เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้หาเื่ทะเลาะกับเซี่ยจื้ออวี้ อากาศร้อนเสียแทบแย่ ถ้ามีเวลาใส่ใจคนแบบนี้ เอาเวลานั้นไปหาพวกคุณป้าที่ถือกระติกเก็บอุณหภูมิดีกว่า ตลาดจำหน่ายหวานเย็นแท่งและไอศกรีมในปัจจุบันถูกผูกขาดโดยคุณลุงคุณป้าเหล่านี้นั่นเอง หวานเย็นแท่งที่เหมามาจากโรงงานไอศกรีม ได้รับการบรรจุลงกระติกเก็บอุณหภูมิ ้ายังต้องคลุมด้วยผ้าขนหนูเปียก เร่ขายตามท้องถนนหนทาง
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกถึงรสชาตินั่นแล้วก็เลียริมฝีปาก เธอไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย จะ้ากินไอศกรีมอะไรกัน ต้องเป็เพราะถูกไอศกรีมครีมสดแท่งโตที่เหล่าวังเลี้ยงนั่นปลุกนิสัยตะกละขึ้นมาแน่นอน
เธอโยนความผิดให้เหล่าวังโดยไม่รู้สึกรู้สาแม้แต่น้อย เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้รับประทานไอศกรีมแค่คนเดียว เธอเลี้ยงหลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนอีกด้วย ชายชาตรีสองคนกินของแบบนี้ดูแปลกตาทีเดียว ทว่าท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ กัดกร้วมสักสองสามคำเข้าปาก ไอศกรีมละลายอยู่ด้านในปาก ไอเย็นแทรกซึมผ่านรูขุมขนทั่วร่างกาย... เอาเถอะ ถือว่าเป็ความรื่นรมย์ชนิดหนึ่ง
เมื่อรับประทานไอศกรีมเสร็จ ในที่สุดเก่อเจี้ยนก็อดก้าวเข้ามาหาไม่ได้
“คุณเซี่ย ้าให้ผม...”
ผู้ก่อเหตุที่ตั้งใจจะทำให้คุณผู้หญิงเซี่ยพิการคือพวกนักเลงหัวไม้ ทว่าผู้บงการเื้ักลับเป็ลุงของคุณผู้หญิงเซี่ย สืบสาวลงลึกเข้าไปอีก ใครไม่้าให้คุณผู้หญิงเซี่ยเข้าร่วมการสอบเกาเข่ากันนะ? เก่อเจี้ยนกำลังคิดจะจบงานในคราวเดียว จัดการเซี่ยจื่ออวี้ให้เซี่ยเสี่ยวหลานเสียเลย แน่นอน เซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้เหนือไปกว่านักเลง และเซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้เหนือไปกว่าแม่ค้าแผงลอย เธอเป็เพียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งเท่านั้น ทางสถานีตำรวจไม่มีทางให้ความสำคัญกับคดีนี้มากนักแน่ หากเก่อเจี้ยนจะลงมือกับเซี่ยจื่ออวี้ ก็เตรียมใจพร้อมแล้วว่าจะอยู่ในซางตูต่อไปไม่ได้อีก
และต่อให้กลับหยางเฉิงก็มีความเป็ไปได้ที่จะถูกจับอยู่ดี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าชะตาของเขาเป็อย่างไร
เก่อเจี้ยนอยู่ในสภาวะที่้าเอาคืนและรู้สึกผิด การที่เซี่ยเสี่ยวหลานาเ็เป็ความประมาทเลินเล่อของเขา เช่นนั้นเขาก็ควรแก้ไข ‘ความยุ่งยาก’ แทนเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้า “คุณนึกว่าแค่ทำให้เธอขาหักแขนหัก เื่นี้ก็จบสิ้นแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอก
ถ้าเป็ไปได้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อยากใช้ความรุนแรงแม้แต่น้อย ความรุนแรงคือดาบสองคม หากได้ลิ้มลองรสหวานแล้วครั้งหนึ่ง ต่อไปจะอดทนไม่ชิมอีกครั้งไม่ได้เลย หนึ่งครั้งไม่ถูกจับ ทว่าไม่มีทางโชคดีขนาดนี้ทุกครั้งแน่ ตอนนั้นเธอเองก็เดือดดาลถึงขีดสุด ถึงสั่งให้เก่อเจี้ยนตีมือของพวกนักเลงจนหัก และแก้แค้นเซี่ยฉางเจิง... อันที่จริงเธอก้าวล้ำ ‘บรรทัดฐาน’ นั่นแล้ว พอสงบสติอารมณ์ก็คงมิอาจบอกว่าเสียใจต่อสิ่งที่ทำลงไปได้ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะใช้ความรุนแรงอันแสนง่ายดายในการแก้ไขปัญหาอีก
หลี่ต้งเหลียงและเก่อเจี้ยนมาเพื่อคุ้มครองเธอ ไม่ได้มาเพื่อใช้ชีวิตเฉกเช่นสังคมมืดกับเธอ
และยิ่งไปกว่านั้นคือเซี่ยเสี่ยวหลานหวังว่าตนเองจะกลายเป็นักธุรกิจผู้ถูกทำนองคลองธรรมคนหนึ่ง มีประวัติขาวสะอาด และรากฐานที่มั่นคง
เซี่ยเสี่ยวหลานปฏิเสธข้อเสนอของเก่อเจี้ยน หลี่ต้งเหลียงรู้สึกโล่งใจ คุณผู้หญิงเซี่ยเป็นายจ้างที่ดี เห็นคนคุ้มกันเป็มนุษย์ ไม่ได้คิดว่าแค่จ่ายเงินก็สามารถซื้อชีวิตของเขาและเก่อเจี้ยนได้
“คุณผู้หญิงเซี่ย ผมกลับมาจากเขตพิเศษคราวนี้ ศิษย์น้องหญิงวานผมฝากข้อความมาให้คุณ เธอเช่าอาคารเรียบร้อยแล้ว”
ไม่ส่งโทรเลขมา เพราะทุกคนล้วนทราบว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะสอบเกาเข่า แม้แต่หลิวหย่งลุงของเธอก็ไม่้ารบกวนเธอ
ไป๋เจินจูยิ่งไม่คิดจะพูดถึงธุรกิจอะไรในเวลาสำคัญ ทั้งที่หลี่ต้งเหลียงกลับไปถึงซางตูก่อนเกาเข่า ทว่าเขากลับเก็บข้อความนี้มาจนการประเมินคะแนนและกรอกความประสงค์เสร็จสิ้นถึงบอก คนรอบกายเซี่ยเสี่ยวหลานละเอียดรอบคอบกันทั้งนั้น เงินทองไม่ได้หาได้เพียง่เวลาเดียว เสียเวลาสองสามวันก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี แต่เกาเข่ามีปีละครั้งเท่านั้น
พอเซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินว่าเช่าอาคารสำเร็จแล้วก็ปลื้มใจ
หลังจากสินเชื่อธนาคารได้รับการอนุมัติแล้ว ความตึงเครียดทางการเงินของหลิวหย่งก็ผ่อนคลายลง เขาส่งเงิน 5 หมื่นหยวนทางโทรเลขกลับมาให้เซี่ยเสี่ยวหลานทันที
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ได้ให้หลิวหย่งจำนวนแค่นี้ แต่เธอไม่รีบร้อน
เมื่อมี 5 หมื่นนี้ จะไม่ทำให้การกลับชนบทไปสร้างบ้านของเธอล่าช้า อีกทั้งไม่เสียเวลาในการลงทุนธุรกิจใหม่ระหว่างเธอกับคังเหว่ยและไป๋เจินจู การสร้างบ้านต้องจ่ายเงินสำหรับซื้อวัสดุใน่แรก ส่วนการลงทุนธุรกิจใหม่ต้องจ่ายเงินสำหรับการตกแต่งหน้าร้านและนำเข้าสินค้า เซี่ยเสี่ยวหลานอยากลงมือทุกสิ่งอย่างเต็มที่ ทว่าแม้ทางนี้จะประเมินคะแนนกับกรอกความประสงค์แล้ว แต่ยังต้องรอการประกาศคะแนนอีกสองสามวันอยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงอยากใช้ประโยชน์จากเวลานี้เพื่อทำงาน่แรกของบ้านสักหน่อย
พอประกาศคะแนนเกาเข่า เธอค่อยลงใต้ไปยังเผิงเฉิง เป็เวลาพอเหมาะพอดี
พวกประเมินคะแนนหรือกรอกความประสงค์นี้ หลี่เฟิ่งเหมยกับหลิวเฟินไม่เข้าใจโดยสิ้นเชิง ในหมู่คนที่พวกเธอรู้จัก คาดว่ามีเพียงเซี่ยจื่ออวี้คนเดียวที่เป็นักศึกษามหาวิทยาลัย และเป็ไปไม่ได้ที่จะไปถามเซี่ยจื่ออวี้ด้วยน่ะสิ สำหรับธุระนี้ ผู้ปกครองบ้านอื่นยังพอออกความคิดเห็นได้ ทว่าเหล่าผู้ปกครองของเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นช่วยเหลือไม่ได้จริงๆ
แต่เื่ประเมิน ‘584 คะแนน’ กลับถึงบ้านยังคงยังต้องแจ้งคนในครอบครัวอยู่ดี
ย่าอวี๋นั้นรู้ดีกว่าหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมย เมื่อได้ยินว่าประเมิน 584 คะแนน อีกทั้งยื่นเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิง เธอชมเชยเซี่ยเสี่ยวหลานว่าอนาคตไกล!
“มหาวิทยาลัยหัวชิงเชียวนะ สมัยก่อนพวกคนที่จะไปเรียนต่างประเทศในอเมริกา ก็ต้องเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยหัวชิงเสียก่อนเท่านั้น! ทุกวันนี้ยิ่งไร้เทียมทาน หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของประเทศ ถ้าเธอสอบติดหัวชิงจริง ถือว่าเป็เกียรติเป็ศรีแก่วงศ์ตระกูลแล้ว!”
สอบเข้ามหาวิทยาลัยสักแห่งก็สามารถหลุดพ้นจากทะเบียนบ้านชนบทได้เหมือนกัน
แต่นั่นมันยังไม่พอ ย่าอวี๋นึกถึงกิริยาเช่นนั้นของโจวเฉิง ครอบครัวเขาไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เซี่ยเสี่ยวหลานจะมีจุดเด่นเพียงเล็กน้อยไม่ได้ ต้องพิสูจน์ว่าตนเองคือผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด จริงอยู่ที่ชาติตระกูลต่างกันราวฟ้ากับดิน ทว่าั้แ่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ชาติตระกูลจะจำกัดชีวิตคนคนหนึ่งไปจนตายได้หรือ? อำนาจและเงินทองติดตัวมาโดยกำเนิดรึไร! ครอบครัวของโจวเฉิงฐานะดี นั่นก็เป็เพราะว่ารุ่นพ่อหรือรุ่นบรรพบุรุษฝ่าฟันต่อสู้มา ย่าอวี๋คิดว่า หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งจะพิสูจน์อย่างไรว่าตนเองยอดเยี่ยม คำตอบที่ได้คือตัวอยู่ในตำแหน่งอะไร ก็ทำเื่ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น
ต้องเป็นักเรียนที่ก้าวข้ามผู้เข้าสอบหลักล้านทั่วประเทศ สอบติดมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด นี่ก็คือความยอดเยี่ยมสูงสุด
ย่าอวี๋มองสถานการณ์ได้ชัดเจนแจ่มแจ้งมาก ต่อให้ธรณีประตูบ้านโจวจะสูงเพียงใด หากเซี่ยเสี่ยวหลานสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็ไม่กลายเป็ปัญหาแล้วเช่นกัน
หลิวเฟินซื่อบื้อหัวช้า หลี่เฟิ่งเหมยดีกว่าหลิวเฟินได้มากที่สุดเพียงสามส่วน ย่าอวี๋พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย เธอเองก็มิใช่ย่าแท้ๆ ของเซี่ยเสี่ยวหลาน ทำไมต้องมามัวขบคิดเื่นี้ด้วย? ทว่าพอเห็นทั้งสองเอาแต่ยิ้มแย้มเฉยๆ ย่าอวี๋ก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาในบัดดล
สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานคิดไม่ได้ซับซ้อนเท่าย่าอวี๋ แต่ย่าอวี๋เชื่อว่าเธอมีอนาคตไกลจากใจจริง เซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่อาจปฏิเสธที่จะรับน้ำใจนี้ไว้
“รอคะแนนออกมาแล้วพวกเราค่อยฉลองเถอะ ฉันจะไปหากงหยางที่ซางต้าสักหน่อย ขอให้เขาวาดแปลนบ้านให้ เื่สร้างบ้านในหมู่บ้านน่ะควรเริ่มเตรียมพร้อมแล้ว!”
หากไม่ใช่เพราะมือของเธอได้รับาเ็ เซี่ยเสี่ยวหลานคงสามารถวาดภาพด้วยตนเองได้ทั้งหมด
ในเมื่อเธอจะเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ ก็ถือว่าเป็การฝึกฝนฝีมือล่วงหน้าแล้วกัน สร้างอาคารสองชั้นมันจะยากเย็นสักเท่าไรกันเชียว ไม่ต้องโอ่อ่ามากนัก แค่ให้ความสำคัญกับความสวยงามพร้อมกับการใช้ประโยชน์ได้จริงก็พอ ทว่าตอนนี้มือของเธอได้รับาเ็ เธอต้องขอความช่วยเหลือจากกงหยางจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิด พอแปลนออกแบบของบ้านใหม่เสร็จแล้ว คะแนนสอบเกาเข่าก็น่าจะประกาศเช่นกัน
-----------------------------------------------------
มหาวิทยาลัยซางต้าปิดภาคเรียนฤดูร้อนแล้ว แต่กงหยางไม่ได้กลับบ้าน
เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะติดตามสร้างรายได้กับหลิวหย่ง ย่อมต้องเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจมากกว่าเดิมเป็ธรรมดา ใน่แรกกงหยางพยายามสร้างแปลนออกแบบด้วยตนเองให้ได้แม้จะไม่มีส่วนร่วมจากเซี่ยเสี่ยวหลาน—พอทำสัญญากับบ้านพักรับรองเสร็จ หลิวหย่งก็ให้ค่าตอบแทน 500 หยวนแก่เขาทันที หลิวหย่งไม่ตระหนี่เลยสักนิด ไม่ต้องพูดถึง นักออกแบบฮ่องกงนั่น เช่นคนที่ทำแปลนออกแบบให้หัวเจี้ยน นอกจากเงินเดือนพื้นฐานแล้ว อย่างมากที่สุดคือการให้เงินพิเศษสิบกว่าหยวนเท่านั้น นอกเหนือจากความเป็อยู่ที่มั่นคง รายได้ของคนพวกนั้นสู้กงหยางไม่ได้ด้วยซ้ำ
ในทุกๆ วันกงหยางจะซึมซับความรู้ใหม่ราวกับหิวโหย เซี่ยเสี่ยวหลานลากเขาออกมาจากในห้องสมุด กงหยางถามเธอว่าวันนี้วันที่เท่าไร หลังจากนั้นก็ถามด้วยอาการเพิ่งรู้กะทันหัน “วันนี้ไปประเมินคะแนนและกรอกความประสงค์สินะ? ผลสอบของเธอเป็อย่างไรบ้าง?”
จั๋วน่าก็มาห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือ เธอยืดหูลอบฟังทั้งสองคนคุยกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานเล่าถึงการประเมินคะแนนของตนเอง กงหยางที่เหนื่อยอ่อนเมื่อยล้ากลับมีชีวิตชีวาขึ้นทันที แม้แต่จั๋วน่ายังใจนหนังสือในมือร่วง—โอ้อวดหรือเปล่า ประเมินได้ 584 คะแนน? อันดับหนึ่งสายวิทย์ประจำมณฑลอวี้หนานของปีก่อนก็ทำคะแนนไว้เท่านี้ ทว่าวิชาคณิตศาสตร์ของปีนี้ยากขนาดไหน หลังสอบเสร็จทุกหนแห่งเขาล้วนร่ำลือกัน จั๋วน่าเองก็รู้ว่ามันเป็อย่างไร เธอไม่เชื่อ และตัดสินใจว่าจะติดตามการประกาศผลคะแนนเกาเข่าอย่างใกล้ชิด และสิ่งแรกที่เธอจะทำคือการค้นคะแนนของเซี่ยเสี่ยวหลานนั่นเอง!