Chapter 4
เสียงรถจักรยานยนต์คันใหญ่บดล้อกับพื้นถนนคอนกรีตด้วยความเร็วสูงค่อย ๆ เบาลงตามความเร็วที่ลดต่ำ กระทั่งจอดนิ่งที่ริมถนนทางลาดผ่านูเา มีต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีใครสามารถโค่นมันได้แผ่กิ่งก้านอยู่ริมทางลาดชัน รากใหญ่พยายามฝังลึกลงในดินเพื่อยึดเกาะให้ลำต้นสามารถตั้งตระหง่านอยู่ได้แม้มนุษย์จะบุกรุกมันด้วยการตัดถนนผ่าน ความร่มรื่นและยิ่งใหญ่ของมันคอยย้ำเตือนเมืองแห่งทุนนิยมว่าธรรมชาติยังคงเป็เ้าของที่นี่
นี่คือเหตุผลที่เขาชื่นชอบที่แห่งนี้มากที่สุดในเมืองแสนวุ่นวาย เขาจอดรถแล้วถอดหมวกกันน็อกเต็มใบ หันมองรถสปอร์ตสีขาวกำลังตามมาจอดอยู่ข้างกันด้วยรอยยิ้มของความตื่นเต้นที่เก็บเอาไว้ไม่มิด เพราะโจไซอาจะได้เป็แขกคนแรกของสถานที่ที่เป็ดั่งความลับของเอเดน กริฟฟิน
“ที่นี่เหรอ” โจไซอาปิดประตูรถ สูดกลิ่นธรรมชาติหอมสดชื่น ััสายลมหน้าร้อนที่พัดมาทักทายจนเส้นผมด้านหน้าปลิวตามลม
“ครับ”
เอเดนวางหมวกกันน็อกไว้กับรถคู่ใจ เดินเข้าหาโจไซอาราวต้องมนตร์สะกดของเสน่หา จับจูงข้อมืออีกฝ่ายให้ก้าวเท้าออกจากพื้นคอนกรีต เพื่อเหยียบลงบนพื้นหญ้าที่ไหล่ทางขนาดกว้างและมีรั้วไม้เก่า ๆ กั้นที่ทางลาดชันของูเาสูง เทพผู้งดงามคล้อยตามชายหนุ่มอย่างง่ายดาย เดินตามการบังคับด้วยความไว้ใจโดยไม่ตั้งคำถาม เพราะรอยยิ้มที่สดใสและบริสุทธิ์ของเอเดนบอกเขาว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่มีพิษภัย
“ผมชอบมาที่นี่”
เอเดนเอ่ยโดยที่ดวงตายังคงจ้องมองภาพด้านหน้าจากมุมสูงของูเา โจไซอามองภาพนั้นตาม เห็นตึกสูงหรูหราหลายตึกใจกลางเมือง เห็นบ้านหลังเล็กใหญ่ถัดมาสลับกับต้นไม้สีเขียว เห็นถนนคดเคี้ยวตามแนวทางลาดที่มีต้นไม้ล้อมรอบ และเห็นท้องฟ้าโปร่งโดยไม่ต้องเงยหน้าให้พ้นตึกสูงกลางเมือง
โจไซอาไม่สามารถเข้าใจมนุษย์อายุ 25 ปีที่เดินทางออกนอกเมืองเพื่อมามองภาพนี้ เพราะเขาอายุมากเกินกว่าจะเห็นค่าของสิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไป
ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสี เฉียงออกไปทางขวาคือทิศตะวันตก พระอาทิตย์ดวงสีส้มกำลังเคลื่อนลงต่ำ เมฆสีขาวสะท้อนกับแสงอาทิตย์จนเปลี่ยนเป็สีส้มอ่อน ขอบฟ้าเป็สีส้มเข้มไล่สีขึ้นไปเป็สีฟ้า โจไซอาไม่เข้าใจว่ามันทำให้เอเดนรู้สึกอย่างไร ในมุมของเขา เทพแห่งดวงอาทิตย์ที่เป็ส่วนหนึ่งของภาพเหล่านี้เป็ประเภททะนงตนและไม่น่าคบหาด้วยซ้ำ
โจไซอาขมวดคิ้ว เริ่มหมดสนุกกระทั่งหันมองคนข้างกาย ดวงตาสีเฮเซลยิ่งเปล่งประกายมากกว่าเดิมเมื่อต้องกับแสงอาทิตย์สีส้มที่ใกล้ลาลับขอบฟ้า มันกลายเป็สีทองระยิบระยับและล้ำค่ามากกว่าทองคำหรือสมบัติใด ๆ สายลมหน้าร้อนที่พัดเส้นผมสีดำสนิทพลิ้วไหว มุมปากคว่ำของเอเดนกำลังยกขึ้นเพียงนิด แต่ประดับติดแน่นอยู่บนใบหน้าจนความคมดุดันเหลือแต่ความอ่อนโยนและความสบายใจ โจไซอายิ้มตามโดยไม่รู้ตัว
“มีเื่ดี ๆ เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ใช่ไหม” เมื่ออยู่ที่นี่เอเดนไม่มีกำแพงใสบาง ๆ กั้นที่ดวงตาสีเฮเซลเหมือนกับที่คฤหาสน์กริฟฟิน มันแสดงทุก ๆ ความรู้สึกออกมาจนง่ายต่อการคาดเดา
เอเดนละสายตาจากภาพที่ตนโปรดปราน และมองเ้าของเสียงหวาน เขายิ้มกว้างขึ้นจนเห็นฟันเพราะอีกฝ่ายสามารถรับรู้ความสุขจนล้นอกของเขาได้อย่างง่ายดาย น่าแปลกที่คนเก็บงำความรู้สึกแม้แต่กับเพื่อนสนิทอย่างเอเดน กริฟฟินสามารถปลดปล่อยทุกอย่างออกทางแววตาและสีหน้าให้คนที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้งรับรู้เช่นนี้
“เพราะคุณไง เฮเซล” เอเดนถนัดเื่การหยอดคำหวาน เขาเอ่ยมันอย่างเป็ธรรมชาติพร้อมตาหวานหยดด้วยแววของความออดอ้อน ผสมขนตายาวหนาที่ทำให้ถ้อยคำของเอเดนหวานราวน้ำผึ้ง
“ไม่สิ ฉันหมายถึงก่อนหน้านี้” โจไซอาไม่ได้เขินอายจนไม่กล้าสู้สายตาของเอเดนอย่างที่คิด แต่น้ำเสียงที่ถามย้ำโดยไม่สนใจคำหวานกลับทำให้เขาพึงพอใจ เพราะชอบคนต่อปากต่อคำมากกว่าความไร้เดียงสาเป็ทุนเดิม
“ครับ มีเื่ดี ๆ เกิดขึ้น” เอเดนยอมรับ หันมองท้องฟ้าที่เริ่มมีสีชมพูกับสีม่วงผสม แล้วนึกคำที่จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ได้ดีที่สุด
“ผมแค่... เพิ่งเคยััอิสระ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ พวกเขาถึงปล่อยผม แต่มันก็เป็เื่ดีไม่ใช่เหรอครับ”
ดวงตาสีเฮเซลเป็ประกาย ความเร็วกระตือรือร้น และพลิ้วไหวดั่งสายลมหน้าร้อนตอนนี้คงเปรียบเอเดนได้ดีที่สุด ชายหนุ่มพร้อมออกเที่ยว พุ่งตรงอย่างอิสระ อาจเลี้ยวซ้าย หรืออาจเลี้ยวขวาตามเส้นทางของตนเอง พัดผ่านสิ่งที่ตน้า ทักทายสิ่งที่ชอบพอ แล้วผจญภัยโดยไม่มีพ่อแม่คอยบงการชีวิต ไม่มีโซ่ตรวนตรึงขาเอาไว้ให้อยู่ในคุกอีกต่อไป
โจไซอารับรู้คำว่าอิสระที่เอเดนหมายถึง และเป็ผู้เดียวที่รู้ว่าอิสระนั้นจะไม่คงอยู่กับอีกฝ่ายตลอดไป เขาไม่อยากเห็นเอเดนต้องกลับไปอยู่ในความทุกข์ทรมานเช่นนั้น เขาไม่อยากเห็นแววตาของความไม่พอใจแต่ไม่มีใครรับรู้ถึงมันจากเอเดนอีกแล้ว ดวงตาสีเฮเซลของเอเดนเหมาะกับความสุข เปล่งประกายด้วยความกระตือรือร้น มองภาพท้องฟ้าที่ไร้ค่าสำหรับเทพอายุร้อยปีว่าสวยงาม ชื่นชมและรู้คุณค่าด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ มนุษย์คนนี้สมควรได้รับเพียงแต่สิ่งดี ๆ
โจไซอาละสายตาจากใบหน้าด้านข้างของเอเดน เหม่อมองภาพท้องฟ้าไร้ค่า ยกมือสางเส้นผมสีทองหม่น จับมันทัดหูอย่างคิดไม่ตกว่าจะสะกดจิตครอบครัวกริฟฟินต่อไปเรื่อย ๆ ได้อย่างไรให้ไม่ผิดกฎเทพ พลางกลอกตาเมื่อนึกถึงคำเตือนจากเทพอารักษ์กฎที่มาประจันหน้าในรูปแบบจดหมายอักขระเทพทันทีที่กลับถึงบ้าน ถ้าเขาจำเป็ต้องสะกดจิตครอบครัวกริฟฟินอีกครั้ง เขายินดีทำอย่างไม่ลังเลเพื่อความสุขของเอเดน ส่วนข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลว่าไม่ได้สะกดจิตมนุษย์ด้วยผลประโยชน์ส่วนตัวเขาจะไปคิดทีหลัง
“แล้วคุณตามหาผมเจอได้ยังไง” เป็ครั้งที่สองแล้วที่เอเดนถามโจไซอาด้วยคำถามนี้ และครั้งนี้เขามีแววตาของความสงสัยมากกว่าเดิม
“บอกแล้วไง ว่าการตามหาเอเดน กริฟฟินไม่ยากหรอก”
โจไซอายังคิดข้ออ้างตื้นเขิน และไม่สามารถคลายความสงสัยของอีกฝ่ายได้ เอเดนกำลังอยู่ในห้วงความสุขของอิสระ เขาจึงไม่บอกใครว่าตนออกไปไหนในวันนี้ ซึ่งน่าแปลกที่โจไซอารู้เื่ถนนสายเงียบสงบแทบร้างผู้คนเส้นนี้ และสามารถขับรถไล่ตามเขาได้ ทั้งที่เอเดนสวมหมวกกันน็อกปกปิดใบหน้าเอาไว้ทั้งหมด
“เฮเซล” เสียงทุ้มเรียกชื่อปลอมเชิงขู่ให้เอ่ยคำตอบที่ดีกว่านี้ โจไซอายกยิ้มหัวเราะแล้วกอดอก ยกมือข้างหนึ่งลูบหน้าเพราะอ่อนหัดเื่การคิดคำโกหกมากที่สุด
“ถ้าอยากเจอมาก ๆ ยังไงก็หาเจอ มันเป็… กฎแห่งแรงดึงดูด” ถ้าเอเดนเชื่อคงโง่แล้ว โจไซอาคิดเช่นนั้นแต่กลับขอให้อีกฝ่ายเป็คนโง่สักครั้ง
“อาจเป็ไปได้นะครับ” โจไซอาหลับตา นึกขอบคุณเทพแห่งสติปัญหาที่กำหนดให้เอเดนโง่อยู่ในใจ
“มานั่งตรงนี้กันไหม”
เขาใช้โอกาสนี้ในการเปลี่ยนเื่ ก้าวเท้ากลับไปที่รถสปอร์ตสีขาวแล้วทิ้งสะโพกนั่งลงที่ฝากระโปรง ตบเบา ๆ บนพื้นที่ว่างข้างกันเพื่อเรียกอีกฝ่าย แน่นอนว่ามนุษย์โง่เขลาที่หลงเชื่อคำโกหกตื้นเขินของโจไซอาทั้งยอมเปลี่ยนเื่และมานั่งข้างกันแต่โดยดี เอเดน กริฟฟินกำลังถูกเสน่หาและแรงดึงดูดจากเทพบังตาจนโจไซอาเอ่ยอะไรก็เชื่อตามนั้น
“ความจริงแล้วผมผิดหวังนิดหน่อยที่คุณไม่ได้อยู่รอผมเมื่อคืน”
“ฉันมีธุระน่ะ” คำโกหกของเทพถูกตีความเป็กำแพงกั้นเื่ส่วนตัวในความคิดของมนุษย์อย่างเอเดน เขาชะงักและหยุดคิดว่าตนเองเริ่มก้าวก่ายเื่ส่วนตัวของโจไซอามากเกินขอบเขต
“ถึงได้รีบมาแก้ตัววันนี้ไง” ราวกับโจไซอารับรู้ความน้อยใจของเอเดน จึงรีบเอ่ยด้วยเสียงหวานระรื่นหูและรอยยิ้มสวย ทำลายความผิดหวังที่ก่อเกิดในใจหมดสิ้น
“ครั้งนี้จะไม่มีใครมาขัดเราแล้วครับ ผมสัญญา” ดวงตาสีเฮเซลมองโจไซอาพร้อมเอ่ยอย่างหนักแน่น
“ฉันรู้” โจไซอารู้เื่นี้ดีกว่าใคร เพราะเขาจะเป็คนกำจัดคนเข้ามาขัดขวางทั้งคู่ด้วยตัวเอง
เมื่อดวงตาสองคู่ได้มองกัน ภาพท้องฟ้าที่เอเดนโปรดปรานก็ไม่มีค่าอีกเลย และความน่าเบื่อของวิวทิวทัศน์ไร้ค่าในสายตาเทพอายุร้อยปีก็ไม่น่าเบื่ออีกต่อไปเมื่อมีเอเดน มือหนาที่อยู่ภายใต้ถุงมือหนังสีน้ำตาลวางทาบทับมือของโจไซอาด้วยความแน่วแน่และไม่ลังเลเพราะไม่อยากให้เสียเวลาอีกแล้ว เขากอบกุมมือสวยขึ้นมาจูบหลังมือแ่เบา พร้อมส่งแววตาแสดงความหลงใหลโดยไม่ปิดบังให้อีกฝ่าย
เทพแห่งการร่วมประเวณีย่อมชื่นชอบการแสดงความรู้สึกโดยไม่ปิดบังด้วยค่านิยมของมนุษย์โง่เขลา โจไซอาพึงพอใจในตัวเอเดน จับมือของอีกฝ่ายแล้วดึงเข้าหาตัวเพื่อถอดถุงมือหนังที่บดบังการััผิวอบอุ่นโดยตรง เอเดนจ้องมองทุกการกระทำ เรียนรู้ความ้าที่โจไซอาแสดงออก และใช้มือที่ไม่มีสิ่งใดกั้นิัแนบข้างแก้มนวลเนียน เพื่อจุมพิตริมฝีปากสีชมพูอ่อนของโจไซอา
เทพผู้งดงามวางแขนที่ลาดไหล่กว้าง อีกข้างหนึ่งวางทาบที่แผ่นอก แต่เสื้อแจ็กเกตหนังตัวหนาขัดขวางการััเสียงเต้นของหัวใจจนเขาต้องรูดซิปลง เพื่อวางแนบผ่านเสื้อยืดสีดำ ทั้งคู่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่มีต่อกันมหาศาลและถูกสะกดกลั้นเอาไว้ด้วยจังหวะเวลาที่ไม่เหมาะสมถึงสองครั้ง มันจึงใกล้ะเิในครั้งที่สาม ร่างกายที่ปลดปล่อยความรู้สึกของตัณหาละทิ้งคำว่าคนแปลกหน้า และจูบกอดกันอย่างคุ้นเคย
เอเดนรวบเอวโจไซอาเข้าหาตัว ผละจูบเพียงเสี้ยววินาทีแล้วเอียงคอเพื่อดูดดึงริมฝีปากอีกครั้ง ภาพศิลปะขนาดใหญ่ที่เอเดนตั้งใจพาโจไซอามาดูกำลังปิดม่านการแสดง แต่ทั้งคู่ไม่รับรู้ว่าความมืดเริ่มคืบคลานทุกสิ่งรอบตัว เพราะปิดเปลือกตาจนทุกอย่างมืดสนิทเพื่อดื่มด่ำกับความ้าอยู่หลายนาที
กายโปร่งบางของโจไซอาทำให้เอเดนรวบกอดขึ้นมานั่งซ้อนตักอย่างง่ายดาย สองมือเริ่มบีบคลึงข้างเอวคอดจนเทพผู้งดงามผลักความ้าออกชั่วครู่ แล้วผละจูบด้วยการดันกรอบสันกรามของเอเดนออกแ่เบา ดวงตาสองคู่อยู่ในระยะที่สามารถสบมองกันได้โดยไม่พร่าเลือน ดวงตาสีเฮเซลฉ่ำน้ำเป็ประกาย ไม่ต่างจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขา
“ฟ้ามืดั้แ่เมื่อไหร่นะ” เอเดนเอ่ยด้วยรอยยิ้มขบขัน ดวงตาคมหวานยามนี้ดูเ้าเล่ห์แพรวพราว
“ั้แ่ตอนเธออุ้มฉันนั่งตักหรือเปล่า”
เอเดนกระซิบขอโทษข้างหู แล้วรวบเอวโจไซอาให้นั่งลงบนฝากระโปรงรถที่เดิม จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนให้มีระยะห่าง แต่ไม่สามารถต่อสู้กับแรงดึงดูด และความ้าไม่รู้จบได้จึงโน้มกายกดจูบมุมปากของโจไซอาอีกครั้ง แล้วคลอเคลียใกล้ชิด
“มีบ้านพักเล็ก ๆ อยู่ที่หนึ่งข้างบนเขา คุณอยากไปไหมครับ” เสียงทุ้มกดต่ำลง เพราะกำลังอดกลั้นบางอย่าง
“ไกลหรือเปล่า”
“แค่ 10 นาที” โจไซอาผลักอกของเอเดนให้ผละถอยเพื่อลุกขึ้นยืน และเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ
“ขับนำไปให้ถึงใน 5 นาทีนะ”
ไม่ว่าอะไรก็ไร้ค่าเมื่อเอเดนและโจไซอาอยู่ด้วยกันสองต่อสองโดยไม่มีอะไรเข้ามาขัดทั้งคู่ได้ ไม่ว่าจะบ้านพักตากอากาศเป็ส่วนตัวขนาดกะทัดรัดบนเขา ไม่ว่าจะกลิ่นหอมสะอาดเพราะแม่บ้านดูแลและรอคอยต้อนรับแขกอย่างดีแม้จะมีรถไม่กี่คันที่ขับผ่านถนนเส้นนี้
เมื่อเท้าสองคู่ก้าวถึงบ้านพักในที่ที่มีเพียงพวกเขา สองร่างก็กระโจนเข้าโอบกอดกันั้แ่ประตูห้องยังปิดไม่สนิทดี เอเดนจับเอวคอดของโจไซอา ดันให้อีกฝ่ายนอนบนโซฟายาวแล้วขึ้นคร่อมทับ ดูดดึงริมฝีปากราวกระหายมานานแสนนาน โดยมีท่อนแขนของโจไซอาโอบรอบลำคอไม่ให้ขยับหนี
เอเดนผละจูบ ซุกไซ้จมูกเข้าหาซอกคอที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ทุก ๆ อย่างเป็เพราะความกระหายจากตัณหาและแรงดึงดูดที่เขากักเก็บมานาน โจไซอาเชิดคอให้ด้วยความเต็มใจ แต่เอเดนกลับหยุดชะงักนิ่งจนเปลือกตาสีอ่อนที่ปกปิดดวงตาสีน้ำตาลเอาไว้แยกออกจากกันด้วยความไม่เข้าใจ พร้อมกับคนคร่อมทับ้าที่ค่อย ๆ เงยหน้าจากซอกคอด้วยรอยยิ้ม
“นี่เื่จริงหรือเปล่าครับ”
เอเดนแทบไม่อยากเชื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาได้อิสระจากครอบครัว ได้กอดจูบชายรูปงามในบ้านพักสองต่อสองโดยจะไม่มีใครเข้ามาขัดจังหวะ ชายที่ทำให้เขารู้สึกมากกว่าที่เคยเป็มาก่อน ความตื่นเต้นจนหัวใจสั่นระรัว ความสมบูรณ์แบบของร่างกายที่สอดประสานกันอย่างรู้จังหวะ ทุกอย่างตรงล็อกเข้าที่จนเหมือนฝันไป
“จริงสิ” โจไซอาหัวเราะเพราะคำถามที่ไม่ทันตั้งตัวและไม่เคยได้ยินจากมนุษย์คนไหน เสียงหวานใสและรอยยิ้มราวดอกไม้ผลิบานน่ามอง น่าชม เอเดนก้มลงกดปลายจมูกที่แก้มเนียนแ่เบา พยายามผ่อนลมหายใจดับความตื่นเต้น และดับความกระหายราวสัตว์ป่าของตัวเองลง
“ผมอาบน้ำก่อนนะครับ” เอเดนไม่อยากเป็คนผ่อนแรงตัณหาไม่เป็จนแสดงแต่ความเร่าร้อนเอาแต่ใจ จึงต้องดับความกระสันอยากที่พุ่งทะยานลงสักเพียงนิดก็ยังดี
“ฉันรอ” มือสวยเลื่อนออกจากรอบลำคอจับกรอบหน้าของเอเดน แล้วเสยเส้นผมสีดำสนิทที่ปรกหน้าผากขึ้นจนมันยุ่งไม่เป็ทรง
เอเดนเป็คนอ่อนโยนกว่าที่โจไซอาคิดหลายร้อยเท่า นับั้แ่เห็นร่างสูงกำยำถอดเสื้อแจ็กเกตหนังสีดำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตัวเองลง ทำให้โจไซอามองอีกฝ่ายเปลี่ยนไป เทพอายุกว่าร้อยปีย่อมจับทางนิสัยของมนุษย์ที่เคยเห็นมาได้ แต่เขาไม่เคยเดาทางเอเดนถูกเลยสักครั้ง คิดว่าอีกฝ่ายจะระบายความ้า ถอดเสื้อผ้ากระจุยกระจายและอาจจะทำให้ตัวเองเสร็จสุขสมโดยไม่สนคู่นอนก็ได้ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลย
โจไซอาถอดกางเกงสีครีมพร้อมชั้นในออกจนเหลือเพียงเชิ้ตสีขาว เขาพาดเสื้อผ้าที่ไร้ประโยชน์บนพนักเก้าอี้ในห้องนอน และเริ่มสำรวจด้วยสายตา บ้านพักหลังเล็กนี้เก่าแต่สะอาดสะอ้านน่าอยู่เพราะดูแลทำความสะอาดอย่างดี โคมไฟข้างหัวเตียงน่าจะอายุมากกว่าเอเดนตั้งอยู่ โจไซอาจึงปิดไฟสว่างในห้อง และเปิดเพียงโคมไฟนั้นให้พอมีแสงสลัวสีส้มภายในห้องนอนที่มีเตียงขนาดใหญ่ปูด้วยผ้าสีขาวสะอาด
“ผมควรจะทำแบบช้า ๆ ใช่ไหมครับ” เอเดนรวบกอดเอวคอดจากด้านหลัง พร้อมเสียงทุ้มกระซิบข้างหูโจไซอา กลิ่นสบู่ผสมกลิ่นกายชายหนุ่มหอมฟุ้ง
“ไม่รู้สิ” ไม่เคยมีใครถามเขามาก่อน เขาจึงไม่รู้คำตอบ
“ทำไมไม่ลองหลาย ๆ แบบล่ะ ฉันจะได้รู้ว่าชอบแบบไหน”
ถ้อยคำที่มาพร้อมแววตาท้าทายปลดล็อกความ้าทะยานอยากที่กั้นไว้ด้วยกำแพงสูงจนไหลทะลักออกมา เอเดนซุกจมูกที่ลาดไหล่ของโจไซอา ไล่ตามซอกคอเพื่อดมกลิ่นหอมราวดอกไม้สีขาวผลิบานยามเช้าที่ยังคงมีน้ำค้างเกาะ กระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวค่อย ๆ แยกออกจากกันทีละเม็ดด้วยมือของเอเดน และปมเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำที่ผูกอย่างลวก ๆ กำลังถูกกระตุกดึงให้หลุดด้วยมือของโจไซอา
เอเดนใจเย็นลงมาก ไม่แสดงความเร่งเร้าเอาแต่ใจตามอารมณ์ราวสัตว์ป่าออกมาให้โจไซอาเห็น แม้เทพแห่งการร่วมประเวณีจะไม่ติดอะไรกับท่าทางเช่นนั้น แต่ความอ่อนโยนอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ที่ลูบผ่านผิวกายราวเปลวไฟหลอมละลายเทียนไข จนในที่สุดเสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดออกจากแขนพร้อมกับเสื้อคลุมอาบน้ำ และหลอมละลายจนร่างเพรียวบางล้มตัวลงนอนบนเตียงรอคอยเอเดนทาบทับ
เพียงแค่ความชอบพอที่โจไซอามีต่อเอเดนก็มากพอสำหรับการปลุกเร้าให้เกิดความ้าแล้ว แต่ริมฝีปากของอีกฝ่ายยังค่อย ๆ กดจูบตามผิวกายของโจไซอาเชื่องช้า ราวจะช่วยพาไต่ระดับของห้วงอารมณ์ทีละขั้น ทำให้หัวใจของเทพซึ่งเต้นช้ากว่ามนุษย์สองเท่าเต้นระรัวแทบทะลุออกจากอกได้
มือสวยจับสันกรามคมของเอเดน ไล่นิ้วโป้งตามแนวโครงหน้าหล่อเหลา และเชิดคอให้อีกฝ่ายซุกไซ้ตามอำเภอใจ เอเดนกำลังจับต้นขาเนียนสองข้างให้แยกออกจากกันและแทรกตัวเองคั่นกลาง ริมฝีปากบางไล่ลงต่ำจากการพรมจูบลาดไหล่มาที่แผ่นอก ละเลงเรียวลิ้นแฉะลงบนยอดอกสีชมพูเข้ม นวดคลึงอีกข้างด้วยนิ้วยาว โจไซอาสูดปากหลับตาแน่นแล้วลูบต้นแขนของเอเดนขึ้นลง
เขาพยายามสำรวจร่างกายของชายหนุ่มด้วยการัั ต้นแขนนี้แน่นกล้ามเนื้อกว่าที่คิด ไหล่เปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าบดบังก็กว้างกำยำ เช่นเดียวกับแผ่นอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ผิวกายของเอเดนอุ่นอย่างที่โจไซอาชอบ เพราะผิวกายเทพเย็นกว่ามนุษย์เสมอ
แต่แค่การสำรวจร่างกายเอเดนด้วยการัั และรับการปลุกเร้าอารมณ์ด้วยเรียวลิ้นกับริมฝีปากไปพร้อมกันยังไม่เพียงพอ เขาดันไหล่กว้างออกจากตัวกระทั่งเอเดนหยุดพรมจูบหน้าท้อง มือสวยพยุงกายให้ลุกขึ้นนั่งแล้วจึงดันให้เอเดนพลิกตัวนอนหงายเพื่อมองหุ่นกำยำให้ชัดเต็มสองตา
ซึ่งภาพที่เห็นงดงามกว่าที่จินตนาการ รูปร่างของเอเดน กริฟฟินเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ั้แ่ต้นแขนแข็งแรงดูกอดอุ่น แผ่นอก จนถึงหน้าท้องที่ขึ้นเป็ลอนเรียงตัวกันสวยงามไล่ลงจนถึงใต้สะดือและร่องรูปตัววีที่ต้นขา มือสวยลูบตามแผ่นอกจนถึงกล้ามเนื้อหน้าท้อง มองแก่นกายที่พองขยายเต็มที่ด้วยตัณหา และจับมันชักขึ้นลงแ่เบาอย่างไม่เขินอายจนได้ยินเสียงทุ้มครางในลำคอของอีกฝ่าย
“ต่อให้เธอทำอะไรฉันก็คงชอบอยู่ดี”
โจไซอาหลุดปากเอ่ยตามความรู้สึกอย่างล่องลอยไร้การบังคับ กับมนุษย์คนอื่นเทพผู้มีประสบการณ์มากกว่าคงไม่พูดเช่นนี้ แต่เอเดนดึงความรู้สึกของโจไซอาออกมาอย่างง่าย ๆ ด้วยดวงตาสีเฮเซลและริมฝีปากบางมุมคว่ำ ร่างกายกำยำค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง กอบกุมข้างแก้มโจไซอาอีกครั้งและกดจูบมุมปากแ่เบา
“ชอบผมเหรอครับ”
เอเดนเหยียดยิ้มเ้าเล่ห์ทำให้โจไซอายิ้มตามแล้วเก็บงำคำตอบที่ร้องะโว่าชอบให้อยู่เพียงในใจ แล้วกดวนนิ้วโป้งที่ส่วนหัวของแก่นกายจนมีน้ำสีขุ่นล้นออกมา ก่อนจะลูบละเลงมันเพื่อให้ไม่ฝืดเคืองและชักมือขึ้นลงเนิบนาบ เอเดนคว้ากอดเอวของโจไซอา ซุกใบหน้ากับซอกคออย่างเดิมพลางครางเสียงต่ำ กดจูบที่แผ่นอกอย่างคนหลงหัวปักหัวปำไม่ต่างกัน
มือหนาจับโจไซอาให้นอนหงาย เริ่มพรมจูบตามผิวกาย และลูบไล้ไปทั้งตัวด้วยฝ่ามืออุ่นอีกครั้ง ก่อนจะนั่งคุกเข่าที่ปลายเตียง เอเดนจับข้อเท้าของโจไซอา มือของเขาเพียงข้างเดียวแทบกำรอบข้อเท้าเรียวบางสองข้างได้ เขายกขึ้นจนฝ่าเท้าของโจไซอาแนบที่กลางอก ท่ามกลางแววตาความสงสัยที่จ้องมองเอเดน
เอเดนลูบข้อเท้าเรียวบางข้างซ้ายราวหลงติดกับอยู่กับมัน ก่อนจะค่อย ๆ โน้มใบหน้าจูบหลังเท้าของโจไซอา เลื่อนขึ้นจูบข้อเท้าโดยที่ยังใช้ดวงตาสีเฮเซลเป็ประกายซับซ้อนจ้องมองไม่ละ และจับขาทั้งสองข้างแยกจากกันจนเห็นแก่นกายที่แข็งขืนไม่ต่างจากของตนเอง
ริมฝีปากบางที่โจไซอาชอบมองแตะบนน่อง ไล่ขึ้นจนถึงต้นขา และจูบเน้นน้ำหนักที่ซอกขาอย่างจงใจ โจไซอาผ่อนลมหายใจที่เผลอกลั้นไว้นานหลายนาที อกบางไหวขึ้นลงตามการหายใจ หัวใจของเทพสั่นระรัวและร้อนไปทั้งกายด้วยความกระสันทะยานอยากที่เอเดนก่อมันขึ้นมาอย่างใจเย็น
ช่องทางด้านหลังพร้อมในเวลาอันสั้นจากเรียวนิ้วแฉะน้ำลายของเอเดนที่สอดแทรกเข้าไปกดคลึงและหมุนวนโดยรอบ แก่นกายใหญ่เต็มที่ของเอเดนสวมทับด้วยถุงยาง ชายหนุ่มใจเต้นแรงเมื่อชันเข่าบนเตียงและก้มหน้ามองโจไซอาขณะที่อีกฝ่ายสวมมันให้ แล้วคร่อมทับบดจูบริมฝีปากชมพูอ่อนจนเปลี่ยนเป็สีแดงเข้ม พร้อมถูไถส่วนหัวของแก่นกายกับรอยจีบ
แก่นกายที่อัดแน่นด้วยความ้าสอดใส่ในช่องทางด้านหลังอย่างใจเย็น ค่อยเป็ค่อยไปที่สุดเท่าที่เอเดนทำได้ กระทั่งอยู่ลึกสุดลำในที่สุด โจไซอาปรือตามองเพดานที่อาบด้วยแสงสีส้มสลัวจากโคมไฟ ยกยิ้มพึงพอใจกับทุกััราวร่างกายได้ล่องลอยอยู่ในอากาศโดยมีเอเดนเป็ผู้โอบกอดและพาเขาไป
สองร่างสอดประสานเข้าหากันเป็จังหวะ โจไซอาไม่ปฏิเสธว่าแก่นกายที่เข้าออกในช่องทางอย่างเนิบนาบของเอเดนทำให้อารมณ์ของตนเองพุ่งขึ้นสูง แต่ความใจร้อนทำให้เผยความเอาแต่ใจออกมา เพราะอยากให้อีกฝ่ายเติมเต็มความกระสันมากกว่านี้
“เร็วอีกเอเดน” เขาร้องขอเสียงกระเส่าให้อีกฝ่ายเร่งจังหวะ การไม่กล้าบอกความ้ากับคู่นอนเป็เื่โง่เขลาสำหรับเทพอย่างเขา
มืออุ่นกอบกุมแก่นกายแข็งขืนของโจไซอา ชักขึ้นลงเป็จังหวะเดียวกันกับการสอดใส่ที่รัวเร็วยิ่งขึ้น เสียงหวานครางโดยไม่อดกลั้นเพราะส่วนหัวที่แตะโดนจุดกระสันภายใน หน้าท้องหดเกร็งจนขึ้นร่องบาง มือสวยบีบต้นแขนเอเดนแน่น พยายามเอื้อมจับสันกรามแล้วดึงให้อีกฝ่ายโน้มลงมาหาเพื่อมอบจุมพิตให้ และปลดปล่อยความกระสันออกมาเป็น้ำสีขุ่นพร้อมกัน
การปลดปล่อยหนึ่งครั้งไม่เพียงพอให้เอเดน กริฟฟินหมดความ้าในตัวโจไซอาอย่างไม่รู้จบ เขาผละจูบริมฝีปาก เพื่อจูบตามผิวกายนวลเนียน กดริมฝีปากแแ่ที่ลาดไหล่ และที่กระดูกไหปลาร้านูนสวยของอีกฝ่าย เฝ้ามองแผ่นอกที่ไหวขึ้นลงตามจังหวะหายใจหอบเหนื่อยกระทั่งค่อย ๆ ผ่อนแรงช้าลง
ดวงตาสองคู่สบมองกันในความเงียบ ใต้แสงสลัวสีส้มอุ่นจากโคมไฟเก่า ตาสีเฮเซลของเอเดนทำให้โจไซอามองมันไม่รู้เบื่อ และยกมือขึ้นเกลี่ยนิ้วโป้งที่สันจมูก ััผิวเนื้อใต้ตาด้วยความแ่เบาอ่อนโยน มองรายละเอียดราวกับจะจดจำขนตาทุก ๆ เส้นของเอเดน และจดจำเส้นเืในดวงตาที่วาดอยู่บนตาขาว ใช้เวลาที่มีอยู่เหลือเฟือในการสำรวจความหล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างค่อยเป็ค่อยไป
โดยที่เอเดน กริฟฟินนับการลูบััคลอเคลียนั้นเป็รางวัลของการพาโจไซอาให้ถึงความสุขสม
tbc.
#เฮเซลอาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้