนแรกเ้ากับข้าก็ไม่ได้มีความแค้นใดๆ ต่อกัน แต่เมื่อกี้นี้หากข้าอ่อนแอกว่าสองคนนี้ เกรงว่าคนที่ต้องตายก็คงเป็ข้า บอกมาสิว่าข้าจำเป็ต้องเวทนาหญิงสาวที่อ่อนแออย่างเ้าอยู่ไหม? เ้าไม่คิดว่าคำพูดของเ้ามันน่าหัวเราะเลยหรือ?” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็าขณะเดินไปหา
“แล้วเ้า้าอะไร?” อวี๋เจียวถาม
“ทำลายการบ่มเพาะของตัวเองซะ” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส หากปล่อยผู้หญิงคนนี้ไป นางคงไปสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นเหมือนที่นางทำกับสองคนนั้น
ทำลายการบ่มเพาะ!
อวี๋เจียวสั่นสะท้าน มันไม่ง่ายเลยกว่าจะสามารถบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ได้ แต่สุดท้ายต้องมาถูกทำลายเพราะเื่แค่นี้?!
“ไม่มีทางเลือกอื่นเลยหรือ?” อวี๋เจียวถามอย่างน่าสงสาร
“ไม่มี” หลินเฟิงตอบกลับอย่างหนักแน่น ไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนความคิดแต่อย่างใด
สีหน้าของอวี๋เจียวพลันแข็งทื่อขึ้นมา นางกัดฟันแน่นก่อนตวาดออกมาว่า “มารดาเ้าเถอะ!!! อย่าให้มันมากนักนะ!!!”
พูดจบอวี๋เจียวก็พลิ้วร่างผ่านฝูงชนไปยังห้องฝึกอีกด้าน แล้วชกไปที่ประตูจนเกิดเสียงดังปังขึ้นมา! จากนั้นนางก็ตระเวนชกประตูอีก 3 ห้อง
ฝูงชนพากันหลบฉากอย่างรวดเร็วจนเกิดที่ว่างตรงกลางขึ้นมา หลินเฟิงก้าวเท้าไปยังพื้นที่ว่าง ขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงบานประตูทั้ง 4 บานเปิดออก พร้อมกับร่างของบุรุษทั้ง 4 คนเดินออกมา บนชั้น 3 มีห้องฝึกอยู่แค่ 8 ห้อง เดิมทีมีห้องว่างอยู่ 2 ห้อง ก่อนจะว่างเพิ่มอีก 2 ห้อง เนื่องจากเคอเฉิงกับจู่หนิงถูกหลินเฟิงสังหารไปแล้ว เมื่อทั้ง 4 คนออกมาจากห้อง ก็เท่ากับว่าตอนนี้บนชั้น 3 มีห้องว่างทั้งหมด 8 ห้อง
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าแย่งชิงห้องไป คนที่สามารถจับจองห้องฝึกบนชั้นสามได้ ล้วนแล้วแต่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งทั้งนั้น ไม่มีใครอยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงแย่งห้องแน่นอน
“อวี๋เจียว เ้า้าอะไร?”
เมื่อชายกลุ่มนั้นเห็นอวี๋เจียวยืนอยู่นอกห้อง ก็อดขมวดคิ้วถามไม่ได้
“มีคน้าสังหารข้า” อวี๋เจียวกล่าว
“สังหารเ้า?” ดวงตาของชายทั้ง 4 ฉายแววประหลาดใจออกมา มีคนทำร้ายดอกไม้งามได้ลงคอด้วยเหรอ?!
“มีคน้าสังหารเ้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกข้า?” หนึ่งในนั้นกล่าวติดตลก
“กงหลุน เ้าช่างเืเย็นจริงๆ” อวี๋เจียวขยิบตาให้กงหลุนอย่างยั่วยวน ก่อนกล่าวต่อ “ถ้าข้าตายไป แล้วใครจะอยู่เล่นกับพวกเ้าล่ะ?!”
“เล่น?” ดวงตาของกงหลุนฉายแววชั่วร้ายขึ้นมา ขณะกวาดสายตามองเรือนร่างของอวี๋เจียวและกล่าวว่า “ถ้าหากเ้าไม่ตาย ข้าจะมีโอกาสได้เล่นกับเ้าจริงๆ หรือ?”
อวี๋เจียวกะพริบตามองกงหลุนอย่างยั่วเย้าแล้วพูดว่า “ถ้าหากเ้า้าจะเล่นกับข้า เ้าก็ต้องทำอะไรบางอย่างให้ข้า”
“โอ้?” กงหลุนแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “เ้าคงไม่คิดจะให้ข้าทำเื่ที่เป็ไปไม่ได้หรอกนะ?”
“ข้าแค่้าให้เ้าช่วยสังหารชายคนนั้น หากเ้าทำได้ ข้าก็จะเล่นกับเ้าในคืนนี้” อวี๋เจียวหัวเราะคิกคัก ขณะมองพวกเขาด้วยสายตามีเลศนัย ทำให้ในใจของทุกคนเกิดความปรารถนาขึ้นมา
“พวกเ้าทั้ง 3 ก็เช่นกัน หากใครสามารถสังหารเขาได้ ข้าก็จะนอนกับคนนั้น” อวี๋เจียวกล่าวกับ 3 คนที่เหลือขณะชี้ไปที่หลินเฟิง
กงหลุนและอีก 3 คนที่เหลือตาเป็ประกายขึ้นมา นี่เป็ข้อเสนอที่เย้ายวนใจมากๆ
“หากข้าเข้าใจไม่ผิด ทั้งเคอเฉิงและจู่หนิงล้วนถูกเขาสังหาร หากเ้า้าให้พวกเราสังหารเขา มันจะไม่เป็อันตรายสำหรับพวกเราหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ในหอฝึกฝนแห่งนี้มีกฎห้ามสังหารศิษย์คนอื่นๆ” หนึ่งในนั้นถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“สองคนนั้นตายด้วยน้ำมือของเขาจริงๆ ชายคนนี้อยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 และมีอำนาจแห่งดาบ เขาใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองมาข่มเหงข้า เพื่อชิงห้องฝึกไปจากข้า แล้วพวกเ้าจะให้ข้าทนได้หรือ ดังนั้นข้าจึงขอให้เคอเฉิงและจู่หนิงจัดการเขา แต่ใครจะรู้ว่าสองคนนั้นจะกระจอกขนาดนี้ ทั้งเคอเฉิงและจู่หนิงต่างถูกสังหารในดาบเดียว”
“ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 และมีอำนาจแห่งดาบ?” กงหลุนรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เนื่องจากเขาไม่เคยเห็นฝีมือของหลินเฟิงจึงทำใจเชื่อได้ยาก
“ใช่ ถ้าหากเ้าไม่เชื่อ เ้าลองถามคนอื่นดูก็ได้” อวี๋เจียวรู้ดีว่ากงหลุนคงไม่เชื่อคำพูดของนาง จึงพูดแบบนี้ออกมา ทำให้กงหลุนหันไปมองฝูงชนที่ยืนหลบอยู่ข้างๆ
ตอนนี้เองหลินเฟิงที่ยืนมองพวกเขาเงียบๆ ก็พูดแทรกขึ้นอย่างเ็าว่า “พวกเ้าคุยกันจบหรือยัง?”
“หืม?” กงหลุนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ก่อนหันกลับมามองหลินเฟิง
“ถ้าพวกเ้าคุยจบแล้วก็หลีกไป” ทันใดนั้นเองหลินเฟิงก็ปลดปล่อยลมปราณที่เย็นเยือกออกมา พร้อมกับอำนาจแห่งดาบที่เจือไปด้วยจิตสังหารอันหนาวเหน็บ ดวงตาของกงหลุนเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนกลับมาเป็ปกติ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ฝึกยุทธ์ในระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 ถึงสามารถสังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ธรรมดาๆ ได้ เนื่องจากมีอำนาจแห่งดาบที่ทรงพลังนี่เอง แต่ถึงอย่างนั้นจู่หนิงและเคอเฉิงก็เป็สวะของแท้ ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกฆ่าตายได้ง่ายแบบนี้
“เ้าไม่คิดว่าตัวเองหยิ่งยโสเกินไปหรือ?” กงหลุนแสยะยิ้มและกล่าวต่อไปว่า “พูดตามตรง ถึงแม้ว่าขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 จะแข็งแกร่งอยู่บ้าง แต่ในสายตาของข้า มันไม่นับว่าเป็อะไรได้ การที่เ้าสามารถสังหารเคอเฉิงและจู่หนิงได้ มันคงทำให้เ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติมาอวดดีต่อหน้าพวกข้าได้งั้นสิ? ข้าขอบอกเอาไว้เลยว่า ถ้าหากเ้าคิดแบบนั้นจริง เ้าคงเป็แค่คนโง่เท่านั้น จู่หนิงกับพวกข้ามันคนละชั้นกัน”
“พูดจบหรือยัง?” หลินเฟิงไม่สนใจในสิ่งที่กงหลุนพูด น้ำเสียงเฉยชาของหลินเฟิง ทำให้กงหลุนไม่พอใจขึ้นมา ไอ้หมอนี่… มันกล้าดีอย่างไรมาหักหน้าข้า!!!
“พูดจบแล้วก็ไสหัวไปซะ”
หลินเฟิงก้าวเท้าออกไป ขณะที่ลมปราณได้ทวีความหนาวเย็นออกมา
“เ้านี่มัน... ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจริงๆ” สีหน้าของกงหลุนเ็าขึ้นมา “ข้าตกลงตามนั้น อวี๋เจียว เ้าจำสิ่งที่เ้าพูดเอาไว้ด้วย”
“ฮิๆๆ ถ้าหากเ้าสามารถสังหารเขาได้ คืนนี้ข้าจะเล่นกับเ้าเอง รับรองว่าเ้าต้องพอใจมากแน่ๆ”
อวี๋เจียวยิ้มและหันไปพูดกับ 3 คนที่เหลือว่า “พวกเ้าก็เหมือนกัน หากใครสามารถสังหารเขาได้ คืนนี้ข้าจะไปอยู่กับคนนั้น”
สามคนที่เหลือต่างจ้องมองหลินเฟิงอย่างชั่วร้าย พวกเขาค่อยๆ เดินเข้าหาหลินเฟิงช้าๆ ดูก็รู้ว่าพวกเขามีเจตนาไม่ดีแน่ ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5? มีอำนาจแห่งดาบ? แล้วอย่างไร?! มันเป็ไปไม่ได้ที่หลินเฟิงจะรับมือพวกเขาทั้งหมดพร้อมกันได้
“เ้าไม่เพียงแย่งชิงห้องฝึกของคนอื่นเท่านั้น แต่ยังกล้าสังหารคนที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเ้าเข้าใจกฎของที่นี่ไม่ดีพอ ดังนั้นพวกข้าจะเป็ตัวแทนของสำนักเทียนอี้ลงโทษเ้าเอง” กงหลุนกล่าว
“ข้าเนี่ยนะไม่เข้าใจกฎ? หึ! พวกเ้ามีสิทธิ์อะไรมาสลักคำว่า ‘หวงห้าม’ หน้าประตูห้อง? หากพวกเ้าไม่อนุญาตคนอื่นก็ห้ามใช้ห้องงั้นเหรอ? นอกจากนี้พวกเ้าสามารถสังหารคนอื่นได้ แต่กลับไม่อนุญาตให้คนอื่นตอบโต้?! ข้าถามหน่อยว่าใครเป็คนตั้งกฎนี้ขึ้นมา?” หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า
“ความแข็งแกร่ง” กงหลุนแสยะยิ้มอย่างเ็า ขณะกล่าวต่อไปว่า “มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติตั้งกฎขึ้นมา และมีสิทธิ์ที่จะสลักคำว่า ‘หวงห้าม’ หน้าประตูห้องได้ หากพวกข้าไม่อนุญาต ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ห้อง! แม้แต่ไอ้สวะสองตัวที่ถูกเ้าฆ่า และตอนนี้ข้าจะสังหารเ้าซะ เพราะนี่คือกฎของข้า”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
หลินเฟิงยิ้มจางๆ เขาเดินเข้าไปหากงหลุนและแทงดาบออกไป
กระบวนท่านี้ดูเรียบง่าย ไม่มีอำนาจแห่งดาบหรือลมปราณใดๆ แฝงอยู่ในกระบวนท่า เป็แค่การแทงธรรมดาเท่านั้น แต่เพียงพริบตาเดียว ดาบก็ฟันไปถึงตัวของกงหลุนแล้ว
กงหลุนแสยะยิ้มเมื่อเห็นดาบของหลินเฟิงฟันเข้ามา แต่รอยยิ้มของเขาก็พลันชะงักค้าง เมื่อััได้ถึงพลังโจมตีรุนแรงที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ หัวใจของกงหลุนเริ่มเต้นไม่เป็จังหวะ เมื่อเห็นปลายดาบกำลังแทงเข้ามา กงหลุนพยายามหลบการโจมตีนี้ ทว่ามันสายไปแล้ว!!! ดาบของหลินเฟิงแทงทะลุอกของกงหลุน ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลายเป็บิดเบี้ยวด้วยความเ็ป
กงหลุนถูกสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“การสังหารเ้าก็คือกฎของข้าเช่นกัน” น้ำเสียงเฉยชาของหลินเฟิงดังก้องอยู่ในหูของฝูงชน ทำให้หัวใจทุกคนเต้นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง นี่คือกฎ… กฎของหลินเฟิง!!!