ตอนที่ ๕
วัชรินทร์ไม่ดื้อ
สองวันต่อมา
๐๗.๐๐ น.
ราวกับกลายเป็กิจวัตรที่จะต้องเกิดขึ้นในทุกวัน...วัชรินทร์ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีเนื้อและกางเกงขายาวสีดำค่อย ๆ เดินลงจากเรือนไทย โบกพัดผ้าไหมในมือเป็จังหวะอ้อยอิ่ง ดวงตาคมสวยหลับพริ้ม แล้วหายใจสูดกลิ่นอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าเต็มปอด
การจัดสวนภายในรั้วบ้านหลังนี้นั้นไม่แย่เลย นอกจากจะมีพื้นที่สวนกว้างขวางแล้ว ยังมีพรรณไม้มากมายให้เลือกชมอีกต่างหาก อย่างน้อยก็พอจะช่วยให้ไม่รู้สึกเบื่อที่จะต้องอยู่แต่ในรั้วบ้านตลอดทั้งวัน...วัชร์จับช่อดอกมะลิช่อเล็กที่ถือติดมือมาให้พองาม ก่อนจะนำมันมาประดับเอาไว้บนมวยผมตามความชอบ เมื่อจัดแจงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ทำท่าจะเดินต่อ แต่ก็ต้องชะงักไป
“...”
ร่างเล็กของลูกหล้าเดินตามกันมาติด ๆ เมื่อเห็นเขาหยุดก็หยุดตาม เดินต่อเมื่อไรก็รีบก้าวเท้าตามด้วยความว่องไว ครั้นเมื่อเขาหันไปมองสบเมื่อใดก็สะดุ้งตัวโยนเป็กระต่ายตื่นตูม ทำท่าคล้ายอยากจะเข้าใกล้แต่ก็แอบกลัวกันอยู่ในที
หากวัชร์ไม่ได้คิดไปเอง ั้แ่เกิดเหตุการณ์ในงานบุญเมื่อสองวันก่อน เด็กคนนี้ก็เริ่มจะติดเขาแจ
...เป็อะไรไปก็ไม่รู้
“ไปทำอย่างอื่นเถอะ ไม่ต้องมาเดินตามฉันหรอก”
“จ...จ้ะคุณวัชร์”
เด็กหนุ่มผมจุกพยักหน้ารับคำอย่างเชื่อฟัง คนอายุมากกว่าเห็นดังนั้นจึงเริ่มเดินต่อ หมายจะไปดูดอกไม้ซึ่งถูกปลูกเอาไว้ที่อีกฝั่งหนึ่งของสวนว่าผลิบานกันเต็มที่หรือยัง แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงของอีกฝ่ายกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามกันมาอยู่ดี พลันเ้าของดวงหน้างามเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วหันไปถามเสียงสั้นห้วน
“เอ๊ะ! ทำไมถึงยังตามมาอีก”
“คือ...คือว่า...”
เด็กหนุ่มละล่ำละลัก หันซ้ายหันขวาคล้ายจะหาทางหนีแต่ก็ไม่ยอมไปที่ไหนเสียที ยิ่งเห็นคุณวัชร์กำลังขมวดคิ้วมองกันอยู่ก็กลัวจนเผลอเบะปากเล็กน้อยคล้ายอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เมื่อเวลาผ่านไปแทบจะครบนาทีแล้วยังหาข้ออ้างไม่ได้เสียที ก็ได้แต่หลับตาปี๋แล้วโพล่งออกไปเสียงดัง
“ให้หนูเดินตามคุณวัชร์ไปเรื่อย ๆ เถอะนะจ๊ะ!”
“...”
คนอายุมากกว่าชะงักไปครู่ใหญ่ มองลูกหล้าที่ยืนตัวเกร็ง เหงื่อแตกท่วมกรอบใบหน้าและลำคอ แต่ก็ยังอยากจะอยู่กับเขาให้ได้แม้จะแอบกลัวกันจนขาสั่นก็ตามที...พลันริมฝีปากอิ่มลอบขบเม้มเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความไม่คุ้นชิน
คนที่ถูกเฉดหัวไล่ส่งมาแทบทั้งชีวิตอย่างเขา กำลังจะมีเพื่อนเหมือนอย่างคนอื่นเขาด้วยอย่างนั้นหรือ
วัชร์ยืนเงียบไปอยู่นาน ในขณะที่ลูกหล้าไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ในหัวจินตนาการไปไกลว่าจะต้องถูกอีกฝ่ายไล่ตะเพิดออกมาเป็แน่ แต่กลับผิดคาด เมื่อคำตอบที่ได้ยินนั้นสวนทางกับสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้โดยสิ้นเชิง
“จะส่งเสียงดังทำไม ฉันระคายหู”
เอ่ยพูดเพียงเท่านั้นทั้งใบหน้าที่ยังคงดูเย่อหยิ่งตามนิสัย ก่อนจะเดินนวยนาดชมสวนต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ต่อว่าหรือห้ามไม่ให้ลูกหล้าเดินตามกันมาอีก...เด็กหนุ่มพยายามใช้หัวน้อย ๆ คิดไตร่ตรองความหมายของการกระทำดังกล่าวอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนค่อย ๆ เผยรอยยิ้มกว้างออกมาจนเต็มแก้มแล้ววิ่งตามติดคนตรงหน้าไปทันที ราวกับกลัวว่าจะตามไปไม่ทัน
...ดูเหมือนว่าการเดินชมสวนของคุณวัชร์จะมีเจตนาอื่นแอบแฝง ลูกหล้ามองนายของตนที่เอาแต่เดินไม่หยุด เดี๋ยวก้มเดี๋ยวเงย คล้ายกับกำลังมองหาอะไรอยู่สักอย่างก็อดจะเอ่ยถามบ้างไม่ได้
“คุณวัชร์กำลังมองหาอะไรหรือจ๊ะ”
“นกเขา...ฉันจำได้ว่ามีนกเขาสามตัวชอบมาหากินอยู่แถวนี้---”
น้ำเสียงถูกกลืนหายไปกะทันหัน ยามหันไปเห็นร่างสูงของผู้เป็สามีกำลังเดินออกมาจากประตูบ้านหลังใหญ่ ครั้นเมื่อหันไปมองรอบ ๆ จึงเริ่มรู้ตัว ว่าเขามัวแต่เดินชมสวนชมไม้จนลืมตัว เผลอเดินมาจนถึงเขตหน้าบ้านใหญ่เสียแล้ว
ทั้ง ๆ ที่ควรจะเดินอยู่แค่ในสวนใกล้เขตเรือนไทยที่ตนอยู่ แต่ก็ดันเดินข้ามเขตมาเสียได้
อุตส่าห์พยายามหลบหน้าอยู่แท้ ๆ ...แย่จริง!
“...”
ซูเหวินยกมือขึ้นปรามผู้ติดตามที่กำลังเอ่ยรายงานสิ่งที่ต้องทำในวันนี้ มองผู้เป็ภรรยาที่เบิกตาทำหน้าใ ผ่านไปสักพักจึงเริ่มทำหน้าบูดบึ้งใส่ ราวกับเพิ่งจะได้สติและนึกออกว่าจะต้องแสดงสีหน้าแบบไหน ก่อนจะรีบหันหลังใส่กัน แสดงออกว่า้าหลบและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันอย่างชัดเจน
พลันเรียวคิ้วเข้มลอบขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ติดจะเ็าและแฝงไปด้วยความเข้มงวดอยู่ไม่น้อย
“อย่าไปก่อเื่ที่ไหน”
“...”
“เข้าใจที่พูดหรือเปล่า”
“...”
วัชร์เลือกที่จะยืนหันหลังเงียบใส่กัน ไม่ตอบคำถาม แม้จะเป็การกระทำที่ดูชวนให้รู้สึกโมโห ทว่าซูเหวินกลับไม่ทำอะไรไปมากกว่านั้น เพียงเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกลเท่านั้น...เมื่อแน่ใจว่ารถคันดังกล่าวได้ถูกขับออกไปแล้ว คนที่แสร้งทำเป็ยืนเชิดหน้าหยิ่งยโสไม่เกรงกลัวก็ทรุดตัวลงนั่งยองแล้วฟุบหน้าลงกับเข่าในทันใด
หลังจากผ่านเหตุการณ์คืนนั้น เขาเลือกที่จะหลบหน้าอีกฝ่ายอย่างจงใจ
ทั้งปล่อยโฮร้องไห้ต่อหน้าคนที่ไม่อยากให้เห็นมันมากที่สุด อีกทั้งยังต้องให้สามีคอยเช็ดน้ำตาปลอบขวัญกันอีกต่างหาก...ใครบ้างเล่าที่จะไม่อับอาย
...หากให้เขาลองคาดเดาดูสักนิด ภายใต้การแสดงออกที่เรียบเฉยของอีกฝ่าย คงจะกำลังแอบหัวเราะเยาะความอ่อนแอของเขาอย่างแสนจะสาแก่ใจอยู่กระมัง
รถยนต์คันหรูถูกขับเข้ามาถึงเขตเยาวราชภายในระยะเวลาไม่นาน บรรยากาศภายในรถตกอยู่ในความเงียบครู่ใหญ่ ก่อนลูกน้องคนสนิทที่เติบโตด้วยกันมาั้แ่เล็กแต่น้อยอย่าง ‘ลิกซิน’ จะเป็ฝ่ายเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“สองวันมานี้ คุณวัชร์ดูนิ่งสงบขึ้นนะครับ”
ประโยคดังกล่าวเป็ผลให้คนที่นั่งอยู่เบาะหลังนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมสีรัตติกาลทอดมองเหล่าพ่อค้าแม่ขายในชุมชนคนจีนที่กำลังตั้งใจค้าขายอย่างขะมักเขม้นผ่านกระจกรถ...แม้ว่าภาพที่เห็นจะเป็ดังนั้น ทว่าความคิดกลับเริ่มหลุดลอยไปไกล
นึกถึงใครบางคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะยอมอยู่อย่างสงบ หรือกำลังหาช่องทางก่อเื่เพิ่มอีกอยู่กันแน่
คราแรกที่ก้าวเท้าเหยียบบ้านหลังนี้ก็เอาแต่หาเื่กันเสียจนน่ารำคาญ ร้ายกาจจนเขานึกชัง...ครั้นเวลาร้องไห้ก็ดูอ่อนแอเสียจนน่าสงสาร เมื่อกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งก็รีบวางท่ายโสใส่กันในทันใด อีกทั้งไม่กี่วันมานี้ก็ยังจงใจหลบหน้ากันอีกต่างหาก
...เข้าใจยากเหลือเกิน
“จะสงบได้สักกี่วันกันเชียว”
...
เย็นวันนี้อากาศดีไม่น้อย แดดไม่แรงมาก อีกทั้งยังมีลมพัดโชยให้รู้สึกเย็นสบายอยู่เป็ระยะ วัชร์นั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้กลางสวนได้หลายชั่วโมงแล้ว กำลังตั้งหน้าตั้งตาสานใบมะพร้าวเป็รูปนกอย่างขะมักเขม้น เขาคิดว่าจะแบ่งไปให้ลูกหล้าสักอัน ส่วนอีกอันหนึ่งก็ห้อยเอาไว้ที่ริมหน้าต่างห้องของตนเอง
ริมฝีปากอิ่มยกขึ้นเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ เมื่อสามารถสานใบมะพร้าวให้กลายเป็รูปเป็ร่างได้อีกหนึ่งอัน ก่อนจะชะงักไปเมื่อเริ่มรู้สึกว่าปิ่นที่กลัดผมเอาไว้เริ่มจะไม่แน่นเหมือนดังเก่า อาจเพราะวันนี้เขาขยับตัวมาก เดี๋ยวนอนเดี๋ยวนั่ง ทรงผมที่เกล้าเอาไว้ไม่ค่อยดีจึงหลุดเสียได้
ครั้นจะให้หยุดมือที่กำลังสานใบมะพร้าวชั่วคราวก็ไม่อยากรู้สึกขาดตอน เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นลูกหล้าที่นั่งเฝ้ากันอยู่ไม่ไกลก็เอ่ยเรียกทันที
“ลูกหล้า”
“มีอะไรหรือจ๊ะคุณวัชร์”
“เกล้าผมแล้วปักปิ่นให้ฉันใหม่ทีสิ”
เด็กหนุ่มที่ตั้งท่ารออยู่ก่อนแล้วรีบวิ่งเข้ามาหากันอย่างกระตือรือร้น ทั้งดวงตาเป็ประกาย ทว่าเมื่อได้ฟังคำสั่งก็ได้แต่ยืนยิ้มเจื่อน...ตัวเขาทุกวันนี้แค่จะเกล้าผมให้แม่ตัวเองก็ยังถูกไล่ตะเพิดออกมา เพราะฝีมือห่วยแตกเกินจะรับไหว แต่จะให้ปฏิเสธคุณวัชร์ได้อย่างไรกันเล่า
“...ได้จ้ะ”
คนอายุน้อยกว่าตอบรับเสียงแ่ ลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอแล้วเริ่มเกล้าผมให้ผู้เป็นายด้วยท่าทางเงอะงะ...ถึงแม้จะแอบรู้สึกกดดันมากเพียงใด แต่ยิ่งได้อยู่ใกล้อีกฝ่ายเช่นนี้ ก็ยิ่งได้กลิ่นหอมดอกมะลิชัดเจนขึ้นจนเผลอหลับตาสูดกลิ่นอย่างเคลิบเคลิ้ม กระทั่งได้ยินเสียงเรียกทักอีกครั้งจึงเริ่มได้สติ
“ทำเป็หรือเปล่า”
“ทะ ทำเป็จ้ะ”
เด็กหนุ่มกลัวว่าตนจะถูกหาว่าบกพร่องในหน้าที่ จึงจำใจต้องโกหกออกไปคำโต ทั้งสีหน้าคล้ายคนอยากจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เขาพยายามรวบผมที่ยาวประบ่าเข้ามาในมือแล้วมัดเกล้าอีกครั้ง ทว่าทำไปได้ไม่เท่าไร คนที่กำลังตั้งใจสานใบมะพร้าวอยู่ก็พูดขึ้นอีก
“เกล้าสูงอีกหน่อยสิ”
ลูกหล้าในตอนนี้อยากจะร้องไห้เต็มแก่ เขาเม้มปากเข้าหากันแน่นแล้วเริ่มพยายามใหม่อีกครั้ง ก่อนจะชะงักไปเมื่อรู้สึกคล้ายมีใครมายืนอยู่ด้านหลังตน ครั้นเมื่อหันไปเห็นว่าเป็ใคร ก็ชักจะอยากแกล้งเป็ลมไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ
ซูเหวินที่ยังคงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวและกั๊กสูทสีเข้มเพราะเพิ่งเดินทางกลับมา เพียงโบกมือไล่กันเล็กน้อย แล้วผลัดเปลี่ยนเป็ฝ่ายเกล้าผมให้ผู้เป็ภรรยาด้วยตนเอง วัชรินทร์ที่ดูจะให้ความสนใจกับการพยายามสานใบมะพร้าวเป็พิเศษ จึงไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
“...”
บนใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉย ถึงอย่างนั้นก็ค่อย ๆ มัดรวบกลุ่มเส้นผมนุ่มเข้ามาอย่างเบามือ แต่ดูเหมือนว่าจะยังประมาณแรงไม่ค่อยถูกต้องนัก พลันคนงามเริ่มมุ่ยหน้าอีกครั้ง
“แน่นเกินไป ฉันเจ็บ”
ซูเหวินชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคลายมือที่รวบเส้นผมเอาไว้ออกเล็กน้อย คราวนี้ใบหน้าของวัชรินทร์เริ่มฉายแววผ่อนคลายลง พยักหน้าหงึกหงักแล้วเอ่ยตอบทั้งรอยยิ้มบาง ไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่ากำลังพูดอยู่กับใคร
“สบายขึ้นเยอะเลย”
“...”
คนอายุมากกว่าไม่ได้ตอบสิ่งใด เพียงเกล้าผมให้ต่อไปด้วยน้ำหนักมือที่เบาลงก็เท่านั้น
สายลมยามเย็นพัดพาให้ได้กลิ่นหอมกรุ่นของดอกมะลิที่ติดอยู่กับเส้นผมบางเบา
ปลายนิ้วเรียวเฉียดััผิวเนื้อบริเวณท้ายทอยไปเพียงเล็กน้อยโดยไม่ได้ตั้งใจ เกลี่ยไล้เส้นผมนุ่มั้แ่โคนจรดปลายแ่เบา...ก่อนจะปล่อยมันออกอย่างอ้อยอิ่ง
“ทำถนัดมืออย่างนี้ ฉันคงต้องเรียกเธอมาเกล้าผมให้ทุกวันเสียแล้วสิ”
วัชร์ที่กำลังอารมณ์ดีไม่น้อย อดจะเอ่ยทีเล่นทีจริงไม่ได้ ในขณะที่เด็กหนุ่มได้แต่กลอกตาล่อกแล่กไปมา มองคุณไท่ที่ยังไม่ตอบบทสนทนาในทันที...เพียงค่อย ๆ ปักปิ่นไม้ลงไปอย่างบรรจง แล้วรับช่อดอกมะลิที่ลูกหล้าถือเอาไว้มาประดับที่มวยผมเช่นเดิม เป็อันเสร็จสิ้น ก่อนจะเอ่ยถามกลับเสียงเรียบ
“งั้นหรือ”
“...”
เพียงได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำ พลันคนที่นั่งอยู่ชะงักไป ทั้งดวงตาที่เริ่มเบิกกว้างขึ้นทีละน้อย ชายหนุ่มรีบหันหลังกลับไปมอง เห็นลูกหล้ายืนทำตัวลีบอยู่ไกลพอสมควร ในขณะที่คนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง กลับเป็สามีของตนเสียเอง
วัชร์ได้แต่นั่งนิ่งอ้าปากค้างด้วยความใ ในหัวมีคำถามเต็มไปหมด ทว่ายังควานหาเสียงของตัวเองไม่เจอเสียที ภาพที่ออกมาจึงเป็การนั่งจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่นานเท่านั้น
“ขอบคุณผู้ใหญ่ไม่เป็หรือ”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามเริ่มดุขึ้นเล็กน้อย วัชร์ที่หมายจะรีบวิ่งไปหลบหน้ากันชะงักไป ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันแน่น แล้วยอมยกมือขึ้นไหว้ เอ่ยเสียงแ่
“ขอบคุณ...”
“เป็เด็กดีก็ทำได้ ทำไมไม่ทำเสียั้แ่แรก”
คราวนี้ผู้เป็ภรรยาหน้ามุ่ย นึกโมโหน้ำเสียงที่ฟังดูใจเย็น แต่ก็แฝงไปด้วยถ้อยคำเสียดสีอยู่ในทีเช่นนี้เหลือเกิน ตั้งท่าจะเถียงต่อปากต่อคำ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะปิดปากเงียบไปเท่านั้น ก่อนจะเดินกระทืบเท้าปึงปังไปนั่งหลบอยู่ใต้ต้นไม้ที่อีกมุมหนึ่งของสวน แม้จะโมโหมากเพียงใด แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบใบมะพร้าวติดมือไปด้วย
เขาจะพับมันเป็รูปของซูเหวิน ไท่ แล้วหลังจากนั้นก็ฉีกมันทิ้งเสียให้ไม่เหลือซาก!
ลูกหล้าที่ยืนอยู่ตรงกลาง ได้แต่มองคนทั้งสองที่กลับมาวางท่าชังน้ำหน้าใส่กันอีกแล้วทั้งสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนจะโค้งหัวไหว้คุณไท่ปลก ๆ แล้วรีบวิ่งตามนายของตนไปจนขาแทบจะพันกัน
ซูเหวินมองตามแผ่นหลังผู้เป็ภรรยาไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านแล้วตรงดิ่งเข้าไปยังห้องทำงานของตน ผู้นำของกลุ่มหยางหลงหย่อนกายลงนั่งไขว่ห้างแล้วค่อย ๆ เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้เบาะนวมอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมปรายมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งสามารถมองเห็นอาณาเขตสนามหญ้าได้อย่างทั่วถึง เป็จังหวะเดียวกับที่ประตูห้องถูกเคาะ พร้อมกับร่างของผู้ติดตามคนสนิทที่เดินเข้ามา
“เอกสารที่้าครับคุณไท่”
“อืม”
“อยากได้อะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ”
ซูเหวินยื่นมือไปรับกระดาษดังกล่าวแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยถึงสิ่งที่ตน้าออกไป
“ไปหาดอกมะลิมาสักสองสามดอก”
คราวนี้กลับกลายเป็ผู้ฟังเสียเองที่ต้องแอบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อดจะถามต่อไม่ได้
“ดอกมะลิ...ทำไมหรือครับ”
ผู้เป็ใหญ่ในบ้านหลังนี้ยังไม่ตอบคำถามในทันที เพียงหันใบหน้าออกไปทางนอกหน้าต่างอีกครั้ง ดวงตาสีรัตติกาลทอดมองเ้าของร่างอรชรที่กำลังนั่งสานใบมะพร้าวอยู่ที่ใต้ต้นไม้มุมหนึ่งในสวนอย่างขะมักเขม้น...บนมวยผมที่ถูกตนมัดเกล้าให้อย่างเรียบร้อย มีช่อดอกมะลิกลัดอยู่สองดอก
ไม่ว่าจะเป็เส้นผมหรือช่อผกาสีขาวนวลที่ประดับอยู่...ล้วนแต่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นติดปลายจมูกไม่ต่างกัน
“...กลิ่นหอมดี”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้