“คุณชายจ้านกล่าวมิผิด พวกเราก็คือคนของตระกูลหลิ่วแห่งเมืองหลวง พวกเราและตระกูลเจิ้งเหมือนน้ำกับไฟ สิ่งใดก็ตามที่ทำลายพลังอำนาจของตระกูลเจิ้ง พวกเราทุกคนต่างล้วนให้ความสนใจมาก นี่คือเหตุผลที่ไฉนพอพวกเราฟังคุณชายพูดถึงการแสดงดีๆ ของตระกูลเจิ้งก็คิดจะมาชมดูทันที” เหยียนควนก็ไม่ปิดบัง
“ตรงไปตรงมาดี ข้าจ้านอู๋มิ่งชอบคบค้าสมาคมกับคนที่ตรงไปตรงมาที่สุด” จ้านอู๋มิ่งลอบพยักหน้า เหยียนควนผู้นี้ปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความจริงใจ ทำตัวง่ายๆ ตรงไปตรงมา ความแค้นบาดหมางระหว่างตระกูลหลิ่วและตระกูลเจิ้ง เขาทราบอย่างชัดเจนในชาติภพที่แล้ว สาเหตุหลักการล่มสลายตอนท้ายสุดของตระกูลหลิ่วสืบเนื่องเพราะตนนั่นเอง ชาติภพที่แล้วตนติดค้างตระกูลหลิ่วและติดค้างหลิ่วหว่านอวี๋ ก็ขอใช้คืนให้ในชาตินี้เถอะ จ้านอู๋มิ่งขว้างกระดูกที่แทะจนเกลี้ยงแล้วลงไปในหุบเขาพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะเพิ่มไฟใต้หุบเขาอีกหน่อย รั้งคนตระกูลเจิ้งทั้งหมดไว้ที่นี่”
“ข้าไม่ทราบว่าคุณชายจ้านมีแผนใด? ถ้าเป็เช่นนี้ พวกเรายินดีเชื่อฟังคำสั่งของคุณชายจ้าน” เหยียนควนพูดอย่างเคร่งขรึมจริงจัง เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้คนตระกูลหลิ่วนำกลุ่มโดยเหยียนควน คุณหนูใหญ่ตระกูลหลิ่วเพียงแค่ถือโอกาสมาท่องเที่ยวชมทิวทัศน์เท่านั้นเอง
จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ กล่าวว่า “พวกท่านเหลือเพียงห้าคนแล้ว ต่อให้ระดมไปทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์ ท่านไม่เห็นว่าราชันาสี่ดาวและราชันาสามดาวของผู้อื่น ยังคงมีพลังในการต่อสู้อีกหรือ พวกเราหกคนรวมกันยังไม่สู้มือผู้อื่นสองคน นอกจากนี้ยังมีราชันาระดับหนึ่งดาวอีกสองคน”
เหยียนควนฝืนยิ้ม สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งพูดมามิใช่จะไม่มีเหตุผล ถึงแม้ตนจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ แต่ว่าต่อให้ราชันาระดับสี่ดาวและราชันาสามดาวของตระกูลเจิ้งสูญเสียพลังไปมากก็ตาม เนื่องด้วยระดับขอบเขตที่แตกต่างกัน หากปะทะกันซึ่งหน้า ไม่อาจครองความได้เปรียบแม้แต่น้อยจริงๆ
“ยังคงขอให้คุณชายเป็ผู้ออกคำสั่ง” เหยียนควนใจเย็นและสงบลง ไม่เร่งรีบที่จะแสดงออกแล้ว ลองฟังแผนการของจ้านอู๋มิ่งดูก่อน
“เื่การฆ่าคน ข้าผู้นี้ไม่ชอบลงมือด้วยตนเองตลอดมา เื่ราวที่โหดร้ายทารุณเช่นนี้ ข้าชายหนุ่ม อ่อนโยนเช่นดอกไม้ ไหนเลยจะสามารถทำออกมาได้ ปกติข้ามักจะดื่มเมรัยเล็กน้อยกินอาหารรสชาติดีๆ นั่งดูพวกเขาต่อสู้แลกชีวิตกัน ดังนั้นหลังจากการแสดงดีๆ รอบนี้แล้ว ข้ายังได้จัดการแสดงดีๆ อีกชุดหนึ่ง ข้าสัญญาว่าพวกท่านจะชมดูอย่างสนุกสนานสมใจ” จ้านอู๋มิ่งยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจ
ร่างของจ้านอู๋มิ่งหายไปจากครรลองสายตาของหลิ่วหว่านอวี๋อีกครั้ง เนิ่นนานต่อมาก็กลับมาอย่างลับๆ ล่อๆ อีกแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดเพิ่มมากขึ้นและมิมีสิ่งใดลดน้อยลง หลิ่วหว่านอวี๋ถามอย่างงวยงงยิ่งนักว่า “แบบนี้ก็เสร็จแล้วหรือ?”
“ถ้าเช่นนั้นจะต้องเป็อย่างไรล่ะ?” จ้านอู๋มิ่งถาม จากนั้นตามด้วยคำถามที่ดูจะไร้เจตนาดี “เ้าจะเดิมพันกับข้าอีกครั้งหรือไม่?”
“เ้า เ้าคนขี้โกง!” หลิ่วหว่านอวี๋พอนึกถึงการพนัน พลันก็รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา ตนเป็คุณหนูตระกูลใหญ่ กลับกลายเป็หญิงรับใช้ผู้อื่นไปครั้งหนึ่งแล้ว คอยบริการหั่นเนื้อรินเมรัยให้ผู้อื่น นี่คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวง แต่เวลานี้ตนยังไม่สามารถเอาเื่กับคนขี้โกงตรงหน้าคนนี้ได้
“เอาล่ะ พวกเราอย่าได้อยู่ดูการแสดงที่นี่ต่อ มิสู้พวกเราลองไปค้นรังของวานรเฒ่ากันเถอะ ตอนนี้มันกำลังสังหารอย่างมีความสุขอยู่ คาดว่าในเวลาอันสั้นคงยังไม่กลับมาก่อน ตระกูลเจิ้งมาที่นี่หลายต่อหลายครั้ง มันต้องมีของดีอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน พี่ชายอย่างข้าชอบค้นบ้านผู้อื่นมากที่สุด” จ้านอู๋มิ่งถูไม้ถูมืออย่างภาคภูมิใจ มุ่งหน้าเดินไปทันที แล้วหลังจากนั้นหันศีรษะกลับมาทางหลิ่วหว่านอวี๋และพวกกล่าวว่า “แต่อย่าส่งเสียงดังเกินไปเด็ดขาด ถ้าแหย่ให้วานรเฒ่าจิตใจรุ่มร้อนขึ้นมาแล้วกลับมาก่อนเวลา บรรดาพวกเราทั้งหมดนี่ยังไม่พอให้วานรเฒ่าตบด้วยฝ่ามือหรอกนะ”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของจ้านอู๋มิ่ง พลันทุกคนก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันใด ตระกูลเจิ้งเดินทางไกลนับพันลี้มาถึงหุบเขาค่างปีศาจจะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน ยามนี้กลางหุบเขาว่างเปล่า สัตว์อสูรราชันวานรยังคงอาละวาดอย่างคลุ้มคลั่งอยู่นอกหุบเขา ถึงเวลาที่จะเข้าไปตรวจสอบค้นหากันแล้ว
ครั้งก่อนจ้านอู๋มิ่งไปมารีบเร่ง ไม่สามารถค้นถ้ำวานรให้ละเอียด ครั้งนี้ไม่ควรจะให้พลาดโอกาสอีก สิ่งของพวกนี้ ถ้าไม่หยิบมาน่าเสียดายจริงๆ เหตุผลที่เขาพาตระกูลหลิ่วเข้ามาอย่างไม่เห็นแก่ตัว เนื่องจากของที่ดีจริงๆ เขาเอากลับไปตั้งนานแล้ว ที่เหลือก็แค่เพิ่มเติมสีสันให้ทุกคนเท่านั้นเอง นอกจากนี้หลังจากวันนี้เป็ต้นไป หุบเขาค่างปีศาจแห่งนี้ยังมีอยู่หรือไม่ก็ยังไม่ทราบ ถ้าหากไม่มีอีกต่อไปแล้ว ของดีภายในนี้ถูกผู้อื่นเอาไปก็สบายคนอื่นเขา ซึ่งนั่นไม่ดีแล้ว
จ้านอู๋มิ่งนำบรรดาคนตระกูลหลิ่วเข้าสู่หุบเขาค่างปีศาจ หัวขโมยเมรัยคนนี้คุ้นเคยกับหุบเขาวานรเป็อย่างยิ่ง เส้นทางเล็กๆ แต่ละเส้นล้วนเข้าใจดียิ่ง นำทุกคนวกไปวนมา ที่แท้้าหลีกเลี่ยงปากทางเข้าหุบเขา มุ่งหน้าตรงเข้าไปภายในหุบเขา หลิ่วหว่านอวี๋มิอาจไม่ยอมรับ การเป็โจรต้องมีพร์ในการเป็โจร จ้านอู๋มิ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็คนที่มีพร์ในการเป็ขโมย ยามนี้หลิ่วหว่านอวี๋ยิ่งสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่เมื่อครู่จ้านอู๋มิ่งทำอย่างลับๆ ล่อๆ เขาไปทำอะไรมากันแน่ ดูท่าทางหยาบคายของเขาสิ คงไม่ได้ไปทำเื่ดีๆ มาอย่างแน่นอน แต่เขาเป็ศัตรูของตระกูลเจิ้ง นาง้าจะเห็นความโชคร้ายของเจิ้งจนแทบทนรอไม่ไหว
สำหรับชายหนุ่มผู้หยาบคายคนนี้ หลิ่วหว่านอวี๋ยังคงมีความรู้สึกที่อยากรู้อยากเห็น คนผู้นี้เปรียบเทียบกับบุรุษที่นางเคยพบ มีธาตุแท้คืออารมณ์ชนิดหนึ่งที่ผู้อื่นไม่มี สวะไร้ค่าที่ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะผูกขาไก่ผู้หนึ่ง แต่กลับเป็ตัวสร้างปัญหาขึ้นมาได้ มั่นใจในตัวเองมากจนเหลวไหล อ้างว่า "สิ่งที่พี่ชายพึ่งคือมันสมอง ไม่ใช่แขนขาที่แข็งแรงขึ้น เ้าดูสิผู้ที่ต้องพึ่งพาพลังแขนขาล้วนเป็สัตว์อสูร ถ้าพูดถึงแต่การใช้พลังยุทธ์แล้วละก็ เช่นนั้นจะมีความแตกต่างอันใดกับสัตว์อสูร พี่ชายเล่นงานพวกนั้นจนเสียชีวิตไม่เคยต้องลงมือเอง!”
หุบเขาค่างปีศาจไม่ได้เปลี่ยนไปจากครั้งที่แล้วมากนัก แต่ว่ามีเศษก้อนหินมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อเร็วๆ นี้ สัตว์อสูราาวานรอารมณ์ไม่ดีมากๆ ดังนั้นก้อนหินเล็กๆ ในหุบเขาเลยรับเคราะห์ไป จ้านอู๋มิ่งเห็นใจราชันวานรเฒ่ายิ่งนัก เป็ตัวเอง หากสมบัติมากมายถูกขโมยไป เกรงว่าอารมณ์จะเสียมากยิ่งกว่า แต่ว่าเขากลับมิรู้สึกสำนึกว่าตัวเองเป็โจรแม้แต่น้อย ยังคอยแนะนำหลิ่วหว่านอวี๋ให้รู้จักกับธรณีสัณฐานของหุบเขาค่างปีศาจเป็ระยะๆ อธิบายว่าบริเวณไหนบ้างที่วานรน้อยวิ่งเล่นเคลื่อนไหว บริเวณไหนคือที่ที่พวกวานรแก่ๆ ขับถ่ายรวมกัน…เหมือนผู้นำที่คอยแนะนำการท่องเที่ยวเดินเล่นในูเาบรรพต ฟังจนเหยียนควนและเจี่ยชิงพูดไม่ออกจริงๆ คุณชายตระกูลจ้านผู้นี้ไม่ค่อยมีอะไรเข้าท่าจริงๆ อย่างไรก็ตามหลิ่วถงและหลิ่วซู่ต่างชื่นชมจ้านอู๋มิ่งจนหมดหัวใจ ช่างรอบรู้เกี่ยวกับหุบเขาค่างปีศาจราวกับฝ่ามือตนเอง กระทำตัวเป็โจรที่สามารถทำได้ถึงระดับนี้ จึงนับเป็มืออาชีพที่แท้จริง
เมื่อทุกคนเข้าไปในถ้ำขนาดใหญ่และััได้ถึงพลังเหนือธรรมชาติที่บีบคั้น ล้วนพากันอึ้งงันหมดแล้ว จ้านอู๋มิ่งก็ใมากเช่นกัน เพราะเขาพบว่าหินอัคคีิญญาที่ผนังถ้ำถูกฝังจนเต็มอีกครั้ง ราวกับว่าเขาไม่ได้หยิบมันไปเลยคราวที่แล้ว
สระลาวากลางถ้ำไม่เห็นเงาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์อีกต่อไป ก้านดอกบัวนั้นคงหลอมละลายเป็หินหนืดไปแล้ว พลังเหนือธรรมชาติของแอ่งลาวาเข้มข้นยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าเป็เพราะสายใยิญญานี้มิจำเป็ต้องหล่อเลี้ยงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์หรือไม่ พลังเหนือธรรมชาติทั้งหมดจึงถูกปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ สรุปแล้วพลังเหนือธรรมชาติตอนนี้เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนจ้านอู๋มิ่งเข้ามาครั้งก่อนกว่าสิบเท่า
“เป็ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ประเสริฐยิ่งแห่งหนึ่ง!” หลิ่วหว่านอวี๋ใจนอุทานขึ้น
“ว้าว ข้าสำนึกเสียใจจริงๆ ที่พาพวกเ้ามาพร้อมกับข้า ถ้าข้าเข้ามาคนเดียว เช่นนั้นก็โชคดีร่ำรวยมั่งคั่งแล้วจริงๆ หินอัคคีิญญามากมายขนาดนี้น่ะ!” จ้านอู๋มิ่งทอดถอนหายใจอย่างอับจนปัญญา
“ไม่กลัวว่าจะทับเ้าเสียชีวิตหรือ!” หลิ่วหว่านอวี๋ค้อนมองดูจ้านอู๋มิ่งคราหนึ่ง ยามนี้นางรู้สึกว่าผู้ชายที่ไม่โดดเด่นตรงหน้านางคนนี้ช่างน่ามอง ยิ่งมองแล้วสบายตายิ่งนัก ทราบอยู่แล้วว่ามีขุมทรัพย์อยู่ในหุบเขาค่างปีศาจ ยังพาพวกเขาร่วมทางมาด้วยกัน ความเป็จริงแล้วกลุ่มคนของตนมิได้ช่วยอะไรเลย แค่ดูจ้านอู๋มิ่งใช้กลเม็ดเล็กน้อย ก็ทำให้ตระกูลเจิ้งประสบความสูญเสียอย่างหนักหนาแสนสาหัส และในเวลานี้จ้านอู๋มิ่งก็มิได้ปิดบังความคิดในใจของเขา อย่างน้อยคนผู้นี้ก็มิใช่คนที่ปากปราศรัยใจเชือดคอ คำพูดไม่ตรงกับใจ
“พวกเราสามารถเข้าสู่หุบเขาค่างปีศาจได้ล้วนอาศัยคุณชายจ้านทั้งสิ้น ดังนั้นสมบัติหินอัคคีิญญาที่นี่ พวกเราและคุณชายจ้านแบ่งกันคนละครึ่ง…” เหยียนควนรู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ต่อหน้าสมบัติความร่ำรวยมั่งคั่งเหล่านี้ ก็มิได้แสดงตัวแตกตื่นเกินเหตุ แค่พูดจาเย้าหยอกล้อเล่นเท่านั้น
“อา น้ำใจของลุงควนข้าขอรับไว้ด้วยใจแล้ว เอาอย่างนี้เถอะ หินอัคคีิญญาภายในรังนี้ ข้า้าจำนวนหนึ่งในสี่ พวกท่านจำนวนคนมากกว่าก็เอาไปสามในสี่ก็แล้วกันเถอะ ข้าจะลองไปดูบริเวณที่อื่นก่อน หินอัคคีิญญาเ่าั้แขวนไว้สูงเกินไป ข้าก็หยิบไม่ถึงเช่นกัน พวกท่านได้มาแล้วค่อยแบ่งปันให้ข้าก็แล้วกัน” จ้านอู๋มิ่งยักไหล่อย่างจิตใจกว้างขวาง
เหยียนควนเห็นจ้านอู๋มิ่งไม่เหมือนพูดล้อเล่น รู้สึกโล่งอก พลางหัวเราะกล่าวว่า “เมื่อเป็เช่นนั้น พวกเราก็มิขอเกรงใจแล้ว”
“คิดไม่ถึงว่าสถานที่แห่งนี้กลับเป็น้ำพุจิติญญาอัคคีแห่งปฐี เป็ทำเลดีแห่งแดน์ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติจริงๆ!” เจี่ยชิงทอดถอนหายใจ
“ที่นี่คือป่าสัตว์อสูร มนุษย์ที่เป็นักฝึกฌานบ่มเพาะพลัง มิสามารถจะอาศัยอยู่ที่นี่ได้นาน แม้แต่น้ำพุจิติญญาอัคคีแห่งปฐีก็เอาออกไปไม่ได้” เหยียนควนเหลือบมองแอ่งหินหนืดคราหนึ่ง พูดขึ้นอย่างอับจนปัญญา
“เป็เช่นนั้นจริงๆ!” เจี่ยชิงเคลื่อนสายตาออกอย่างเสียดายอาลัยอาวรณ์มิอาจตัดใจ
จ้านอู๋มิ่งคร้านเกินจะพูดวาจาไร้สาระกับทุกคน ย่างเท้าก้าวเข้าในส่วนลึกของรัง ครั้งที่แล้วเขาเกือบจะเก็บหินอัคคีิญญาเพลิงบนกำแพงถ้ำได้จนหมดแล้ว ตอนนี้กลับมาเต็มเหมือนเดิมอีกครั้ง มีความเป็ไปได้เพียงหนึ่งเดียว ในรังวานรเฒ่านี้จะต้องมีกักตุนเอาไว้จำนวนมิน้อย มิฉะนั้นน้ำพุจิติญญาอัคคีแห่งปฐีมิสามารถพ่นหินอัคคีิญญาจำนวนมากได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทำไมข้าต้องแข่งขันกับคนเหล่านี้เพื่อหินอัคคีิญญาบนกำแพงถ้ำ ไปหาสถานที่ซ่อนสมบัติของวานรเฒ่าให้พบมิใช่ดีกว่าหรือ
“แร่กลีบหินคิงคอง…” เจี่ยชิงส่งเสียงร้องอุทานขึ้น เขาใช้มือลูบบัลลังก์ของสัตว์อสูรราชันวานรที่อยู่ในถ้ำ
“อา……” เหยียนควนรีบเข้ามา พูดด้วยความปีติยินดีว่า “เป็แร่กลีบหินคิงคองจริงๆ ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่สัตว์อสูรราชันวานรกลับมีสายเืของเนตรคิงคองพิโรธ แร่กลีบหินคิงคองชิ้นใหญ่ขนาดนี้ มากเกินไปแล้ว…” เหยียนควนตื่นเต้นเร้าใจจนเพ้อรำพึงรำพันขึ้นมา แร่กลีบหินคิงคองขนาดเท่าบัลลังก์ชิ้นหนึ่ง สามารถสร้างอาวุธวิเศษได้จำนวนมากมายกี่ชิ้น ถ้าตระกูลหลิ่วได้สิ่งนี้มา ความแข็งแกร่งของตระกูลก็จะเพิ่มขึ้นเป็สองเท่าอย่างแน่นอน
ขณะเหยียนควนและเจี่ยชิงอุทานอยู่ในถ้ำ จ้านอู๋มิ่งกลับตกตะลึงงันอยู่ภายในถ้ำสวยงามทางด้านหลัง
เตียงขนาดใหญ่ทำด้วยแร่กลีบหินคิงคอง ลวดลายสายฟ้าเป็สายๆ ้าดูเหมือนจะควบแน่นด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่สิ้นสุด สิ่งนี้วานรเฒ่าน่าจะใช้พร์และพลังเหนือธรรมชาติของมันขัดเกลาสร้างขึ้นทีละน้อยๆ อัญมณีกองหนึ่งกระจายอยู่รอบเตียง สิ่งที่จ้านอู๋มิ่งชื่นชอบมากที่สุดคือกระเป๋าหนังสัตว์ที่เปล่งประกายพลังเหนือธรรมชาติออกมาดึงดูดความสนใจ มิทราบว่าวานรเฒ่าลอกมันออกมาจากสัตว์อสูรดุร้ายตัวใด เห็นได้ชัดว่ามิใช่สิ่งของธรรมดาแน่ๆ
จ้านอู๋มิ่งพยายามทดลองตรวจสอบดู อย่างน้อยเป็หนังมีขนของสัตว์อสูรระดับสี่ วานรเฒ่าตั้งใจนำหนังติดขนนี้อย่างประณีตเป็กระเป๋าใบใหญ่ ในกระเป๋าเต็มไปด้วยหินอัคคีิญญา ส่วนใหญ่เป็หินอัคคีิญญาเพลิง มีหินจิติญญาที่ไม่ระบุคุณสมบัติอยู่อีกสองสามก้อน ภายในกระเป๋าใบนี้เกรงว่ามีไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันชิ้น ไม่รู้ว่าวานรเฒ่าสะสมทรัพย์สมบัติมานานกี่ปีแล้ว
ทั้งหมดรวบรวมกันอยู่ที่นี่แล้วและจ้านอู๋มิ่งจะเกรงใจใครที่ไหนอีก เตียงแร่กลีบหินคิงคอง รับขึ้นมา ศิลาอัคคีิญญา เก็บขึ้นมาพร้อมด้วยกระเป๋าหนังสัตว์อสูร รวมทั้งอัญมณีหลากสีสันชนิดต่างๆ มากมาย ถึงแม้จะดูค่อนข้างหยาบไปบ้าง แต่ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็เหรียญทองได้นับไม่ถ้วนมิใช่หรือ เก็บขึ้นมาไม่มีผิดพลาดอยู่แล้ว
ว้าว นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าจักรวาลและแหวนจักรวาลจำนวนมากมาย เห็นได้ชัดว่ามันเป็ของที่ริบได้หลังจากวานรเฒ่าสังหารมนุษย์ผู้ฝึกฌานบ่มเพาะ ล้วนเก็บขึ้นมาทั้งหมด อื๋อ ไม้กระบองอะไรกันนะ ทำไมมันถึงหนักขนาดนี้ หลังจากตนมีพลังพระนิพพานแล้ว สามารถยกสิ่งของน้ำหนักนับพันชั่งขึ้นได้อย่างง่ายดาย ทำไมเคลื่อนย้ายมันสักเล็กน้อยก็ยังยากลำบาก ดูรูปร่างมันก็ไม่ใหญ่มากเกินไป คงจะเป็ของดีแน่นอน ก็ต้องเก็บขึ้นมาอยู่แล้ว…
จ้านอู๋มิ่งเหมือนตั๊กแตนะโข้ามพรมแดน สิ่งของต่างๆ ที่เห็นล้วนเก็บขึ้นมาทั้งหมด ถึงอย่างไรก็มีแหวนจักรวาลมากเพียงพอ ตนเองก็มีอยู่แล้วหลายวง ได้เพิ่มมาอีกหลายวงสะสมมากขึ้นนิดหน่อย นำมาบรรจุสิ่งของได้พอดี
“ว้าว ยังมีเห็ดหลินจือเืพันปี ดอกไห่ถังเจ็ดดาวห้าร้อยปี วัตถุยาเหอเส่าอูรูปร่างคน กล้วยไม้ดารา์ระดับห้า…” จ้านอู๋มิ่งเปิดกระเป๋าจักรวาลใบหนึ่งออก อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา กระเป๋าจักรวาลแตกต่างจากแหวนจักรวาล ไม่สามารถประทับตราผนึกิญญาปฐมภูมิ ดังนั้นจ้านอู๋มิ่งสามารถเปิดได้โดยไม่ต้องปลดตราผนึกิญญาของวานรเฒ่า แต่แหวนจักรวาลจ้านอู๋มิ่งมิกล้าทดลอง ถ้าััเครื่องหมายตราผนึกิญญาปฐมภูมิของาาวานรเฒ่าเข้า ทำให้มันรู้ว่ามีคนลอบเข้ารังมัน มันไม่คลุ้มคลั่งรีบกลับมาก็แปลกแล้ว คราวที่แล้วโชคดี แต่เกรงว่าคราวนี้จะอนาถยิ่งนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้