ม้าเปินเหลยค่อยๆ เปลี่ยนฝีเท้าจากการวิ่งเหยาะๆ เป็เดินทีละก้าวอย่างเชื่องช้าเอื่อยเฉื่อย มีเสียงกีบเท้าม้าใต้เท้าดังกุบกุบกุบ ผสมกับเสียงลมหายใจของม้าเปินเหลย
คิมหันต์ร้อนระอุ ได้รับหยาดน้ำใต้แสงแดดแผดเผา บุรุษหล่อเหลาสตรีพริ้มเพราขี่อาชาตัวเดียวกันกับทิวทัศน์รอบกายก่อให้เกิดเป็ม้วนภาพงดงามที่น่าหลงใหล อบอุ่นระคนพึงพอใจ!
มู่จื่อหลิงนั่งคู้ตัวอยู่ในอ้อมกอดหลงเซี่ยวอวี่ ในใจนางนั้นไม่สงบอย่างยิ่ง เต้นตึกตักอย่างกระสับกระส่ายมาโดยตลอด
ทว่าความเร็วของม้าเปินเหลยช้าลง และเพราะความนิ่งสงบงดงามในยามนี้ ใจนางก็ค่อยๆ สงบตามลงไปด้วย!
หลังจากที่มู่จื่อหลิงจัดการสภาพจิตใจตนเองอย่างเงียบๆ เรียบร้อยแล้ว กวาดสายตามองสภาพแวดล้อมรอบกาย พลางกล่าวขึ้นมาทำลายความเงียบสงบ “ท่านอ๋อง ้าไปที่ใดหรือเพคะ?”
ถนนที่พวกเขาใช้อยู่ในยามนี้ นางยังไม่เคยใช้มาก่อน
เ้าหลงเซี่ยวอวี่ผู้นี้คงมิได้จะพานางไปสถานที่ลึกลับอันใดเพื่อใช้ทัณฑ์ทรมานสอบสวนกระมัง?
หลงเซี่ยวอวี่ยังไม่ได้ตอบคำถามมู่จื่อหลิง ถามกลับอย่างเ็าทันที “ในตัวหลงเซี่ยวหนานคือกู่ชนิดใด?”
เขาเอ่ยปากในทันทีนัก แม้จะเป็การถาม แต่เขาก็ถามอย่างมั่นอกมั่นใจ เขารู้ว่าหญิงสาวในอ้อมกอดจะต้องรู้ว่าภายในตัวของหลงเซี่ยวหนานเป็กู่ชนิดใด
วันนั้นมู่จื่อหลิงสามารถหากู่ควบคุมใจพบภายในเวลาอันสั้นเพียงนั้น เชื่อว่าครั้งนี้ก็ต้องรู้อย่างแน่นอน!
เช้าวันนี้กุ่ยเม่ยรายงานเื่ราวในสองสามวันนี้มาหมดแล้ว หญิงโง่ผู้นี้ยังว่าฉลาดอยู่บ้าง ตรวจพบกู่ในร่างกายหลงเซี่ยวหนาน แต่วันนั้นกลับมิได้พูดออกมาต่อหน้าคนทั้งหมดทันที ระแวดระวังภัยให้ตนเอง
หากวันนั้นนางพูดออกไป ไม่ต้องเอ่ยถึงสตรีในวังสองคนนั้นที่ไม่มีทางเลิกรา นอกจากนี้ฮ่องเต้ก็คงไม่สั่งจองจำนางในคุกหลวงง่ายดายเพียงนี้ สิ่งที่รออยู่ในท้ายที่สุดคือความทุกข์ทรมานที่นางต้องทนรับ!
หลงเซี่ยวอวี่ถามได้ตรงประเด็นนัก และมู่จื่อหลิงก็มิได้ไม่พอใจเพราะหลงเซี่ยวอวี่หลีกเลี่ยงคำถามของเธอ อย่างไรเสียก็เป็บทสนทนาที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว “เป็กู่ปรสิต!”
หลงเซี่ยวอวี่ถามอย่างมั่นใจเพียงนี้ มู่จื่อหลิงจึงเอ่ยปากตอบอย่างปราศจากความลังเล
หมอนี่จะพานางไปไหนก็ไปเสียเถิด อย่างไรไปถึงก็รู้อยู่ดี ไม่จำเป็ต้องรีบร้อนในยามนี้ ตอนนี้เื่ที่สำคัญที่สุดคือพูดกับหลงเซี่ยวอวี่เื่ที่นางรู้ให้ชัดเจน
ในวังหลวงนางมิอาจพูดได้ว่าเป็กู่ชนิดใด แต่ยามนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็ต้องซ่อนเร้นอีกต่อไป ปิดต่อไปเช่นนี้ก็แก้ไขเื่ราวไม่ได้ ไม่เพียงรักษาหลงเซี่ยวหนานไม่ได้ คดีก็ไม่สามารถสืบหาเบาะแสอะไรออกมาได้อีก
การกระทำของหลงเซี่ยวอวี่ในวันนี้ แล้วยังพานางออกมาจากคุกหลวง ดูท่าแล้วคง้าสืบคดีนี้แน่แล้ว นางไม่รู้ว่าในคดีนี้หลงเซี่ยวอวี่จะวางนางไว้ฝั่งเดียวกัน เป็พวกเดียวกับเขาหรือไม่
แต่ที่นางมั่นใจคือหลงเซี่ยวอวี่ไม่มีทางเป็พวกเดียวกับสตรีในวังสองคนนั้นเป็แน่ และผู้ที่วางพิษกู่หลงเซี่ยวหนานในครานี้ นางเชื่อว่าหลงเซี่ยวอวี่คงกระจ่างแจ้งดีกับใจ
อาศัยสองข้อนี้ นางก็สามารถเชื่อมั่นในหลงเซี่ยวอวี่ได้ทั้งใจ เล่าเื่ที่ตนเองรู้ว่าเป็กู่ปรสิตให้เขาฟังหมดเปลือกโดยไม่หมกเม็ด!
ใบหน้าของหลงเซี่ยวอวี่เต็มไปด้วยความสงสัย ถามอย่างไม่เข้าใจ “กู่ปรสิต?”
มู่จื่อหลิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยอธิบายด้วยความระมัดระวัง “กู่ปรสิตสามารถอยู่ได้แค่ในสิ่งมีชีวิต และเข้าไปในสิ่งมีชีวิตได้ทางาแเท่านั้น หาก้าเข้าไปสู่สิ่งมีชีวิตอื่นอีก สิ่งมีชีวิตนั้นๆ ต้องได้รับาเ็ ดังนั้น่เวลาที่องค์ชายห้าโดนพิษกู่ต้องเป็หลังจากผ่าตัดเสร็จไม่กี่วัน ยามนั้นาแยังไม่สมานตัว”
เวลานั้นกุ่ยหยิ่งกุ่ยเม่ยอยู่ที่ตำหนักหนานเหอโดยไม่ห่างไปแม้แต่หนึ่งก้าว ผู้ที่้าเข้าไปในตำหนักหนานเหอล้วนต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด หากเป็ผู้ที่ไม่จำเป็ไม่มีทางเข้าไปได้
ผู้ที่วางพิษกู่นั้นใช้วิธีใดฝังกู่ลงไปกันแน่ จนตอนนี้นางก็ยังคิดไม่ตก ครั้งที่แล้วคนที่ตำหนักหนานเหอก็มากมายเพียงนั้นนางจึงไม่ได้จับสังเกต
ตอนนี้ผู้ที่รู้รายละเอียดในคำถามมีเพียงกุ่ยหยิ่งกุ่ยเม่ยและหลงเซี่ยวหนานเท่านั้น บางทีพวกเขาอาจจะรู้อะไรบางอย่าง
มู่จื่อหลิงพูดจบ หลงเซี่ยวอวี่ก็ไม่เอ่ยปากอยู่นาน ดวงตาล้ำลึกไร้จุดสิ้นสุดทอดมองไปยังถนนห่างไกลด้วยความเ็า ไม่รู้ว่าไตร่ตรองสิ่งใดอยู่
และมู่จื่อหลิงก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเขา ได้แต่รออย่างนิ่งสงบ ฟังเสียงหัวใจเต้นแ่เบาที่ดังอยู่ข้างหูอย่างเงียบงัน
ด้วยเหตุนี้รอบกายจึงหลงเหลือเพียงเสียงที่ดังมาจากอาชาเปินเหลยเท่านั้น ราวกับบทสนทนาสั้นๆ เมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่ทราบว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าใด น้ำเสียงเย็นกระจ่างใสของหลงเซี่ยวอวี่จึงดังขึ้นอีกครั้ง “กู่ปรสิตในครั้งนี้เ้ารู้ได้อย่างไร?”
ครั้งที่แล้วสิ่งที่สตรีผู้นี้พูดต่อหน้าเขาว่าไม่รู้เื่ใดเกี่ยวกับกู่ กู่ควบคุมใจนั้นได้ยินมาจากอาจารย์ผู้ลึกลับเท่านั้น เป็เื่ไร้สาระทั้งหมด
หากสตรีผู้นี้ยังกล้ายกอาจารย์ลึกลับผู้นั้นออกมารับมือกับเขาอีก เขาจะต้องโยนนางทิ้งโดยไม่รีรอแน่
เดิมทีถ้ามู่จื่อหลิงได้ยินคำถามนี้ของหลงเซี่ยวอวี่ นางจะต้องยกอาจารย์ผู้นั้นออกมาบังหน้าอย่างไม่ลังเลเป็แน่
เพียงแต่ครั้งนี้นางมิได้ยินคำถามนี้ย่อมมิได้ตอบคำถามของหลงเซี่ยวอวี่
เพราะสองสามวันนี้ที่มู่จื่อหลิงอยู่ในคุกหลวง แต่เดิมก็มิได้หลับสนิทเท่าใดนัก ยามนี้ได้วางจิตใจที่ไม่สงบลงอย่างไม่ง่ายดายนัก เมื่อจิตใจสงบลง ทั่วทั้งตัวนางก็ผ่อนคลายลง
ผนวกกับกลิ่นเหมยเย็นๆ อันคุ้นเคยที่โอบล้อมกายมาเป็เวลานาน กลิ่นหอมกรุ่นสงบใจเช่นนี้ แผ่ปกคลุมมอมเมาผู้อื่น
ทำให้หัวใจนางถูกเติมเต็ม ทำให้นางเบิกบาน มีความรู้สึกปลอดภัยนัก
ในขณะที่มู่จื่อหลิงรอให้หลงเซี่ยวอวี่เอ่ยปากนั้น ก็ได้เริ่มการต่อสู้กับดวงตาไป ในระหว่างนี้นางเองก็พยายามบังคับให้ตนเองไม่หลับตา
แต่สุดท้ายก็หลับตาลง เอนศีรษะไปพิงอกแกร่งทรงพลังของหลงเซี่ยวอวี่จนแนบสนิท นางยกมุมปากน้อยๆ นอนฝันหวานอย่างสบายใจ...
มู่จื่อหลิงที่หลับในขณะนี้กลับไม่รู้เลยว่า เพราะนางสะลึมสะลือนอนหลับไป จึงหลบหลีกอันตรายถูกโยนลงจากม้าไปได้!
รออยู่พักหนึ่งมู่จื่อหลิงก็ยังไม่ตอบ หลงเซี่ยวอวี่เหลือบตามองสตรีในอ้อมกอด นางในขณะนี้กำลังก้มศีรษะอยู่
ในสายตาของหลงเซี่ยวอวี่ มู่จื่อหลิงดูเหมือนกำลังไตร่ตรองเื่บางอย่างอยู่ หลงเซี่ยวอวี่คิดไปว่านางกำลังแต่งเหตุผลไร้สาระมาตบตาอีก
ั์ตาเขาทอประกายเพลิงโทสะ จู่ๆ ก็ปล่อยแขนที่รัดรอบเอวของมู่จื่อหลิงออก เพียงแต่ยังมิทันปล่อยมือออกจนหมด เขาก็ต้องรัดเอวนางไว้อีกรอบ!
เพราะทันทีที่เขาปล่อยมือ ศีรษะของมู่จื่อหลิงก็ถลาไปด้านหน้าอย่างไม่รู้ตัว เกือบจะตกลงจากม้า
หญิงผู้นี้หลับไปแล้ว?
หลงเซี่ยวอวี่มองลงไป
ก็เห็นพอดีว่าเพราะการกระทำเมื่อครู่ ศีรษะเล็กๆ จึงเอียงไปข้างนอก
ลำคอที่เชิดขึ้นมาสูง ใบหน้าเล็กที่ถูกแดดโดยไร้การปกป้อง ทว่านางก็ยังคงนอนหลับอย่างฝันหวานสบายใจ
หลงเซี่ยวอวี่ย่นคิ้ว สตรีโง่งมผู้นี้!
เขายกมือขึ้นขยับศีรษะของมู่จื่อหลิงให้พิงมายังหน้าอกของตน ทำให้ใบหน้าของสตรีในอ้อมอกไม่โดนแสงแดดเผาไหม้เลยแม้แต่น้อย
มู่จื่อหลิงเคี้ยวริมฝีปากขนาดเล็กดังแจ๊บๆ ถูไถศีรษะมุดเข้าไปคุดคู้ในตำแหน่งสบายๆ ของอ้อมอกหลงเซี่ยวอวี่ หลับฝันหวานต่อไป...
หลงเซี่ยวอวี่หลุบั์ตาดำขลับดั่งน้ำหมึกลงมองสตรีร่างเล็กในอ้อมอกโดยไร้ซึ่งการหลบเลี่ยง!
มู่จื่อหลิงในเวลานี้กำลังนอนหลับอย่างสบายอกสบายใจ ขนตายาวงอนขึ้นเล็กน้อยราวกับพัด แลดูมีชีวิตชีวา ดวงหน้าขนาดเล็กที่ประณีตพริ้มเพราแดงก่ำ ช่างน่ารักอย่างยิ่ง ริมฝีปากอิงเถาแดงเรื่อ อวบอิ่มจนเหมือนจะมีน้ำหยดออกมา!
ใบหน้าหล่อเหลาที่เ็าหยิ่งยโสของหลงเซี่ยวอวี่ยังคงเคร่งขรึมเช่นเดิม ทว่าในห้วงแห่งความไม่รู้ตัวนั้นั์ตาสีดำที่ลุ่มลึกเกินหยั่งถึงในขณะนี้ราวกับจะมองเห็นความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขามองริมฝีปากเล็กอวบอิ่มดั่งมีน้ำหยดออกมาของมู่จื่อหลิงแล้วก้มศีรษะลงอย่างช้าๆ ระยะห่างระหว่างเขาและใบหน้าของมู่จื่อหลิงก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ริมฝีปากบางเย็นเฉียบััริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางอย่างเบาบางราวขนนก ประทับลงไปอย่างเผด็จการ! ผะแ่เสมือนแมลงปอแตะน้ำ
ปลายนิ้วอุ่นนิ่มดังหยกลูบไล้ริมฝีปากอ่อนนุ่มของมู่จื่อหลิงแ่เบา ท่ามกลางความคิดซับซ้อนนับร้อยนับพันซุกซ่อนความอ่อนโยนอันไร้สิ้นสุดเอาไว้
มู่จื่อหลิง ริมฝีปากที่เปิ่นหวางประทับตราไว้ ชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันหลีกหนีพ้น
ชั่วชีวิตนี้อย่าได้เพ้อฝันว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเปิ่นหวาง อย่าได้เพ้อฝันว่าจะมีชีวิตของเ้า เื่ของเ้า!
ชีวิตของเ้า เปิ่นหวางย่างเหยียบเข้ามาแล้ว!
เื่ของเ้า เปิ่นหวางเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว!
-
ความมืดมิดย่างกรายเข้ามา โคมไฟทุกครัวเรือนล้วนสว่างไสว ดวงจันทร์สุกสกาวบนท้องฟ้า แสงจันทร์ดั่งสายนที เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน อยู่ภายใต้ความสุขสงบ เหมือนดังท่วงทำนองสุดท้ายของบทเพลง
อาชาเปินเหลยเดินเอื่อยเอ้อระเหย ไร้ซึ่งความเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้ว่าตลอดทั้งทางเดินไปนานเพียงใด เดินไปได้ไกลเพียงไหน
อาชาเปินเหลยเดินมุ่งหน้าเข้าไปจวนฉีอ๋อง ตรงไปที่ด้านหน้าตำหนักอวี่หาน จึงหยุดฝีเท้าพลางส่งเสียงร้องฮี่แ่เบา!
หลงเซี่ยวอวี่มองมู่จื่อหลิงที่ยังคงนอนหลับสบายในอ้อมกอด ชั่วขณะนี้ภายใต้ความมืดมิดไม่มีผู้ใดจับสังเกตอารมณ์บนใบหน้าหล่อเหลาได้ว่าเป็อารมณ์ใด
ครู่ต่อมา เขาจึงอุ้มมู่จื่อหลิงที่อยู่ในอ้อมอกในท่าอุ้มเ้าสาวขึ้นมา ทะยานลงจากหลังม้า ก้าวยาวๆ เข้าไปในตำหนักอวี่หาน
ภายในตำหนักอวี่หาน เสี่ยวหานเลิกผ้าคลุมไข่มุกราตรีลูกสุดท้ายเสร็จสิ้นก็กำลังจะออกไป เพียงแต่เพิ่งก้าวออกไปได้หนึ่งก้าว นางก็เห็นหลงเซี่ยวอวี่อุ้มมู่จื่อหลิงที่กำลังหลับใหลเป็แนวนอนก้าวยาวเข้ามา
เสี่ยวหานไม่อยากจะเชื่อ ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ในขณะที่กำลังจะส่งเสียงร้องออกมา ดวงตาเฉียบขาดของหลงเซี่ยวอวี่ก็สาดไปทางนางด้วยความเย็นเยียบ!
สายตาเ็าเด็ดขาดเพียงทอประกายวาบก่อนจะหายไป!
เสี่ยวหานกลั้นลมหายใจในทันใด ยกมือขึ้นมาปิดปากตนเองแน่น ไม่ให้มันส่งเสียงออกมาแม้แต่สักแอะ
แต่แม้เสี่ยวหานจะไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา เป็เพราะความมืดมิดในยามราตรีจู่ๆ ก็ปะทะกับแสงเจิดจ้าของไข่มุกราตรี สตรีในอ้อมกอดของหลงเซี่ยวอวี่จึงปรับตัวไม่ทันตื่นขึ้นมา
ั์ตาสุกสกาวกระจ่างใสที่เปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า รู้สึกแสบตาน้อยๆ สิ่งที่ปรากฏสู่ม่านสายตาเป็อันดับแรกก็คือใบหน้าหล่อเหลาดังรูปแกะสลัก หยิ่งทระนงเหนือมวลมนุษย์และเ็าราวกับน้ำแข็ง!
เวลานี้หลงเซี่ยวอวี่เดินมาถึงข้างเตียงนอนแล้ว ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาในอ้อมอก เขาหลุบั์ตาเย็นๆ ลงมาดู เมื่อดวงตาสองคู่สอดประสาน เวลาก็หยุดนิ่งอยู่ ณ ชั่วขณะนี้
สามวินาทีต่อมา
ในยามที่มู่จื่อหลิงกำลังอ้าปากส่งเสียงร้อง หลงเซี่ยวอวี่ก็โยนนางลงบนเตียงโดยไร้ซึ่งความปรานี!
มู่จื่อหลิงใได้สติขึ้นมาโดยพลัน จากเสียงร้องใจึงเปลี่ยนเป็เสียงครางด้วยความเจ็บ “ซี้ด”
“ทั้งสกปรกทั้งเหม็น” น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งของหลงเซี่ยวอวี่เจือไปด้วยแววแห่งความรังเกียจ
สิ้นเสียงพูด ไม่รอให้มู่จื่อหลิงมีการตอบสนอง ก็มุ่งหน้าก้าวเท้าไปยังตำหนักใน
ทั้งสกปรกทั้งเหม็น?
มู่จื่อหลิงพลันรู้สึกว่ามีเสียงคำรามของอาชาเปินเหลยนับร้อยนับพันผ่านเข้ามาในใจ
แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวนางก็สงบลงมา
เอาเถิด! เ้าคนรักความสะอาดขั้นรุนแรงนั้นมิได้พูดผิด หลังจากนางเข้าไปอยู่ได้สามวัน นางก็ไม่ได้อาบน้ำเลย
มู่จื่อหลิงตะกายลุกขึ้นมานั่ง มองเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ั้แ่สองสามวันก่อน แล้วดมขึ้นๆ ลงๆ
สกปรกนิดหน่อย แต่เหม็นที่ไหนกัน ยังมีกลิ่นสมุนไพรหอมที่นางชื่นชอบอยู่เลย แล้วยังมีกลิ่นอ่อนๆ ของเหมยเย็นติดมาด้วย
แต่เมื่อครู่นี้นางถูกหลงเซี่ยวอวี่อุ้มได้อย่างไร?
นางจำได้ว่าพวกเขากำลังขี่ม้าชัดๆ จากนั้นนางก็รอคำถามของหลงเซี่ยวอวี่อย่างเงียบ หลังจากนั้นนางก็เหมือนจะเผลอหลับไป
์ ์! นางหลับไปนานเท่าใดกันแน่
เหตุใดจึงรู้สึกได้แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
มู่จื่อหลิงมองไปยังทุกสิ่งทุกอย่างรอบกาย
เตียงอ่อนนุ่มหลังใหญ่ สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย กลิ่นหอมกรุ่น ที่แห่งนี้มิใช่ตำหนักอวี่หาน รังของนางหรือ!
เดิมนางคิดว่าต่อให้หลงเซี่ยวอวี่ไม่สอบปากคำนาง ก็คงพาไปตำหนักหนานเหอรักษาโรคให้หลงเซี่ยวหนาน ไม่คิดว่าจะพานางกลับมาที่จวนฉีอ๋อง
หรือหมอนั่นจะรังเกียจที่นางทั้งสกปรกทั้งเหม็น จึงให้นางกลับมาอาบน้ำ?