หนานหัวยิ้มพลางฟังคำพูดคำจาของเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง
เห็นศิษย์พี่เหว่ยเทียนิมีหนวดผู้นั้นทำทีคุยโวอย่างสูงส่งและภาคภูมิใจ หนานหัวยิ่งบังเกิดความดูเบาขึ้นในใจ
สาวกพรรคไม่ว่ากี่คนต่อกี่คนล้วนคิดว่าตนวิเศษวิโส สืบทอดมาแต่โบราณ เก่งกาจวิทยายุทธ์ เป็โอรสแห่ง์ แต่หนานหัวกลับรู้ดีว่านับต้งแต่สถาปนาอาณาจักรเสวี่ยเป็ต้นมา ทั้งภพไทวะนี้ สิ่งที่ทรงอำนาจมากที่สุดของภพคือราชสำนักเสวี่ยเท่านั้น เมื่ออาณาจักรเป็ปึกแผ่น ยุคเฟื่องฟูของพรรคต่างๆ ได้ผ่านมรสุมกรรโชกแรง ยุคของพรรคได้ค่อยๆ สิ้นสุดลงไปนานแล้ว
สาวกพรรคมากมายถูกผลกระทบจากแิของพรรคอยู่ทุกวันๆ จนคิดว่าเก่งกล้าสามารถหาใดเทียบไม่ได้ มีความหวังอยู่ในวิมาน ไม่ต้องรับผลกระทบใดๆ จากโลกสามัญชน มองดูโลกมนุษย์จากเบื้องบน เป็ตัวตนราวกับเทพเซียน ไม่เห็นกองทัพดาษดื่นอยู่ในสายตา เห็นพลทหารเป็แค่ทหารป่าเถื่อนกันหมด
แต่หนานหัวรู้ดีนัก ว่ากองทัพในยามนี้มียอดฝีมือนับไม่ถ้วน
ไม่ต้องเอ่ยถึงเื่อื่น แค่เน้นที่กองทหารด่านโยวเยี่ยนเท่านั้น ผู้บัญชาการสูงสุดเช่นเทพาโยวเยี่ยนลู่เฉาเกอมีพลังแกร่งปานใดกัน ต่อให้ประมุขพรรครวมพลกันยังไม่อาจเป็คู่ต่อกรเขาได้เลย
ชีวิตสงบสุขอย่างพรรคนั้นเป็ความรุ่งเรืองที่ลาจากไปอย่างช่วยไม่ได้
พรรคชั้นสูงสุดอย่างพรรคจื่อเวยยังไม่อาจหลีกเลี่ยงการเปิดพรรคในหุบเขาลึก ปากบอกว่าตัดขาดจากโลกโลกียะ สะอาดบริสุทธิ์ราวกับเซียน แต่ใครเล่าจะไม่ปรารถนาโลกอันศิวิไลซ์ โดยเฉพาะเหล่าสาวกที่ยังอ่อนต่อโลก นำมาซึ่งความภาคภูมิในตัวเองเกินพอดีนี้ เหล่าผู้าุโชั้นสูงของพรรค ใครเล่าที่ไม่หวนระลึกถึงความเคารพนับถือและศรัทธาที่ได้มาจากไพร่ฟ้าในนครใหญ่ ่เวลาที่ได้ดื่มด่ำกับยุคอันรุ่งโรจน์?
ศิษย์พี่เหว่ยเทียนิ มีสติปัญญาเทียบเท่าคนชั้นหนึ่ง มาถึงด่านโยวเยี่ยนแล้วคิดว่าตนเป็เซียนจาก์ลงมาโปรดมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก
แต่หนานหัวไม่เหมือนเขา
หญิงงามนางนี้มีพลังระดับกลางของทั้งพรรคจื่อเวยเท่านั้น ไม่นับว่าอันดับดีเลิศอะไร แต่เป็เพราะใบหน้างามพร้อมจนเรียกได้ว่าเลิศเลอ กลิ่นอายความงามของนางทำให้ศิษย์พี่น้องชายมากมายยอมถวายหัว ทุกวันทุกเวลาจะมีศิษย์พรรคจื่อเวยคอยรุมล้อมและเอาอกเอาใจนางทุกฝีก้าว หากนางเลือกแต่งงานกับสาวกหนุ่มมากพร์และมีอนาคตไกล ต้องเป็ตัวเลือกที่คนนับไม่ถ้วนอิจฉาตาร้อนแน่นอน หรือไม่ก็อาจจะเป็ถึงภรรยาผู้าุโหรือภรรยาประมุขพรรค...
แต่ว่าตอนนี้ นับั้แ่ออกมาจากพรรคจื่อเวย เห็นความศิวิไลซ์ของโลกมนุษย์ ความคิดของหนานหัวก็ไม่ได้จดจ่ออยู่กับพรรคอีกต่อไปแล้ว
หากสามารถอยู่ในโลกมนุษย์นี้ได้ เลือกแต่งงานกับอัจฉริยะวัยหนุ่มที่มีพลังวรยุทธ์ ตำแหน่งและอำนาจเพียบพร้อม เช่นนั้นในอนาคตนางย่อมได้สุขสำราญกับฐานันดรสูงล้ำและทรัพย์สินไว้กินใช้ไม่มีวันหมด นี่ต่างหากคือชีวิตของเทพเซียน สมบูรณ์แบบกว่าอยู่กับความขมขื่น ต้องคอยรจนาท่องกลอนให้พระจันทร์ฟังขณะใช้ชีวิตอย่างสงบในป่าหลังเขาไกลปืนเที่ยงเป็ไหนๆ
ดังนั้น หนานหัวถึงคิดว่าคนอย่างเหว่ยเทียนินั้นช่างอ่อนหัดนัก
แต่ความคิดนางหลักแหลม หลักแหลมยิ่งกว่าคนวัยเดียวกัน นางจึงไม่แสดงออกมาโดยธรรมชาติ พียงแค่ยิ้มอย่างไว้ตัวบางๆ เท่านั้น เท่ากับว่าสื่อท่าทีของนางแล้ว
แน่นอนว่า หนานหัวไม่มองคุณชายไม่เป็วรยุทธ์ผู้นั้นเช่นกัน
คนหนุ่มอาภรณ์ขาวแขวนกระบี่ยาวงดงามไว้กับเอว แค่มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเป็ขยะลอยชาย ยอดฝีมือที่ไหนกันถึงจะใช้กระบี่กระจอกแล้วยังมีผู้รับใช้สวมชุดเขียวหมวกใบน้อยอีกต่างหาก...
บุรุษเหมือนพวกลูกผู้ดีทำงานไม่เป็เช่นนี้ ยังดีไม่เท่าคนของพรรคเลยด้วยซ้ำ
หนานหัวนึกไปถึงเื่ที่ได้ยินมาระหว่างทาง คนที่ชื่อเ่ิูคนนั้น ฟังดูแล้วน่าจะดีไม่น้อย อายุยังน้อย พลังได้ความมาว่าแข็งแกร่ง แล้วยังได้รับแต่งตั้งเป็โหว งานรัดตัวในด่านโยวเยี่ยน ข่าวว่ายังไม่แต่งงานมีครอบครัว เป็โหวเหย่ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์อาณาจักร...
“เ่ิูคนนี้ ได้รับเลือกเป็โหว รอข้าพบเขาก่อน ค่อยลองดูอีกทีว่าเป็อย่างไรกันแน่ หากเหมือนกับที่ร่ำลือกันไว้ ข้าจะลองลงทุนทำความรู้จักดูสักที”
หนานหัววาดแผนการลับๆ ในใจ
นางเชื่อมั่นในความงามล้ำของตนมาก ขอแค่ใช้วิธีการสักเล็กน้อย เสแสร้งแกล้งทำเสียบ้าง หนุ่มนามเ่ิูผู้นั้นต้องปรี่มาหานางอย่างง่ายดายแน่นอน
...
...
เ่ิูก้าวไปบนถนนของตรอก
เขานัดกับเวินหว่านและหลิวจงหยวนตอนเที่ยงวัน ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก ดังนั้นจึงไม่รีบร้อนอะไร
นับแต่มาที่ด่านโยวเยี่ยนแห่งนี้ เ่ิูยังไม่เคยเดินเตร็ดเตร่เข้านอกออกในด่านขนาดนี้ ไม่เคยดูบรรยากาศและวิถีชีวิตผู้คนในด่านโยวเยี่ยนแห่งนี้เลย วันนี้นับเป็โอกาสดีให้ได้ลองชมดู
เทียบกับเมืองลู่ิที่รุ่งเรือง มีอิสระเสรี กระจัดกระจายและอบอวลด้วยกลิ่นอายการค้าแล้ว ด่านโยวเยี่ยนเงียบขรึมกว่ากันมาก สองข้างทางแม้จะเห็นร้านรวงเล็กๆ บ้าง แต่จำนวนน้อยกว่าลู่ิเหลือใจ ร้านมักเป็แบบสี่เหลี่ยม สิ่งปลูกสร้างทุกอย่างเน้นการป้องกันข้าศึกเป็หลัก จึงมีความแข็งแกร่งสูง
สินค้าในร้านรวงเ่าั้ก็เป็จำพวกเกราะศึก อาวุธ เครื่องมืออักขระ ข้าว อาหาร น้ำมัน และสิ่งอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันเป็หลัก ของจำพวกผ้า ไหม ภาพวาดบุปผา นกหรือปลานั้นหาได้ยากเต็มกลืน
แต่สิ่งที่ทำให้เ่ิูประหลาดใจนั้นคือระหว่างทางที่เดินผ่าน เขาพบเจอจอมยุทธ์ที่กายมีกลิ่นอายยุทธภพอยู่ด้วยจำนวนมาก ล้วนแต่โดดเด่นออกมาจากผู้คนธรรมดาในด่านโยวเยี่ยน น่าจะเป็คนที่มาจากพรรค
ทำไมจู่ๆ ด่านโยวเยี่ยนถึงได้มีสาวกพรรคมากันเยอะถึงเพียงนี้?
สำหรับสถานการณ์ของพรรคต่างๆ ในอาณาจักรเสวี่ยนั้น เ่ิูเคยอ่านแค่จากในหนังสือ เห็นแต่เค้าโครงเล็กน้อย สภาพจริงๆ เขาไม่อาจเข้าใจได้ชัดเจน
เฉกเช่นศิษย์ของสำนักกวางขาว เมื่อจบการศึกษาทั้งสี่ปีล้วนเลือกกันหลายทาง มีคนเข้าเป็ทหาร มีคนช่วยกิจการที่บ้านต่อ และก็มีผู้จบการศึกษาที่คุณสมบัติเพียบพร้อมจนถูกพรรคเหนือชั้นในอาณาจักรเห็นความสำคัญแล้วเลือกให้เข้าสู่พรรค เพื่อเดินหน้าฝึกฝนวรยุทธ์ ใจฝักใฝ่ยุทธ์เพียงอย่างเดียว
ผู้แข็งแกร่งลำดับสิบลำดับต้นของอาณาจักร กล่าวกันว่าหกคนในนั้นมาจากพรรค
แต่ว่าผู้แข็งแกร่งและสาวกพรรคโดยทั่วไปจะเคยชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียวโดดๆ ชอบวิธีการปรากฎตัวแบบัเทพเห็นหัวไม่เห็นหาง น้อยครั้งที่จะข้องเกี่ยวกับกองทัพหรืออาณาจักร ดังนั้นในคราวนี้ ที่ด่านโยวเยี่ยนมีคนของพรรคปรากฎตัวมากมายเพียงนี้ จึงทำให้เ่ิูคาดไม่ถึงอย่างหนัก
“ได้ยินมาว่าราชสำนักของอาณาจักรเสวี่ยมีรับสั่งให้เกณฑ์ยอดฝีมือจากพรรคมารับหน้าที่เป็ทหารชั่วคราวในด่านโยวเยี่ยน ช่วยเหลือกองทัพ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิของการเป็ฝ่ายบุก พรรคฉกาจทั้งหกจึงล้วนส่งคนออกมาขอรับ...”
ไป๋หย่วนสิงชี้แจง
เ่ิูเก็บตัวอยู่ในห้องสงบทุกวี่ทุกวัน ไม่ฟังข่าวสารจากภายนอก แต่ไป๋หย่วนสิงนั้นใช้เวลาที่เหลือจากการฝึกไปฟังเื่สำคัญน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นภายในด่านอย่างระแวดระวัง เขาเห็นว่าตัวเองเป็หูเป็ตาให้เ่ิู จัดการข้อมูลมากน้อยที่ได้รับมาให้เป็ระบบ เผื่อจะมีประโยชน์ต่อเ่ิู
“อ้อ ที่แท้ก็มาช่วยนี่เอง”
เ่ิูพยักหน้าเข้าใจ
สาวกพรรคนั้นมีทั้งคนดีและคนชั่วปะปนกัน แต่ไม่อาจไม่ยอมรับว่าความลึกซึ้งของเนื้อหาประวัติศาสตร์อันยาวนานสืบทอดต่อกันมาของเคล็ดวิชา เงื่อนไขที่จะรับสาวกนั้นก็ช่างเคร่งครัด ดังนั้นจึงผลิตยอดฝีมือออกมาไม่น้อย หากอาณาจักร้าทำมหาาจริงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นหากมียอดฝีมือจากพรรคมาช่วยเหลือด้วยกัน ย่อมต้องเป็ผลดีต่อการรับมือกับผู้บัญชาการปีศาจและแม่ทัพปีศาจเ่าั้อย่างแน่นอน
ยอดฝีมือของพรรคสามารถอุดช่องโหว่พื้นๆ ของผู้แข็งแกร่งระดับสูงของทหารได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าคิดอย่างหนัก คือคนของพรรคนั้นขี้คร้านจะทำตามระเบียบวินัย แต่กองทัพเป็สถานที่ซึ่งมีระเบียบวินัยเคร่งครัด จะบริหารจัดการอย่างไรนั้นคงเป็ปัญหาใหญ่ของเบื้องสูงกองทัพโยวเยี่ยนนั่นเอง
เ่ิูคิดถึงตรงนี้แล้วก็ยิ้มแหยพลางส่ายหน้า
ในเมื่อกองทัพของอาณาจักรได้ทำการเกณฑ์ผู้คนเช่นนี้มาแล้ว ก็ควรจะมีแผนรับมืออยู่ก่อน ตัวเขาไม่จำเป็ต้องห่วงอะไร แค่ทำเื่ของตัวเองให้เสร็จสิ้นก็พอแล้ว
เพียงคิดถึงตรงนี้ เ่ิูก็ไม่กลับไปคิดเื่สัพเพเหระพวกนี้อีกแล้ว
ได้ออกมาครั้งนี้หาใช่เื่ง่ายไม่ ทำใจให้กว้างแล้วเดินชมเมืองสิถึงจะเหมาะสม
การเดินชมเมืองเพื่อพักผ่อนอันยาวนานนั้น ดูเป็เื่ที่คล้ายกับพวกลูกผู้ดีที่ทำอะไรไม่เป็ มัวแต่เอ้อระเหยไปทั่วโดยแท้ บวกกับอาภรณ์ขาวของเ่ิู แล้วยังกระบี่ตัดเวหาที่เ้าของหอคอยอาชาขาวคนก่อนทิ้งไว้อีก ดาบซึ่งทำขึ้นอย่างงดงามเสมือนเครื่องประดับร่างกาย ยิ่งเสริมให้เ่ิูเหมือนกับคุณชายไม่เป็วรยุทธ์ของเมืองเข้าไปใหญ่
ไป๋หย่วนสิงเป็คนท้องถิ่น เขาค่อนข้างคุ้นชินกับภาพเมือง เขาจึงบรรยายความให้เ่ิูฟังตลอดทาง ราวกับนำเที่ยว
เ่ิูค่อยๆ เข้าใจด่านโยวเยี่ยนลึกขึ้นทีละขั้นๆ
ตอนใกล้เที่ยงวัน สองร่างก็เดินมาถึงเขตเหนือของด่านโยวเยี่ยนแล้ว
สิ่งอำนวยความสะดวกทางการทหารนั้นมากขึ้นทีละน้อย
ที่นี่คือเขตในความควบคุมของค่ายทัพหน้าแห่งด่านโยวเยี่ยน
“เดินไปข้างหน้าอีกห้าหกลี้ก็จวนจะถึงค่ายใหญ่ของค่ายทัพหน้าแล้วขอรับ นายท่าน จุดที่ท่านนัดกับแม่ทัพเวินและแม่ทัพหลิวนั้นคือด้านนั้นขอรับ” ไป๋หย่วนสิงชี้ไปที่หอศิลาสีดำแปดเหลี่ยมสูงเก้าชั้นทางด้านซ้าย
“อ้อ? ที่นี่ก็คือหอลมฝนปรอยใช่ไหม? ยังห่างจากเวลานัดอีกครึ่งชั่วยาม พวกเราเข้าไปนั่งกันเถอะ” เ่ิูยิ้มแล้วเดินตรงไปยังหอศิลาแปดเหลี่ยมนั้น
หอลมฝนปรอย นี้มีที่มาเล็กๆ
เป็ตำหนักที่ประทับชั่วคราว ซึ่งจักรพรรดิของอาณาจักรเสวี่ยรับสั่งให้สร้างขึ้นเมื่อครั้งลงมาบัญชาการทัพป้องกันปราบปรามเผ่าปีศาจแดนหิมะด้วยพระองค์เอง มีจารึกขององค์จักรพรรดิผู้สถาปนาอาณาจักร นามของหอก็ได้มาเพราะเหตุนี้ มันเป็สิ่งปลูกสร้างแปดเหลี่ยมแห่งเดียวในรัศมีหลายร้อยลี้ และก็เป็หอที่สูงที่สุดด้วย เทียบกันกับอาคารทรงสี่เหลี่ยมรอบด้านแล้ว มีความสวยงามอย่างมาก นับว่าเป็ทิวทัศน์ตระการตาแห่งหนึ่งของด่านโยวเยี่ยน
ภายหลังเมื่อาคราวนั้นสิ้นสุดลงอย่างคลุมเครือ ไม่มีผลแพ้หรือชนะ องค์จักรพรรดิจึงเสด็จกลับ เดิมทีมันถูกฝากฝังให้กองทัพดูแล ภายหลังเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนเวียนไป ทหารชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งของกองทัพได้รับสิทธิ์ในการ จึงเปิดกิจการเป็โรงเตี๊ยม มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งด่าน
ที่ๆ เวินหว่านและหลิวจงหยวนนัดเจอเขา คือที่โรงเตี๊ยมซึ่งมีประวัติแห่งนี้นั่นเอง
เด็กหนุ่มมาถึงโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว
นอกประตูมีทหารเกราะวาววับยืนตัวตรงดิกเฝ้าอยู่ สันนิษฐานได้เลยว่าเ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีตำแหน่งใหญ่ขั้นไหน
“นายท่านทั้งสอง เชิญด้านใน” เสี่ยวเอ้อร์วัยรุ่นของร้านสวมเสื้อผ้าไหมตัดสั้น รุดเข้ามาต้อนรับ เชิญเ่ิูและไป๋หย่วนสิงเข้าร้านเสียงยานคาง
เสี่ยวเอ้อร์ของหอลมฝนปรอยนั้นเป็ประเภทหน้าเงิน ความสามารถในการมองลักษณะและคำพูดเยี่ยมนัก เพียงเห็นการแต่งกายของเ่ิูก็รู้ว่าเป็คุณชายมีเงิน ถึงได้เข้ามาต้อนรับอย่างอบอุ่น นำทางทั้งสองเข้าไปด้านใน
วินาทีที่เข้าสู่โถงใหญ่ ราวกับเข้ามาในโลกอีกใบ
ภายนอกมีลมเย็นของฤดูใบไม้ผลิ โถงใหญ่แห่งนี้กลับมีลมอุ่นปะทะใบหน้า ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวชื่นใจคนมอง กลิ่นอายสะอาดสดชื่นเช่นใบหญ้าอาบใบหน้า ราวกับเข้ามาในสวนดอกไม้ที่เบ่งบานยามวสันต์ ทำให้สมองปลอดโปร่งโล่งสบายในพริบตา
ตำแหน่งที่นั่งในโถงใหญ่ช่างซับซ้อนเป็อย่างยิ่ง