แสงแดดอบอุ่น ทว่าเรือนสุ่ยฉิงในเวลานี้กลับหนาวเย็น
“เป็ไปได้อย่างไร?”
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าวันนั้นเหลียงเอ๋อร์มาขอร้องนางด้วยตนเอง
ทว่าในเมื่อฮองเฮาตรวจสอบแล้วย่อมต้องเป็เื่จริง มิฉะนั้นเื่ที่ทำให้ฮั่วเยี่ยนไหวตกหน้าผา ก็เพียงพอที่จะให้เหลียงเอ๋อร์ถูกปะาเป็ร้อยเป็พันรอบแล้ว
ทว่าเหลียงเอ๋อร์ทำได้อย่างไร? ทั้งมาขอให้นางช่วยเหลือที่กระโจม ทั้งเฝ้าอยู่หน้าประตูครัวได้ตลอดเวลา
เว้นเสียแต่ว่าจะแบ่งคนคนหนึ่งออกเป็สองซีก
สองซีก?
หรือจะเป็ฝาแฝด?
“เ้ามีพี่น้องหรือไม่?”
ไป๋หว่านหนิงกลอกตา ท่าทางหยิ่งผยองจนถึงขีดสุด “เหลียงเอ๋อร์เกิดในจวนสกุลไป๋ แม่ของนางให้กำเนิดนางเพียงคนเดียว ตัวตนขาวสะอาด ล้วนมีบันทึกในทะเบียน”
“ไป๋เซี่ยเหอ เ้าคงไม่ได้ไม่กล้าทำแต่ไม่กล้ารับหรอกกระมัง!”
ไป๋เซี่ยเหอมีท่าทีเคร่งขรึม แววตาสีหมึกมีไอเย็นเยียบ “หากวันนั้นข้าเป็คนทำ เ้าคิดว่าเ้าจะยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกหรือ?”
นางหัวเราะออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง
“ข้าสามารถสังหารเ้าในดาบเดียว แล้วค่อยบอกว่ามือสังหารเป็คนทำก็ยังได้”
แม้ว่านางจะรังเกียจไป๋หว่านหนิง ทว่าไม่ให้ค่ากับการลงมือโดยใช้แผนการอันยุ่งยากเช่นนี้
วันนั้นหากนางคิดจะลงมือจริงๆ เพียงสิ้นเปลืองเกาทัณฑ์เล่มเดียวเท่านั้น
“เ้า...” ไป๋หว่านหนิงใจนหน้าซีดทันที หัวใจเต้นรัว เกิดความรู้สึกราวกับกำลังเดินบนคมมีดอย่างอธิบายไม่ได้
จู่ๆ แผ่นหลังก็เย็นะเืขึ้นมา
ไป๋หว่านหนิงเกิดความใและหวาดกลัวสลับกัน นางตัวสั่นงันงก ต่อมาสีหน้าก็ดูทุกข์ทรมาน รู้สึกปวดบิดเป็ระยะที่ท้องราวกับถูกแทงด้วยเข็ม
ไป๋เซี่ยเหอเห็นนางเป็เช่นนี้อย่างกะทันหันก็ให้คนประคองนางไปนั่งทันที จากนั้นก็วางนิ้วลงบนจุดชีพจรของนางโดยไม่ลังเล
ไม่กี่อึดใจต่อมา
“ไป๋เซี่ยเหอ เ้าร่ำเรียนวิชาแพทย์ั้แ่เมื่อใดกันแน่? เหตุใดข้าถึงไม่รู้?”
คำถามนี้รบกวนไป๋หว่านหนิงมาเนิ่นนานแล้ว กระทั่งตอนนี้นางยังไม่เข้าใจว่า แม้แต่พิษที่หมอหลวงยังแก้ไม่ได้ เหตุใดไป๋เซี่ยเหอถึงทำได้?
พวกนางสองแม่ลูกสูญเสียการควบคุมไป๋เซี่ยเหอนับั้แ่ตอนนั้น...
ไป๋เซี่ยเหอเงยหน้า มองอีกฝ่ายคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยอย่างประชดประชัน “หากไม่ใช่เพราะแม่ข้าทิ้งสมุดบันทึกเอาไว้ เกรงว่าข้าคงตายในเงื้อมมือของพวกเ้าไปนานแล้ว”
ไป๋เซี่ยเหอชักมือกลับด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“ในเมื่อมีครรภ์ก็ดูแลครรภ์ดีๆ เถิด เด็กยังไม่เป็รูปร่าง หากไม่ดูแลให้ดี ผู้ใดก็รักษาเอาไว้ไม่ได้!”
ไป๋หว่านหนิงมีสีหน้าหงุดหงิดทันที นางส่งเสียงคำรามอย่างกระหืดกระหอบ “เ้าพูดจาข่มขวัญที่นี่ให้มันน้อยๆ หน่อย เ้าอิจฉาที่ข้ากับพี่เชินรักใคร่กลมเกลียวกันไม่ใช่หรือ?”
ไป๋เซี่ยเหอมองค้อนนาง “จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่สำคัญ!”
เมื่อนั่งต่ออีกสักครู่ อาการปวดที่ท้องก็ไม่ได้รุนแรงปานนั้นแล้ว ไป๋หว่านหนิงจึงลุกขึ้นยืน ทว่ายังคงเชิดศีรษะขึ้นสูงอย่างยิ่งผยองและหลงตัวเอง
“ไป๋เซี่ยเหอ แม้ว่าจดหมายในครั้งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเ้า ทว่าข้าจะไม่ปล่อยเ้าไป ความแค้นที่เ้าสังหารมารดาของข้า ทำให้ข้ากับเ้าไม่อาจอยู่ร่วมโลก!”
แววตาของไป๋เซี่ยเหอเป็ประกายโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย “แล้วแต่เ้าเถอะ”
“เพียงแต่ตอนนี้ เ้ารีบไสหัวไปจากเรือนของข้าเสียก่อน!”
นี่คือการไล่แขกอย่างโจ่งแจ้ง!
ทว่าไป๋หว่านหนิงดันไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเสียนี่
เพราะเหตุใดน่ะหรือ?
เพราะเรือนสุ่ยฉิงคือเรือนของไป๋เซี่ยเหออย่างไรเล่า
หากนางไม่ไป คืนนี้จะนอนอยู่ในเรือนนี้อย่างนั้นหรือ?
ทว่าการเบือนหน้าจากไปในครั้งนี้ย่อมทำให้นางเสียหน้า
“เฮอะ!”
ไป๋หว่านหนิงใช้แขนเสื้อยาวกวาดถ้วยดินเผาเคลือบสีใบหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะหินลงพื้นอย่างกราดเกรี้ยว
นั่นคือถ้วยที่ไป๋เซี่ยเหอชื่นชอบอย่างยิ่ง
ไป๋เซี่ยเหอหันหน้าไปสบกับแววตาพึงพอใจและยั่วยุของไป๋หว่านหนิงด้วยสายตาเย็นเยียบ
“เ้าต้องชดใช้ตามราคา”
หลังทิ้งท้ายประโยคนี้เอาไว้ก็หมุนกายกลับเรือนและปิดประตู การกระทำของไป๋เซี่ยเหอดูเด็ดเดี่ยวและรวดเร็ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋หว่านหนิงแข็งค้างและปริแตกทันที จากนั้นนางก็จากไป
หลังไป๋หว่านหนิงจากไป ประตูที่ปิดก็เปิดออกอีกครา
ไป๋เซี่ยเหอเดินออกมาอย่างสงบนิ่ง นางนั่งบนเก้าอี้หิน มองเศษถ้วยที่ตอนนี้หายไปจากพื้นแล้ว ก่อนเอ่ยปากเสียงเรียบ
“เซี่ยถิง ออกมาเถิด”
ใบหน้าของเซี่ยถิงยังคงไร้อารมณ์ เขาเดินออกมาจากมุมหนึ่งของเรือนพร้อมกับดาบ เขาสวมชุดดำที่ทำให้ดูสงบและเคร่งขรึม
“คุณหนู ได้ยินว่าท่านาเ็หรือขอรับ?”
ก่อนออกเดินทาง ไป๋เซี่ยเหอกลัวว่าจิ่วหานคนเดียวจะดูแลบ่อนพนันกับขอทานตัวน้อยเ่าั้ไม่ไหว จึงทิ้งเซี่ยถิงเอาไว้
“ข้าไม่เป็ไร”
นางตอบอย่างเรียบง่าย ทว่าความจริงแล้วเซี่ยถิงสอบถามเื่นี้อย่างชัดเจนนานแล้ว ตอนแรกแผ่นหลังของนางถูกฟันอย่างแรง จากนั้นก็ร่วงลงจากหน้าผาสูงหมื่นจั้ง
ทุกเื่ล้วนเพียงพอให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน
ทว่านางกลับพูดออกมาอย่างไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ ราวกับวันนี้กินข้าวเช้าอะไรดี ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงอย่างไรอย่างนั้น
เขาโมโหที่นางไม่ทะนุถนอมตนเอง ทว่าก็ปวดใจกับความแข็งแกร่งของนาง
“วันหน้านายท่านพาข้าออกไปด้วยเถิดขอรับ”
แม้ว่าวรยุทธของเขาจะสู้นางไม่ได้ ทว่าหากประสบกับอันตราย อย่างน้อยเขาก็าเ็แทนนาง ตกหน้าผาแทนนางได้
ไป๋เซี่ยเหอยิ้มออกมาเมื่อมองเห็นความกังวลและความจริงใจในแววตาของเซี่ยถิง รอยยิ้มของนางเจิดจ้าราวกับแสงแดดอุ่นในเดือนสามก็ไม่ปาน
“เข้าใจแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยถิงถึงสงบใจลงได้
จากนั้นไป๋เซี่ยเหอก็เอ่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึมเล็กน้อย
“เ้าช่วยไปตรวจสอบคนผู้หนึ่งให้ข้าที”
“ขอรับ”
คำสั่งของเ้านาย ผู้เป็ลูกน้องต้องเชื่อฟัง แม้ว่าจะยากเย็นดุจขึ้น์ เขาก็เต็มใจที่จะกระโจนเข้าไป
“เหลียงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายไป๋หว่านหนิง ข้า้าข้อมูลการเคลื่อนไหวทั้งหมดของนางใน่นี้อย่างละเอียด”
เซี่ยถิงรับคำ เขาเดินออกไปไม่นานนัก ก็เห็นฝูเอ๋อร์วิ่งเหยาะๆ เข้ามาด้วยท่าทีโซซัดโซเซ ดูเร่งรีบเสียจนแทบสะดุดล้มลงกับพื้น
“คุณหนู คุณหนูไม่เป็อะไรแล้ว ดีจริงๆ เ้าค่ะ”
ฝูเอ๋อร์ร้องไห้เสียงดัง ยามที่นางรู้ว่าคุณหนูตกหน้าผา หัวใจของนางก็เย็นเยียบ กระทั่งเตรียมผ้าแพรขาวเอาไว้แล้ว หากเกิดเื่กับคุณหนู นางก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหมือนกัน
ไป๋เซี่ยเหอประคองร่างที่กำลังจะล้มลงของฝูเอ๋อร์เอาไว้ จากนั้นก็มองร่างอันผ่ายผอมของอีกฝ่ายด้วยความปวดใจเล็กน้อย
เกรงว่าเด็กโง่คนนี้จะใและโทษตนเองจนแทบตายแล้ว
“ข้าก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือ?”
ฝูเอ๋อร์ร้องไห้โฮ นางคว้าคนตรงหน้าเอาไว้แน่น ด้วยกลัวว่าหากปล่อยมือจะพบว่าทั้งหมดเป็ภาพลวงตา
“ต้องโทษบ่าว ต้องโทษบ่าวทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะบ่าว คุณหนูก็ไม่ต้องไป และไม่ตกหน้าผา บ่าวโง่เง่าและไร้ค่าปานนี้ได้อย่างไร? รู้เพียงแต่บ่าวสร้างความวุ่นวายให้คุณหนูเท่านั้นเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอไม่ได้ห้ามที่นางร้องไห้เสียงดัง เพียงยืนเป็เพื่อนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ข่มกลั้นความกลัวมาหลายวันเพียงนี้ จะร้องไห้ยกใหญ่เพื่อระบายก็ไม่ใช่เื่แย่อะไร
หลังร้องไห้เสร็จ ฝูเอ๋อร์ก็เช็ดน้ำตา ตอนนี้นางค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว
“คุณหนู หลายวันนี้ท่านไปที่ไหนมา? ไม่มีผู้ใดบอกอะไรบ่าวเลย บ่าวร้อนใจแทบตายแล้วเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอลูบศีรษะของนางราวกับกำลังปลอบโยนสัตว์เลี้ยง “หลังตกหน้าผา คนของเซ่อเจิ้งอ๋องก็ตามลงมา ตอนนั้นข้าได้รับาเ็ ท่านอ๋องพาข้าไปที่จวนเซ่อเจิ้งอ๋องทันที”
เมื่ออธิบายเรียบร้อยแล้ว ฝูเอ๋อร์ก็วางใจ
“คุณหนูใหญ่อยู่หรือไม่เ้าคะ?”
บ่าวรับใช้ตัวน้อยหมอบอยู่หน้าประตูพลางชะโงกศีรษะเข้ามาถาม
สองนายบ่าวในเรือนกวาดสายตาไปพร้อมกัน ไป๋เซี่ยเหอก้าวไปข้างหน้า เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มีเื่อันใด?”
“ไป๋เหล่าฮูหยินให้คุณหนูใหญ่ไปหาเ้าค่ะ”
------------------------