เสวียนเทียนใบหน้าประดับรอยยิ้ม เดินเอื่อยๆ ออกไปด้านนอกเรือนยาพลังปราณประหนึ่งกำลังเดินอยู่ในบ้าน ไม่มีสีหน้าร้อนลน เยือกเย็นนิ่งสงบ
กลับกลายเป็เฟิงปู๋จื้อ ซุนอี้ชิวกู้เชียนโหรวสามคนที่ตามหลังเสวียนเทียน สีหน้าวิตกอยู่บ้าง
เมื่อเดินออกมานอกเรือนยาพลังปราณก็เห็นพื้นที่โล่งกว้างด้านหน้ารายล้อมด้วยศิษย์ในจำนวนไม่น้อยล้วนยืนอยู่ขอบของลานโล่งพื้นที่โล่งกว้างทั้งหมดอาณาบริเวณหกเจ็ดสิบเมตรมีคนยืนอยู่เพียงคนเดียว
คนผู้นั้นร่างกายสูงใหญ่ ร่างสูงถึงหนึ่งเมตรแปดสิบห้าร่างสวมชุดยาวสีแดง ผมยาวทั้งศีรษะที่มัดสูงขึ้นไปเป็สีแดงเพลิงชุดยาวสีแดงไปจนถึงผมสีแดงเพลิงทำให้ทั้งตัวคนดูไปแล้วราวกับคบไฟ เพลิงร้อนแผดเผา
ใบหน้าของคนผู้นี้หน้าผากกว้าง จมูกโด่งปากใหญ่ในมือถือกระบี่ยาวที่อยู่ในฝักเล่มหนึ่ง ฝักกระบี่เป็สีแดงชาดด้ามกระบี่ก็เป็สีแดงชาด ดูไปแล้วเทียบกับกระบี่ยาวทั่วไปใหญ่และยาวกว่าประมาณสามส่วน
ปลายฝักกระบี่ปักอยู่ที่พื้นหน้าสองขาปลายเท้าของหยางเทียนจวินสองมือกุมค้ำด้ามกระบี่อยู่หน้าท้องน้อย
อาศัยความสูงหนึ่งเมตรแปดสิบห้าของหยางเทียนจวินประมาณได้ว่ากระบี่ยาวใหญ่ั์ในมือเขาเล่มนั้น ความยาวคงไม่น้อยกว่าหนึ่งเมตรเทียบกับ ‘กระบี่ขุนเขาหนัก’ ศาสตราวิเศษชั้นนิลระดับกลางของเสวียนเทียนแล้วพูดถึงความยาวไม่ต่างกันสักเท่าไรนัก
ทั้งร่างของหยางเทียนจวินราวกับูเาไฟที่กำลังะเิพลังพลุ่งพล่าน บรรยากาศกดดันแผ่ออกมาข้างนอกศิษย์ในไม่น้อยมองเขาอยู่ใบหน้าต่างเผยสีหน้าหวาดกลัวแต่ก็มีศิษย์ในไม่น้อยดวงตาฉายแววนับถือ
เสวียนเทียนเพิ่งเดินออกมาจากเรือนยาพลังปราณโผล่เข้ามาในสายตาของหยางเทียนจวิน สายตาของหยางเทียนจวินฉับพลันก็วาวโรจน์ขึ้นมาเสวียนเทียนััได้ถึงปราณอัคคีร้อนระอุสายหนึ่งที่โถมเข้ามาร่างกายราวกับกำลังถูกเปลวไฟร้อนแรงสองสายแผดเผาอยู่
เมื่อมองตามปราณอัคคีร้อนระอุสายนั้นไปห่างไปร้อยกว่าเมตร เสวียนเทียนก็พบดวงตาทั้งสองที่ราวกับูเาไฟกำลังะเิคู่นั้นของหยางเทียนจวินในดวงตาราวกับมีเงาของเปลวไฟอยู่
สิ่งที่หยางเทียนจวินฝึกฝนคือวิชาปราณสายอัคคี ‘ปราณอัคนีบริสุทธิ์’ ปราณแท้สายอัคคีมีมากเป็สองเท่าของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามที่ฝึกวิชาปราณอัคคีชนิดอื่นทั้งร่างราวกับไฟอันร้อนแรง เผาผลาญอยู่ตลอดเวลา พลังพลุ่งพล่าน แผ่พลังกดดันออกมารอบนอก
จิตใจราวกับกระบี่ของเสวียนเทียนที่เก็บซ่อนไว้เริ่มเผยประกายคมกริบออกมา ราวกับกระบี่คมที่กำลังออกจากฝักปราณกระบี่อันแหลมคมสายหนึ่งทะลักออกมาจากในร่างหมุนวนรอบกายเสวียนเทียนไอพลังร้อนระอุที่พลังลักษณ์อันท่วมท้นของหยางเทียนจวินนำมาถูกหักลบจนสูญสิ้นไอพลังร้อนระอุนั้นพริบตาสลายไป
เสวียนเทียนก้าวเท้าก้าวหนึ่ง ทั้งร่างพริบตาก็พลิ้วมาข้างหน้าเจ็ดสิบกว่าก้าวก้าวติดต่อกันสองก้าวก็ยืนอยู่เบื้องหน้าหยางเทียนจวิน ห่างออกมาห้าสิบกว่าเมตร
สายตาของหยางเทียนจวินราวกับไฟร้อนโหมกระหน่ำสายตาของเสวียนเทียนราวกับพลังกระบี่แผ่เต็มฟ้า ทั้งสองคนจ้องอีกฝ่ายเขม็งจนอากาศระหว่างคนทั้งสองบิดเบี้ยว ทั้งสองยังไม่ทันเปิดฉากต่อสู้ ยังไม่ทันพูดจาพลังลักษณ์ก็ปะทะกันอย่างดุเดือดแล้ว
พลังลักษณ์ของหยางเทียนจวินถาโถมราวกับม้านับหมื่นวิ่งตะบึงพลังรุนแรงแผ่ออกมาด้านนอก คลื่นพลังอัดแน่นเต็มอากาศไม่ว่าศิษย์ในคนใดรอบด้านลานโล่งนี้ต่างก็ััได้ถึงพลังของหยางเทียนจวินทุกคนเผชิญกับบรรยากาศคุกคาม คนที่พลังวัตรต่ำหน่อยภายใต้บรรยากาศคุกคามจากพลังลักษณ์ของหยางเทียนจวิน ถึงขนาดหอบฮักลมหายใจกระชั้นถี่ขั้นมา
ส่วนเสวียนเทียนยังคงเยือกเย็นสงบนิ่งจิตใจสงบผ่อนคลาย รอบด้านของเขาราวกับมีปราณไร้ลักษณ์สายหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่เส้นผมและเสื้อผ้าของเสวียนเทียนคล้ายขยับไหวขึ้นมาเองทั้งที่ไม่มีลมบรรยากาศคุกคามของพลังของหยางเทียนจวินเมื่อเข้าใกล้เสวียนเทียนก็ถูกพลังไร้ลักษณ์นั้นขับไล่กระเจิง
ด้านหน้าของเสวียนเทียนอากาศตรงหน้ามีเงากระบี่ลวงตาอยู่เล่มหนึ่ง คมกริบอย่างยิ่งเบื้องหน้าเป็ทิศที่พลังลักษณ์ของหยางเทียนจวินถาโถมเข้ามารุนแรงที่สุดแต่เมื่อปะทะเข้ากับเงากระบี่ลวงตาเล่มนั้น พลังคุกคามทั้งหมดก็ถูกแหวกออกสองข้างจากหนึ่งเป็สอง ไม่อาจส่งผลใดๆ ต่อเสวียนเทียนได้
สูงขึ้น! สูงขึ้น! สูงขึ้นอีก!
หยางเทียนจวินเร่งพลังสูงขึ้นจนถึงขีดสุดพลังอันแข็งแกร่งถูกปลดปล่อยออกมาหมดสิ้น พลังอำนาจแผ่พุ่งมาด้านนอก ทั้งลานโล่งอาณาบริเวณสามสี่สิบเมตรพลังลักษณ์ท่วมท้นของหยางเทียนจวินทำให้อากาศไหลขยับขึ้นมา จนเกิดลมสายหนึ่งขึ้นเริ่มแรกเป็สายลมอ่อน ค่อยๆกลายเป็ลมหอบใหญ่ แล้วกลายเป็สายลมโหมแรงกระแสอากาศในอากาศโหมคลั่งขึ้นมาโดยสิ้นเชิง
ระหว่างเสวียนเทียนกับหยางเทียนจวินเห็นร่อยรอยได้ด้วยตาเนื้อ อากาศบิดเบี้ยวกระแสอากาศที่พัดโหมนั้นยิ่งแผ่กระจายออกมาขนาดบรรดาศิษย์ในที่อยู่รอบด้านลานโล่งยังสามารถััได้ถึงกระแสลมแรงหอบแล้วหอบเล่าพัดปะทะใบหน้าพลังของหยางเทียนจวินถาโถมประหนึ่งคลื่นทะเลโหมซัด ซ้อนเป็ชั้นๆ พลังหนุนต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด
ส่วนเสวียนเทียนราวกับโขดหินก้อนหนึ่งไม่ว่าพลังลักษณ์คุกคามของหยางเทียนจวินจะรุนแรงอย่างไรก็ไม่ขยับเขยื้อนไม่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้จิตใจยังสงบผ่อนคลายประหนึ่งสายลมโชยชั้นเมฆบาง
บรรดาศิษย์ในที่ััได้ถึงพลังลักษณ์อันรุนแรงซึ่งหยางเทียนจวินแผ่ออกมาไม่มีใครไม่เผยสีหน้าตื่นตะลึงศิษย์ในห้าอันดับแรกเป็ั์ใหญ่ห้าคนในหมู่ศิษย์สำนักในพลังค่อนข้างน่าหวาดหวั่นว่ากันว่าล้วนเป็ผู้ที่สุดยอดที่สุดในหมู่ระดับขั้นพลังเดียวกันไม่ถึงกับพูดได้ว่าในระดับเดียวกันไร้คู่ต่อกร แต่โดยทั่วไปในระดับเดียวกันก็ไร้พ่ายวันนี้มีโชคได้พบเห็น เป็ดังนั้นจริงแท้แค่พลังลักษณ์ที่เผยออกมาก็ไม่มีผู้ใดสงสัยแล้ว
เทียบกับเจียงห้าวอวี่ที่เป็หนึ่งในสิบศิษย์เอกสำนักในเช่นเดียวกันพลังของหยางเทียนจวินแข็งแกร่งกว่าไม่น้อยเลย
นี่ทำให้ศิษย์ในที่สนับสนุนเสวียนเทียนอย่างเช่นเฟิงปู๋จื้อซุนอี้ชิว กู้เชียนโหรวเป็ต้น อดเป็ห่วงเสวียนเทียนขึ้นมาไม่ได้สีหน้าเคร่งเครียดเป็อย่างมาก
“ไอพลังของศิษย์พี่หยางน่ากลัวเกินไปแล้วศิษย์พี่หวงจะเป็อะไรหรือเปล่า?” กู้เชียนโหรวถามเฟิงปู๋จื้อขึ้นมา
เฟิงปู๋จื้อสีหน้าเครียดขึงไปบ้างแต่เมื่อมองเสวียนเทียนยังคงเยือกเย็นอย่างยิ่ง เขาจึงบอกว่า “ศิษย์พี่หวงจิตใจนิ่งสงบราวกับไม่ได้รับอิทธิพลจากพลังของศิษย์พี่หยาง บางทีพลังของศิษย์พี่หวงอาจจะถึงจุดที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกับศิษย์พี่หยางแล้วจริงๆ!”
ซุนอี้ชิวอดไม่ได้แลบลิ้นออกมา พูดว่า “ศิษย์พี่หยางเป็ถึงหนึ่งในห้าั์ใหญ่เชียวนะห้าั์ใหญ่นอกจากศิษย์พี่เติ้งเฟยอันดับหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยแล้วพลังของสี่คนที่เหลือก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ์ศิษย์พี่หวงตอนนี้เพิ่งพลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่ง หากมีความสามารถระดับชั้นเดียวกับห้าั์ใหญ่ก็เหนือชั้นเกินไปแล้วนะเทียบได้กับอัจฉริยะปีศาจคนนั้นของสำนักดาบเทวะได้เลย”
เฟิงปู๋จื้อเอ่ยว่า “ค่อยๆ ดูไปเถิด”
เสวียนเทียนกับหยางเทียนจวินยังไม่ลงมือยังไม่เอ่ยคำ แม้กระทั่งตัวตนของอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ยืนยันให้แน่นอนแต่ทั้งสองคนมองอีกฝ่ายเป็คู่ต่อสู้อย่างแน่นอนเปิดศึกปะทะกันโดยไม่ใช้กายเนื้อแล้ว
หยางเทียนจวินยามสู้กับคนชอบใช้พลังลักษณ์กดดันอีกฝ่ายไว้ก่อน ทำลายจิตใจของเป้าหมายแล้วคอยทำลายร่างเนื้อของเขา
‘ปราณอัคคีบริสุทธิ์’ ที่เขาฝึกฝน ทำให้ปราณแท้สายอัคคีในร่างลึกล้ำอย่างที่สุดด้านพลังลักษณ์อันล้นหลาม ในั์ใหญ่ทั้งห้าของสำนักในสำนักกระบี่์เขาเป็ที่หนึ่ง ต่อให้เป็เติ้งเฟยที่มีความสามารถเป็อันดับหนึ่งในด้านพลังลักษณ์แล้วก็ยังด้อยกว่าหยางเทียนจวินอยู่เล็กน้อย อาศัยความลึกล้ำของปราณแท้พลังลักษณ์ที่ถาโถมของหยางเทียนจวินเขาเทียบชั้นได้กับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสี่ธรรมดาทุกประการ
เห็นเสวียนเทียนยังคงเยือกเย็นนิ่งสงบจิตมั่นคงต้านทานบรรยากาศพลังคุกคามของเขาได้ หยางเทียนจวินก็อดคิดอย่างหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้ด้วยพลังลักษณ์ของเขาผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามยังไม่เคยนิ่งขนาดนี้ต่อหน้าเขามาก่อนเลย
“น่าชังนักข้าจะให้เ้าได้รู้ว่าอะไรคือพลังคุกคามที่แท้จริง ข้าจะต้องทำลายจิตใจของเ้าก่อนค่อยทำลายร่างเนื้อของเ้าให้ได้ ให้เ้าได้สูญสิ้นทั้งสองอย่าง ทั้งร่างเนื้อและจิตใจ!”
หยางเทียนจวินคิดในใจปราณแท้สายอัคคีในร่างะเิออกมา โคจร ‘ปราณอัคนีบริสุทธิ์’ ในพริบตา
หยางเทียนจวินได้วิชาปราณสี่ชั้น่กลางของ ‘ปราณอัคนีบริสุทธิ์’ มาแล้ว อีกทั้งฝึกฝน ‘ปราณอัคนีบริสุทธิ์’ จนถึงขั้นที่ห้าแล้ว
ขั้นที่ห้า หก เจ็ด แปดเป็วิชาปราณชั้นนิลขั้นกลาง แม้ว่าพลังวัตรของหยางเทียนจวินจะยังเป็ขีดสุดของชั้นเบิกนภาขั้นสามอยู่แต่ปราณแท้ที่ท่วมท้น ไม่ด้อยกว่าผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสี่ทั่วไปเลยแม้แต่น้อย
ครั้งนี้หยางเทียนจวินโคจร ‘ปราณอัคนีบริสุทธิ์’ ขั้นที่ห้า ปราณชั้นนิลขั้นกลางแผ่พุ่งออกมาหมดสิ้นในพริบตาอำนาจพลังเพิ่มขึ้นเป็เป็เท่าตัวในทันที
ทันใดนั้น ในร่างของหยางเทียนจวินก็มีเปลวเพลิงลวงตาดวงหนึ่งลุกขึ้นมาเปลวเพลิงนี้แทบจะคลุมทั้งร่างของเขา โหมแผดเผาร่างกายสูงใหญ่ของหยางเทียนจวินอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง ราวกับเทพอัคคีมุมปากเขายกขึ้นกลายเป็รอยยิ้มไอพลังท่วมท้นกลายเป็คลื่นเปลวไฟซัดเข้ามาหาเสวียนเทียน
กลางอากาศราวกับปรากฏทะเลเพลิงลวงตาผืนหนึ่งจะท่วมทับเสวียนเทียน
ฟึบๆๆๆ...!
ศิษย์ในรอบด้านลานโล่งล้วนััได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นอย่างฉับพลันถอยหลังไปพร้อมเพรียงอย่างห้ามไม่ได้ ศิษย์ชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งที่พลังวัตรค่อนข้างอ่อนถูกแรงกดดันมหาศาลทำให้หอบหายใจไม่ทัน มีคนไม่น้อยถูกกดดันจนร่างคุดคู้เกือบจะล้มลงไปที่พื้น
พลังลักษณ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ บรรดาศิษย์ในไม่มีผู้ใดไม่ตื่นตะลึง
พลังลักษณ์ของหยางเทียนจวินเพิ่มพรวดขึ้นมาในฉับพลันทำให้พลังไร้ลักษณ์รอบตัวเสวียนเทียนถูกข่มกดไว้ ทะเลเพลิงลวงตานั้นยิ่งคุกคามเข้ามาใกล้เสวียนเทียนทุกทีเงากระบี่ลวงตาด้านหน้าของเสวียนเทียนก็ค่อยๆ หดเล็กลง ราวกับถูกพลังลักษณ์เปลวเพลิงที่หยางเทียนจวินแผ่ออกมากลืนเข้าไปจนสิ้น
“ฮ่าๆๆๆ...กล้าเทียบพลังลักษณ์กับพี่ชายข้าต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสี่ยังพยายามเลี่ยง หวงเทียนดูสิว่าพี่ชายของข้าจะทำร้ายเ้าให้ตายไม่ได้จริงหรือไม่จะทำลายจิตใจของเ้าให้ยับเยินเลยคอยดู”
หยางติ่งจวินอยู่ที่ข้างลานโล่งปรบมือหัวเราะลั่น หัวเราะได้เต็มที่และสาแก่ใจยิ่งนัก
“แพ้ให้ข้าซะ!”
หยางเทียนจวินได้ยินก็ยิ่งคึกะโเสียงดังคำหนึ่ง ‘ปราณอัคนีบริสุทธิ์’ ในร่างโคจรจนถึงขีดสุด พริบตาขึ้นไปถึงระดับสูงสุด พลังลักษณ์เพิ่มพูนขึ้นมาอีกขั้นฉับพลันอาณาเขตพลังไร้ลักษณ์นอกร่างเสวียนเทียนก็ทลายเปลวเพลิงลวงตานั้นพุ่งเข้ามาหาเสวียนเทียนโดยไม่มีสิ่งใดกั้นขวาง
เงากระบี่ลวงตาเบื้องหน้าเสวียนเทียนก็ทลายลงในเวลาเดียวกันพลังลักษณ์อันแข็งแกร่งของหยางเทียนจวินราวกับคลื่นเปลวเพลิงโหมซัดบ้าคลั่งเข้ามาตรงหน้า
“แย่แล้ว!” เฟิงปู๋จื้ออดอุทานขึ้นมาไม่ได้ หยางเทียนจวินน่ากลัวเกินไปแล้วไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาขั้นสามคนไหนต้านทานแรงคุกคามของพลังลักษณ์อันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ของเขาได้
ศิษย์ในที่สนับสนุนเสวียนเทียน ไม่มีใครไม่หลุดสีหน้าเสียดายขึ้นมาส่วนศิษย์ในที่สนับสนุนหยางเทียนจวินตื่นเต้นยินดีอย่างที่สุดอดยิ้มยินดีขึ้นมาไม่ได้
เสวียนเทียนที่เผชิญหน้ากับคลื่นเปลวเพลิงที่ถาโถมมารอบทิศยังคงสีหน้าไม่เปลี่ยน ในดวงตาของเขาปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน ดวงตาทั้งสองที่เฉยชาพริบตาจริงจังขึ้นมา
ฟึบ!
ชั่วพริบตา พลังไร้ลักษณ์สายหนึ่งก็ทะลักออกมาจากร่างของเสวียนเทียน
ฉึบๆๆๆ...!
ชั่วพริบตา คลื่นเปลวเพลิงรอบด้านถูกพลังไร้ลักษณ์ฟาดฟันสะบั้นสูญสิ้น
พริบตานั้นพลังลักษณ์ของหยางเทียนจวินพังทลายลงอย่างสิ้นเชิงแตกสลายไป
สายตาของหยางเทียนจวินงงงัน ราวกับเขาเห็นกระบี่นับพันนับหมื่นเล่มฟันมาหาเขาจะฟันเขาเป็ชิ้นๆ
ทันใดนั้น หยางเทียนจวินรู้สึกเหมือนถูกกระบี่นับไม่ถ้วนฟาดฟันคล้ายมีพลังแข็งแกร่งสายหนึ่งโจมตีร่างกายของเขา ปราณแท้ที่โคจรในร่างถูกกระแทกฉับพลันปราณแท้ก็โคจรไหลย้อนกลับ
หยางเทียนจวินร้องเสียงหลง ร่างกายปลิวถอยหลังไปสิบกว่าเมตรเสียงกระอักดังขึ้น เืสดคำหนึ่งพ่นออกมาในอากาศ ร่างล้มลงไปกับพื้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้