ปาหลี่ว์จื่อที่มองมาทางนี้อยู่ไกลๆ ร้อนใจแทบแย่แล้ว เขาพยายามส่งสายตาให้เจียงหงหย่วน แต่เจียงหงหย่วนกลับทำท่าทีเหมือนมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น
แต่เฮ่อตงเวยเห็น
เขาคิดว่าปาหลีว์จื่อกำลังบอกให้ตัวเองรีบตอบตกลง
รีบพยักหน้าว่า “กู้ ข้ากู้สองร้อยตำลึง!”
เมื่อบ่อนพนันปล่อยกู้ ไม่ใช่ผู้ใดอยากกู้ก็กู้ได้ ต้องดูด้วยว่าเ้ามีปัญญาคืนหรือไม่ ปาหลีว์จื่อบอกเจียงหงหย่วนั้แ่แรกแล้วว่าให้เฮ่อตงเวยกู้มากสุดสองร้อยตำลึง มากกว่านี้เขากลัวจะโดนมองออกว่าเป็หลุมพราง
ดูสิว่าปาหลีว์จื่อทุ่มเทแรงใจอย่างมากเพื่อหลอกให้เขาติดกับ พยายามแสดงความจริงใจให้เขาเห็นในทุกแง่มุม
“สองร้อยตำลึง…เ้ามีเงินใช้คืนหรือ?” เจียงหงหย่วนประเมินเขา
“มี ไว้ข้าชนะแล้วจะจ่ายคืน” เฮ่อตงเวยตอบอย่างหวาดกลัว
ท่าทีของเจียงหงหย่วนกดดันเกินไป เฮ่อตงเวยเข้มแข็งต่อหน้าเขาไม่ไหว
“ถ้าแพ้เล่า? เ้ามีเงินคืนหรือไม่?”
เฮ่อตงเวยโอ้อวด “มี…พ่อข้ามีเงิน”
เจียงหงหย่วนจึงยอมลดละ “ได้ ตามข้าไปทำสัญญากู้เงิน”
เฮ่อตงเวยรีบตามเจียงหงหย่วนไป
เจียงหงหย่วนพาเขามาที่ห้องเล็กๆ ตะเกียงในห้องมืดสลัวมาก เจียงหงหย่วนนำสัญญาออกมาให้ลงนาม
เฮ่อตงเวยอ่านรายละเอียดในสัญญาอย่างละเอียด เห็นว่าคิดดอกเบี้ยห้าส่วนก็คิดในใจว่าหมอนี่ไม่ใช่คนดี
แต่ว่า คิดจะหลอกเขาหรือ…
เหอะ เ้าโง่นี่ยังไม่รู้ตัวอีกว่าคนที่โดนหลอกคือตัวเองต่างหาก
เขากล้าลงนามในสัญญาฉบับนี้เพราะมั่นใจว่าไม่ต้องคืนเงิน
เฮ่อตงเวยเขียนชื่อตัวเองและประทับตรามือ
เจียงหงหย่วนนับเงินจำนวนหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึงให้เขา นี่คือเงินที่จ้าวกวาผีเตรียมให้ั้แ่แรก
โดนหักั้แ่เริ่ม นี่เป็กฎของเงินกู้ดอกเบี้ยสูง
เงินกู้ดอกเบี้ยสูงในยุคโบราณเป็เช่นนี้ ในปัจจุบันเองก็เช่นกัน
เฮ่อตงเวยถือเงินจากไป ใต้แสงตะเกียงมืดสลัว เจียงหงหย่วนหยิบสัญญาเงินกู้ออก ด้านใต้มีสัญญาขายตัวอีกแผ่น
สัญญาเงินกู้เขียนบนกระดาษชนิดพิเศษ หมึกซึมง่ายมาก
หมายความว่า เฮ่อตงเวยลงนามแค่ครั้งเดียวแต่หมึกซึมลงไปถึงแผ่นด้านล่าง เท่ากับลงนามไปสองครั้ง
ตราประทับมือเช่นกัน
แต่ลายมือกับตราประทับมือในสัญญาขายตัวไม่ชัดเจนเท่าสัญญากู้เงินก็เท่านั้น
เขาต้องใช้ความพยายามมากกว่าจะหาซื้อกระดาษชนิดนี้มาได้
กระดาษชนิดนี้ไม่มีขายในตลาด ผลิตโดยพวกฉ้อโกงโดยเฉพาะ ต้องมีช่องทางจึงจะหาซื้อได้
ที่่นี้เขางานยุ่งก็เพราะเื่นี้
เจียงหงหย่วนเก็บสัญญาขายตัวให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกจากห้อง
เขามอบสัญญากู้เงินให้คนที่รับผิดชอบปล่อยกู้ในบ่อน
“เรียบร้อยแล้ว” เขาพูดอย่างตื่นเต้น
จ้าวกวาผีรับสัญญาไปดู ตบไหล่เขาว่า “น้องชาย ก่อนหน้านี้ข้าใแทบแย่ ข้าคิดเ้าจะไม่ทำเสียอีก”
“รุกเกินไปจะไม่เป็ผล หากข้าไม่ทำเช่นนั้นคงโดนสงสัยเป็แน่ อีกฝ่ายไม่เล่นด้วยคงไม่ดีแน่ จริงสิ ปาหลีว์จื่อบอกว่าเขาเป็ลูกนักธุรกิจร่ำรวยในเมือง ไม่ทราบว่านักธุรกิจคนใดหรือ?”
แววตาจ้าวกวาผีสั่นไหว “ครอบครัวพวกเขาค้าขายเบ็ดเตล็ด ไม่ได้ร่ำรวยเป็เศรษฐีแต่ก็พอจ่ายเงินเป็พันตำลึงได้อยู่ เอาล่ะ เ้าไปทำงานเถิด ข้าต้องเอาสัญญากู้ไปเก็บเสียก่อน”
จ้าวกวาผีไม่อยากพูดมาก หาข้ออ้างมาเดินจากไป
ยิ่งพูดมากยิ่งผิดพลาดง่าย
เจียงหงหย่วนไม่ถือสา ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังแสดง อยู่ที่ว่าผู้ใดจะแสดงได้ดีกว่ากันเท่านั้น
ฝั่งปาหลีว์จื่อถอนหายใจโล่งอกเช่นกัน
เขาเข้ามาโอบคอเจียงหงหย่วน บอกว่าจะพาไปเที่ยวสตรีหลังเลิกงาน
เจียงหงหย่วนปฏิเสธ ตอบตามตรงว่ากลัวภรรยา
พวกปาหลีว์จื่อหัวเราะเยาะชุดใหญ่
ตกดึก เจียงหงหย่วนออกจากบ่อนแต่ไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที มุ่งไปทางซอยที่เสื่อมโทรมและเข้าไปในบ้านซอมซ่อหลังหนึ่ง
ผ่านไปอยู่นาน เด็กชายตัวผอมซูบคนหนึ่งเดินออกมาส่งเขา
เวลามักผ่านไปเร็วเสมอเมื่องานยุ่ง
ตู้ซิวจู๋ดีขึ้นแล้ว หลินหวั่นชิวทำสัญญาร่วมเครือกับเขา หนึ่งสาขาเก็บค่าร่วมเครือสาขาละสองร้อยตำลึง มีค่าดูแลปีละห้าสิบตำลึง จ่ายครั้งละห้าปี รายการสินค้าและราคาล้วนระบุชัดเจน
ตู้ซิวจู๋จองสาขาที่เมืองหลวง ซูโจว หงโจว และหัวเมือง รวมกันทั้งหมดห้าแห่ง ลำพังแค่ค่าร่วมเครือกับค่าดูแลก็ทำได้หลินหวั่นชิวได้เงินมาแล้วสองพันสองร้อยห้าสิบตำลึง ค่าสินค้าคิดแยกต่างหาก ส่งหนึ่งครั้งคิดหนึ่งครั้ง เช่นนี้จะได้ไม่ค้างชำระ
เพราะมีร้านร่วมเครือ หลินหวั่นชิวต้องคิดเื่ซื้อที่ทำคลังสินค้า
ต่อไปนี้จะได้ส่งสินค้าออกจากคลัง มิเช่นนั้นนางคงอธิบายแหล่งที่มาของสินค้าปริมาณมหาศาลไม่ถูก
ไว้สร้างคลังเสร็จแล้ว นางวางแผนว่าจะหาจิตรกรสองสามคนมาตบตา ถึงอย่างไรนางก็นำหนังสือภาพที่จิตรกรวาดไปขายบนเสียนอวี๋ได้อยู่แล้ว ไม่เพียงไม่สิ้นเปลือง แต่ยังได้เงินอีก
หลินหวั่นชิวมีสมุดบัญชีสองเล่ม เล่มหนึ่งเป็บัญชีจริงของนางเอง จดต้นทุนของสินค้าบนเสียนอวี๋ ราคาขายส่งให้อันอี้จวี ยอดกำไรคงเหลือ
อีกเล่มคือราคาส่งที่อันอี้จวีรับไปจากนาง หักราคาขายปลีกออกจะเหลือกำไร หักค่าเช่าบ้าน ค่าเงินเดือนพนักงาน ค่ากินอยู่พนักงาน ค่าที่พักและค่าตกแต่ง หักครบทั้งหมดแล้วจึงจะเป็กำไรสุทธิของอันอี้จวี เงินส่วนนี้ถือเป็รายรับกองกลางของครอบครัว
ต่อให้เป็พี่น้องก็ต้องทำบัญชีให้ชัดเจน หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าถึงจะใช้ชีวิตร่วมกับเจียงหงหย่วนแต่ก็ควรทำบัญชีให้ชัดเจน ไม่ใช่ว่านางตระหนี่…แต่เพราะนางอธิบายกำไรของของพวกนี้ไม่ได้จริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็ต้องมีรายการต้นทุนที่สมเหตุสมผล มิเช่นนั้นเสียนอวี๋อาจโดนเปิดโปง
ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อใจเจียงหงหย่วน แต่…ความลับบางเื่ก็ไม่รู้จะบอกออกไปหรืออธิบายอย่างไร
ถึงวันรับเครื่องเรือน หลินหวั่นชิวตามเจียงหงหย่วนกลับหมู่บ้านเพื่อรับเครื่องเรือนให้เรียบร้อย
หวางฟู่กุ้ยกับจ้าวสุ่ยเซิงช่วยกันจัดของเข้าที่ หลินหวั่นชิวคอยสั่งการอยู่ด้านข้าง
จัดวางเครื่องเรือนเสร็จสิ้น กลิ่นเครื่องเรือนใหม่ที่หวางฟู่กุ้ยสองพ่อลูกทำก็ใกล้จางหมดแล้ว
หลินหวั่นชิวนำสมุดเล่มเล็กออกมาจดๆ วาดๆ วางเครื่องเรือนเสร็จก็ถึงคราววางของตกแต่ง เครื่องครัวต่างๆ
นางให้ความสำคัญกับของตกแต่ง โดยเฉพาะเครื่องครัวเป็พิเศษ
้าผลงานที่ดี ย่อมต้องลับเครื่องมือให้คม อยากทำอาหารให้อร่อย เครื่องครัวจึงเป็สิ่งสำคัญมาก
ยุคโบราณมีขนมไหว้พระจันทร์เช่นกัน อบออกมาจากเตาอบ แต่เตาอบเป็แบบดั้งเดิมก็เท่านั้น
หลินหวั่นชิวอยากทำคุกกี้กับขนมเค้ก ด้วยเหตุนี้จึงไปสั่งทำเตาอบที่ร้านตีเหล็ก ส่วนกระทะก้นแบนหม้อต่างๆ นางซื้อจากเสียนอวี๋เรียบร้อยแล้ว
หลินหวั่นชิวซื้อกระทะก้นแบน หม้ออัดแรงดันสูง หม้อหิน หม้ออุ่นนมด้ามจับไม้ขนาดต่างๆ หม้อทอด…
ทั้งหมดเป็ของใหม่ ร้านขายของที่ล้มเลิกกิจการนำมาขายบนเสียนอวี๋
เมื่อมีหม้อกระทะมาก จำนวนเตาไฟในห้องครัวก็ต้องมากตามไปด้วย หลินหวั่นชิวให้คนสร้างเตาไฟเรียงติดกำแพงหนึ่งแถว ปลายสองฝั่งเป็กระทะขนาดใหญ่ ตรงกลางเป็เตาที่เรียงจากใหญ่ไปเล็กทั้งหมดหกเตา สองข้างฝั่งมีเตาไฟไว้เผาฟืน
ตรงกลางมีเตาไฟสำหรับเผาฟืนเช่นกัน
ห้องครัวของหลินหวั่นชิวออกแบบตามห้องครัวในยุคปัจจุบัน ด้านข้างมีตู้เก็บถ้วยชาม รางน้ำวางอยู่เหนือตู้ น้ำเป็น้ำจากน้ำพุบนูเา รางทำจากไม้ไผ่ ไม่จำเป็ต้องเปิดปิด มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา