เซียวเหยียนกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเ้ามีความหลังแบบใดกับท่านลุงอวิ๋นเซียว แต่โปรดอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลอวิ๋น”
เขาสามารถพูดเื่เก่าๆ ที่ฝังลึกอยู่ในใจกับคนที่ไม่คุ้นเคยได้อย่างง่ายดาย แม้คนที่อยู่ตรงหน้าจะมีศักดิ์เป็ประมุขตระกูลมู่ แต่เขาก็ไม่สนใจ
บางทีในชีวิตนี้ เขาอาจไม่มีโอกาสได้กล่าวถึงตระกูลอวิ๋นหรือท่านลุงอวิ๋นเซียวกับคนอื่นอีกเลย
ชิงซีรู้สึกราวกับได้ยินเื่ตลก มุมปากของนางยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว “เ้าจะเจรจาต่อรองกับข้าหรือ? แล้วความจริงใจของเ้าอยู่ที่ใด?”
แม้ฮ่องเต้หนุ่มผู้นี้จะยังเยาว์วัย แต่เขาก็มีประสบการณ์ชีวิตโชกโชน ไม่ต้องกล่าวถึงตอนที่เขายังเด็ก เขาอาศัยอยู่ที่ชายแดนอย่างโดดเดี่ยวและไร้หนทางจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แม้ตอนนี้เขาจะอายุมากขึ้นเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเมื่อสามปีที่แล้วเขาจะเคยตกเป็ตัวประกันของตระกูลอวิ๋น หากกล่าวตามเหตุผลเขาย่อมไม่ชอบตระกูลอวิ๋น ในฐานะคหบดีที่มีประสบการณ์กว่าสี่พันปี ชิงซีย่อมไม่้าตกเป็รองในการเจรจาต่อรอง ดังนั้นนางจึงตั้งคำถามแบบทีเล่นทีจริง
เซียวเหยียนดูเหมือนจะเตรียมการไว้แล้ว เขากล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้อเสนอของข้าคือเ้าสามารถผูกขาดการค้ากับแคว้นซินหลัว ตระกูลมู่ของเ้าจะยอมรับข้อเสนอนี้หรือไม่?”
ชิงซีมองเซียวเหยียนด้วยความประหลาดใจ ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของนาง จริงอยู่ที่เย่เช่อทำให้แคว้นซินหลัวเผชิญกับความสูญเสียอย่างหนัก แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ดังกล่าวและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของแคว้นซินหลัว เป็ไปได้หรือไม่ที่เขาจะรู้สึกขอบคุณตระกูลอวิ๋น?
นางมองผู้มาเยือนโดยไม่กล่าวอะไรสักคำ
นางค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ เขาโง่หรือเปล่า? นี่คือฮ่องเต้แห่งซินหลัวแน่หรือ?
แต่ไม่ว่าผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาให้จะมากมายเพียงใด ชิงซีก็ไม่สามารถคว้ามันได้ นางไม่เพียงต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตระกูลอวิ๋นเท่านั้น แต่นางยังต้องสนับสนุนองค์หญิงใหญ่ให้หวนกลับไปยังตำหนักเหวินฮวาด้วย
ต่อให้นี่เป็ข้อเสนอจาก์เบื้องบน ชิงซีก็ทำได้เพียงปฏิเสธเท่านั้น
แต่เซียวเหยียนยังคงไม่ยอมแพ้ “หากเ้าปฏิเสธ เช่นนั้นแล้วหากข้าใช้ความลับในการเจรจาต่อรองกับเ้าล่ะ?”
ความลับ?
ชิงซีมีความลับมากมายนับไม่ถ้วน
นางซุกซ่อนความลับเกี่ยวกับตระกูลมู่เอาไว้มากมาย
นางแค่ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงความลับอะไร!
อันที่จริงความลับของนางไม่ใช่เื่น่าใ นางสามารถรับมือได้เสมอ นางเอาปราการเซียนของตนเองออกไปแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไรนางย่อมรับมือได้ เพียงแต่นางสงสัยว่าเขารู้มากแค่ไหน
นางยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “บอกข้าสิว่าเ้ามีความลับอะไรในมือ”
เซียวเหยียนดูพึงพอใจมาก เขาหยิบกระดาษสองสามแผ่นซึ่งดูเหมือนจะเป็ภาพวาดออกมาจากอกเสื้อ
เซียวเหยียนมองชิงซีด้วยสายตาแน่วแน่และกล่าวว่า “อันที่จริงนี่เป็เพราะประมุขตระกูลมู่ทุกรุ่นมีรสนิยมคล้ายคลึงกัน พวกเขาล้วนชอบให้จิตรกรวาดภาพเหมือนของตนเอง และข้าก็บังเอิญรู้จักจิตรกรฝีมือดีหลายคน จึงหาภาพวาดของประมุขตระกูลมู่รุ่นก่อนๆ มาลองเทียบกันดู”
บุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพเ่าั้ไม่ได้มีแค่ใบหน้าที่เหมือนกัน แม้แต่มวยผมก็ยังเหมือนกันด้วย
นี่น่ะหรือความลับที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดถึง? ไม่รู้ว่าผู้คนจะพูดกันอย่างไรหากเห็นภาพวาดของประมุขตระกูลมู่ทุกรุ่นที่ดูจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก พวกเขาอาจสงสัยว่านี่คือเื่มหัศจรรย์อะไรกัน? แล้วจะไม่ให้พวกเขาแปลกใจได้หรือ?
หากมองหาความลับก็ย่อมพบบางสิ่งที่ดูเหมือนเป็ความลับ ดูเหมือนผู้ที่ให้ข้อมูลเหล่านี้แก่เซียวเหยียนไม่มีความเป็มืออาชีพเอาเสียเลย
‘ดูท่าทางของชายหนุ่มคนนี้สิ จะเป็อย่างไรหากเขากลายเป็พันธมิตรในอนาคต? แต่ถึงอย่างไรเ้าก็รั้งตระกูลมู่ไว้ไม่ได้หรอก’
ชิงซีมีท่าทีเฉยเมย นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “แล้วอย่างไร?”
เซียวเหยียนยังคงสงบนิ่ง ช่างเป็ท่าทางที่ดูไม่สมวัยเอาเสียเลย เขามองชิงซีราวกับนี่เป็คำตอบที่เขาคาดเดาเอาไว้แล้ว จากนั้นเขาก็กล่าวเบาๆ ว่า
“หลายคนบอกว่าประมุขตระกูลมู่ทุกรุ่นมีหน้าตาคล้ายคลึงกันมาก แม้กระทั่งท่าทีก็เหมือนกันทุกประการ”
ชิงซียังคงมีท่าทีเฉยเมยราวกับว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง
เซียวเหยียนกล่าวต่อว่า “อันที่จริงข้า้าจะบอกว่าประมุขตระกูลมู่เป็ปีศาจ ั้แ่อดีตจนถึงปัจจุบันมีปีศาจเพียงตัวเดียวเท่านั้น”
หลังจากพูดจบเขาก็หยิบดาบไม้ออกมาซึ่งไม่รู้ว่าไปเอามาจากที่ใด จากนั้นก็จ่อดาบไปที่คอของชิงซีด้วยความฉับไว
ชิงซีคลี่ยิ้ม รอยยิ้มของนางช่างสดใสราวกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า ใบหน้าเ็าของเซียวเหยียนผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาไม่เคยตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนมาก่อนแม้กระทั่งบุตรีคนเดียวของท่านลุงอวิ๋นเซียว เขามองว่านางเป็เพียงภาระหน้าที่และความรับผิดชอบเท่านั้น แต่รอยยิ้มที่บริสุทธิ์ราวกับไม่เคยต้องมลทินของชิงซีทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว บางทีเขาอาจไม่ได้สังเกตเื่นี้ด้วยซ้ำ
ชิงซีถอยห่างพร้อมกับหยิบกระบี่ของตัวเองออกมาแล้วต่อสู้กับเขาทันที
การเคลื่อนไหวของกระบี่หลิงเลี่ยในมือชิงซีเป็เหมือนเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างกะทันหัน เซียวเหยียนตกตะลึงเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าเขาก็เริ่มต่อสู้กับนางด้วยดาบไม้ ทั้งสองต่อสู้กันได้ไม่กี่กระบวนท่า เซียวเหยียนก็ะโว่า
“ปีศาจสาว! เ้าเป็คนของสำนักชิงซาน! เ้าเป็ใครกันแน่?”
ชิงซียิ้มแต่ไม่ได้กล่าวอะไร นางได้เห็นการเคลื่อนไหวของเขาแล้ว นางแน่ใจว่าเพลงกระบี่ที่เขาใช้มาจากสำนักขงถง นางคลี่ยิ้มงดงามเหมือนในภาพวาดและกล่าวเบาๆ ว่า
“วิชากระบี่ของเ้าสืบทอดมาจากสำนักขงถงกระมัง เป็ไปได้หรือไม่ว่าไม่มีใครในสำนักฮั่วซานคู่ควรให้ฮ่องเต้แห่งซินหลัวเคารพในฐานะอาจารย์”
ชั่วขณะหนึ่งเซียวเหยียนไม่รู้จะตอบอย่างไร ถ้าคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าไม่มีความแข็งแกร่งในระดับปรมาจารย์ นางจะมองออกว่าเขาใช้เพลงกระบี่ของสำนักขงถงได้อย่างไร? ดาบไม้ของเขาเบี่ยงออกด้านข้างโดยไม่มีสาเหตุ และก่อนที่จะรู้ตัวเขาก็ค้นพบว่ากระบี่ที่จ่อคอของเขาอยู่คือกระบี่ของประมุขตระกูลมู่
เขา้าจะกล่าวบางอย่าง แต่ความคิดของเขาราวกับถูกหยุดเอาไว้ เสียงของประมุขตระกูลมู่ไพเราะราวกับเสียงของนกขมิ้น มันเหมือนสายน้ำที่ชโลมหัวใจของเขาให้ชุ่มฉ่ำ
“หากข้า้าเข้าเฝ้าฮ่องเต้แห่งซินหลัว ข้าคงต้องฝึกเพลงกระบี่กระเรียน์ของสำนักขงถงเสียก่อน ถ้าเ้าไปเยือนสำนักชิงซาน ขอแค่แจ้งว่า้าพบชิงซีก็พอ”
หลังจากพูดจบชิงซีก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
สีหน้าของเซียวเหยียนดูว่างเปล่า เขารู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลับมาที่วังได้อย่างไร แต่หลังจากนั้นเขาก็ล้มก็ป่วยนานกว่าหนึ่งเดือน เขาป่วยหนักจนไม่ได้ไปชมพิธีประชันสาวงามของอวิ๋นจื่อด้วยซ้ำ
ใน่ที่เซียวเหยียนป่วย อาจารย์ของเขาที่อยู่ไกลออกไปในูเาขงถงรู้สึกตื่นตระหนกมาก เมื่อมีคนแจ้งเซียวเหยียนว่าอาจารย์ของเขาเดินทางมาถึงเมืองผิงชางซึ่งเป็เมืองหลวงของซินหลัวแล้ว เซียวเหยียนก็หายป่วยทันทีราวกับปาฏิหาริย์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้