“หากเ้าไม่เชื่อฟัง เช่นนั้นก็ต้องตาย!” จ้าวซิงได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็กล่าวเช่นนั้นพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
“อยากฆ่าข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมยเช่นเดิม ไร้ความสะทกสะท้านใด ๆ
“ไม่ใช่ว่าข้าอยากฆ่าเ้า แต่เ้าต้องตาย!” จ้าวซิงกล่าวเสียงเย็น
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นข้าจะให้โอกาสเ้าได้ฆ่า มิสู้เ้ากับข้ามาประลองด้วยศึกเป็ตาย เ้าคิดเห็นอย่างไร!” เย่เฟิงกล่าวพลางแสยะยิ้ม
“อะไรนะ?” ทุกคนได้ยินแช่นนี้ต่างก็ใจเต้นระรัวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“ศึกเป็ตาย เย่เฟิงเขาบ้าไปแล้วหรือ? ช่างกล้าท้าจ้าวซิงอ๋องเล็กด้วยศึกเป็ตาย แกว่งเท้าหาเสี้ยนชัด ๆ!” ผู้คนต่างคิดว่าเย่เฟิงวู่วามเกินไป จ้าวซิงหมายสังหารเย่เฟิงบนเวทีประลองโดยไร้ซึ่งเหตุผลใด ๆ แต่ไม่นึกว่าเย่เฟิงจะเป็ฝ่ายให้เหตุผลกับจ้าวซิงเสียเอง จ้าวซิงก็ย่อมดีใจเป็ธรรมดา
“ฮ่า ๆ ๆ!” จ้าวซิงแค่นเสียงหัวเราะ พร้อมกล่าวต่อว่า “ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม! คนไร้ค่าขั้นรวมชี่กล้าท้าข้าด้วยศึกเป็ตายเนี่ยนะ เ้าคิดดีแล้วหรือ?”
“เ้าไม่ได้หูฝาด เ้าแค่พูดมาว่ากล้าหรือไม่กล้า?” แสงแห่งความมั่นใจปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง
“กล้าสิ กล้าแน่นอน! กะอีแค่ฆ่าสวะขั้นรวมชี่ มันจะไปยากอะไร?” จ้าวซิงกล่าวพลางแสยะยิ้มและแอบรู้สึกดีใจ หากเขาฆ่าเย่เฟิงสำเร็จ เช่นนั้นองค์ชายใหญ่คงจะจดจำผลงานของเขา
บนอัฒจันทร์หลัก เซิ่งอ๋องมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลน โดยทั่วไปแล้วด้วยสถานะของเย่เฟิงไม่มีสิทธิ์ท้าเชื้อพระวงศ์ด้วยศึกเป็ตายเอง แต่เซิ่งอ๋องมั่นใจว่าจ้าวซิงจะเอาชนะเย่เฟิงได้ ดังนั้นในเมื่อเย่เฟิงอยากตาย เซิ่งอ๋องก็ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดอีกฝ่าย
“เชิญองค์ชายรองมาเป็พยานให้เราทั้งสอง ต่อจากนี้การต่อสู้ของข้าสองคนคือศึกเป็ตาย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกฆ่าตายก่อนก็ถือว่าเป็อันจบสิ้น และไม่ว่ากองกำลังใดก็ห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยว” เย่เฟิงกล่าวพร้อมโค้งคำนับให้องค์ชายรองจ้าวเยี่ย เพื่อให้อีกฝ่ายเป็สักขีพยาน
“ในเมื่อพวกเ้าสองคนเห็นด้วยกับศึกเป็ตาย เช่นนั้นข้าจะเป็สักขีพยานให้กับพวกเ้า” จ้าวเยี่ยกล่าวพลางยิ้ม
“เย่เฟิง เ้าแน่ใจหรือว่าจะเอาชนะจ้าวซิงได้?” จ้าวซินอี๋มองเย่เฟิงด้วยความสงสัย คล้ายคิดว่าเย่เฟิงวู่วามเกินไปที่ท้าจ้าวซิงด้วยศึกเป็ตาย ดังนั้นนางจึงอดส่งเสียงผ่านจิตไปหาเย่เฟิงไม่ได้
“องค์หญิงเป็ห่วงข้าหรือ?” เย่เฟิงส่งเสียงผ่านจิตไปหาจ้าวซินอี๋เช่นกัน แต่กลับไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย
“ข้ากลัวว่าเ้าจะถูกจ้าวซิงฆ่าตาย แล้วต่อไปจะไม่มีใครแลกเปลี่ยนวิชากับข้า” จ้าวซินอี๋ส่งเสียงผ่านจิตตอบกลับไป
“วางใจเถิด ตราบใดที่องค์หญิงยินดี ท่านก็เรียกข้าได้เสมอ” เย่เฟิงส่งเสียงผ่านจิตพลางยิ้มจาง ๆ เมื่อจ้าวซินอี๋ได้ยินเช่นนั้นก็ระบายยิ้ม ซึ่งดูสวยเป็พิเศษ แต่ขณะที่ทั้งสองสื่อสารผ่านจิต ผู้คนก็พบเห็นว่ามีการสื่อสารระหว่างสองคน ทว่ากลับไม่เข้าใจว่าทั้งสองสนทนาอะไรกัน เมื่อดูจากสายตาของจ้าวซินอี๋ที่มองเย่เฟิง พวกเขากลับรู้สึกถึงบางอย่าง พวกเขาไม่นึกเลยว่าองค์หญิงสูงศักดิ์ผู้นี้จะมีความรู้สึกต่อชายผู้หนึ่ง แม้จะยืนยันไม่ได้ว่าความรู้สึกเช่นนี้คืออะไร แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนเ่าั้ที่เทิดทูนจ้าวซินอี๋อิจฉาริษยา
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าออมมือ จงใช้วิธีที่โหดที่สุดฆ่าคนผู้นี้!” บนอัฒจันทร์หลัก จ้าวเฉินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เซิ่งอ๋องกล่าวกับจ้าวซิง
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำให้เขาต้องตายอย่างน่าอนาถ!” จ้าวซิงกล่าว จากนั้นเขาหันไปมองเย่เฟิง ก่อนพูดขึ้นว่า “จำไว้ วันนี้คือจุดจบของเ้า!”
ยังไม่ทันเสียงดี พลันพลังปราณปะทุออกจากร่างจ้าวซิง เขาปลดปล่อยพลังแห่งขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 และเหมือนมีดวงดาวปรากฏอยู่บริเวณด้านหลัง ทั้งยังปลดปล่อยพลังดาราที่คล้ายสื่อสารกับฟ้าดิน
“ิญญาาดาราขั้นเขียว!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็กะพริบตาปริบ ๆ แต่จู่ ๆ ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่จำระดับและชื่อของิญญาานี้ได้ก็อุทานออกมา
ิญญาาดาราคือิญญาาชนิดพิเศษ ตัวมันไม่มีพลังโจมตี แต่ผู้ปลุกิญญาาเช่นนี้จะสามารถหยิบยืมพลังดาราในการต่อสู้ได้ เมื่อดวงดาวยิ่งแผ่กระจายเป็วงกว้าง พลังดาราที่ปลดปล่อยออกมาก็ยิ่งล้ำลึก และพลังโจมตีของตัวผู้ฝึกยุทธ์ก็ยิ่งแข็งแกร่ง
สิ่งที่จ้าวซิงปลุกก็คือิญญาาดาราที่ช่วยในการสนับสนุนการต่อสู้ เมื่อปลดปล่อยิญญาาดารา พลังต่อสู้ของจ้าวซิงก็ยกระดับไปอีกขั้น จนกระทั่งถึงขั้นยุทธ์แท้ที่ 3
การต่อสู้เพิ่มเริ่ม จ้าวซิงก็ปลดปล่อยิญญาาทันที เห็นชัดว่าเขาอยากฆ่าเย่เฟิงมากเพียงใด
“ิญญาาดาราของข้าเพิ่มพูนพลังต่อสู้ให้ข้า ฉะนั้นวันนี้เ้าต้องตาย!” จ้าวซิงแสยะยิ้ม พลันแสงดาวห้อมล้อมร่างกาย จากนั้นเขาวาดฝ่ามือโดยอาศัยพลังดาราจากิญญาา ฝ่ามือจึงปกคลุมไปด้วยแสงดาวและพลังมหาศาล
เย่เฟิงชะงักไปเล็กน้อย ิญญาาแรกที่เขารับมือก็คือผู้ครองิญญาาสายสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท จากนั้นเขาวาดฝ่ามือภูผาพิฆาตโจมตี ก่อนจะเข้าปะทะกับฝ่ามือดาราของจ้าวซิง ตามมาด้วยเสียงะเิดังกึกก้อง แต่แสงดาวที่ปกคลุมฝ่ามือนั้นของจ้าวซิงกลับเปลี่ยนเป็ลำแสงทำลายล้างในชั่วพริบตา ก่อนจะพุ่งไปหาเย่เฟิงต่อทันที
“ฟิ้ว!” ลำแสงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง หมายทะลวงร่างเย่เฟิงให้ตายคาที่
“ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ!” เย่เฟิงชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหนีลำแสงทำลายล้างนั่นในพริบตา ก่อนจะเหวี่ยงหมัดโจมตี พร้อมห้วงอากาศสั่นไหวอย่างแรง คล้ายถูกถล่มก็ไม่ปาน
“ดาราสะบั้น!” จ้าวซิงแผดเสียงะโ เขาร่ายมือก่อนที่ิญญาาดาราที่อยู่ด้านหลังจะมอบพลังดาราให้กับเขา จากนั้นมีดาบดาราเล่มหนึ่งปรากฏบริเวณใจกลางอากาศ แล้วตวัดไปที่หมัดของเย่เฟิง
“ชิ้ง!” ดาบดาราทำลายรังสีหมัดของเย่เฟิงได้ในพริบตา ก่อนจะพุ่งมาหาเย่เฟิง แต่เย่เฟิงเบี่ยงตัวหลบ รังสีดาบนั่นจะพาดผ่านตัวเขา แต่โดนตัดปลายผมไปเล็กน้อยเท่านั้น เห็นชัดว่าแม้ดาบนี้จะเกิดจากพลังดารา แต่ความแหลมคมของมันแข็งแกร่งมาก
“จ้าวซิงสมกับเป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 3 ในรายนามเฟิงอวิ๋น เพียงอาศัยิญญาาดาราของเขาก็เปลี่ยนเป็การโจมตีที่หลากหลายได้แล้ว ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!” เย่เฟิงคิดในใจ จ้าวซิงแข็งแกร่งมาก ชื่อเสียงที่โด่งดังมิใช่เื่เท็จ การโจมตีเมื่อครู่นี้ หากเป็ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นคงตกตายไปแล้ว
“ดาราสะบั้นฆ่าเขาไม่ได้ จำต้องบอกว่าเขาดวงแข็งมาก แต่ต่อหน้าข้าจ้าวซิง เ้ามีแต่ต้องตายเท่านั้น!” จ้าวซิงกล่าว จากนั้นใช้ประโยชน์ิญญาาดาราที่อยู่ด้านหลังกระหน่ำโจมตีไม่หยุดยั้ง
อีกด้านหนึ่ง โอวหยางเจินกับฉวนเถี่ยจู้ก็กำลังต่อสู้อยู่เช่นกัน เคล็ดวิชาดาบเมฆาของโอวหยางเจินฝึกมาจนชำนาญ ทั้งยังผสานอำนาจดาบขั้นผันแปร่ต้น ทุกการกวัดแกว่งจึงอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล
ฉวนเถี่ยจู้กระตุ้นพลังสายเื ทำให้พลังต่อสู้ยกระดับขึ้น กระบองเขี้ยวหมาป่าในมือที่ฟาดฟันไปมาก็อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าหวาดกลัว มิหนำซ้ำยังค่อนข้างมีความยืดหยุ่น การโจมตีของเขาบ้าคลั่งมาก อาศัยเพียงแค่พลังสายเืก็ต่อสู้กับโอวหยางเจินได้อย่างสูสี นี่ทำให้ผู้คนรู้สึกเกินคาดไปมาก
“ฉวนเถี่ยจู้แกร่งมาก ก่อนหน้านี้นิ่งเงียบ แต่ก็เผยพลังที่แท้จริงในศึกคัดออกสิบอันดับแรก พอะเิพลังสายเืขึ้นมาอีก ก็สามารถเอาชนะต้าเซิ่งจื่อได้อย่างง่ายดาย จนถึงตอนนี้ไม่นึกเลยว่าจะสู้กับโอวหยางเจินได้อย่างสูสี ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความใ ฉวนเถี่ยจู้น่าจะเป็ความประหลาดใจครั้งใหญ่สุดของงานชุมนุมหวงปั่งครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงนี้
“วูบ!” รังสีดาบสาดแสง ดาบของโอวหยางเจินดุจกระแสน้ำ ผ่านกระบองเขี้ยวหมาป่าในพริบตา ก่อนเสื้อของฉวนเถี่ยจู้จะฉีกขาดและเผยให้เห็นรอยเืบนิั
“ย้าก!” ฉวนเถี่ยจู้แผดเสียงคำราม จากนั้นเหวี่ยงกระบองเขี้ยวหมาป่าไปที่ศีรษะโอวหยางเจิน ซึ่งพลังโจมตีสามารถถล่มภูผาให้ราบเป็หน้ากลองได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
โอวหยางเจินชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขายกดาบขึ้นต้าน นาทีต่อมาเสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้น กระบองเขี้ยวหมาป่าของฉวนเถี่ยจู้ฟาดลงที่ดาบของโอวหยางเจินเต็มแรง ตัวดาบพลันสั่นอย่างรุนแรง ส่วนโอวหยางเจินเซถอยหลังและแขนยังคงสั่นไม่หยุด สีหน้าเปลี่ยนไปจริงจังมากขึ้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลังจากที่ฉวนเถี่ยจู้ปลุกพลังสายเืถึงเอาชนะต้าเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ได้อย่างง่ายดาย แม้เขาโอวหยางเจินจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะฉวนเถี่ยจู้ที่ปลุกพลังสายเืได้หรือไม่
เย่เฟิงและจ้าวซิงยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด เย่เฟิงแทงหอกัเงินประกายอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเคล็ดวิชาหอกเงินประกายระดับสูงโคจรภายในร่างกาย แต่จ้าวซิงยังคงแสยะยิ้มไม่เปลี่ยน ด้วยการสนับสนุนจากิญญาาดารา เพียงแค่เขาสะบัดมือก็สามารถสำแดงการโจมตีได้ทุกเมื่อ จากนั้นมันเข้าปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิง
“ไม่คิดว่าิญญาาดาราของจ้าวซิงจะน่าหวาดกลัวเพียงนี้ ต่อสู้มาถึงตอนนี้ เย่เฟิงก็ยังทำอะไรจ้าวซิงไม่ได้ หากเป็เช่นนี้ต่อไป เย่เฟิงต้องแพ้อย่างแน่นอน!” ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนไม่น้อยต่างสนใจศึกต่อสู้ระหว่างเย่เฟิงกับจ้าวซิง เพราะมันคือศึกเป็ตาย จึงได้รับความสนใจจากผู้คนมากกว่า
“เ้าคนไร้ค่า แม้แต่จะเข้าใกล้ข้าก็ยังทำไม่ได้ แล้วกล้าดียังไงมาสู้กับข้า?” จ้าวซิงเหยียดยิ้มอย่างเย็นเยือก ทันใดนั้นพลังดาราแปรเปลี่ยนเป็หมัด ก่อนจะพุ่งเข้าหาเย่เฟิง แต่เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหลีก จากนั้นเขาเหวี่ยงหมัดที่หนักถึง 120,000 จินเข้าปะทะกับรังสีหมัดของอีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น ส่วนรังสีหมัดของจ้าวซิงก็ถูกทำลายในทันที
“ัคำรามเก้าชั้นฟ้า!” เย่เฟิงฉวยโอกาสตอนจ้าวซิงยังไม่โจมตี สำแดงเคล็ดวิชาัคำรามเก้าชั้นฟ้าทันที พลันรังสีหอกกลายเป็ัั์ แล้วพุ่งไปเขมือบจ้าวซิง
“ทำลาย!” จ้าวซิงชะงักไปเล็กน้อย เขานึกไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะโจมตีอย่างฉับพลันเช่นนี้ นี่เป็ครั้งแรกที่จ้าวซิงถูกการโจมตีของเย่เฟิงกดดันจนถอยหลัง
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงวาดฝ่ามือภูผาพิฆาตโจมตีสามครั้งต่อเนื่อง คลื่นพลังประหนึ่งคลื่นมหาสมุทร เมื่อคลื่นถาโถมก็เหมือนทำลายทุกสิ่งให้ราบเป็หน้ากลอง
“ปัง ๆ!” หลังจากรับสองหมัดของเย่เฟิง จ้าวซิงทำได้เพียงใช้พลังตนเข้าต่อต้านโดยการอาศัยพลังดาราควบแน่นเป็สองหมัด
“ปัง!” หมัดสุดท้ายของเย่เฟิงเข้าปะทะกับกำปั้นของจ้าวซิง ตามมาด้วยเสียงโอดครวญ วินาทีที่สองหมัดปะทะกัน จ้าวซิงก็ตัวสั่นสะท้าน ถอยหลังไปหลายก้าว และสีหน้ายังดูย่ำแย่
“หอกดุจั!” เย่เฟิงเดินออกมาหนึ่งก้าวพร้อมแทงหอกโจมตี รังสีหอกประหนึ่งเทพัที่พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
จ้าวซิงตะลึงไปชั่วขณะ ความได้เปรียบของเขาอยู่ที่ิญญาาดารา หากเข้าประชิดตัว เกรงว่าเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิง ดังนั้นเขาจึงพยายามอยู่ให้ห่างจากเย่เฟิง แต่มีหรือเย่เฟิงจะปล่อยให้เขามีโอกาสนั้น
รังสีหอกเคลื่อนที่มาด้วยความเร็วสูง โดยที่ไม่ปล่อยให้จ้าวซิงได้มีโอกาสใด ๆ ทำให้จ้าวซิงเผยสีหน้าบูดเบี้ยว จากนั้นเขาใช้พลังดาราควบแน่นเป็รังสีดาบ ก่อนจะเข้าปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิง แต่เวลามีไม่มากพอ พลังดาราที่จ้าวซิงใช้ประโยชน์นั้นยังไม่สมบูรณ์ดี คลื่นพลังจากรังสีหอกจึงซัดเขาถอยหลังไปหลายก้าว ทั้งยังมีเืไหลออกมาบริเวณมุมปาก
นาทีนี้ผู้คนต่างใจเต้นโครมคราม ิญญาาดาราของจ้าวซิงที่น่าสะพรึงกลัว แต่ก็ยังคงให้เย่เฟิงหาโอกาสทำลายช่องว่างนั่นได้ง่าย ๆ ทั้งยังพลิกมาเป็ฝ่ายได้เปรียบเสียเอง
จังหวะการต่อสู้ต้องแม่นยำเพียงใดถึงจะทำได้? เย่เฟิงผู้นี้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 8 แต่ประสบการณ์การต่อสู้ก็ถือได้ว่าโชกโชน ประสาทััยังเฉียบไว ทำให้ผู้คนยากที่จะเชื่อได้
แต่เมื่อเซิ่งอ๋องเห็นจ้าวซิงตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ สีหน้าก็ดูไม่ได้ขึ้นมา
“เ้าต้องตาย!” จ้าวซิงถูกการโจมตีของเย่เฟิงบีบถอยหลังไปหลายก้าว เขาจึงแผดเสียงออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว จากนั้นโคจรพลังดาราถึงขีดสุด ก่อนจะวาดฝ่ามือั์โจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง
“วูบ!” แต่วินาทีที่จ้าวซิงลงมือ พลันเย่เฟิงร่ายมือซ้ายไปด้านหน้าตัวเองด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ก่อนจะเห็นรังสีหอกสว่างจ้า นาทีต่อมาได้ยินเสียงกรีดร้อง ขณะเดียวกันผู้คนพบว่าแขนข้างที่จ้าวซิงใช้โจมตีขาด พร้อมกับเืพุ่งกระฉูดออกจากแขนข้างนั้นจนกลิ่นคาวเืตลบอบอวลไปทั่วบริเวณนั้น
“แกร่งมาก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องใจเต้นระรัว กระบวนท่าที่เย่เฟิงสำแดงเมื่อครู่นี้เรียกได้ว่าน่าทึ่งมาก ควบคุมทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะเห็นวิธีลงมือของเย่เฟิงว่าเป็อย่างไร
การควบคุมที่สมบูรณ์แบบนี้ทำผู้ฝึกยุทธ์หลายคนในที่แห่งนั้นถอนหายใจ การโจมตีเมื่อครู่นี้ หากเวลาคลาดเคลื่อนเพียงนิดก็ไม่มีทางบรรลุผลได้ในทันที
“ดัชนีแปรผันเป็หอก ความรู้ที่เย่เฟิงผู้นี้มีต่อหอกลึกซึ้งยิ่งนัก ครั้งนี้จ้าวซิงที่ถูกตัดแขนไปข้างหนึ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิง ถือว่ารู้ผลแพ้ชนะแล้ว!”
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งพึมพำกับตัวเอง เขาเองก็ฝึกทักษะหอกเช่นกัน บัดนี้เขาอยู่จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ อำนาจหอกเพิ่งบรรลุขั้นผันแปร่ปลาย แต่เย่เฟิงที่เพิ่งบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 8 กลับมีอำนาจหอกขั้นผันแปร่ปลายเหมือนกัน หากรอตบะของเย่เฟิงบรรลุจุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ เวลานั้นความรู้ที่เขามีต่อหอกคงถึงจุดที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน
“ซิงเอ๋อร์!” เซิ่งอ๋องเห็นจ้าวซิงถูกเย่เฟิงตัดแขนไปหนึ่งข้างก็เผยสีหน้าเขียวคล้ำทันที ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมไอสังหารปะทุออกจากร่าง เขารู้ว่าการสูญเสียแขนหนึ่งข้างของจ้าวซิงเป็หายนะ เขาจึงมิอาจทนดูจ้าวซิงตายไปต่อหน้าต่อตาเขาได้ ดังนั้นเขา้าขึ้นเวทีประลองเพื่อหยุดยั้งศึกนี้
“เสด็จอาโปรดหยุดเดี๋ยวนี้!” ขณะนั้นเสียงจ้าวเยี่ยดังมาจาก้า ทำให้สีหน้าของเซิ่งอ๋องดูไม่ได้ขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองจ้าวเยี่ยแล้วกล่าวว่า “เ้าคิดจะทำอะไร?”
