“คุณชายลุกขึ้นก่อน ข้าคิดว่าพวกเ้ายังมีโอกาสปรับความเข้าใจกัน ว่าอย่างไรเ้าหนุ่ม”
าามารทิศเหนือหันไปถามเสิ่นเสวียน เขาคิดเอาเองว่าตนมีพลังยุทธ์ขั้นจักรพรรดิแล้ว อีกฝ่ายต้องให้เกียรติเขาอย่างแน่นอน
“ในเมื่อผู้าุโาามารทิศเหนือกล่าวเช่นนี้ หากข้าไม่ปรับความเข้าใจก็คงไม่ได้แล้ว”
เสิ่นเสวียนกล่าวพลางยิ้ม
“สหายเสิ่น ทุกอย่างเป็ความผิดของข้าเอง หวังว่าสหายเสิ่นจะไม่เอาความ อภัยให้ข้าสักครั้ง”
เหลยป้าเทียนเห็นว่าเื่นี้มีโอกาสพลิกสถานการณ์กลับมา จึงกล่าวขึ้นทันที
“ถ้าอย่างนั้นข้อเสนอที่เราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ล่ะ”
“ข้าจะคืนให้ทั้งหมด”
“ดี เ้านั่งลงได้”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า จากนั้นก็เอาเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารออกมาจากถุงส่งให้เหลยป้าเทียน ส่วนเหลยป้าเทียนก็รับไว้ด้วยสองมือ
นับว่าทั้งสองฝ่ายปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว อย่างน้อยก็่หนึ่ง หลังจากนี้ทั้งสองคนสามารถเป็พันธมิตรกันได้ชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เสิ่นเสวียนทำเช่นนี้ไม่เพียงช่วยอีกฝ่ายเท่านั้น ยังเป็การช่วยตนเองให้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
หลังจากนั้น นอกจากการดื่มสุราแล้วยังมีการแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกันด้วย าามารทิศเหนือรู้เื่ราวมากมาย บอกข้อมูลที่เสิ่นเสวียนยังไม่รู้เต็มไปหมด เสิ่นเสวียนจึงต้องจดจำในทุกเื่
ส่วนเหลยป้าเทียน นอกจากที่เขากล่าวขอโทษเสิ่นเสวียนแล้ว เขายังไม่ได้คุยอะไรกับเสิ่นเสวียนอีกเลย
ตอนใกล้ยามเว่ย ทะเลสาบที่เงียบสงบพลันมีแสงเรืองรองออกมา ราวกับเป็ลางบอกเหตุแผ่นดินไหว
ทุกคนที่ตั้งฐานที่มั่นอยู่ที่นี่ในตอนนี้ ทั้งคนจากสำนักจตุรเทพ คนจากสำนักต่อสู้เป่ยโต้ว อำนาจยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างเบนสายตาไปมองใจกลางทะเลสาบ รอให้สุสานปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ
“จะเริ่มแล้วหรือ”
เสิ่นเสวียนมองทะเลสาบที่กำลังสั่นไหว กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย
ั้แ่มาถึงโลกนี้เขายังไม่เคยเจอขั้นศักดิ์สิทธิ์ของโลกนี้เลย แม้แต่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรยังนับว่าเป็บุคคลที่สูงส่งแห่งยุค ควรค่าแก่การให้ความสนใจ อีกทั้งเสิ่นเสวียนเลือกมาที่นี่ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นคือ้าตามหาต้นกำเนิดพลังให้ได้มากพอเพื่อสร้างหุ่นเชิดจากร่างไร้ิญญาอีกสองร่างในมิติ
หากทำสำเร็จเท่ากับว่ามีผู้ช่วยขั้นราชันเพิ่มขึ้นถึงสองคน ทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น
“ถึงยามเว่ยแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม ทำตามแผนการที่วางไว้”
าามารตะวันตกมองไปยังใจกลางทะเลสาบ ความเหยียดหยามดูถูกในแววตาของเขาก่อนหน้านี้กลับกลายเป็ความรู้สึกลึกซึ้ง
สามสิบปีที่ผ่านมาเขาเฝ้ารอวันนี้อยู่ตลอด และวันนี้เขากำลังจะทำสำเร็จแล้ว
ก่อนหน้านี้แม้จะไม่เจอพวกเสิ่นเสวียน เขาก็เตรียมตัวเลือกไว้แล้วที่จะให้เข้าไปในสุสาน ตอนนี้มีพวกเสิ่นเสวียนสองคนนี้แล้ว าามารตะวันตกจึงยกเลิกตัวเลือกนั้นไป
เพียงแค่คนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ ก็มีโอกาสสำเร็จนับไม่ถ้วนแล้ว
เมื่อถึงเวลา แรงสั่นะเืที่ใจกลางทะเลสาบยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาก็มีหินขนาดใหญ่ค่อยๆ โผล่ขึ้นจากใจกลางทะเลสาบ
น้ำในทะเลสาบลดฮวบลงไป หินก้อนใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง น้ำทะเลสาบไหลลงมาราวกับน้ำตกบดบังสายตาเอาไว้
เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ ขณะเดียวกันก็รีบสั่งคนข้างกายไม่หยุดหย่อน
การเปิดสุสานกลายเป็เื่ใหญ่ในหุบเขาสุขาวดีมานานมากแล้ว ผู้ที่สามารถตั้งถิ่นฐานอยู่ในหุบเขาสุขาวดีได้จะต้องได้รับการสืบทอด และการสืบทอดเหล่านี้มีการเข้าไปััภายในสุสานไม่มากก็น้อย
ตึง!
ตึง!
มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาจากใจกลางทะเลสาบราวกับูเากำลังเคลื่อนไหว กลไกต่างๆ กำลังถูกกระตุ้น
เสิ่นเสวียนจ้องมองไปยังใจกลางทะเลสาบ ทว่าจิติญญาของเขาััได้ถึงทุกสิ่งที่นี่ล่วงหน้านานแล้ว
ในโลกแห่งนี้ขาดการฝึกฝนจิติญญากัน แม้ระดับขั้นจิติญญาของตนเองจะเทียบอีกฝ่ายไม่ได้ แต่การซ่อนเร้นกลับไม่มีใครในที่นี้สังเกตเห็นเลย
ด้านล่างใจกลางทะเลสาบเต็มไปด้วยหินก้อนใหญ่ กำลังเคลื่อนที่ไปอย่างต่อเนื่องด้วยการกระตุ้นของค่ายกล ทุกครั้งที่เคลื่อนย้ายจะทำให้มิติส่วนหนึ่งปรากฏขึ้น ผ่านไปหลายครั้งจะเห็นได้ว่าเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังใจกลางทะเลสาบค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
ซู่!!!
สายน้ำพุ่งออกจากใจกลางทะเลสาบขึ้นไปบนท้องฟ้า หินก้อนใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นและเริ่มหยุดนิ่งลง
ตอนนี้มีเพียงใจกลางทะเลสาบที่สั่นไหว ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างกลั้นหายใจ มองทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ กลัวจะพลาดบางสิ่งบางอย่างไป ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหนึ่งครั้งในทุกสามสิบปี หากพลาดครั้งนี้ไปแล้วต้องรออีกถึงสามสิบปี และทุกคนที่อยู่ที่นี่อย่าหวังว่าจะได้เข้าไปอีก พวกเขาทำได้เพียงส่งไม้ต่อให้กับคนรุ่นหลังเท่านั้น
“เปิดแล้ว...”
ไม่รู้ว่าใครที่ะโออกมา จากนั้นก็มองเห็นว่าเหนือหินก้อนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ มีหินก้อนหนึ่งยุบตัวเข้าหากันเผยให้เห็นช่องโหว่
“สมแล้วที่เป็ผู้เฒ่าจี๋เล่อ แม้เคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ความสามารถที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ยังคงความน่ากลัวอยู่เหมือนเดิม!” าามารตะวันตกยืนอยู่ตรงนั้น กล่าวอย่างชื่นชม
“เ้าน่าจะพอใจได้แล้ว ข้ายังไม่เคยเข้าไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว” าามารทิศเหนือเอ่ยเสียงเย็นอยู่ข้างๆ เนื่องด้วยอายุของเขาทำให้เขาไม่เคยเข้าไปเลย
“ท่านอยากได้อะไรหรือ” เสิ่นเสวียนถามาามารทิศเหนือ
“ไม่ต้องให้เ้าเป็กังวลหรอก ข้ามีคนเข้าไปเอาให้แล้ว”
าามารทิศเหนือหันมองคนสองคนที่เตรียมพร้อมออกเดินทางอยู่ข้างๆ สองคนนี้มีอายุราวสิบเก้าปี มีพลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษ เป็อัจฉริยะอายุน้อยที่เขาชุบเลี้ยงมาหลายปีเพื่อรอการเปิดสุสานในครั้งนี้ มีสองคนนี้แล้วเขาคิดว่าพึ่งพาได้มากกว่าเสิ่นเสวียน
พลังยุทธ์ของเสิ่นเสวียนอาจแข็งแกร่งกว่าพวกเขา แต่มีความคิดต่างไปจากพวกเขา
ใจกลางทะเลสาบหยุดนิ่งลงอย่างสมบูรณ์แล้ว หินก้อนใหญ่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาราวสามจั้ง และมีเส้นทางปรากฏขึ้นตรงกลาง
เส้นทางเปิดออกอย่างชัดเจนแล้ว ทว่าไม่มีใครย่างเท้าเข้าไปเลย
หมอกสีเหลืองหม่นๆ พลันพวยพุ่งออกมาจากในนั้น หมอกเหล่านี้เคล้าไปด้วยไอพิษที่หนาแน่น นี่คือไอพิษที่อัดแน่นอยู่เป็เวลาสามสิบปี หลังจากมันถูกปล่อยออกมาหมดแล้วจึงจะเข้าไปในสุสานได้อย่างปลอดภัย คนที่สามารถเข้าไปได้ต่างเป็ความหวังของสำนักและอำนาจยิ่งใหญ่ต่างๆ ซึ่งไม่อยากให้พวกเขาได้รับาเ็ั้แ่ก้าวเข้าไป
และเมื่อหมอกจางหายไป สี่เซี่ยงจากสำนักจตุรเทพก็พุ่งทะยานไปยังทางเข้าใจกลางทะเลสาบ ผ่านเข้าไปในนั้นเป็กลุ่มแรก
จากนั้นอัจฉริยะมากมายนับไม่ถ้วนจากอำนาจต่างๆ จึงเหาะตามกันเข้าไป มุ่งหน้าสู่ภายในสุสานโดยพร้อมเพรียงกัน
เส้นทางนี้มีความกว้างหกฉื่อ ทว่าคนมากมายขนาดนี้มุ่งหน้าเข้าไปในคราวเดียวทำให้มันแออัดขึ้นมาทันที จนเกิดการทะเลาะวิวาทกัน
ศิษย์อัจฉริยะผู้หนึ่งจากสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีพลังยุทธ์ขั้นแม่ทัพระดับสูง โดนศิษย์จากสำนักใหญ่แห่งหนึ่งสังหารตายทันที
“พวกเ้ามีสิทธิ์อะไรสังหารเขา!”
ประมุขสำนักเล็กๆ แห่งนั้นที่อยู่ด้านนอกมองไปทางกลุ่มคนจากสำนักใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลกันด้วยแววตาโกรธแค้น ะโออกไปเสียงดังก้อง
“เขาสมควรตายแล้ว”
คาดไม่ถึง เสียงที่ตอบเขากลับมานั้นดูมีอำนาจกว่ามาก
“ท่านประมุข ใจเย็น! ใจเย็น!”
ประมุขสำนักผู้นี้อยากกระโจนออกไป แต่โดนผู้าุโสองคนห้ามไว้ก่อน
เหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง เพิ่งเริ่มได้ไม่นานก็มีคนตายไปแล้วหลายสิบคน
เสิ่นเสี่ยวเม่ยมองภาพที่โเี้นั้น พลางถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
ก่อนหน้านี้นางอยู่ในเมืองอวี่ฮว่า เป็เหมือนกบในกะลา นางคิดมาตลอดว่าผู้มีพลังยุทธ์ขั้นแม่ทัพระดับสูงสุดอย่างเสิ่นเหวินเทาเป็ผู้แข็งแกร่งเหนือชั้นมาตลอด ทว่าตอนนี้คนที่อยู่ในขั้นพลังนี้กลับกลายเป็จุณในพริบตา คนเหล่านี้ยังมีอายุไม่ถึงยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ
“เห็นแล้วใช่ไหม นี่ก็คือยุทธภพ”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสิ่นเสี่ยวเม่ยเบาๆ
“ข้าไม่ชอบเลย”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยส่ายหัว นางไม่ชอบการเปรียบเปรยถึงยุทธภพเช่นนี้เลย ยุทธภพในใจของนางคือ หนึ่งคน หนึ่งกระบี่ และสุราหนึ่งไห ไม่ใช่การเข่นฆ่าอย่างโเี้เช่นนี้
“ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าเหตุใดตอนนั้นคุณชายเจี้ยนถึงดูถูกข้า”
เสิ่นเสวียนยิ้มน้อยๆ ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็ใหญ่ พลังก็คือกฎเกณฑ์
“ตอนนี้ท่านพี่ต้องจัดการเขาจนหมอบได้อย่างแน่นอน” เสิ่นเสี่ยวเม่ยกำหมัดแน่น
“เหตุใดเ้าถึงยังไม่เข้าไป”
จี๋เล่อน้อยที่มีชื่อว่าเจี้ยนผู้นั้นเหาะมายืนอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าเสิ่นเสวียน ถามเสียงเรียบ
“ไม่รีบ เ้าเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่ายยิ้มๆ
“จี๋เล่อน้อย นี่คือสหายของข้า หากใครรังแกเขาก็ช่วยเขาด้วย”
าามารตะวันตกกล่าวกับจี๋เล่อน้อย ทว่าจี๋เล่อน้อยไม่สนใจาามารตะวันตกเลย
“เข้าไปด้วยกันไหม”
แล้วจี๋เล่อน้อยก็ถามเสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียน
“ไปด้วยกันเลย”
เสิ่นเสวียนและเริ่นเสี้ยวเทียนพยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นเสิ่นเสวียนก็จับมือเสิ่นเสี่ยวเม่ยให้เหาะมุ่งหน้าไปยังเส้นทางใจกลางทะเลสาบพร้อมกัน
จากนั้นพวกเขาก็ะโเข้าไป