ก่อนที่จะหาจวินเหยียนเจอ อวิ๋นซีก็รู้สึกราวกับใบหน้าตนแข็งค้างไปแล้ว นางไม่อาจไม่มีมารยาทได้ จึงต้องคอยยิ้มน้อยๆ ตอบกลับทุกคนที่กระตือรือร้นเข้ามาทักทาย สาวใช้ที่ตามอยู่ด้านหลังจึงทนไม่ไหว รีบพูดขึ้น “ฮูหยินเ้าคะ จริงๆ แล้วท่านไม่จำเป็ต้องไปสนใจคนพวกนี้ก็ได้เ้าค่ะ”
“พวกเขาล้วนเป็คนมีใจกระตือรือร้น มีน้ำใจ แล้วเหตุใดข้าจักต้องทำลายน้ำใจของทุกคนด้วย” นางไม่ใช่คนไร้เหตุผล อีกทั้ง จวินเหยียนเองก็เคยพูดไว้ ผู้เช่าในหมู่บ้านบนนี้ล้วนพูดจาด้วยง่าย ทั้งยังมีน้ำใจ จิตใจดี
ทว่า หากเจอคนจากหมู่บ้านล่างละก็ จักต้องพึงระวังไว้ เหตุเพราะคนหมู่บ้านล่างนั้นมีมาก ดังนั้น ทั้งคนดีและไม่ดีย่อมมีปะปนกันมากมายเป็ธรรมดา ซ้ำร้ายยังอาจมีบางคนที่ละโมบโลภมากจนน่ารังเกียจ
ตอนนั้นเมื่ออวิ๋นซีได้ยินคำของจวินเหยียนแล้วก็หัวเราะ ในโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่ละโมบจนน่ารังเกียจ เพียงแต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่าถึงจุดใดควรหยุดเมื่อไรควรพอ และแม้คนที่มีเมตตาจะพูดจาด้วยง่ายก็จริง แต่คนเ่าั้คงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
เมื่อสาวรับใช้ได้ฟังคำของอวิ๋นซีก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ปกติแล้วฮูหยินมีตระกูลทุกคนก็ล้วนมีเหตุมีผลเช่นนี้ใช่หรือไม่? หรือว่า ฮูหยินผู้นี้ของตนจะถือเป็ข้อยกเว้น?
อวิ๋นซีเดินไปกับสาวใช้อยู่อีกพักหนึ่งจึงได้เจอกับจวินเหยียน ยามนั้นเขากำลังยืนตัวตรง สองมือไพล่หลังอยู่ข้างผืนนา อีกทั้ง ข้างกายเขายังมีคนยืนอยู่ด้วยสองสามคน คนเ่าั้ต่างหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเขาเป็ระยะๆ ซึ่งอวิ๋นซีเดาว่า พวกเขาคงจะเป็ผู้มีฝีมือในการปลูกมันเทศที่เชิญมาจากแดนใต้
เดิมทีจวินเหยียนกำลังฟังคนเหล่านี้พูดคุยถึงสถานการณ์ทั่วไปและเื่ราวเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์มันเทศน้อย แต่จู่ๆ เมื่อได้เห็นเงาร่างสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นในคลองสายตา ใบหน้าเรียบเฉยของเขากลับเผยรอยแย้มยิ้มอยู่หลายส่วน จากนั้นก็ไม่ได้สนใจคนที่กำลังพูดอยู่เ่าั้อีกเลย และทำเพียงก้าวยาวๆ ไปทางอวิ๋นซี “ฮูหยิน”
อวิ๋นซีเห็นท่าทีเช่นนี้ของเขาก็เผลอขมวดคิ้ว คนผู้นี้มาสังเกตการณ์จริงหรือ? เหตุใดนางถึงได้รู้สึกว่าเขาออกมาขายรอยยิ้มกันนะ?
“นายท่าน ไม่ใช่ว่าท่านกำลังคุยกับพวกเขาเื่การเพาะปลูกอยู่หรือ พอเห็นข้ามาก็รีบวิ่งมาทางนี้แล้ว ทำเช่นนี้จะดีจริงหรือ? ” นางเหลือบมองไปทางคนกลุ่มนั้นที่อึ้งงันไป อย่างไรเสียสาวใช้ก็ได้แจ้งแก่นางว่า หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งเป็หัวหน้าผู้ดูแลสวนแห่งนี้ ดังนั้น หากคนเป็หัวหน้าก็ย่อมแสดงว่าต้องเคยเจอจวินเหยียนมาก่อนอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้น ยามที่จวินเหยียนอยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ยังมีท่าทีเคร่งขรึมและเด็ดขาดเป็อย่างยิ่ง
คนเ่าั้คงถูกการกระทำเช่นนี้โดยกะทันหันของเขาทำให้ใไปเสียแล้ว
จวินเหยียนมองตามสายตานางไป ก่อนจะหยุดอยู่ที่ด้านหลังตน จากนั้นก็ยิ้มบางๆ “พวกเขาตื่นใเกินไป”
“นั่นก็เพราะว่าท่านทำเกินเหตุเกินไปต่างหาก เมื่อครู่คนกำลังรายงานเื่งานให้ท่านฟัง ตัวท่านก็ควรจะตั้งใจฟังพวกเขาสักหน่อย ใช่หรือไม่” อวิ๋นซีกลอกตาใส่เขาไปทีหนึ่ง “หรือว่า วันหน้าท่านอยากจะกลายเป็บุรุษที่ถูกล่อลวงด้วยความงามโดยง่าย”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินแล้วก็หัวเราะ จากนั้นจึงมายืนเคียงไหล่นาง “หากว่า สตรีที่ล่อลวงข้าคนนั้นคือเ้า ข้าก็ยินดีเป็อย่างยิ่ง”
“ฝันไปเถอะ” อวิ๋นซีแค่นเสียงเ็า และรีบสาวเท้าไปด้านหน้า มองเพียงปราดเดียวนางก็แน่ใจแล้วว่า คนที่เดินอยู่ตรงหน้าผู้นี้คือหัวหน้าที่นี่ หลี่เสวี้ยน
พวกเขาเองก็คาดเดาสถานะของอวิ๋นซีออกแล้วเช่นกัน จึงพากันรุดหน้ามาคารวะ “คารวะฮูหยิน”
อวิ๋นซียิ้มน้อยๆ “ลำบากพวกท่านแล้ว”
ทุกคนต่างตื่นตะลึงไปตามๆ กันเมื่อได้รับความเมตตาจากนายหญิงอย่างคาดไม่ถึงเล็กน้อย พวกเขาล้วนเป็ผู้เช่าย่อมเคยเห็นบรรดาเ้าคนนายคนจากตระกูลใหญ่มามาก ทว่าเ้านายที่มีท่าทีพูดง่ายและมีสีหน้าปรีดาปรองดองเช่นนี้เพิ่งจะเคยเจอเป็ครั้งแรก
“พวกเ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก พูดเื่ที่ต้องพูดต่อไปเถิด” อวิ๋นซียิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ไปยืนอยู่ด้านหลังจวินเหยียนราวกับเป็ภรรยาแสนดีผู้อ่อนโยนเชื่อฟัง
ในบรรดากลุ่มคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า คนแรกที่สามารถดึงสติให้กลับมาได้คือหลี่เสวี้ยน เขามองไปทางจวินเหยียน จากนั้นก็เริ่มพูดต่อ “หากนายท่านฉินคิดว่าสิ่งที่พวกเราพูดไปเมื่อครู่ถือว่าใช้ได้ เช่นนั้นพวกเราก็จักทำไปตามนั้น ทว่า อีกสองเดือนกว่าก็จะเข้าฤดูหนาวแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้จะเพาะพันธุ์มันเทศน้อยออกมาได้ พวกเราก็ไม่อาจนำมาเพาะปลูกต่อได้นะขอรับ”
อวิ๋นซีขบคิด ฤดูหนาวที่หานโจวมาเร็วกว่าพื้นที่ทางใต้อยู่มาก โดยปกติเมื่อเข้าปลายเดือนเก้า บางพื้นที่ในแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้ก็จะเริ่มมีหิมะตกแล้ว นางขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเสนอแนะ “เื่เหล่านี้ล้วนมิใช่ปัญหา สิ่งที่พวกเ้าต้องทำคือการพยายามเพาะเมล็ดพันธุ์มันเทศออกมาให้ได้ ส่วนเื่ที่เหลือก็ให้ข้าจัดการเอง”
แม้แต่จวินเหยียนก็ยังอดหันไปมองอวิ๋นซีไม่ได้ “ฮูหยิน ถึงแม้เดือนเก้าที่จางเจียวานนี้จะไม่ถึงขั้นมีหิมะตก ทว่าอากาศก็หนาวยิ่ง เช่นนั้นเราจะยังปลูกมันเทศได้อยู่อีกหรือ? ”
“ทำไม นายท่านฉินกำลังสงสัยในคำพูดของข้าหรือ? ” เมื่อคิดถึงตรงนี้ อวิ๋นซีก็อดยิ้มมองไปทางเขาไม่ได้
จวินเหยียนมองเห็นความมั่นใจในดวงตาของนาง จากนั้นจึงยิ้มน้อยๆ และกล่าวตอบ “ไม่มีเื่เช่นนั้นหรอก หากฮูหยินบอกว่าได้ ก็ต้องได้ ส่วนพวกเ้าก็ไปดำเนินการตามแผนเมื่อครู่ก็แล้วกัน”
หลี่เสวี้ยนเห็นว่านายท่านฉินเชื่อฟังคำของฮูหยินเพียงนี้ ในใจก็ไม่เข้าใจเป็อย่างมาก ทั้งยังลอบวาดหวังว่า ทุกคนคงจะไม่ต้องเปลืองแรงกายแรงใจ และสูญเสียเมล็ดพันธุ์มันเทศไปเปล่าเพื่อดำเนินการตามแผนนี้ และการกระทำของพวกเขาจะไม่กลายเป็เื่ตลกเื่หนึ่ง
“ขอรับ พวกเราทราบแล้ว” หลี่เสวี้ยนพยักหน้า พวกเขาล้วนเป็ผู้เช่าในนามเท่านั้น แต่ในความจริงแล้วต่างเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาของนายท่านฉิน มิเช่นนั้นคนในหมู่บ้านบนนี้จะปรองดองได้ถึงเพียงนี้หรือ ทั้งหมดทั้งมวลเป็เพราะพวกเขาล้วนเป็บ่าวผู้มีนาย อีกทั้งยังผ่านการฝึกฝนมาแล้วทั้งสิ้น เป้าหมายของพวกเขาจึงมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ การภักดีต่อผู้เป็นาย
อวิ๋นซีและจวินเหยียนพากันเดินมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้าน ขณะนั้นนางก็เอ่ยถามเสียงเบา “ที่นี่ มิใช่หมู่บ้านธรรมดาใช่หรือไม่? ” เดินวนมาแล้วรอบหนึ่ง หากว่านางยังมองไม่ออกอีก นั่นก็นับว่าโง่มากแล้ว
คนในหมู่บ้านบนทั้งหมดนี้ล้วนสามารถปิดบังลมหายใจและบรรยากาศรอบกายตนได้ นางจึงรับประกันได้เลยว่า คนเหล่านี้จะต้องเป็ผู้มีวรยุทธ์
“เ้านี่ฉลาดจริงๆ ” จวินเหยียนอดหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาไม่ได้ “ไว้กลับถึงเรือนเมื่อไร ข้าจะค่อยๆ เล่าให้เ้าฟัง”
อวิ๋นซีเบะๆ ปาก “ทำเป็มีลับลมคมใน” ถึงกระนั้นนางก็ยังแปลกใจจริงๆ สถานที่ในเมืองอู้มีมากมาย แต่เหตุใดเขาจึงต้องเลือกจางเจียวาน อีกทั้ง หมู่บ้านบนแห่งนี้ยิ่งพิศไปก็ยิ่งอดไม่ได้ให้แปลกประหลาดใจ แท้จริงแล้วจวินเหยียนผู้นี้ยังมีเื่อีกเท่าไรที่มิอาจบอกให้นางรับรู้ได้ หรือก็คือ ทุกสิ่งที่นางเห็นในยามนี้เป็เพียงซอกหลืบหนึ่งของูเาน้ำแข็งทั้งก้อนใช่หรือไม่
คนทั้งสองเพิ่งกลับมาถึงหน้าประตูเรือนก็เห็นเอ้อนีเร่งติดตามเด็กผู้หนึ่งที่ดูโตกว่านางนิดหน่อยออกไป ทันทีที่อวิ๋นซีเห็นเพ่ยเอ๋อร์ที่กำลังไล่ตามออกมาก็รีบเอ่ยถาม “เกิดอันใดขึ้น? ”
“เด็กน้อยที่เพิ่งมาเมื่อครู่นี้มีนามว่าต้านีเอ๋อร์ เป็พี่สาวของเอ้อนีเ้าค่ะ นางมาตามเอ้อนีให้รีบกลับไป เพราะมารดาของพวกนางคลอดบุตรยาก เกรงว่าคนจะไม่อาจฝืนทนต่อไปได้แล้ว” เมื่อเพ่ยเอ๋อร์พูดถึงตรงนี้ สีหน้าพลันเศร้าหมอง มารดาของนางเองก็เกิดเื่ขึ้นตอนที่คลอดนางออกมาเช่นกัน ดังนั้น ทุกๆ ครั้งที่ต้องได้ยินว่ามีคนคลอดลูกแล้วเกิดเื่ขึ้น ใจของเพ่ยเอ๋อร์ก็ให้รู้สึกเกินจะรับไว้
จวินเหยียนพูดขึ้นขัด “ฮูหยิน วิชาแพทย์ของเ้าดีมากมิใช่หรือ พวกเราไปดูคนที่หมู่บ้านล่างกันเสียหน่อยก็ย่อมดี หากว่าเราสามารถช่วยอะไรได้ อย่างน้อยๆ ก็ถือเสียว่าเป็การสั่งสมบุญบารมีให้บุตรสาวเรา”
เมื่ออวิ๋นซีฟังแล้วก็มองเขาไปทีหนึ่ง บุรุษผู้นี้คงไม่ได้คิดอะไรง่ายดายดังปากว่าแน่ ถึงกระนั้นตัวนางเองก็ตั้งใจจะไปดูหมู่บ้านล่างด้วยตนเองเสียหน่อย ส่วนเขาก็จักต้องตามไปด้วย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็เกิดสนใจในหมู่บ้านล่างของจางเจียวานขึ้นมาไม่น้อย “เพ่ยเอ๋อร์ ไปหยิบกล่องยาของข้ามา พวกเราจะไปหมู่บ้านล่างกัน”
“เ้าค่ะ” เพ่ยเอ๋อร์รู้มาตลอดว่าวิชาแพทย์ของฮูหยินนั้นล้ำเลิศ ดังนั้น หากได้ฮูหยินช่วย มารดาของเอ้อนีก็จะไม่เป็อะไรแล้วใช่หรือไม่?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้