เซี่ยยวี่หลัวทำปลาตุ๋นน้ำแดงสองตัวบนจานแบนใบใหม่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยดอกเหมยสีชมพูหนึ่งกิ่ง ปลาใหญ่สองตัวถูกตุ๋นจนหนังเปื่อยแต่งสีด้วยซีอิ๊ว เพิ่มรสชาติด้วยพริกแห้งสีแดง เมื่อตักขึ้นมา โรยด้วยต้นหอมสีเขียวมรกตที่หั่นเป็ชิ้นเล็กไว้
สีแดงและสีเขียวแทรกสลับกันไม่ต้องกิน แค่สูดดมกลิ่น มองดูสีสัน ก็ทำให้รู้สึกอยากกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้
ถั่วแขกนั้นเด็ดมาจากสวนหลังบ้านพริกหยวกก็เด็ดมาจากสวนหลังบ้าน รอให้ผ่านเดือนห้า เมื่อเข้าเดือนหก ผักที่ปลูกไว้ในสวนหลังบ้านก็มีมากจนกินไม่หมดแล้ว
ถั่วแขกผัดแห้ง เด็กสองคนล้วนชอบกินใส่พริกหยวกครึ่งลูกเพื่อเพิ่มรสชาติ จากนั้นเซี่ยยวี่หลัวจึงทำน้ำแกงไข่
ใช้ไข่สามฟอง ตีไข่ให้เข้ากันทอดไข่ครู่หนึ่ง แล้วจึงใช้กระบวยน้ำเต้าตักน้ำเย็นมาใส่สองกระบวย รอจนน้ำเดือด ใส่เกลือซีอิ๊ว และสุราขมเล็กน้อยเพื่อปรุงรสชาติ ตักขึ้นมาแล้วโรยด้วยต้นหอมที่หั่นไว้ กับข้าวสองอย่างและน้ำแกงหนึ่งอย่างที่เรียบง่ายและอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการก็เสร็จแล้ว
พรุ่งนี้ท่านลุงสี่จะไปในตัวเมืองนางไปหาท่านลุงสี่ให้ช่วยซื้อเนื้อหมูสองจิน จะทำหมูตุ๋นน้ำแดงใส่หน่อไม้ให้เด็กๆ กินแล้วจึงทำน้ำแกงเนื้อหมู และผัดผักอีกหนึ่งอย่าง ก็เพียงพอแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวยกอาหารไปวางบนโต๊ะเก็บกวาดห้องครัวครู่หนึ่ง เด็กสองคนยังไม่กลับมา ปกติเด็กสองคนจะไม่รอจนเย็นขนาดนี้
อย่างไรก็ยังเป็เด็ก ยิ่งไปกว่านั้นข้างหมู่บ้านก็เป็แม่น้ำ แม้ว่าเด็กสองคนจะเชื่อฟังไม่ไปริมแม่น้ำ แต่เซี่ยยวี่หลัวก็ยังรู้สึกเป็ห่วงใช้ฝาชีที่นางทำขึ้นจากไม้ไผ่สานครอบไว้ คิดจะไปหาเด็กสองคน
ฝาชีนี้เซี่ยยวี่หลัวทำขึ้นเองใช้ไม้ไผ่สานเป็โครง หลังจากสานเสร็จก็คลุมผ้าโปร่งระบายอากาศไว้้า ทำเป็ฝาชีแบบง่ายป้องกันยุงและแมลง ทั้งสะดวกและสะอาด
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งเดินถึงตรงประตูบ้านก็พบว่านางยังใส่เสื้อกันเปื้อนที่ใส่ตอนทำอาหาร จึงเดินไปพลางถอดไปพลาง
"พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่..."
เสียงตื่นเต้นดีใจของเซียวจื่อเซวียนดังขึ้นจากด้านนอกเด็กสองคนกลับมาแล้ว!
นางรีบเปิดประตูใหญ่ พลางถอดผ้ากันเปื้อนออกก้มหน้าลง ยิ้มพร้อมกล่าว "เ้าลิงแสนซนทั้งสอง ไปวิ่งเล่นถึงที่ไหนกัน รีบไปล้างมือกินข้าวได้แล้ว! "
เซียวยวี่เงยหน้า เห็นเซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่หน้าประตูกล่าวด้วยรอยยิ้มนางกำลังถอดผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่บนคอ ก้มหน้าเล็กน้อย ไม่เห็นว่าเขามาแล้ว
เซียวจื่อเมิ่งะโเสียงใส"พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่กลับมาแล้ว พี่ใหญ่กลับมาแล้วเ้าค่ะ! "
เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะถอดเสื้อกันเปื้อนออกจากคอพอเซียวจื่อเมิ่งะโ มือของนางที่กำลังถอดเสื้อกันเปื้อนพลันหยุดชะงัก หันมองไปด้านหน้าด้วยอาการเหม่อลอย
หมู่บ้านเล็กๆ ที่ปกติเงียบสงบแทบจะถูกแช่แข็งในทันใด
เซี่ยยวี่หลัวถึงกับตะลึงงัน
ที่แท้ ท่านราชบัณฑิตน้อยที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้าในอนาคตก็มีหน้าตาเช่นนี้เอง
ท่านราชบัณฑิตน้อยในยามนี้อายุเพียงสิบเจ็ดปีแต่ตัวกลับสูงมากแล้ว เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่บนบันไดขั้นที่สามตรงประตูใหญ่ ยังต้องแหงนหน้ามองเขา
เซียวยวี่รูปร่างผอมบางสวมใส่ชุดตรงสีเทาที่ผ่านการซักจนขาวซีด แนบติดกับตัว เผยให้เห็นรูปร่างของเขาที่แม้จะผอมบางแต่ก็ดูแข็งแรง
เวลานี้พระอาทิตย์ตกดินแล้วแสงตะวันรอนค่อยๆ หายไป มีเพียงเมฆสีแดงเพลิงที่ยังฉายแสงอยู่ตรงขอบฟ้า ประหนึ่งเครื่องแก้วสีแดงเพลิงชั้นดี
เซียวยวี่อุ้มเซียวจื่อเมิ่งไว้ยืนอยู่ไม่ห่างนัก หันมองมาทางนี้เช่นกัน
ั์ตาสีดำสนิทดุจน้ำหมึกฉายประกายเจนจัดและนิ่งขรึมที่ดูจะไม่เข้ากับอายุของเขาเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก็ราวกับเป็น้ำค้างหนาวเหน็บหิมะเย็นะเื ทำให้ผู้อื่นไม่กล้ามอง
ที่แท้ สิ่งที่เรียกว่ารักแรกพบนั้นสิ่งแรกที่ชอบพอก็คือรูปลักษณ์ภายนอก
เซี่ยยวี่หลัวยอมรับว่ารูปลักษณ์หน้าตาของเซียวยวี่ผู้นี้ นับได้ว่าเป็บุรุษที่หล่อเหลามาดเข้มที่สุดในบรรดาบุรุษทั้งหมดที่นางเคยพบั้แ่มายังโลกใบนี้หากซ่งฉางชิงจากเซียนจวีโหลวอยู่ข้างกายเขา ก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย
เพียงแต่ คนหนึ่งเข้มงวดเ็าส่วนอีกคนหนึ่ง ถึงแม้ดวงหน้าจะนิ่งขรึม กลับแฝงเร้นด้วยความอบอุ่นเสี้ยวหนึ่ง เซียวยวี่ในยามนี้ยังไม่ใช่ท่านราชบัณฑิตน้อยที่โเี้อำมหิต และเหลี่ยมจัดผู้นั้น
เขาที่ยังมีอายุเท่านี้ยังไม่ได้เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังคงมีความใสซื่อบริสุทธิ์และจิตใจดีเหมือนใน่เยาว์วัย
เซี่ยยวี่หลัวมองอยู่ครู่หนึ่งตกอยู่ในภวังค์เหม่อลอยเล็กน้อย
เซียวยวี่เห็นนางจ้องมองเขาเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ฉายประกายไม่พอใจเล็กน้อย เซี่ยยวี่หลัวเห็นเข้า นางจึงตั้งสติแอบด่าตัวเองอย่างอดไม่ได้ เ้าเป็คนที่เคยผ่านโลกมามากแล้ว หนุ่มหล่อแบบไหนบ้างที่ไม่เคยเห็นเขาก็เป็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง กลับมองจนเหม่อเสียได้
เซี่ยยวี่หลัวจับผ้ากันเปื้อนไว้แน่นขยับตัวออกด้านข้าง ยิ้มพร้อมกล่าว "กลับมาแล้วงั้นหรือ? รีบล้างมือกินข้าวเถอะ! "
กล่าวจบ ก็เดินนำเข้าไปในลานบ้านก่อน
เซียวยวี่ขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่ากลับบ้านมาพบหน้าเซี่ยยวี่หลัวในครั้งแรก จะได้เห็นนางยิ้มให้เขา
ั้แ่มาถึงหมู่บ้านสกุลเซียวรอยยิ้มของนางก็หาได้ยากนัก เขาแต่งงานกับนางมาหลายเดือน กลับไม่เคยเห็นนางยิ้มแม้แต่ครั้งเดียวคิดไม่ถึงว่าพอกลับบ้าน นางก็ยิ้มแล้ว
เซียวยวี่ยิ้มอย่างเย็นเยียบนางคงคิดว่าเขาสอบได้ดีมากกระมัง
จำได้ว่าคืนก่อนที่เขาจะออกเดินทางนางมองเขาด้วยท่าทางสูงส่งและหยิ่งยโส ราวกับว่าเป็ผู้มีตำแหน่งเหนือกว่าผู้อื่นมาแต่กำเนิดวาจาที่กล่าวออกมาก็เสียดแทงจิตใจ
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวว่าหากเขาสอบผ่านได้เป็ซิ่วไฉ เช่นนั้นนางจะยอมฝืนใช้ชีวิตกับเขาดีๆ
นางจะยอมฝืนใช้ชีวิตกับเขา
บางทีนางคงคิดว่าเขาสอบผ่านตอนนี้คงกำลังฝืนใช้ชีวิตกับเขาอยู่กระมัง!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความรู้สึกดีใจตอนที่เซียวยวี่ได้พบเด็กสองคนก็ลดลงไปสามส่วนรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป สาวเท้าเดินเข้าไปประตูบ้านที่คุ้นเคย
เมื่อมาถึงในลานบ้าน ก็ผงะไปอีก
หรือเขาจะเดินเข้าผิดบ้าน?
ลานบ้านเก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้านข้าวของที่เคยวางระเกะระกะอยู่ตรงมุมกำแพงก็ถูกเก็บกวาดหมดแล้ว แต่กลับมีกระถางวางไว้แทนในกระถางปลูกดอกไม้และต้นไผ่ไว้ แต่งแต้มให้ลานบ้านที่เรียบง่ายมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย
นี่ยังไม่ใช่จุดที่น่าตกตะลึงที่สุด
เื่ที่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงที่สุดคือภายในบ้าน มีเรือนหลังคากระเบื้องสองห้องเพิ่มขึ้นมาั้แ่เมื่อไรกัน? ตอนเขาไปยังไม่มี
เขามองเรือนหลังคากระเบื้องสองห้องด้วยอาการเหม่อลอยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
เซียวจื่อเซวียนเห็นพอดีจึงยิ้มพร้อมกล่าว "พี่ใหญ่ นั่นคือเรือนหลังใหม่ที่พี่สะใภ้ใหญ่ปลูกให้ท่านขอรับในนั้นมีห้องหนังสือ และมีห้องนอน เป็ของใหม่ทั้งหมด! ห้องเดิมของท่าน ข้าย้ายไปนอนแล้วขอรับ"
เซี่ยยวี่หลัวล้างชามกับตะเกียบชุดใหม่จากห้องครัวชามกับตะเกียบเดิมที่มีรอยแตก นางทิ้งไปหมดแล้ว เปลี่ยนเป็ชามกับตะเกียบที่มีลายดอกเหมยแทนบนนั้นแต่งแต้มด้วยดอกเหมยสีแดง ถึงแม้จะเป็เครื่องกระเบื้องอย่างหยาบ แต่ก็ดูเก่าแก่โบราณและงดงามดูดียิ่งนัก
เมื่อเห็นสองพี่น้องเซียวยวี่ยืนอยู่ข้างนอกนางกล่าวอะไรบางอย่างกับเซียวจื่อเมิ่ง ก่อนหันตัวเดินเข้าไปในห้องโถง
เซียวจื่อเมิ่งะโเรียกเสียงใส"พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่เรียกให้พวกท่านไปกินข้าวได้แล้ว! "
เดิมทีเซียวจื่อเซวียนคิดอยากพาเซียวยวี่เข้าไปดูก่อนเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าควรกินข้าวแล้ว พี่ใหญ่เดินมานานถึงเพียงนี้ ต้องหิวแล้วแน่ จึงจูงมือเซียวยวี่"พี่ใหญ่ พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะขอรับ! "
กล่าวจบ ก็พาเซียวยวี่ที่อยู่ในอาการเหม่อลอยไปห้องครัวในอ่างล้างมือมีน้ำใส่ไว้กว่าครึ่งอ่าง สบู่วางอยู่ข้างๆ เซียวจื่อเซวียนถูมือเสร็จก็ยื่นให้เซียวยวี่ "มา พี่ใหญ่ ล้างมือขอรับ"
เซียวยวี่มองสบู่ก้อนนั้นด้วยอาการเหม่อลอย
สบู่นี่ปกติมีแต่บ้านคนรวยถึงจะใช้กันและยังใช้อาบน้ำ คนทั่วไปใครจะนำมาล้างมือกัน?
เซียวจื่อเซวียนยิ้ม"พี่ใหญ่ สบู่นี่พี่สะใภ้ใหญ่เป็คนทำเองขอรับ"
สบู่นี่เซี่ยยวี่หลัวเป็คนทำเองจริงๆ
ตอนนางซื้อเนื้อหมูในตัวเมืองเห็นตับอ่อนหมู ก็นึกขึ้นได้ว่านางเคยเห็นสูตรการทำสบู่รูปแบบหนึ่ง จึงซื้อมาหนึ่งชิ้นล้างเืสกปรกในตับอ่อนจนสะอาด กำจัดไขมันแล้วบดจนเหลว จากนั้นจึงใส่แป้งถั่วเหลืองและเครื่องหอมเมื่อผสมจนเข้ากันแล้ว ปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติก็กลายเป็สบู่ตับอ่อนหมู
เมื่อก่อนเซี่ยยวี่หลัวเคยใช้สบู่ทำมือมาไม่น้อยนี่เป็ครั้งแรกที่ทำสบู่จากตับอ่อนหมู แต่ก็ไม่ต่างจากสบู่ทำมือมากนัก ตับอ่อนหมูมีัันุ่มละเอียดกำจัดสิ่งสกปรกได้ดี อ่อนโยนไม่ทำร้ายิั สามารถป้องกันไม่ให้มือเย็นจนผิวแตก ทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ิัไม่ด้อยกว่าสบู่ในยุคปัจจุบันที่เซี่ยยวี่หลัวเคยใช้เลย
นางทำไว้สิบกว่าก้อน สบู่ที่ใช้ล้างมือและอาบน้ำในบ้านล้วนใช้สิ่งนี้ในภายหลังนางทำจนช่ำชอง จึงผสมน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ลงไปไม่น้อย ทั้งหอมทั้งใช้ได้ดี
แน่นอนว่า ก้อนที่ใส่น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ปกติจะใช้อาบน้ำ
สบู่ที่มีแต่บ้านคนร่ำรวยเท่านั้นถึงจะใช้ได้เซี่ยยวี่หลัวกลับทำเป็? นอกจากนั้น ยังใช้อย่างฟุ่มเฟือยถึงขั้นนำมาล้างมือ?
ภายในใจเซียวยวี่รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก
ล้างมือสะอาดแล้ว จึงตามเซียวจื่อเซวียนมายังห้องที่เคยเป็ห้องนอนของเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้