มีเงามืดภายใต้ดวงอาทิตย์อันเจิดจ้า เฉกเช่นเดียวกันกับที่มีแสงสว่างภายในโลกแห่งความมืดมิด
เวกัสอวดความรุ่งเรืองต่อนักท่องเที่ยว หรูหราฟุ่มเฟือย เสียงผู้คนเซ็งแซ่ แต่เื้ัของสิ่งเหล่านี้คือสลัมอันรกร้าง ผุพัง เรียบง่ายและแสนชุลมุน ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนมากเป็ลูกจ้างโรงงาน พนักงานเสิร์ฟในคาสิโน นักเต้นในบาร์ พนักงานทำความสะอาด และบาร์เทนเดอร์ ใครก็ตามที่มีรายได้ต่ำกว่าชั่วโมงละ 10 เหรียญ โดยพื้นฐานแล้วจะอาศัยอยู่ที่นี่
ทุกคนตั้งตารอวันที่จะหลุดพ้นออกไปจากที่นี่ ฝันว่าจะได้เข้าอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ระดับไฮ-เอนด์ แต่ทุกวันก็ได้วนเวียนกลับมาที่เดิม กลายเป็วงจรชีวิต
นอกจากพวกเขาต้องทนอยู่กับสภาพความยากจนแล้ว ยังต้องอดทนต่อการถูกคนชั่วรังแก เมื่อหลายปีก่อน ตระกูลไมค์ก่อตั้งขึ้นที่นี่ นักเลงเ้าถิ่นหนึ่งเดียวของที่นี่ก็คือพวกเขา บนท้องถนนมักจะพบเจอกับกลุ่มอันธพาลสามถึงห้าคน ถึงตอนนั้นคุณจำเป็ต้องเดินก้มหน้าก้มตาหลบให้ไว หากบังเอิญเจอรถหรูขับอยู่บนทางหลวง ก็ต้องจอดหลบที่ข้างหนึ่ง เพื่อไม่ให้ขวางทาง
ชีวิตที่ถูกกดขี่ข่มเหงมันไม่น่ารื่นรมย์นัก แต่แจ้งความไปก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้
สถานีตำรวจในย่านนี้ถูกมาเฟียเข้าแทรกแซง คนที่กล้าแจ้งความ สิ่งที่ต้องเผชิญก็คือถูกพวกอันธพาลซ้อมอยู่ห้อง
พวกตำรวจค่อยๆ คล้อยตามมาเฟีย จนไปๆ มาๆ ก็เหมือนกลายเป็กฎ เหมือนเช่นตอนนี้ ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากถูกขับไล่ออกจากบ้านและให้ไปรวมกันที่สนามฟุตบอล ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำว่า “ไม่”
แต่เหล่านักเลงในวันนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ดุร้ายและอวดเบ่งเหมือนเช่นปกติ พวกเขาดูเกร็งๆ ราวกับว่าวันโลกาวินาศกำลังจะมาถึง
ยิ่งพวกเขาถือปืนใหญ่เท่าไร ก็ยิ่งไม่สามารถซ่อนความตื่นตระหนกบนใบหน้าได้ ยิ่งสวมเกราะหนามากเท่าไร ก็ยิ่งไม่สามารถปกป้องความกลัวของพวกเขาเอาไว้ได้
อาจมีหน่วยรบพิเศษมากวาดล้างคนชั่วเหล่านี้? เป็ไปได้ไหมที่ทูต์นั้นได้มาจุติแล้ว? ข่าวลือต่างๆ นานาในฝูงชนแพร่กระจายไปอย่างไร้ขอบเขต จนกลายเป็เื่ปกติ คนที่กล้าพูดเช่นนั้นจะได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างแน่แท้ ให้พวกเขาได้เข้าใจถึงความมืดมนของโลก
แต่ตระกูลไมค์ในวันนี้ยุ่งมากเป็พิเศษ พวกเขาสลายผู้คน ให้ซ่อนตัวอยู่ตามบ้านพักต่างๆ ห้ามพกปืนไรเฟิลอัตโนมัติทุกชนิด ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติก็ถูกยึดไปทั้งหมด ราวกับว่าเป็ผู้ก่อการร้ายเตรียมการคอยการโจมตีจากกองทัพ
เพราะเื่เงินคอร์รัปชัน หลายเดือนที่ผ่านมานี้ ตระกูลไมค์จึงได้สั่งการให้สมาชิกแก๊งกว่าครึ่งหนึ่งมารวมตัวกันที่เวกัส ในฐานะมาเฟียท้องถิ่น พวกเขาจึงไม่หวั่นเกรงต่อปัญหาที่จะได้รับการเพ่งเล็งจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
เช่นเดียวกันกับกองทัพ เป็ไปไม่ได้ที่ทหารทุกนายจะเป็ยอดฝีมือ หลังจากรวมอำนาจเข้าศูนย์กลางแล้ว สมาชิกแก๊งตระกูลไมค์กว่า 1,500 คนก็กระจุกตัวกันอยู่บริเวณสลัม เมื่อตัดพวกเ้าหน้าที่ชั้นล่างผู้คอยเร่งรัดหนี้สินและหัวขโมยที่คอยกลั่นแกล้งร้านค้าออก ก็มีนักเลงเบอร์ต้นๆ ที่สามารถถือปืนสังหารคนได้จริงๆ อยู่ประมาณ 500 คน ซึ่งใน 500 คนนั้น มี 200 คนที่เป็มาเฟียแบบคลาสสิก คือจากนักเลงข้างถนนฝึกฝนจนกระทั่งแก่กล้า และได้กลายมาเป็มาเฟีย ส่วนที่เหลืออีก 300 คน ล้วนเคยเป็สมาชิกของกองทัพซึ่งเกษียณแล้ว พวกเขาเหมือนเป็ทหารรับจ้างที่ตระกูลไมค์เชิญมาเป็การพิเศษ พวกเขาทั้งหมดเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืนทุกประเภท มีแม้กระทั่งอดีตสมาชิกในหน่วยซีล
นี่เป็ศัตรูที่น่ากลัวอย่างแท้จริง เดิมทีพวกเขาถูกกระจายกำลังไปยังฐานที่มั่นต่างๆ ทำให้เสิ่นิต้องรุกอย่างทุ่มเทและจริงจัง ตอนนี้เกิดการกระจุกกัน ความทุ่มเทที่ใช้จึงเท่ากับการต่อกรกับกองทหารทั่วไป
โซนสลัมในคืนนี้นั้นเงียบสงบมาก ไม่มีแสงไฟจากบ้านแต่ละหลัง ถนนหนทางก็ไม่มีคนเดินเท้าหรือรถสัญจรไปมา ไม่มีแม้กระทั่งสุนัขสักตัว มีแค่เพียงไฟถนนเท่านั้นที่ยังคงทำงานอย่างหนัก
เสิ่นิจอดรถไว้ที่ใต้เสาสัญญาณโทรทัศน์ ห่างจากบริเวณสลัมประมาณสองกิโลเมตร เขาเหมือนกับลิงที่ปีนขึ้นไปบนหอคอย ใช้ผ้าห่อตัวอำพรางในยามสนธยา ชายหนุ่มสังเกตความเคลื่อนไหวภายในสลัมผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังสูง
“ซ่อนได้ไม่เลว รอบนอกฉันเห็นเป้าหมายแค่สิบกว่าคนที่สามารถโจมตีได้ ท่าทางอย่างนั้น น่าจะเป็สมาชิกแก๊งมาเฟียล่ะมั้ง? มีใครบางคนกำลังแอบสูบบุหรี่ท่ามกลางความมืด...” เสิ่นิตรวจเช็กเขตสนามรบ
“ดาวเทียมที่ผมเจาะได้มันเบนออกจากท้องฟ้าเวกัสไปแล้ว หมดหนทางที่ผมจะช่วยคุณหาแผนที่การกระจายกำลังของศัตรูแล้ว” เมาส์ยิ่งเชี่ยวชาญในการวางแผนเตรียมการรบมากขึ้นเรื่อยๆ
“เป้าเยอะขนาดนี้ ถ้าหาแผนที่มาให้ฉันดูได้ ฉันคงดูจนตัวสั่น” เสิ่นิเคยเห็นแผนที่การกระจายกำลังในชุมชนแออัดมาก่อน ที่นี่มีอะพาร์ตเมนต์เสื่อมโทรม 6 หรือ 8 ชั้นอยู่ด้วยกันกว่า 30 ห้อง มีผู้พักอาศัยอยู่หลายพันคน นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางมากถึง 6 สายซึ่งนำทางไปสู่สำนักงานใหญ่ของตระกูลไมค์ได้ ทุกสายล้วนต้องผ่านอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้
และนั่นทำให้ต่อให้พวกเขามีมากกว่าพันมือ ก็ไม่มีทางที่จะโจมตีได้อย่างเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน
“คุณคิดจะผ่านมันไปยังไง? ประจันหน้า? ิญญาาาเสิ่นิที่ครอบงำอยู่จะเขย่าขวัญพวกมันได้หรือไม่?” นี่เป็สิ่งที่เสิ่นิทำมาตลอดทาง
“เป็ทหาร อันตรายนั้น จริงหรือหลอก หลอกหรือจริง ฉันมีิญญาาาหรือเปล่าก็ไม่อาจรู้ได้ ขอแค่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าคุณมีมันก็พอ ความคิดของมนุษย์นั้นเอื่อยเฉื่อย เมื่อเฉื่อยจนติดเป็นิสัย ผมก็แค่ต้องเปลี่ยนมันนิดหน่อย แค่นี้ก็ทำให้คู่ต่อสู้ไปไม่เป็แล้ว” เสิ่นิพูดพลางติดตั้งท่อเก็บเสียงให้ MP7 ก่อนจะพันผ้าที่ใช้พรางตัวสีดำไว้รอบคอ หมวกขนาดใหญ่เกือบปิดทั้งใบหน้า เขาแปลงตัวเองให้เป็ผีนักรบ
ค่ำคืนอันมืดมิดเป็การพรางตัวที่ดีที่สุดสำหรับเสิ่นิ โคมไฟบนถนนกลายเป็ศัตรูตัวฉกาจของเขา ชายหนุ่มทำเป็แมวตะคุ่มไป เขาใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงด้านข้างของสลัมได้ เสิ่นิกดรีโมท Lamborghini ซึ่งอยู่ห่างออกไป 2 เมตร มันส่งเสียง ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนดังขึ้น เสียงยิงของ AK47 ดังก้องกังวาน ยิ่งห่างไกลจากตัวเมืองก็ยิ่งชัดเจน
ะุที่เพิ่งยิงได้แค่ครึ่งแม็ก จรวดต่อต้านรถถัง AT4 ก็ถูกยิงออกมาจาก้าของอะพาร์ตเมนต์ในย่านสลัม และโดยที่ยังไม่ได้ตอบโต้ Lamborghini ก็ถูกะเิ ลอยเคว้งขึ้นบนท้องฟ้า กลายเป็ลูกบอลเพลิงและตกลงมา
ที่น่ากลัวไม่ใช่การฆ่าคนด้วยะเิยิงรถถัง แต่หลังจากที่บาซูกาะเิ พวกมันก็ถล่มปืนใหญ่ใส่อีก 10 กว่านัด พื้นถนนโดยรอบยานพาหนะไหม้เกรียม ก่อนจะให้พี่น้องซึ่งติดอาวุธทุกประเภท ขับมอเตอร์ไซด์และยานพาหนะมายังสถานที่ที่เกิดะเิ พวกมันตะเกียกตะกายช่วยกันหาซากศพของเสิ่นิ เ้าพ่อมีคำสั่งมาว่าขอแค่เอาตัวเสิ่นิไปไว้ตรงหน้าเขาได้ รางวัลคือ 3 แสนเหรียญสหรัฐ โดยไม่สนว่าจะจับเป็หรือจับตาย
ทุกวันนี้การเก็บศพก็เป็การหารายได้อีกทางหนึ่ง แต่ที่ไม่มีคนสังเกตเห็นก็คือ ในขณะที่เกิดเหตุะเิ เสิ่นิได้พุ่งฝ่าแนวป้องกันเข้าไปในย่านสลัมแล้ว เขาเดินทอดน่องอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ ก้าวข้ามกับดักทุ่นะเิซึ่งผู้เชี่ยวชาญเป็คนติดตั้งไว้ ชายหนุ่มแบก MP7 ไล่เก็บกวาดไปทีละห้อง ทีละห้อง เสียงของเขาเบายิ่งกว่าหนู หาตัวจับได้ยากยิ่งกว่ายุง มือปืนที่ซ่อนตัวอยู่หลายคนพอเห็นเขา ก็พากันถูกยิงจนทรุดตัวลงกับพื้น และก่อนที่จะได้อ้าปากร้องด้วยความเ็ป เสิ่นิก็จู่โจมอีกครั้ง กระทั่งพวกเขาหมดสติไป
จากชั้น 1 ถึงชั้น 6 ทหาร 40 กว่านายถูกทุ่มลงพื้นโดยที่เขาไม่ได้ยิงสักนัด เสิ่นิลื่นตัวลงไปที่ชั้นล่างโดยอาศัยท่อน้ำด้านหลังของอะพาร์ตเมนต์ ชายหนุ่มเดินเลียบซอกซอยเข้าไปยังอะพาร์ตเมนต์หลังอื่น
“อะไร...” อันธพาลที่เฝ้าอยู่ที่ประตูด้านหลังยังไม่ทันได้พูดให้จบ มีดก็ปักลงที่แขนขวาของเขาซึ่งเขาใช้ถือปืนอยู่ ก่อนที่เสียงกรีดร้องจะดังขึ้น เสิ่นิซึ่งอยู่ห่างไป 2 เมตรดีดตัวขึ้นและเตะเข้าไปที่ขากรรไกรของเขา ทำให้เขาไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ มือหนึ่งคว้าด้ามมีดและดึงมันกลับมา น้องชายผู้น่าสงสารนั้นตาเหลือกหมดสติไป
เขาผลักประตูเพื่อเก็บกวาดจากชั้นล่างอีกครั้ง เสิ่นิต้องแข่งขันกับความเร็ว เนื่องจากหน่วยรบขนาดใหญ่ย่อมมีการสื่อสารและการสอบถามสถานการณ์ เื่จะแดงขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว ต้องขอบคุณมาเฟียงี่เง่าเหล่านี้ ที่ช่วยอพยพผู้อยู่อาศัยออกไปก่อน เสิ่นิจึงสามารถโจมตีได้อย่างรวดเร็ว ยิงได้อย่างลื่นไหล แทบจะไม่เห็นเงา
เท้าเตะเปิดประตูบานสุดท้ายที่ชั้นบน ทีมซุ่มยิงสองคนเล็งไปยังบนถนนที่พวกเขาคุ้นเคย พวกเขาเป็นักแม่นปืนมืออาชีพ จากตำแหน่งประตูก็เป็ที่รู้จักดีถึงกับดักทุกประเภท เพื่อนร่วมสายงานแต่เป็ปรปักษ์ในทุกกระเบียดนิ้ว!
ความคล่องตัวระหว่าง MP7 ที่เสิ่นิถืออยู่และ M4A1 ของพวกเขาห่างกันแค่เพียงครึ่งวินาที แต่นั่นคือช่องว่างระหว่างความแข็งแกร่ง ในขณะที่นิ้วของผู้สังเกตการณ์กำลังจะแตะไกปืนนั้น เสียงครวญครางก็ดังสวนขึ้นมา ะุนัดที่สองพุ่งเข้ามาที่ไหล่ของเขา
มือปืนทิ้งตัวลง ปืนในมือยังไม่ทันได้เหนี่ยวไก เสิ่นิได้ติดตั้งเครื่องเก็บเสียงให้กับปืนกลเพื่อซ่อนตำแหน่งตน มานึกได้ตอนนี้ก็ช่างโง่เขลาสิ้นดี
ะุที่เสิ่นิพลิกตัวหลบ ทำให้ประตูไม้ด้านหลังทะลุเป็รู ะเิมือซึ่งไม่ได้ถอดสลักออกพุ่งเข้าไปที่ลูกตาของมือปืน
ในขณะที่เขาเฉื่อยลง เสิ่นิก็ขึ้นคร่อมอยู่บนตัวเขา มือคว้าเอาศีรษะของผู้สังเกตการณ์กระแทกเข้ากับกำแพงจนเป็ลมไป มืออีกข้างหนึ่งคว้าคอของมือปืน พยายามที่จะกดบริเวณหลอดเืแดงจนกระทั่งเขาหมดสติ
มือปืนยิงปืนกลออกไปด้วยสัญชาตญาณ บังเอิญว่ามันทะลุออกไปยังประตูลับทางด้านหลัง เด็กชายผิวดำอายุไม่เกินเจ็ดแปดขวบล้มออกมาจากด้านใน เด็กน้อยคนนั้นถือปืนพกอยู่ด้วย พร้อมกับเงินหลายหมื่นดอลลาร์
เดิมทีพ่อแม่ของเขาทำงานให้กับตระกูลไมค์ พวกเขาแอบเอาผงขาวบางส่วนไปหาค่าขนม แต่กลับไม่กล้าใช้เงินที่หามาได้ จึงได้แต่ซ่อนมันเอาไว้ในช่องลับของบ้าน
พ่อแม่ผู้ซึ่งห่วงว่าเงินจะถูกฉกไป จึงได้ซ่อนลูกชายไว้ในช่องลับและสั่งมิให้ลูกส่งเสียง หนำซ้ำยังเตือนเด็กน้อยอีกว่า ไม่ว่าใครจะเปิดประตู ให้ยิงมันทิ้งซะ
ช่างเป็คู่สามีภรรยาที่จิตป่วยหนักเหลือเกิน ทำให้การบุกโจมตีของเสิ่นินั้นมีผู้ชมเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็เหยื่อ หลังจากที่ได้ยินเสียงปืน เด็กน้อยก็ร้องไห้โฮ คำเตือนของพ่อแม่ที่ว่าอย่าได้ส่งเสียงนั้นเลือนหายไปในกลีบเมฆ
“ซวยฉิบ...” มือปืนที่ใต้ฝ่าเท้าหมดสติไปแล้ว แต่เสิ่นิกลับไม่ยินดีเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ประสบความสำเร็จ
ทันใดนั้น สปอตไลต์ขนาดใหญ่ก็ส่องลอดผ่านระเบียงเข้ามา เสิ่นิเห็นได้โดยไม่ยากว่าที่ต้นแสงนั้นคืออาวุธประเภทใด เขารีบคว้าตัวเด็กน้อยไว้และเผ่นออกมาจากห้องนั้นทันที
บาซูกาที่ไล่หลังมานั้นทำให้ทั้งห้องลุกเป็ทะเลเพลิง ะุปืนกลหนัก M2 ไล่ตามฝีเท้าของเขามา ยิงทะลุกำแพงไป กำแพงอิฐซึ่งสร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย ถูกะุปืนขนาดลำกล้อง 12.7 มม. เจาะทะลุราวกับแผ่นกระดาษ