บทที่ 9 ชุดของขวัญ “หอมฝัน”
"ทำด้วยหัวใจ..."
คำพูดของอาเป่าก้องสะท้อนอยู่ในความคิดของลู่เมิ่ง ปลุกสัญชาตญาณของศิลปินที่เคยหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในโลกเก่า นางไม่ใช่แค่นักเคมีแต่เป็นักปรุงน้ำหอมระดับปรมาจารย์ที่สามารถเปลี่ยนกลิ่นให้ กลายเป็เื่เล่าได้ และบัดนี้...นางจะใช้พร์ทั้งหมดที่มีเพื่อสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกที่โลกใบนี้ไม่ เคยเห็นมาก่อน
ภารกิจนี้ไม่ใช่แค่การทำสบู่ แต่คือการสร้างประสบการณ์ให้กับองค์ไทเฮา
"เทียนฉี่ แสดงข้อมูลทั้งหมดที่เรารวบรวมมาเกี่ยวกับองค์ไทเฮา"
[กำลังประมวลผล... องค์ไทเฮา สกุลเดิมคือสกุลจ้าว ทรงมาจากตระกูลบัณฑิตทางตอนใต้ มีพระชนมายุ 62 พรรษา ในวัยเยาว์ทรงโปรดการอ่านบทกวีและชื่นชมดอกเหมยเป็พิเศษ... หลังจากองค์จักรพรรดิองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ ทรงปฏิบัติธรรมและถือศีลเป็ส่วนใหญ่... ข้อมูลจากแหล่งข่าวในวังระบุว่า ่หลังทรงมีพระอาการนอนไม่หลับและผิวพรรณแห้งกร้านตามวัย]
"ดอกเหมย... ปฏิบัติธรรม... นอนไม่หลับ... ผิวแห้งกร้าน" ลู่เมิ่งพึมพำกับตัวเอง "องค์ประกอบทุกอย่างมาครบแล้ว"
นางไม่ได้คิดจะทำแค่สบู่ก้อนเดียวอีกต่อไป แต่จะสร้างเป็ "ชุดของขวัญ" ที่ตอบสนองความ้าขององค์ไทเฮาทุกมิติ ทั้งทางกายและทางใจ
หนึ่ง สบู่ ต้องไม่ใช่แค่สบู่ธรรมดา แต่นางจะสร้างขึ้นมาสามสูตรสามกลิ่น สำหรับสาม่เวลาของวัน
ยามรุ่งอรุณ - สบู่ชาขาวและส้มจี๊ด เพื่อปลุกความสดชื่นและเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับวันใหม่ กลิ่นหอมสะอาดของชาขาวจะช่วยให้จิตใจสงบเยือกเย็นเหมือนการจิบชาในยามเช้า ขณะที่กลิ่นเปรี้ยวอมหวานของส้มจี๊ดจะช่วยกระตุ้นพลังงาน
ยามทิวา - สบู่กุหลาบและน้ำผึ้งป่า เพื่อบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นถึงขีดสุดระหว่างวัน กุหลาบคือราชินีแห่งดอกไม้ ส่วนน้ำผึ้งคือยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติ การผสมผสานที่ลงตัวเพื่อผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง
ยามราตรี - สบู่ดอกเหมยและไม้จันทน์หอม สูตรนี้คือหัวใจของผลงานทั้งหมด! กลิ่นหอมของดอกเหมยจะปลุกความทรงจำอันงดงามในวัยเยาว์ขององค์ไทเฮา ขณะที่กลิ่นอันศักดิ์สิทธิ์ของไม้จันทน์หอมที่ใช้ในการปฏิบัติธรรม จะช่วยให้พระทัยของพระนางสงบลงอย่างล้ำลึก นำไปสู่การบรรทมที่ผ่อนคลาย
สอง น้ำมันบำรุงผิวนางจะใช้วิธีการสกัดน้ำมันจากเมล็ดอัลมอนด์และเมล็ดชาซึ่ง เป็ของหายากแต่เว่ยจิ้งสามารถหามาให้ได้ผสมกับน้ำมันหอมระเหยจากดอก ลาเวนเดอร์และคาโมมายล์ เพื่อใช้ทาบำรุงผิวกายหลังอาบน้ำ ช่วยลดความแห้งกร้านและกลิ่นหอมของมันยังช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น
สาม เทียนหอม นี่คือไม้เด็ดของนาง! เทียนในยุคนี้มีไว้เพื่อให้แสงสว่างและทำจากไขมันสัตว์ที่มีกลิ่นเหม็น แต่นางจะสร้างเทียนจากไขผึ้งบริสุทธิ์ผสมกับน้ำมันหอมระเหยจากไม้จันทน์และ กำยาน เมื่อจุดในห้องบรรทมก่อนเข้าที่ไสยาสน์ จะสร้างบรรยากาศที่สงบและศักดิ์สิทธิ์ราวกับอยู่ในวิหาร ช่วยชำระล้างจิตใจที่ขุ่นมัวและนำไปสู่การหลับใหลอย่างแท้จริง
นี่ไม่ใช่แค่ชุดของขวัญ แต่มันคือพิธีกรรมแห่งการปรนนิบัติที่นางออกแบบมาเพื่อองค์ไทเฮาโดยเฉพาะ!
เมื่อแผนการทุกอย่างชัดเจนแล้ว าแห่งการสร้างสรรค์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น!
โรงงานเล็กๆ ของนางไม่เคยดับไฟตลอดหนึ่งเดือนเต็ม ลู่เมิ่งแทบจะกินนอนอยู่ที่นั่น นางพิถีพิถันกับทุกขั้นตอนราวกับศิลปินเอกกำลังสร้างผลงานชิ้นเดียวในโลก
การสกัดกลิ่นดอกเหมยเป็สิ่งที่ยากที่สุด เพราะดอกเหมยบานในฤดูหนาวและมีกลิ่นหอมที่บอบบางมาก นางต้องใช้วิธี Enfleurage อย่างอดทน เปลี่ยนดอกไม้สดทุกๆ สองสามชั่วโมงเป็เวลาหลายวัน จนในที่สุดก็ได้ไขมันหอม (pomade) ที่มีกลิ่นดอกเหมยเข้มข้นพอที่จะนำไปสกัดต่อเป็น้ำมันหอมระเหยได้
นางสอนป้าจางและอาเป่าให้ช่วยในขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน เช่น การคัดแยกกลีบดอกไม้ หรือการคนส่วนผสมเบาๆ บรรยากาศในโรงงานเล็กๆ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความอบอุ่น
เว่ยจิ้งแวะมาดูความคืบหน้าของนางเป็ครั้งคราว เขาไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ยืนมองนางทำงานอย่างเงียบๆ แต่ในแววตาที่ลุ่มลึกนั้นฉายแววทึ่งและ ประหลาดใจอย่างปิดไม่มิด เขาไม่เคยเห็นใครทำงานด้วยความหลงใหลและบ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อน นางไม่ได้แค่ทำตามคำสั่ง แต่กำลังสร้างบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่จากจิติญญาของนางเอง
ปัญหาที่ยากที่สุดคือ บรรจุภัณฑ์
ของขวัญสูงค่าเช่นนี้จะบรรจุในกล่องไม้ธรรมดาไม่ได้ ลู่เมิ่งออกแบบกล่องของขวัญเป็รูปหกเหลี่ยม ทำจากไม้จันทน์หอมอย่างดี ภายในบุด้วยผ้าไหมสีม่วงเข้มซึ่งเป็สีของราชวงศ์ ้าของฝากล่อง นาง้าให้สลักเป็รูป ัเก้าตัวไล่ไข่มุกท่ามกลางหมู่เมฆ ซึ่งเป็สัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุด แต่ก็เป็ลายที่สงวนไว้สำหรับองค์จักรพรรดิและไทเฮาเท่านั้น
"เ้าจะบ้ารึ!" ช่างไม้ฝีมือดีที่สุดที่เว่ยจิ้งหามาให้ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นแบบร่าง "ลายนี้หากสลักโดยไม่ได้รับพระบรมาานุญาต มีโทษปะาเจ็ดชั่วโคตร!"
"ข้ารู้" ลู่เมิ่งตอบอย่างใจเย็น "แต่ท่านไม่ต้องกังวล... เื่นี้คุณชายสามจะเป็ผู้จัดการเอง"
นางนำแบบร่างไปให้เว่ยจิ้งดู เขาจ้องมองมันนิ่งอยู่นาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตานาง "เ้ามั่นใจแค่ไหน?"
"ข้ามั่นใจในผลิตภัณฑ์ของข้า... เหมือนที่ท่านมั่นใจในสายตาของตัวเอง" นางตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว
เว่ยจิ้งยิ้มที่มุมปากเป็ครั้งแรก "ดี! เดิมพันครั้งนี้... ข้าจะเล่นกับเ้า!"
เขาจัดการเื่การขอพระราชทานอนุญาตเป็กรณีพิเศษให้ได้จริงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพลอันน่าสะพรึงกลัวของตระกูลเว่ยในราชสำนัก
หนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงกำหนดส่งของ... ทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์
กล่องไม้จันทน์หอมสลักลายัเก้าตัวงดงามราวกับมีชีวิต เมื่อเปิดออก ภายในมีช่องหกช่องที่บุด้วยผ้าไหมสีม่วง วางผลิตภัณฑ์ทั้งห้าชิ้นไว้อย่างพอดี ได้แก่ สบู่สามก้อนที่ห่อด้วยกระดาษไขพิมพ์ลายดอกไม้แต่ละชนิด ขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวราวหิมะบรรจุน้ำมันบำรุงผิว และเทียนหอมในถ้วยกระเบื้องที่สวยงาม
แต่มันยังมีช่องว่างเหลืออยู่อีกหนึ่งช่อง...
"นี่คืออะไร?" เว่ยจิ้งถามเมื่อมาตรวจดูผลงานชิ้นสุดท้าย
ลู่เมิ่งหยิบม้วนกระดาษสาเล็กๆ ที่ผูกด้วยเชือกไหมสีทองออกมาอย่างบรรจง "นี่คือของขวัญชิ้นสุดท้าย... และอาจจะเป็ชิ้นที่สำคัญที่สุด"
นางคลี่ม้วนกระดาษออก ในนั้นเขียนด้วยลายพู่กันที่งดงามอ่อนช้อยของนาง อธิบายถึงที่มา แิ และ วิธีใช้ ของขวัญแต่ละชิ้นอย่างละเอียด
"...สบู่ดอกเหมยและไม้จันทน์นี้ หม่อมฉันขอตั้งชื่อว่า หวนฝัน ขอให้กลิ่นหอมนี้ได้นำพาฝ่าากลับไปสู่ความทรงจำอันงดงามในวันวาน... เทียนหอม นิทรา นี้ ขอให้แสงและกลิ่นอันศักดิ์สิทธิ์ได้นำพาฝ่าาสู่ห้วงนิทราอันสงบสุข..."
มันไม่ใช่แค่คู่มือการใช้ แต่เป็บทกวีที่นางเขียนขึ้นเพื่อสื่อสารกับองค์ไทเฮาโดยตรง! มันแสดงให้เห็นว่านางไม่ได้แค่ใส่ใจในผลิตภัณฑ์ แต่ใส่ใจในตัวตนและความรู้สึกของผู้รับอย่างลึกซึ้ง
เว่ยจิ้งอ่านข้อความนั้นแล้วถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง... มันไม่ใช่สายตาที่มองทรัพย์สินอีกต่อไป แต่เป็สายตาที่มองศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ด้วยความนับถืออย่างแท้จริง
"เ้า... ทำได้อย่างไร?" เขาถามเสียงแ่เบา
"ข้าแค่... ทำมันด้วยหัวใจ" ลู่เมิ่งตอบด้วยรอยยิ้ม
วันส่งมอบของขวัญมาถึง ชุดของขวัญ "หอมฝัน... ปรุงฝันถวายราชันย์" ถูกบรรจุในหีบผ้าไหมอย่างดีและถูกส่งเข้าไปในวังหลวงพร้อมกับของขวัญชิ้นอื่นๆ ของตระกูลเว่ย
หลังจากนั้นคือการรอคอย... การรอคอยที่ยาวนานและบีบคั้นหัวใจที่สุด
ทุกวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ไม่มีข่าวคราวใดๆ ตอบกลับมาจากในวัง ลู่เมิ่งพยายามทำตัวให้เป็ปกติ แต่ในใจร้อนรุ่มดั่งไฟเผา นางกินไม่ได้นอนไม่หลับ ความกลัวและความกดดันเริ่มกลับมาครอบงำนางอีกครั้ง
"เทียนฉี่... คำนวณความน่าจะเป็อีกครั้ง"
[...ปัจจัยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง... อัตราความสำเร็จอยู่ที่ 15.3%]
นางหลับตาลงอย่างอ่อนล้า... นางทำดีที่สุดแล้วจริงๆ หรือ?
จนกระทั่งเย็นวันที่เจ็ด...
รถม้าของเว่ยจิ้งก็มาจอดที่หน้าเรือนอีกครั้ง แต่คราวนี้... มันไม่ได้มาคันเดียว แต่มีขบวนรถม้าของวังหลวงตามมาด้วย! บนรถม้าประดับธงสีเหลืองอร่ามอันเป็สีของราชวงศ์!
ขันทีสูงวัยผู้หนึ่งซึ่งเป็ถึงหัวหน้าขันทีคนสนิทขององค์ไทเฮา ก้าวลงมาจากรถม้าด้วยท่วงท่าสง่างาม บ่าวไพร่ทุกคนในเรือนต่างคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความยำเกรง มีเพียงลู่เมิ่งที่ยืนนิ่งด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
ท่านขันทีมองมาที่นางั้แ่หัวจรดเท้า ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา "เ้าสินะ... แม่หนูอาลู่ ผู้ปรุง หอมฝัน นั่น"
ลู่เมิ่งรีบย่อกายคารวะ "เป็ข้าน้อยเองเ้าค่ะ"
"ไม่ต้องมากพิธี" ท่านขันทีกล่าว "องค์ไทเฮาทรงพอพระทัยในของขวัญของเ้าเป็อย่างยิ่ง! พระนางตรัสว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยมีของขวัญชิ้นใดที่ถูกพระทัยและเข้าใจในสิ่งที่พระนาง ้าได้เท่านี้มาก่อน โดยเฉพาะเทียนหอม นิทรา ที่ทำให้พระนางบรรทมหลับสนิทได้ตลอดคืนเป็ครั้งแรกในรอบหลายปี!"
ราวกับเสียง์! ลู่เมิ่งถึงกับเข่าอ่อนแทบจะทรุดลงกับพื้นด้วยความโล่งอก!
"องค์ไทเฮาทรงมีรับสั่ง... ให้แม่หนูอาลู่เข้าเฝ้าเป็การส่วนพระองค์ในวันพรุ่งนี้!"
คำประกาศนั้นดังราวกับอสุนีบาตฟาดลงมากลางใจของทุกคน!
การได้เข้าเฝ้าองค์ไทเฮาเป็การส่วนตัว คือเกียรติยศสูงสุดที่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ยังหาได้ยาก! แต่มันก็เป็ดั่งดาบสองคมที่อาจจะมอบทั้งคุณและโทษได้อย่างมหาศาล!
เว่ยจิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆ มีสีหน้าเรียบเฉย แต่ในแววตากลับฉายประกายแห่งชัยชนะที่เจิดจ้า
ลู่เมิ่งมองหน้าท่านขันที มองหน้าเว่ยจิ้ง แล้วมองไปยังท้องฟ้าที่กำลังจะเปลี่ยนสี... นางรู้ดีว่านับั้แ่วันพรุ่งนี้เป็ต้นไป ชีวิตของเด็กสาวกำพร้าที่ชื่อ อาลู่ จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
นางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในสถานที่ที่อันตรายและสูงส่งที่สุดในแผ่นดิน... วังหลวง... สถานที่ซึ่งความฝันและความตายอยู่ห่างกันเพียงแค่ลมหายใจเดียว