เนื่องจากความอ่อนโยนของแมวดำเกือบจะผกผันกับชิงผิงอ๋อง ดังนั้นเหยาเชียนเชียนจึงพร่ำบ่นพร้อมทั้งร้องไห้อยู่เป็เวลานาน หมายจะระบายความคับข้องใจทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในใจของนาง
ในคราแรกแมวดำยังคงรับฟังอย่างรู้สึกผิด และอยากบอกว่าถ้าเป็คำแนะนำใดๆ เขาย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่หลังจากได้ยินคำกล่าวในยามท้ายก็มีสีหน้าคล้ายกับจะบอกว่า ‘ไม่ว่าจะทำผิดในเื่เช่นนี้หรือไม่ก็ต้องบอกกล่าวกัน’
“แล้วก็ยังมีครั้งก่อนๆ” เหยาเชียนเชียนกล่าวอย่างฮึกเหิมโดยไม่สนใจสีหน้าของมันแม้แต่น้อย “ในทุกๆ เช้าข้าจะต้องกินปีกไก่สองจาน แต่เขาริบเอาอีกจานของข้าไป ปีกไก่แค่จานเดียว ของเล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่ให้ข้า!”
มุมปากของแมวดำกระตุก นั่นเป็เพราะอาเหยียนมักจะรับประทานสำรับเช้าที่ห้องของนาง เดิมทีถ้ากินเนื้อสัตว์มากเกินไปก็จะไม่สามารถรักษาร่างมนุษย์ไว้ได้ ทำให้มักจะเปลี่ยนร่างอยู่บ่อยๆ
ในยามที่เหยาเชียนเชียนยังไม่เข้าจวนเขาก็ดูแลจัดการเป็อย่างดี แต่เมื่อนางเข้ามาก็หมายจะให้อาเหยียนได้กินเนื้อสัตว์ทุกมื้อ แมวดำเป็กังวลเหมือนกับพ่อแก่ๆ เมื่อคิดตามความเป็จริง ผ่านมานานเพียงนี้โดยที่อาเหยียนยังไม่ถูกเปิดเผยก็นับว่าโชคดีมากแล้ว
อิงตามวิธีการกินนี้ ร่างเดิมของอาเหยียนจะถูกเปิดเผยเมื่อไรเป็เพียงเื่เวลาช้าเร็วเท่านั้น แมวดำถอนใจเบาๆ อาจจะดูไม่ยุติธรรมไปสักหน่อยถ้าจะกล่าวโทษเขาด้วยเื่นี้
ทว่าเมื่อคิดเช่นนี้ ดูเหมือนว่านางยังคงใส่ใจเขาอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะทำอะไรนางก็สามารถจดจำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเขาได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเื่ดีหรือไม่ดี อย่างน้อยๆ เขาก็ยังพื้นที่เพียงกระเบียดนิ้วในใจนางอยู่บ้าง
แมวดำเลียอุ้งเท้า ในยามนี้เขาไม่เรียกร้องสิ่งใดมากมาย เขาอยากค่อยๆ ขยับไปตามลำดับ เพียงแต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้โอกาสเขาเลยั้แ่แรก
ครั้งนี้ซ่งอีอีถูกลอบสังหาร แน่นอนว่าเขารู้ว่านางไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เมื่อได้คิดทบทวนแล้ว เหตุผลของการที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นทำให้เขาโกรธจริงๆ และเลี่ยงไม่ได้ที่จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“เสี่ยวไกวไกว เ้าคิดว่าชิงผิงอ๋องยังคิดจะฆ่าข้าอยู่หรือไม่?” เหยาเชียนเชียนเอ่ยถาม
แมวดำหมายจะส่ายหัวตามความเคยชิน แต่ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรแสดงออกมากเกินไป จึงทำได้เพียงมองนางตาปริบๆ เท่านั้น
แต่เปิ่นหวังไม่ได้คิดเช่นนั้นแล้วจริงๆ
“คนแรกที่ข้าเห็นเมื่อมาที่นี่ครั้งแรกคืออาเหยียน แต่ยามนั้นข้าได้ทำความผิดอันใหญ่หลวงไปแล้ว ชิงผิงอ๋องจะรังเกียจข้าก็เป็เื่ธรรมดา”
เหยาเชียนเชียนเม้มริมฝีปาก นางลูบหัวเล็กของแมวดำและกล่าวต่อว่า “เดิมทีข้ารู้สึกคับข้องใจ แต่หลังจากครุ่นคิดถึงเื่นี้แล้วข้าก็ได้เข้าใจ ในเวลานี้หากมีผู้ใดคิดจะทำร้ายอาเหยียนข้าก็อยากจะฆ่าอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน”
ดวงตาของแมวดำเป็ประกายขึ้นมาหลายส่วนอย่างอดไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว เ้าจะไม่เกลียดเปิ่นหวังเพราะเื่นี้อีกแล้วใช่หรือไม่?
“ต่อมา ข้าอยากให้ชิงผิงอ๋องเข้าใจว่าข้าแตกต่างจากเมื่อก่อนแล้วจริงๆ แม้ว่าระหว่างทางจะค่อนข้างซับซ้อน แต่จากยามนี้ก็ดูเหมือนว่าจะยังได้เื่อยู่บ้างนะ”
อืมๆ!
แมวดำโน้มตัวเข้าไปจูบที่คางของเหยาเชียนเชียน เปิ่นหวังได้เห็นและรับรู้แล้ว เพราะฉะนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะสนใจเ้า และอยากให้เ้ารั้งอยู่ข้างกาย
หากระหว่างนางและเขาไม่มีช่องว่างอีกต่อไปแล้ว เหตุใดนางจึงรั้งอยู่ไม่ได้ ถ้านางอิจฉาทิวทัศน์อันสวยงามและภายนอกที่เจริญรุ่งเรืองจริงๆ เขาก็สามารถพานางไปชมรอบๆ ได้ ไม่ว่าจะไกลเพียงใดก็ไม่เป็ไร
ถ้าเป็เมื่อก่อนเขายังคงสามารถควบคุมหัวใจดวงนี้ด้วยเหตุผลได้ ยามนั้นเขาก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเขาจะละวางความหวาดระแวงในตัวนางได้เมื่อไร และจะยินดีเหลือที่ว่างในใจไว้ให้นางได้เมื่อใด
ทว่านางได้หยั่งรากและงอกงามในใจเขาราวกับเมล็ดพันธุ์โดยไม่รู้ตัว หากฝืนดึงมันออกมาคงต้องเ็ปจนถึงขั้วหัวใจ
“เดิมทีข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็สหายที่ดีกับชิงผิงอ๋องได้ขนาดนี้ อย่างน้อยในยามที่อยู่ด้วยกันสองคนก็ไม่ต้องรู้สึกหวาดผวา ด้วยกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจหากพูดอะไรผิดไป แต่ยามนี้เขากลับไม่พอใจอีกแล้ว"
เหยาเชียนเชียนรู้สึกว่านางได้คืบจะเอาศอกไปเสียหน่อย ในคราแรกเริ่มนางหวังว่าชิงผิงอ๋องจะไม่ฆ่านาง เพียงแค่นั้นก็ดีที่สุดแล้ว ต่อมานางก็หวังอีกว่าจะสามารถรู้สึกสงบและผ่อนคลายได้เมื่ออยู่ด้วยกัน
จนถึงยามนี้ นางหวังจริงๆ ว่าชิงผิงอ๋องจะแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างน้อยในเื่นี้ เขาก็เชื่อในตัวนางและสามารถสนับสนุนนางอยู่เื้ัได้
ทว่าเมื่อดูจากยามนี้ เขาอาจจะเชื่อในตัวนาง แต่ด้วยเหตุผลบางประการจึงไม่สามารถสนับสนุนนางได้
“บางทีข้าอาจจะมองเห็นเขาเป็สหายอยู่ฝ่ายเดียว แต่เขาไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย”
สหาย?
แมวดำครุ่นคิดด้วยความสับสน เขาไม่มีความคิดเช่นนั้นจริงๆ ทั้งที่พวกเขาเป็สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นนั้นแล้วจะให้เป็สหายแบบใดกัน
“ช่างเถิด ไม่คิดแล้ว” เหยาเชียนเชียนนวดคลึงหน้าผากเบาๆ นางได้รับาเ็ก็ควรจะพักผ่อนเยอะๆ ส่วนเื่ของชิงผิงอ๋องก็ลืมไปเสียเถิด
แมวดำถูกนางอุ้มกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน โดยที่นางอยู่ทางขวาและอาเหยียนอยู่ทางซ้าย ทันใดนั้นเขาก็มีความรู้สึกพึงพอใจกับครอบครัวสามคนที่ดูมีสัมพันธ์อันดีและราบรื่นขึ้นมา ดังนั้นจึงนอนหลับตามไปอย่างพึงพอใจ จนกระทั่งยามฟ้าสางจึงจากไปอย่างเงียบเชียบ
ยามเช้าตรู่ เหยาเชียนเชียนตื่นขึ้นมาและไม่พบแมวดำอยู่ในห้องแล้ว นางเข้าไปจูบใบหน้าของอาเหยียนน้อย จากนั้นก็ลุกจากเตียงเพื่อล้างหน้าบ้วนปาก
ดวงตาของนางบวมเป่งจากการร้องไห้เมื่อวานนี้ เหยาเชียนเชียนจึงตัดสินใจว่าจะไม่ไปไหนในวันนี้ ไม่เช่นนั้นหากมีคนเห็นเข้าและเื่ไปถึงหูของชิงผิงอ๋องจะทำให้เกิดปัญหาอีกครั้ง
ทว่าในโลกใบนี้ หลายครั้งเื่ต่างๆ มักจะไม่เป็ไปตามที่ปรารถนา
ทันทีที่เหยาเชียนเชียนล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อยแล้ว และกำลังเตรียมรับประทานสำรับเช้า สาวใช้คนหนึ่งก็เข้ามารายงาน
“หวังเฟย องค์ชายสามเสด็จมาเพคะ พระองค์ทรงตรัสว่า้าพบหวังเฟย”
เป่ยเซวียนเฉิงมาหาถึงที่ั้แ่เช้าตรู่ ชิงผิงอ๋องน่าจะยังอยู่ในจวน เขาเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกเล่า ยังคิดว่ายามนี้นางยังเดือดร้อนไม่พออีกหรือ?
“ท่านอ๋องว่าอย่างไรบ้าง?” เหยาเชียนเชียนถามอย่างอ่อนแรง
สาวใช้ดูเหมือนจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับคำถามนี้ นางตอบอย่างลังเลว่า “ท่านอ๋องตรัสว่าให้เชิญหวังเฟยไปต้อนรับองค์ชายสามที่ห้องโถงหน้าด้วยเพคะ”
หา? เขาตกลงแล้วหรือ?
“ท่านอ๋องทรงอนุญาตให้ข้าพบกับองค์ชายสามได้หรือ?”
เหยาเชียนเชียนไม่อยากเชื่อเล็กน้อย เมื่อลองคิดอีกที บางทีชิงผิงอ๋องอาจแค่อยากดูท่าทีของนาง และทดสอบว่านางยังเหลือเยื่อใยให้เป่ยเซวียนเฉิงอยู่หรือไม่
ช่างน่าเบื่อเสียจริง เหยาเชียนเชียนเม้มริมฝีปากและขอให้สาวใช้ช่วยปกปิดความซีดเซียวบนใบหน้าของนางอย่างรวดเร็ว รอยช้ำใต้ตาของนางยังคงบวมอยู่เล็กน้อย ถ้าถูกองค์ชายสามเห็นเข้า เขาต้องคร่ำครวญอยู่เป็ครึ่งวันแน่ น่ารำคาญยิ่งนัก
เมื่อเหยาเชียนเชียนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เป่ยเซวียนเฉิงก็รออยู่ที่ห้องโถงหน้านานแล้ว เขาเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเป่ยเหลียนโม่จะอนุญาตด้วยความยินดีเช่นนี้ เดิมทีเขาเตรียมตัวมาอย่างดี แต่ไม่คิดเลยว่าคำพูดที่เขาเตรียมมาอย่างดีนั้นจะไม่ได้ถูกใช้งานเลย
เพียงแค่แจ้งข่าวอย่างง่ายๆ ก็ปล่อยให้เขาเข้ามาได้โดยที่เ้าตัวไม่โผล่หน้ามาด้วยซ้ำ
“ถวายบังคมองค์ชายสาม”
เหยาเชียนเชียนโค้งคำนับเล็กน้อย นางกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องแปลกใจที่ไม่พบเงาของเป่ยเหลียนโม่ ท่านบรรพชนผู้นี้คงไม่ได้มีเื่อะไรปิดบังนางอยู่หรอกนะ?
“เชียนเชียน เ้า...อาการาเ็ของเ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
เป่ยเซวียนเฉิงเป็เหมือนที่นางคาดเดาไว้ แม้ว่าเหยาเชียนเชียนจะปกปิดรอยช้ำใต้ตาไว้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นความซีดเซียวและความผิดปกติเล็กน้อยได้จากสีหน้าอันซีดขาวของนาง
“เมื่อวานเ้าคงใมากเป็แน่ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อาจวางใจได้ ดังนั้นจึงอยากมาเยี่ยมเ้าสักหน่อย”
เป่ยเซวียนเฉิงถอนใจเบาๆ ราวกับว่าเขากำลังหดหู่กับสภาพความเป็อยู่ของเหยาเชียนเชียน เมื่อถูกเขามองด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ เหยาเชียนเชียนจึงเกิดความรู้สึกว่านางก็ช่างรันทดจริงๆ อยู่ชั่วครู่
ทว่าเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
“ขอบพระทัยองค์ชายสามที่เป็ห่วงเพคะ หม่อมฉันไม่เป็อะไรแล้ว ยามนี้ได้พบกัน พระองค์ก็วางใจได้แล้วเพคะ”
เหยาเชียนเชียนเตรียมพร้อมที่จะส่งแขกในประโยคถัดไป แม้ว่านางจะไม่พูดอะไรกับเป่ยเซวียนเฉิงเลยก็ตาม แต่เพียงแค่ยืนอยู่ด้วยกันก็หลีกเลี่ยงการถูกนินทาได้ยากแล้ว ดังนั้นรีบส่งแขกกลับไปเสียจะดีกว่า
แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าเป่ยเซวียนเฉิงจะเข้ามาจับมือของนางอย่างกะทันหันและกล่าวด้วยสีหน้าอาจหาญว่า “เชียนเชียน อย่าทำผิดอีกเลย เ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้คุณหนูซ่งไม่คิดเอาความ หาก้านำเื่นี้มาเปิดเผยจริงๆ สุดท้ายคนที่เจ็บที่สุดก็คือเ้านะ”
เหยาเชียนเชียนแทบจะปัดมืออีกฝ่ายออกไปทันทีราวกับมีมดไต่อยู่บนมือ นางถอยไปข้างหลังสองก้าวอย่างระแวดระวังพร้อมกับมองไปที่เป่ยเซวียนเฉิง
หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าคนที่เจ็บที่สุดคือนาง นางทำอะไรผิดหรือ?
เมื่อเห็นท่าทางระแวดระวังของเหยาเชียนเชียน เป่ยเซวียนเฉิงก็ถอนหายใจเบาๆ
“ยามนี้ผู้คนทั่วทั้งนครหลวงกำลังวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา พวกเขากล่าวว่าเ้าอิจฉาคุณหนูตระกูลอัครมหาเสนาบดีจึงลงมืออย่างโเี้ อีกทั้งยังปั้นเื่โกหกอันน่าขัน โชคดีที่คุณหนูซ่งไม่ได้ติดใจเอาเื่ ไม่เช่นนั้น...”
“ไม่เช่นนั้นนางจะทำอย่างไร” เหยาเชียนเชียนกล่าวอย่างเ็า “คนที่โกหกไม่ใช่หม่อมฉัน เื่นี้นางรู้แจ้งอยู่ในใจ หากนาง้าสืบสวนก็เชิญสืบสวนจนกระจ่าง ไม่จำเป็ต้องให้นางแสร้งตีหน้าซื่อ”
ดวงตาของเป่ยเซวียนเฉิงเศร้าโศก ราวกับว่าเขาผิดหวังเหลือเกินที่จนถึงยามนี้แล้วนางก็ยังไม่ยอมรับ ทว่าในใจเขากลับมีเพลิงโทสะปะทุจนสูงเทียมฟ้า นางยอมทำถึงขั้นนี้เพื่อเป่ยเหลียนโม่จริงๆ หรือ?
คนที่ในอดีตเคยสุภาพอ่อนโยนและทนไม่ได้แม้กระทั่งจะขยี้มดสักตัว ยามนี้กลับส่งมือสังหารเพียงเพราะเช่อเฟยคนหนึ่งของเป่ยเหลียนโม่
“เชียนเชียน ข้าไม่อยากเห็นเ้าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาไม่ใช่คนดี เ้าสามารถมองเห็นได้จากเื่ครั้งนี้ เื่เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างข้าและเ้ามาก่อน เหตุใดพอเป็เขาเ้าถึงเปลี่ยนไปจนเป็อย่างเช่นทุกวันนี้ได้เล่า?”
เหยาเชียนเชียนครุ่นคิดอย่างควบคุมไม่ได้ เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางเลยจริงๆ
ในอดีตยามที่เ้าของร่างเดิมอยู่กับเขาแล้วนางไม่เคยก่อเื่ใดๆ นั่นอาจเป็เพราะเขาไม่น่าดึงดูดในสายตาผู้อื่นเหมือนชิงผิงอ๋อง ในเมื่อเหล่าสตรีไม่มีใจอิจฉาริษยา เช่นนั้นก็ย่อมอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขไร้ปัญหา
แต่ยามนี้ไม่เหมือนกันแล้ว นางได้เ้าชายขี่ม้าขาวในดวงใจของสตรีมากมาย สตรีเ่าั้ล้วนอยากจะกระทืบนางกันคนละทีจนกลับบ้านเก่ากันทั้งนั้น แน่นอนว่าจำเป็ต้องงัดกลอุบายทั้งหมดออกมาใช้ในสนามรบ
แม้ว่าจะไม่ใช่เื่ดี แต่ก็เป็การปฏิบัติที่เป่ยเซวียนเฉิงและเ้าของร่างเดิมไม่เคยได้ััมาก่อน
“ผู้คนบนโลกใบนี้ล้วนหน้าเนื้อใจเสือ และมีพวกปากหวานก้นเปรี้ยวอยู่มากมาย องค์ชายสามมักวิจารณ์ข้อบกพร่องต่างๆ ของชิงผิงอ๋องอยู่เสมอ ทว่าพระองค์ไม่คิดถึงผู้อื่นบ้างเลยหรือเพคะ?”
เหยาเชียนเชียนหัวเราะเบาๆ “สุดท้ายองค์ชายสามก็เชื่อว่าการที่ซ่งอีอีพลัดตกจากม้าและถูกลอบสังหารเป็ฝีมือของหม่อมฉัน ในใจขององค์ชายสาม หม่อมฉันช่างเป็สตรีที่โง่เขลาและโเี้โดยแท้ ยามนี้หม่อมฉันมองได้กระจ่างแล้วเพคะ”
ไม่ใช่ว่าเป่ยเซวียนเฉิงไม่รับรู้ถึงการเสียดสีที่แฝงอยู่ในคำกล่าวของนาง เดิมทีเขาก็ไม่เชื่อว่าเหยาเชียนเชียนผู้มีอุปนิสัยอ่อนโยนเช่นนั้นจะทำเื่แบบนี้ได้
แต่เมื่อเขานึกไตร่ตรองดูแล้ว หลังจากที่นางแต่งเข้าจวนชิงผิงอ๋อง พฤติกรรมต่างๆ ของนางก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน กระทั่งที่นางตัดสัมพันธ์กับเขาต่อหน้าธารกำนัล และปกป้องเป่ยเหลียนโม่อย่างถึงที่สุด
เช่นนั้นก็ไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้หากนางจะลอบสังหารซ่งอีอีเพราะความหึงหวง
“เชียนเชียน การที่เ้ากล่าวกับข้าอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีการคิดไตร่ตรองให้ดีในยามนี้ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย ข้าเพียงแค่อยากแนะนำให้เ้ากลับตัวกลับใจให้ทันท่วงที อย่าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก”
“คำกล่าวนี้น่าขันนัก หวังเฟยทำอะไรผิดไปตอนไหนหรือ”
เสียงเ็าดังมาจากนอกประตู เหยาเชียนเชียนยกมุมปากขึ้นอย่างอดไม่ได้ จากนั้นนางก็เบะปากอย่างไม่พอใจอีกครั้งราวกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้
หึ!
เป่ยเหลียนโม่เหลือบมองสตรีน้อยข้างกาย ปากเล็กๆ ของนางยื่นออกมาจนสามารถแขวนกระป๋องน้ำมันได้ คาดว่าน่าจะยังคงโกรธเขาอยู่
“พี่สาม” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ท่านมาที่จวนของเปิ่นหวังั้แ่เช้าตรู่เพื่อมาตำหนิหวังเฟยของเปิ่นหวังหรือ อย่าว่าแต่นางไม่เคยทำอะไรผิดเลย ต่อให้นางทำผิดแล้วอย่างไร ไม่ว่าอย่างไรเปิ่นหวังก็สามารถปกป้องนางให้ปลอดภัยได้ ผู้ใดจะกล้ากล่าวอันใด”
