ร่างิญญาเพลิง คือร่างกายที่พบเจอได้ยากมาก
ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรมีร่างสืบทอดระดับสูงสุดอยู่ห้าร่าง แบ่งออกเป็ ร่างธาตุทอง ร่างธาตุไม้ ร่างธาตุน้ำ ร่างธาตุไฟ และร่างธาตุดิน ส่วนร่างิญญาเพลิงก็คือหนึ่งในนั้น
เปลวเพลิงเน้นโจมตีและความเร็วเป็หลัก มีต้นกำเนิดเดียวกับสายฟ้า หากมีการชี้นำอย่างดีจะเป็ร่างกายที่เลื่อนขั้นได้ง่ายที่สุดในห้าธาตุ
และตอนนี้เสิ่นเสี่ยวเม่ยก็มีร่างนี้อยู่ เสิ่นเสวียนจะไม่ประหลาดใจได้อย่างไร
“ท่านพี่ ร่างิญญาเพลิงคืออะไรหรือ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยกินยาเสริมรากฐานเข้าไปแล้ว นางรู้สึกเพียงร่างกายเหมือนมีเปลวเพลิงร้อนแรงลุกโชนอยู่ และกลับเป็ปกติในเวลาไม่นาน
“ร่างิญญาเพลิงคือร่างเพลิงแต่กำเนิด ดูดซับพลังธาตุไฟได้เป็เท่าทวีคูณ ช่วยให้เ้าฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว”
“ข้ายังฝึกฝนพลังได้อีกหรือ”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยตะลึงงัน ในตอนแรกเริ่มเสิ่นเสวียนบอกว่าสามารถรักษาขาของนางได้ ตอนนี้ยังบอกอีกว่านางสามารถฝึกฝนพลังได้ ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็ใหญ่แห่งนี้ ใครๆ ต่างก็อยากกลายเป็ผู้ฝึกฝนทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่นาง เพียงแต่นางไม่เคยกล้าคิดฝัน
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เพียงสามารถฝึกฝนพลังได้ เ้ายังอาจกลายเป็ผู้แข็งแกร่งที่ผู้คนต่างเลื่อมใสได้อีกด้วย ไปกันเถอะ ข้าจะพาเ้าไปร้านยาสมุนไพร”
สองพี่น้องคุยกันอย่างร่าเริง แล้วเสิ่นเสวียนก็เข็นรถเข็นออกไปจากลานเล็กหลังเขา
ขณะที่เข็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยไป พวกเขาได้เจอลูกหลานตระกูลเสิ่นมากมายระหว่างทาง แต่กลับไม่มีใครคุยกับพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว หรือกระทั่งมองพวกเขาด้วยสายตาหวาดหวั่น
เสิ่นเสวียนสังหารองครักษ์สองคนของเสิ่นเหวินเทาในหอประชุมก่อนหน้านี้ ทำให้คนตระกูลเสิ่นที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์เป็ตายมาก่อนรู้สึกหวาดกลัว อีกทั้งพวกเขาต่างก็รู้ว่าเสิ่นเสวียนกับเสิ่นเหวินเทามีเื่บาดหมางกัน ด้วยตำแหน่งของเสิ่นเหวินเทาในตระกูลเสิ่น พวกเขาแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาก็นับเป็เื่ปกติ
ส่วนเสิ่นเสวียนกลับไม่ใส่ใจท่าทีของคนเหล่านี้เลย การฝึกฝนนับพันปีในชาติก่อนทำให้เขาเข้าใจโลก ความสัมพันธ์เช่นนี้ไม่ส่งผลใดๆ ต่อเขา
เสิ่นเสวียนเข็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยไปเรื่อยๆ จนมาถึงร้านยาสมุนไพรของตระกูลเสิ่นอีกครั้ง ซึ่งเขาได้วัตถุดิบในการปรุงยาหลอมรวมจิตระดับสามมาจากร้านนี้
ร้านสมุนไพรเสิ่น!
ร้านสมุนไพรเสิ่นคือหนึ่งในสามร้านยาสมุนไพรที่ยิ่งใหญ่ในเมืองอวี่ฮว่า เป็ของตระกูลเสิ่นโดยตรง ตกแต่งให้ดูเก่าแก่โบราณ ้าติดป้ายขนาดใหญ่เอาไว้ สลักตัวอักษรชื่อร้านดูน่าเกรงขาม
“นายน้อยนั่นเอง นายน้อย้าสิ่งใดหรือ”
เสิ่นเสวียนเพิ่งจะเข็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยเข้าไปในร้านยาสมุนไพร ‘เสิ่นจาง’ เ้าของร้านก็ออกมาต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม เสิ่นจางคือหนึ่งในผู้ดูแลตระกูลเสิ่น ขึ้นตรงกับผู้าุโใหญ่เสิ่นล่าง ส่วนเสิ่นเสวียนก็มีตราประจำตระกูลของเสิ่นล่างอยู่ในมือ เขาต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว
“เอ๋! พลังของนายน้อย!”
เสิ่นจางมองเสิ่นเสวียน รู้สึกได้ถึงพลังที่รุนแรงยิ่งกว่าเมื่อเช้ามาก
“ฮ่าๆ เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น ที่มาครั้งนี้ข้ามีเื่จะขอร้องท่านลุงจาง” เสิ่นเสวียนกล่าวพลางยิ้ม
“นายน้อยกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร ร้านยาสมุนไพรเป็ของนายน้อย ้าสิ่งใดก็บอกมาได้เลย”
“ช่วยข้าตามหาสมุนไพรต้นหนึ่ง”
“อะไรหรือ”
“หลินจือโมราพันปี”
“หลินจือโมราพันปี!”
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียน มุมปากของเสิ่นจางกระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าชื่อของสมุนไพรนี้ทำให้เขาใมาก
หลินจือโมราพันปีคือของล้ำค่าหายาก ครานั้นที่อยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ตอนที่เขาต้องสลายร่างกลายเป็เซียนพเนจร เขาต้องพึ่งจิตสำนึกเทพที่แข็งแกร่งจึงจะหามันเจอในส่วนลึกของูเาไฟ กระทั่งวันนี้เขาฝึกฝนถึงขั้นปี้กู่ได้สำเร็จ ทำให้เขาพบเจอร่องรอยของหลินจือโมราพันปีในความทรงจำของร่างนี้โดยบังเอิญ
ตระกูลเสิ่นรู้ว่าหลินจือโมราพันปีอยู่ที่ไหน
“นายน้อย หลินจือโมราพันปีได้ชื่อว่าหายากมาก ตัวข้ารู้ร่องรอยของมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มิอาจเก็บมาได้”
เสิ่นจางหัวเราะเบาๆ ทว่าสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด
“ท่านลุงจางบอกตำแหน่งที่รู้มาได้หรือไม่” เสิ่นเสวียนกล่าว เขา้าหลินจือโมราพันปีนี้มาก หากได้มาครอง ไม่เพียงช่วยกระตุ้นร่างิญญาเพลิงของเสิ่นเสี่ยวเม่ย ยังเป็ประโยชน์ต่อการทะลวงเลื่อนไปถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดของเขาอีกด้วย
“นานมาแล้ว ข้าเคยออกเดินทางไปพร้อมกับผู้นำตระกูลาุโ โดนศัตรูไล่ล่าจนไปถึงปล่องูเาไฟแห่งหนึ่ง แล้วก็เจอร่องรอยของหลินจือโมราพันปีที่ปล่องูเาไฟนั้นเอง ทว่าผู้นำตระกูลาุโมิอาจเก็บมาได้ จึงต้องปล่อยมันไป”
เสิ่นจางระลึกถึงความหลังพลางกล่าว เื่นี้ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว
ที่เสิ่นเสวียนมาหาเสิ่นจางที่นี่เป็เพราะรู้จากความทรงจำว่า มีเพียงท่านปู่ของเขากับเสิ่นจางที่รู้ร่องรอยของหลินจือโมราพันปี เมื่อได้ยินคำของเสิ่นจาง เสิ่นเสวียนก็พยักหน้า เขากล่าวมาไม่ผิดเลย หลินจือโมราพันปีเติบโตได้ทีู่เาไฟเท่านั้น ทั้งยังต้องเป็ูเาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ด้วย ที่นั่นอุณหภูมิสูงมาก ผู้ฝึกฝนที่พลังยุทธ์ยังไม่แข็งแกร่งพอมิอาจเข้าใกล้ได้เลย
“ูเาไฟนั้นตั้งอยู่ที่ไหน”
“ในเมื่อนายน้อย้า ในนี้มีแผนที่ที่ข้าวาดไว้ในตอนนั้น แต่จะหามันเจอหรือไม่ คงมิอาจบอกได้” เสิ่นจางเอาหนังแกะผืนหนึ่งออกมาจากแหวน เขาวาดแผนที่ไว้บนนั้น ระบุสัญลักษณ์ไว้อย่างชัดเจน
“ขอบคุณท่านลุงจางมาก”
เสิ่นเสวียนรับแผนที่มาพร้อมกล่าวขอบคุณเสิ่นจาง ได้แผนที่นี้มาทำให้เขามั่นใจขึ้นกว่าเดิมมาก จากนั้นเขาก็เอาสมุนไพรพื้นฐานไปอีกจำนวนหนึ่งเพื่อปรุงยาเสริมรากฐาน หลังจากได้สมุนไพรตาม้าแล้ว เสิ่นเสวียนก็พาเสิ่นเสี่ยวเม่ยเที่ยวไปตามถนนหนทางในเมืองอวี่ฮว่า
ระหว่างทาง คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักเสิ่นเสวียน ทว่ามีอยู่ไม่น้อยที่รู้จักเสิ่นเสี่ยวเม่ย เมื่อเห็นเสิ่นเสวียนที่ดูธรรมดาๆ กำลังเข็นรถเข็นให้เสิ่นเสี่ยวเม่ย พลางคุยกันอย่างสนุกสนาน ทำให้กลายเป็หัวข้อสนทนาของผู้คนรอบด้าน
“เขาคือใคร! ทำไมถึงมาเข็นรถเข็นให้เสิ่นเสี่ยวเม่ย”
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แต่น่าจะไม่ธรรมดา! เสิ่นเสี่ยวเม่ยเป็ถึงลูกสาวตระกูลเสิ่นเลยนะ!”
“ได้ยินว่าลูกสาวตระกูลเสิ่นถูกคุณชายสามตระกูลหานหมายปองแล้ว นี่เขาไม่กลัวตายเลยหรือ”
ผู้คนบนถนนคุยกันไปต่างๆ นานา แต่ขณะนั้นเอง กลับมีกลุ่มคนขี่ม้าทะยานเข้ามาด้วยความเร็วสูง และผู้ที่อยู่ด้านหน้าสุดก็คือหานเตา
เมื่อเห็นม้าเร็วเจ็ดแปดตัวทะยานตรงเข้ามา เสิ่นเสวียนก็เข็นรถเข็นหลบไปด้านข้างเพื่อเปิดทางให้
หานเตาที่เดิมทีกำลังมุ่งหน้าตรงไป เห็นว่าคนที่อยู่ริมถนนคือเสิ่นเสวียน จึงหยุดลงอย่างกะทันหัน
“ฮี้!!!”
ม้าส่งเสียงร้องดังลั่น แล้วหานเตาก็หยุดนิ่งลงข้างๆ เสิ่นเสวียน
“เด็กเลว เ้าเองหรือ”
หานเตามองเสิ่นเสวียนพลางะโ ยิ่งคิดไปถึงก่อนหน้านี้ที่โดนเสิ่นเสวียนตบหน้า สีหน้าของเขาก็ขรึมลงทันที เจตจำนงสังหารเปล่งประกายจ้าอยู่ในแววตา
กระทั่งถึงตอนนี้ เขายังคงคิดว่าที่เสิ่นเสวียนตบหน้าเขาได้เป็เพราะโชคช่วย ไม่ใช่ว่าเขาจะหลบหลีกไม่ได้
“ทำไม อยากโดนตบอีกหรือ”
เสิ่นเสวียนจับรถเข็นเอาไว้ พลางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“มาเลย วันนี้ข้าจะทำให้เ้ารู้ คำว่า ‘ตาย’ สะกดอย่างไร” หานเตาต่างจากคนทั่วไป พลังของเขาแข็งแกร่งมาก คนรุ่นเยาว์ในเมืองอวี่ฮว่าน้อยคนนักที่จะสู้เขาได้ อีกทั้งคนที่ตายด้วยน้ำมือเขาอย่างน้อยก็ต้องนับด้วยมือทั้งสองข้าง
ระหว่างที่กล่าว แส้ม้าในมือพลันมีไอพลังต่อสู้ปะทุออกมา ขณะที่กำลังจะสะบัดโจมตีใส่เสิ่นเสวียน กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“อย่าชักช้าจนเสียเื่ รีบไป”
เสียงนี้ดังมาจากรถม้าที่อยู่ด้านหลัง เป็เสียงของหานเฟิงนั่นเอง
หานเตาได้ยินดังนั้นจึงกล่าวเสียงต่ำ “ข้าจะให้เ้าได้ใช้ชีวิตอีกสองวัน”
แล้วคนกลุ่มนั้นก็ขี่ม้าออกไป
เมื่อพวกของหานเตาขี่ม้าจากไปแล้ว รถม้าที่อยู่ด้านหลังก็ตามไปติดๆ ขณะที่รถม้าเคลื่อนตัว ม่านหน้าต่างรถก็เปิดออก หานเฟิงสบตากับเสิ่นเสวียนพลางยิ้มเล็กน้อย แล้วรถม้าก็เคลื่อนผ่านไป
“แม้แต่คุณชายใหญ่ตระกูลหานยังถูกส่งตัวไป หรือท่านผู้นั้นจะมาแล้ว”
“คล้ายว่าจะใช่ ข่าวลือนั่นเกี่ยวข้องกับสามอำนาจสูงเลยนะ!”
ผู้คนเ่าั้คุยกันไปเรื่อย แต่เมื่อกล่าวถึง ‘ท่านผู้นั้น’ สีหน้ากลับหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เสิ่นเสวียนหัวเราะออกมาเบาๆ ต่อท่าทีของผู้คนเหล่านี้ แต่ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของเขา คนเหล่านี้เป็เพียงมดปลวกเท่านั้น
ทว่า ในตอนที่เขาเตรียมจะก้าวเดินต่อไป พลันมีพลังจิติญญาที่แข็งแกร่งถาโถมเข้ามา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้