เว้นแต่ว่า?
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังหลัวเลี่ยที่กำลังต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ส่วนหูของพวกเขาก็กำลังรอฟังคำพูดของซ่านเหวินห้าว
แต่ซ่านเหวินห้าวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เป็เพราะเขาไม่กล้า และไม่คิดว่ามันจะเป็ไปได้
“ซ่านเหวินห้าว เว้นแต่ว่าอะไร เ้าพูดออกมาเสียที” ซูฟั่งจู๋อดไม่ได้ที่จะะโขึ้นมา
ซ่านเหวินห้าวกลืนน้ำลายพลางจ้องมองหลัวเลี่ยที่ตอนนี้เลิกใช้ธนูซวนิ แล้วเปลี่ยนมาเป็เข้าประชิดตัวสังหารผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการสองตน จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เว้นแต่ว่า...จะเป็เคล็ดวิชาั์ที่ไม่เคยมีใครฝึกสำเร็จมาก่อน!”
วิ้ง!
ซูฟั่งจู๋และคนอื่นๆ รู้สึกเหมือนว่าสมองของพวกเขาว่างเปล่าไปชั่วขณะ
พวกเขามองไปที่หลัวเลี่ยด้วยสายตาว่างเปล่า
หลัวเลี่ยในตอนนี้คล้ายัคลั่ง เขาใช้เพียงหมัดจากสองมือของตนเองสังหารผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการไปแล้วสองตน
แน่นอนว่าพลังของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการทั้งห้าตนนั้นที่เข้ามาโจมตีหลัวเลี่ยย่อมไม่ธรรมดา และตอนที่หลัวเลี่ยสังหารพวกมันไปได้สามตน ผู้พิทักษ์ที่เหลือก็รีบเข้ามาโจมตีเขาทันที ทำให้หลัวเลี่ยเรียกธนูซวนิออกมาใช้งานไม่ทัน ดังนั้นตัวเลือกของเขาจึงเหลือแค่การใช้กระบวนท่าหมัด
นอกจากนี้ยังมีผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการอีกห้าตนที่วิ่งเข้ามาร่วมโจมตีเขาด้วย หลัวเลี่ยจึงไม่กล้าประมาท เพราะเขาไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์เหล่านี้จะหันไปโจมตีผีเสื้อแห่งรักและเย่เิหลงแทนเขาหรือไม่
ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงโจมตีอย่างไร้ความปรานี
กระบวนท่าหมัดแรกก็คือหมัดพญาัประจัญบาน
เพราะตอนนี้หลัวเลี่ยอยู่ในฐานะ ‘“ผู้มีัอยู่ในเป้า”‘ เขาจึงมีวิชายุทธ์เพียงสองวิชา วิชาแรกคือหมัดพญาัประจัญบาน และอีกวิชาคือธนูหมาป่า์กลืนจันทร์
ซึ่งทั้งสองล้วนเป็วิชายุทธ์สายโจมตี
ผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการในกลุ่มแรกที่เหลืออยู่สองตนนั้นเริ่มคลั่งหนักกว่าเดิม พวกเขาเข้ามาโจมตีหลัวเลี่ยอย่างดุร้าย ด้วยการเหวี่ยงหอกเข้ามาเพื่อหวังสังหารหลัวเลี่ย
ซึ่งเป็เวลาเดียวกับที่หลัวเลี่ยส่งหมัดพญาัประจัญบานออกไปเช่นกัน ทำให้พลังระหว่างหมัดของหลัวเลี่ยและหอกของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการเข้าปะทะกันในทันที ซึ่งสองพลังนี้ดูราวกับว่าเป็ัสองตัวที่กำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง
บูม! บูม!
หลังจากที่สองพลังเข้าปะทะกันโดยตรง ทันใดนั้นหอกของสองผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการก็ลอยออกมาและตกลงสู่พื้นดิน จากนั้นหมัดของหลัวเลี่ยก็ตรงเข้ากระแทกที่หน้าอกของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการทั้งสองอย่างรุนแรง ทำให้เกราะของพวกมันบุบยุบลงไป และแรงกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็ส่งผลให้อวัยวะภายในของพวกมันแตกเป็เสี่ยงๆ ทำให้ร่างกายของพวกมันสั่นสะท้าน และตายไปในที่สุด
หลัวเลี่ยใช้เวลาไม่ถึงสองลมหายใจก็จัดการสังหารผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการไปแล้วจำนวนครึ่งหนึ่ง
“มันคือเคล็ดวิชาั์จริงๆ!” เสียงของซูฟั่งจู๋สั่นเครือ “มีเพียงพลังจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์เท่านั้นที่จะสามารถทำเช่นนี้ได้ ซึ่งพลังของมันนั้นสามารถกล่าวได้ว่า เคล็ดฝึกตนทั้งสิบไม่อาจเทียบได้อย่างแน่นอน”
อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดพึมพำกับตัวเอง “เคล็ดวิชาั์ที่ไม่มีใครสามารถฝึกฝนจนสำเร็จ ในที่สุดก็มีคนสามารถฝึกฝนมันสำเร็จแล้ว เขาเป็เทพหรือ?”
ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายในทันที
“เทพในอนาคต!”
“อนาคตเขาต้องได้เป็เทพแน่ๆ”
“การถือกำเนิดของขุนพลเทพอสูรจะทำให้ทั้งดินแดนตกอยู่ในความโกลาหล เมื่อถึงเวลานั้นก็จะต้องมีวีรบุรุษถือกำเนิดขึ้นเช่นกัน และวีรบุรุษคนนั้นก็ต้องเป็เขา ผู้ที่จะได้เป็เทพในอนาคตแน่ๆ”
ผู้คนมากมายต่างพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
ในที่สุดพวกเขาก็มองเห็นหนทางในการรอดชีวิต
เป็ที่รู้กันดีว่าไม่เคยมีใครสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาั์จนสำเร็จได้มาก่อน แม้แต่คนจากสำนักที่ทรงพลังก็ยังไม่อาจฝึกฝนได้ แต่ตอนนี้กลับมีคนสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ไปถึงระดับสิบของระดับผู้ฝึกตนได้ แล้วเช่นนี้คนที่มีพลังวรยุทธ์อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับหยินหยางจะกล้าโจมตีหลัวเลี่ยได้อย่างไร?
เมื่อเย่เิหลงมองดูการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างหลัวเลี่ยและผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการที่เหลืออีกห้าตน นางก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเองว่า “เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาั์จริงๆ หรือ”
“ใช่!” ผีเสื้อแห่งรักตอบอย่างมั่นใจ
แน่นอนว่าคำพูดที่ออกมาจากปากของผีเสื้อแห่งรักย่อมน่าเชื่อถือที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะทุกคนรู้ว่าผีเสื้อแห่งรักติดตามและอยู่เคียงข้างหลัวเลี่ยมาโดยตลอด ถือได้ว่านางเป็คนสนิทที่ใกล้ชิดที่สุดของหลัวเลี่ย
เย่เิหลงมองไปที่ผีเสื้อแห่งรักทันที “ทำไมเ้าถึงพูดเช่นนั้น”
“ถึงข้าไม่พูด คนอื่นก็คงเดาได้” ผีเสื้อแห่งรักกล่าวอย่างเฉยเมย
และเมื่อเย่เิหลงมองไปยังร่างของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการที่สวมเกราะอยู่ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วห้าตน เย่เิหลงก็พูดไม่ออก เพราะนอกเหนือจากเคล็ดวิชาั์แล้ว ก็คงไม่มีเคล็ดวิชาใดที่จะสามารถสังหารผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการในชั่วพริบตาได้อีก
ขณะที่ผู้คนมากมายกำลังใกับเื่ที่หลัวเลี่ยฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ ในเวลาเดียวกันนั้นเองหลัวเลี่ยก็ได้เผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการที่เหลืออยู่ทั้งห้าแล้ว
การต่อสู้กับผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการจำนวนหนึ่งถึงสองตนนั้นไม่เป็ปัญหาสำหรับหลัวเลี่ยเลยสักนิด
แต่เมื่อหลัวเลี่ยต้องเผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการพร้อมกันห้าตน และยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งห้าตนมีการประสานพลังร่วมมือเข้าโจมตีเขาอย่างดีอีกด้วย อีกทั้งตอนนี้หลัวเลี่ยที่อยู่ในฐานะ ‘“ผู้มีัอยู่ในเป้า”‘ ก็ใช้วิชายุทธ์ได้จำกัด เขาไม่สามารถใช้เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินและวิชาก้าวัได้ เื่นี้ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
ฟิ้ว!
หอกเล่มหนึ่งของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการพุ่งมาจากทางซ้ายของหลัวเลี่ย กระบวนท่าของหอกนั้นทำให้มีหมอกสีเขียวหม่นก่อตัวขึ้นและตรงเข้ามาทางหลัวเลี่ย
ในขณะเดียวกัน ผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการอีกสี่ตนที่เหลือก็พุ่งเข้ามาโจมตีหลัวเลี่ยพร้อมกันจากทั้งทางด้านหน้า ด้านหลัง และด้านขวา
หอกทั้งห้าเล่มของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการได้ปิดกั้นทางหนีของหลัวเลี่ยแล้ว
หลัวเลี่ยสบถออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นเขาก็คว้าหอกเล่มหนึ่งที่อยู่ด้านซ้าย แล้ววิ่งตรงเข้าไปทางผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการที่ถือหอกนี้อยู่ การกระทำเช่นนี้ของหลัวเลี่ยไม่เพียงแต่จะทำให้เขาสามารถหลบหลีกผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการอีกสี่ตนที่เหลือได้ แต่ยังทำให้เขาสามารถเข้าประชิดตัวแล้วส่งแรงกระแทกไปที่หน้าอกของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการที่อยู่ด้านซ้ายมือได้ด้วย
บูม!
แต่ผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการที่อยู่ด้านซ้ายนี้ก็ตอบสนองต่อการโจมตีของหลัวเลี่ยอย่างว่องไวมาก เมื่อมันรู้ว่าหอกที่ถืออยู่ในมือไร้ประโยชน์ไปแล้ว มันก็ปล่อยหอกออกจากมือซ้าย และยกข้อศอกขึ้นตั้งรับการโจมตีของหลัวเลี่ย
ในระหว่างการปะทะกัน ในที่สุดพลังที่น่ากลัวของหลัวเลี่ยอันเกิดจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ ก็ส่งผลทำให้ข้อศอกของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการหัก จากนั้นหลัวเลี่ยก็ใช้มือซ้ายของตนเองชกเข้าไปที่หน้าอกของผู้พิทักษ์เขาแห่งคุกอนธการอย่างรุนแรง จนทำให้ชุดเกราะที่มันสวมอยู่เกิดรอยร้าวและบุบยุบลงไป อวัยวะภายในของผู้พิทักษ์ตนนี้แตก หลังจากนั้นมันก็เสียชีวิตลงในทันที
หลังจากที่หลัวเลี่ยสังหารผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการไปตนหนึ่งแล้ว ก็ส่งผลทำให้แบบแผนในการโจมตีของผู้พิทักษ์อีกสี่ตนที่เหลือเกิดความโกลาหล
หลัวเลี่ยหยิบหอกของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการที่ตกอยู่ขึ้นมา จากนั้นเขาก็ใช้หอกนี้กวาดไปรอบตัว
ตึง!
ผู้พิทักษ์ตนหนึ่งที่อยู่ใกล้หลัวเลี่ยถูกพลังที่หลัวเลี่ยส่งออกมาจากการกวาดหอกในครั้งนี้ซัดจนลอยขึ้นไปในอากาศ และลอยไปกระแทกผู้พิทักษ์อีกตนหนึ่งด้วย
หลัวเลี่ยเผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการทั้งสองตนที่เขาเพิ่งใช้พลังซัดจนทั้งสองลอยขึ้นเมื่อครู่
พวกมันทั้งสองพุ่งเข้าหาหลัวเลี่ยพร้อมกับคำรามอย่างไม่เกรงกลัวความตาย
“พวกเ้าสองตนไม่มีหอกแล้วยังกล้าเข้ามาโจมตีข้าอีกหรือ ช่างรนหาที่ตายเสียจริง!”
หลัวเลี่ยออกแรงชกจากมือทั้งสองข้าง
หมัดพญาัประจัญบาน!
บูม! บูม!
หมัดจากมือทั้งสองข้างของหลัวเลี่ยตรงเข้าไปกระแทกที่ใบหน้าของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการทั้งสองอย่างรุนแรง
พลังจากกระบวนท่าหมัดนี้ของหลัวเลี่ยทำให้ร่างของผู้พิทักษ์ทั้งสองตนลอยออกไปจากบริเวณนี้
ตอนนี้จึงเหลือเพียงผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการสองตนสุดท้าย
หลัวเลี่ยไม่เปิดโอกาสให้พวกมันเข้าโจมตีเขาก่อน เขายกมือขึ้นมาและกางออก พร้อมทั้งรวบรวมพลังลมปราณ ทำให้เกิดเป็รูปร่างลูกธนูขึ้นจำนวนสองดอก
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ทันทีที่หลัวเลี่ยยิงลูกธนูออกจากมือ ลูกธนูของเขาก็พุ่งตรงไปปักเข้าที่กลางหน้าผากของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการทั้งสองตนนั้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้หลัวเลี่ยได้สังหารผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการทั้งสิบตนหมดแล้ว
หลังจากนั้นหลัวเลี่ยก็หยิบน้ำเต้าพิทักษ์ัออกมา แล้วเริ่มรวบรวมไอพลังของผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการทั้งสิบตน
พร้อมกับมองไปที่บุปผางามอาบพิษทั้งสามดอก
นี่จะเป็อุปสรรคสุดท้าย หากเขาสามารถทำลายบุปผางามอาบพิษทั้งสามดอก ก็จะสามารถยับยั้งการกำเนิดของขุนพลเทพอสูรได้
“ช้าก่อน!”
เย่เิหลงพูดขัดขึ้น
หลัวเลี่ยมองกลับมาที่นาง
“เ้าตอบข้ามาตามตรงว่าเ้ากำลังฝึกฝนเคล็ดวิชาั์อยู่หรือไม่” แม้ว่าเย่เิหลงจะได้รับการยืนยันจากผีเสื้อแห่งรักแล้ว แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปตามตรง เพราะ้าได้รับคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
คำถามนี้ทำให้ผู้คนมากมายตกอยู่ในความเงียบงัน และมองไปที่หลัวเลี่ยอย่างจดจ่อ
อันที่จริงหลัวเลี่ยรู้ดีว่าทุกคนย่อมเคลือบแคลงใจกับพลังของเขาที่สามารถจัดการกับผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการได้อย่างง่ายดาย มาจนถึงตอนนี้แม้ว่าคนอื่นจะไม่กล้าคิด แต่หลังจากนี้ก็คงมีคนคิดทบทวนเื่นี้อีกครั้งอยู่ดี ดังนั้นตราบใดที่เขายังสามารถปิดบังตัวตนในฐานะ ‘“ผู้มีัอยู่ในเป้า”‘ ในภพจิตัได้อยู่ เขาก็คงหลีกหนีการปฏิเสธเื่นี้ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าฝึกฝนเคล็ดวิชาั์อยู่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้