บทที่ 100 สองมือว่างเปล่า
อันฉินตบประตูหน้าบ้านสองสามครั้ง พร้ะโกนเรียกดังๆ แต่บ้านตระกูลลู่ยังคงเงียบสนิท
ตอนนี้เป็เวลาที่ชาวบ้านในหมู่บ้านกำลังกินข้าวเช้ากัน บางคนถือชามข้าวมานั่งรวมกัน กินไปคุยไปตามประสาคนชนบท
เมื่อได้ยินเสียงของอันฉิน มีคนหัวเราะแล้วถามโจวเป่าเฉิงว่า “พวกนายมาทุบประตูบ้านคนอื่นแต่เช้าทำไมกัน?”
“ผม...” โจวเป่าเฉิงยิ้มเจื่อนๆ “พวกเรามาจะโขกศีรษะให้คุณย่าครับ”
ตามประเพณีในหมู่บ้านชนบท วันรุ่งขึ้นหลังแต่งงาน ผู้ใหญ่ในบ้านจะพาคู่บ่าวสาวไปโขกศีรษะให้ญาติผู้ใหญ่ในตระกูล
แต่ปกติแล้วนั่นเป็เื่ที่ทำกันหลังกินข้าวเช้าเสร็จ ไม่มีใครที่รู้ว่าคนในบ้านกำลังกินข้าวอยู่แล้วยังบุกเข้าไปรบกวน
“เขากำลังกินข้าวอยู่นะ” มีคนถือชามข้าวพูด “พวกนายกินข้าวเช้ามาแล้วเหรอ ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้?”
โจวเป่าเฉิงรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
กินข้าวเหรอ พวกเขาสองคนยังไม่ได้กินอะไรเลย ความจริงตั้งใจจะมาขอฝากท้องที่บ้านตระกูลลู่ต่างหาก
“อ้อ” อันฉินยิ้มหวานยกตะกร้าในมือขึ้นโชว์ “พวกเรานำขนมมาฝากคุณย่าด้วยค่ะ ให้คุณย่าได้ชิมสักหน่อย”
ตอนนั้นเองประตูบ้านถูกเปิดออกจากด้านใน แต่เปิดแค่ครึ่งบาน จากนั้นจ้าวลี่เจวียนก็ยืนหน้าบูดบึ้ง “เช้าๆ แบบนี้ะโทุบประตูทำไมกัน จะให้คนเขากินข้าวอย่างสงบไม่ได้เลยเหรอ?”
เธออยากจะนั่งกินข้าวเงียบๆ แต่หญิงชราสั่งให้มาที่ประตูเพื่อจัดการกับสองคนนี้
“ป้าสะใภ้ใหญ่” อันฉินยิ้ม “พวกเรามาจะโขกศีรษะให้คุณย่าค่ะ”
ส่วนจ้าวลี่เจวียน ผู้หญิงหยาบคายแบบนี้จะไปคู่ควรได้ยังไง?!
“อ้อ เื่นั้นเหรอ” จ้าวลี่เจวียนยิ้มบางๆ “ยากนักที่พวกเธอจะมีน้ำใจแบบนี้ แต่ตอนนี้คุณแม่กำลังกินข้าวอยู่ คุณแม่เพิ่งจะอยากอาหารขึ้นมาบ้างเช้านี้ พวกเธออย่ารบกวนท่านเลย หรือจะโขกศีรษะตรงนี้ก็ได้” เธอพูดต่อ “น้ำใจของพวกเธอ คุณแม่รับรู้แล้ว”
สีหน้าของอันฉินเปลี่ยนไปทันที เธอพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ “พวกเราสองคนเป็เด็ก อยากจะมาโขกศีรษะให้คุณย่าให้ครบตามธรรมเนียมเท่านั้นเองค่ะ”
“งั้นก็โขกศีรษะตรงนี้แหละ” จ้าวลี่เจวียนพูด ไม่รอให้อันฉินตอบก็พูดต่อ “เมื่อวานแม่สามีเธอเหนื่อยจากการช่วยงานแต่งงานของพวกเธอ จนตกจากเตียงเอวเคล็ด ต้องนอนโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้ ถ้าพวกเธอมีน้ำใจจริงก็รีบไปดูแลเหอเสวี่ยฉินที่โรงพยาบาลเถอะ”
อะไรคือเหนื่อยจากงานแต่งจนเอวเคล็ด?
อันฉินโมโหแทบตายแล้ว
“แม่ผม..เข้าโรงพยาบาลเหรอ?” โจวเป่าเฉิงเพิ่งจะรู้ตัว “งั้น...งั้นพวกเราไปโรงพยาบาลกันเถอะ”
เมื่อวานตอนที่ลู่หวยเหรินมาขอให้อันฉินช่วย โจวเป่าเฉิงกำลังไปคืนโต๊ะให้คนอื่น ไม่ได้อยู่บ้าน หลังจากคืนของเสร็จเขาก็กลับมานอนบนเตียงทันที ต่อมาถูกอันฉินเรียกให้ไปต้มน้ำแล้วก็ยุ่งกับเื่ภรรยา เขาเลยไม่รู้จริงๆ ว่าเหอเสวี่ยฉินเข้าโรงพยาบาล
อันฉินชะงักไป ดูเหมือนเธอจะลืมบอกเื่นี้กับโจวเป่าเฉิง
ทันใดนั้นผู้หญิงที่มามุงดูก็หัวเราะ “เป่าเฉิง เมียนายไม่ได้บอกเหรอ พ่อนายอยากให้หล่อนช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แม่นาย แต่หล่อนบอกว่ามือเจ็บ เปลี่ยนไม่ได้”
ตอนนั้นเธอยังรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ
เหอเสวี่ยฉินทุ่มเทหาภรรยาให้โจวเป่าเฉิงจนตาลาย สุดท้ายไปเลือกคนไร้มโนธรรมแบบนี้มาได้ยังไง?
ถึงเหอเสวี่ยฉินจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่กับโจวเป่าเฉิงนั้นเรียกได้ว่าไม่มีที่ติ รวมถึงงานแต่งงานครั้งนี้ด้วย ไม่มีใครหาข้อผิดพลาดได้ แต่พอให้ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับบอกว่ามือเจ็บ?
ก็ได้ มือเจ็บแต่ช่วยยื่นมือสักหน่อยคงได้มั้ง? อย่าคิดว่าพวกเขาไม่เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจของเธอ
เหอเสวี่ยฉินนี่ล่าเหยี่ยวทั้งวันแต่ถูกเหยี่ยวจิกตาซะเอง พวกเขารอดูเื่สนุกกันต่อไป
ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงๆ
ดูหญิงชราสิ อันฉินคิดอะไรอยู่ หญิงชรามองออกทะลุปรุโปร่ง แม้แต่หน้าก็ไม่ยอมโผล่มาเจอ
“แต่ว่า...” อันฉินยังอยากจะพูดอะไร แต่โจวเป่าเฉิงกลับคุกเข่าลงกับพื้นทันที “คุณย่า เป่าฉิงโขกศีรษะให้คุณย่าครับ”
เห็นอันฉินยังยืนอยู่ เขาขมวดคิ้วพูดว่า “รีบคุกเข่าลงสิ”
อันฉินไม่ยอม เพราะจ้าวลี่เจวียนยืนอยู่ตรงนั้น ถ้าเธอคุกเข่าลงไป ไม่เท่ากับโขกศีรษะผู้หญิงหยาบคายคนนี้เหรอ?
“ดูฉันสิ” จ้าวลี่เจวียนเปิดประตูครึ่งบานให้กว้างขึ้นด้วยรอยยิ้ม แล้วถอยไปยืนข้างๆ “พวกเธอสองผัวเมียจะโขกศีรษะให้คุณแม่ ฉันในฐานะป้าสะใภ้ใหญ่จะยืนขวางทางอยู่ทำไมล่ะ”
ตามธรรมเนียม อันฉินที่มาวันนี้ต้องโขกศีรษะให้จ้าวลี่เจวียนด้วย
เหอะๆ ดูถูกคนบ้านนอกอย่างพวกเขาขนาดนี้เลยเหรอ
“ป้าสะใภ้ใหญ่พูดเล่นแล้วครับ” โจวเป่าเฉิงโขกศีรษะอีกครั้ง “ป้าเป็ผู้ใหญ่ของพวกเรา ควรทำแบบนี้อยู่แล้ว”
พูดจบเขาก็ดึงแขนอันฉิง แต่ถึงอย่างนั้นอันฉินก็ยังไม่ยอมโขกศีรษะให้จ้าวลี่เจวียน
“พอแล้ว” จ้าวลี่เจวียนก็ไม่ได้อยากได้อะไร พูดว่า “รีบไปดูแม่แกเถอะ”
พูดจบเธอไม่อยากมองหน้าตาไม่น่าดูของอันฉินอีก ปิดประตูลงทันที
แต่โจวเป่าเฉิงกลับคว้าตะกร้าจากมืออันฉินยื่นให้จ้าวลี่เจวียน “ขนมนี้ฝากให้คุณย่าชิมด้วยนะครับ”
จ้าวลี่เจวียน “...”
เธอกลับเข้ามาในห้องโถง แล้วบ่นกับหญิงชรา “เ้าเป่าเฉิงนี่ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง แต่อันฉินคนนั้นใจดำเหลือเกิน”
ถึงเพิ่งจะแต่งเข้ามา และยังไม่มีสายสัมพันธ์กับเหอเสวี่ยฉิน แต่ยังไงก็เป็แม่สามี
“แค่คนโง่เท่านั้นแหละ” หญิงชราไม่แม้แต่จะวางตะเกียบลง ไม่งั้นคงไม่ถึงขั้นแม้แต่หน้าก็ไม่ยอมรักษา
คุณย่าพูดจบก็มองไปยังสวี่จือจือที่กำลังกินข้าวอยู่
เด็กคนนี้ตอนเช้ามาถึงยังถามเธอเลยว่าวันนี้จะไปเยี่ยมเหอเสวี่ยฉินที่โรงพยาบาลไหม ดีกว่าอันฉินโง่เง่าคนนั้นไม่รู้กี่เท่า
“คุณย่า” สวี่จือจือกินข้าวไปพูดไป “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จให้จิ่งซานไปอยู่กับคุณย่านะคะ หนูกับพี่หยวนหยวนจะไปโรงพยาบาลกัน”
ส่วนเื่เมื่อวาน ทุกคนดูเหมือนเลือกที่จะไม่พูดถึง
ลู่จิ่งซานรู้ว่าสวี่จือจือ้าให้เขาอธิบายอะไรบางอย่างกับหญิงชรา
“อ้อใช่” เธอชี้ไปที่ขนมบนโต๊ะที่จ้าวลี่เจวียนเพิ่งเอาเข้ามา “ขนมนี้คุณย่าห้ามกินนะคะ หนูจะเอาไปโรงพยาบาล เดี๋ยวกลับมาจะซื้อของอร่อยมาให้คุณย่าค่ะ”
เด็กเ้าเล่ห์คนนี้
หญิงชราพยักหน้าอย่างเอ็นดู “ยังไงย่าก็ไม่ชอบกินอยู่แล้ว”
เธอมองไปยังหลานชายที่ก้มหน้าก้มตากินข้าว
โอ๊ย หัวใจเจ็บขึ้นมาอีกแล้ว กินข้าวไม่ลงแล้ว
หลานสะใภ้ดีๆ แบบนี้ ทำไมเ้าตัวดื้อนี่ถึงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเอาเสียเลย!
“หยวนหยวน” หญิงชรานึกขึ้นได้แล้วพูด “เดี๋ยวไปเดินซื้อเสื้อผ้ากับจือจือหน่อยนะ อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว”
“ได้ค่ะ” ลู่ซือหยวนตอบ
สวี่จือจือยิ้มหวาน “ขอบคุณคุณย่าค่ะ” พูดจบยังมองลู่จิ่งซานด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
ลู่จิ่งซานที่หน้าใบหน้าไร้อารมณ์ตลอดเวลา “...” มีแค่การก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเดียว
สวี่จือจือไม่รีบร้อน ยังไงพวกเธอขี่จักรยานไปต้องเร็วกว่าโจวเป่าเฉิงอยู่แล้ว
ใครจะรู้ว่าพวกเธอยังชักช้าอยู่ที่บ้านอยู่นาน พอไปถึงโรงพยาบาลก็เห็นโจวเป่าเฉิงกำลังคว้าพยาบาลถามหาห้องของเหอเสวี่ยฉิน
ดีเลย พวกเธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลาถาม
สมัยนี้ไม่มีห้องเดี่ยวอะไร ห้องใหญ่มีเตียงเหล็กสามเตียงวางหันหน้าเข้าหากัน ข้างเตียงของเหอเสวี่ยฉินมีชั้นวางสนิมเขรอะ ้าแขวนขวดแก้วน้ำเกลืออยู่ กำลังให้น้ำเกลืออยู่
“เดี๋ยวฉันไปถึงที่ทำงานจะหาคนฝากข้อความไปที่บ้าน ดูว่าเมียเป่าเฉิงจะมาช่วยอะไรได้บ้าง” ลู่หวยเหรินพูด แต่ในใจยังโกรธอยู่
เพิ่งแต่งงานเข้ามาก็ไร้มารยาทแบบนี้แล้ว รู้ว่าแม่สามีตัวเองเข้าโรงพยาบาลแท้ๆ ยังไม่รู้จักมาดูแล?
แต่พอนึกได้แค่นั้นก็เห็นพวกโจวเป่าเฉิงเดินเข้ามา “พวกแกมาสักที ฉันต้องไปทำงาน แกกับเมียอยู่ที่นี่ดูแลแม่แกซะ”
ลู่หวยเหรินพูดจบก็รีบร้อนจะเดินออกไป
อันฉินชนแขนโจวเป่าเฉิง แล้วทำท่าทางขอเงิน
“เอ่อ...” โจวเป่าเฉิงรีบพูด “พวกเรา...รีบมา ไม่ได้พกเงินมาครับ”
ลู่หวยเหริน “...” กำลังจะควักเงินก็เห็นสวี่จือจือกับลู่ซือหยวนยืนอยู่ที่ประตู มือยังถือถุงตาข่ายอยู่
เขาหันกลับไปมองโจวเป่าเฉิงกับอันฉินที่สองมือว่างเปล่า
ว่างเปล่าจริงๆ!
.............................