เสื้อผ้าที่คุณเลขาเลือกมาถูกใจเธอทุกอย่างไม่รู้ว่าเพราะเตรียมตัวมาดีหรือเป็เพียงความบังเอิญเสื้อผ้าทุกชิ้นต่างเป็สไตล์ลำลองดูเรียบง่ายอย่างที่เธอมักใส่อยู่เป็ประจำแถมสีก็ยังเป็สีที่เธอชอบอีก
เธอสวมเสื้อโค้ทตัวบางสำหรับฤดูใบไม้ผลิเพื่อป้องกันความหนาวส่วนเสื้อผ้าที่เหลือเธอจัดการวางไว้ในรถ
คนขับถามเธอว่า“คุณนายลู่อยากจะไปที่ไหนครับ”
ูเี่อันยิ้มบางตอบกลับไป“คงไปไม่ไกลมากค่ะ แค่เดินเล่นแถวนี้”
นี่ก็มืดแล้วจะไปไหนไกลๆ คงไม่ทัน แต่ถ้าจะให้นอนเล่นอยู่ในห้องที่โรงแรมเธอก็เสียดายเวลาสู้ออกไปเดินเล่นตามท้องถนนเพื่อฆ่าเวลาดีกว่า ไม่แน่อาจจะได้เจอได้เห็นอะไรใหม่ๆ
คนขับพยักหน้าจากนั้นจึงขับรถตามอยู่ข้างหลังูเี่อันอย่างเว้นระยะห่างกำลังดีเพื่อไม่เป็การรบกวนเธอในขณะที่กำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ
ูเี่อันเดาว่านี่คงเป็คำสั่งของลู่เป๋าเหยียนจึงไม่ได้พูดอะไรเธอเข้าไปซื้อชานมวานิลลาที่ร้านกาแฟตรงหัวมุมถนน จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปตามฟุตบาทเมื่อเดินเลี้ยวไปอีกทาง ภาพของถนนคนเดินที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงก็ปรากฏตรงหน้า
เวลานี้เป็่เวลาแห่งการผ่อนคลายของคนเมืองผู้คนต่างจูงมือคล้องแขนกันเดินเข้าไปดูของร้านแล้วร้านเล่าและกลับออกมาพร้อมสินค้าที่ตนถูกใจ รอยยิ้มของพวกเขาดูสนุกสนานและเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
ราวกับจังหวะการใช้ชีวิตของคนที่นี่ช้าลงเพราะผู้คนเหล่านี้อย่างไรอย่างนั้นูเี่อันเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลงโดยอัตโนมัติ
ั้แ่แต่งงานกับลู่เป๋าเหยียนทุกวันของเธอถ้าไม่มีเื่น่าใก็มีแต่เื่ให้ยุ่งจนหัวหมุน จนเธออยากให้หนึ่งวันมีสักสี่สิบแปดชั่วโมงจึงแทบไม่มีโอกาสที่จะได้ผ่อนคลายแบบนี้
ท่าทางเธอจะต้องขอบคุณลู่เป๋าเหยียนที่พาเธอมายังเมืองแปลกหน้าแห่งนี้แล้วล่ะ
เมื่อเดินตัดผ่านถนนคนเดินไปก็เป็ศูนย์กลางทางธุรกิจของเมืองแม่น้ำซึ่งเป็ดั่งน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตของคนเมืองนี้ตัดผ่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งนี้ริมฝั่งแม่น้ำด้านนี้เต็มไปด้วยตึกสูงตะหง่านที่มีป้ายโฆษณาและตึกอาคารอันเป็เอกลักษณ์ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็เขตที่อยู่อาศัยอันหรูหราที่มีแสงไฟกำลังส่องสว่างอยู่หลายหลังคาเรือนเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ภาพของดาวน้อยใหญ่ก็ช่างสวยงามจับตา
ูเี่อันเดินไปตามเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ม้านั่งเพื่อรับลมเย็นๆ พลางฟังเสียงของน้ำในแม่น้ำที่ถูกพัดมากระทบฝั่งอย่างผ่อนคลาย
เมื่อเทียบกับเธอแล้วลู่เป๋าเหยียนในตอนนี้ยุ่งจนแทบอยากจะแยกร่าง
ที่จริงวันนี้เขาต้องรีบมาจัดการธุระที่เมือง G แต่หากเขาไม่อยู่บ้านูเี่อันคงได้วิ่งไปโรงพยาบาลหาเจียงเส้าข่ายทุกวันแน่เขาจึงคิดแผนการเพื่อพาเธอมาเมืองนี้ด้วยกัน ซึ่งทำให้ใช้เวลาค่อนข้างมากแถมเมื่อกี้ยังวกกลับไปกินข้าวกับเธออีก ยิ่งทำให้ล่าช้ามากขึ้นกว่าเดิมพอเขามาถึงบริษัทจึงรีบลงมือทำงานจนแทบไม่มีเวลาหายใจ ไหนจะยังต้องเข้าประชุมอีก
กว่าการประชุมจะจบลงก็สี่ทุ่มกว่าแล้วเลขายื่นกาแฟมาให้เขา
“ท่านผอ.คะดิฉันได้จัดการส่งเสื้อผ้าไปให้คุณนายลู่ตามที่สั่งเรียบร้อยแล้วค่ะ เธอชอบมากและยังถามดิฉันอีกว่าคุณจะกลับไปเมื่อไร”
ฝีเท้าที่กำลังก้าวอย่างเร่งรีบของเขาถึงกับหยุดชะงัก“เธอถามว่ายังไง”
“เธอถามดิฉันว่าพวกเราต้องทำงานถึงกี่โมงดิฉันจึงตอบไปว่าประมาณเที่ยงคืน สีหน้าเธอดูผิดหวังทีเดียวค่ะ”เลขานิ่งคิดอย่างลังเลอยู่ชั่วครู่จึงพูดต่อว่า “ผอ.คะ ดิฉันขอถามอะไรได้ไหมคะคุณนายมาที่นี่เป็ครั้งแรกหรือเปล่าคะ”
“อืม”
ก่อนเรียนจบมหาวิทยาลัยูเี่อันไม่ค่อยได้ออกไปไหนแต่หลังจากได้ไปเรียนต่อที่อเมริกา เธอก็เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวตามที่ต่างๆแต่ส่วนใหญ่เธอจะไปยุโรปหรือไม่ก็เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้เป็ครั้งแรกที่เธอได้มาเมือง G
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันคิดว่าคุณควรรีบกลับไปหาเธอจะดีกว่านะคะ”เลขาสาวแนะนำ “ยังไงเธอก็เป็ผู้หญิง มาต่างเมืองครั้งแรกแถมยังมากับคนรักแบบนี้ถ้าวันแรกปล่อยให้เธออยู่โรงแรมตัวคนเดียว ถึงเธอจะเข้าใจว่าคุณยุ่งก็ตามแต่สุดท้ายก็คงรู้สึกเหมือนตัวเองโดนทิ้งอยู่บ้างล่ะค่ะ”
ูเี่อันไม่ใช่คนที่ชอบทำตัวติดกับคนอื่นเื่นี้ลู่เป๋าเหยียนรู้ดีแต่เมื่อถูกเลขาพูดแบบนี้ เขาจึงวางกาแฟในมือลง
“ให้พวกเขาเลิกงานได้”
พูดจบเขาก็เดินตรงไปที่ลิฟต์ทันที
เมื่อเลขาสาวเดินไปแจ้งให้ทุกคนเลิกงานบรรดาพนักงานที่เตรียมใจทำโอทีจนดึกต่างพากันประหลาดใจ โดยเฉพาะเสิ่นเยว่ชวน
“ผอ.ลู่ล่ะ?”
“กลับไปหาภรรยาแล้วค่ะ”เลขาตอบพลางยิ้มตาหยี “คนที่มีภรรยาหรือมีแฟนแล้วก็รีบกลับบ้านไปหาพวกเธอเถอะค่ะส่วนที่ไม่มีก็รีบกลับไปพักผ่อนจะดีกว่า พรุ่งนี้ยังมีศึกหนักรอพวกคุณอยู่”
แต่ละคนพากันบิดี้เีอย่างเหนื่อยล้าเสิ่นเยว่ชวนปิดโน้ตบุ๊คของตนลง
“อาซ้อเป็ฮีโร่ของพวกเราแท้ๆ...”
ในตอนนั้นฮีโร่ของพวกเขากำลังนั่งหย่อนกายอยู่ริมแม่น้ำ
ตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้วที่สวนสาธารณะจึงเริ่มเงียบสงบ ไฟข้างทางดับลงเหลือเพียงครึ่งมีเพียงเสียงน้ำกระทบฝั่งเท่านั้นที่ยิ่งชัดเจนเมืองอันแสนวุ่นวายได้เข้าสู่่เวลาแห่งการพักผ่อน
ชานมในมือเธอยังอุ่นๆ อยู่ในขณะที่เธอกำลังยกมันขึ้นมาดื่ม จู่ๆ ก็มีชายแปลกหน้าสองคนปรากฏตัวที่ตรงหน้า
“สาวน้อยไปเดินเล่นกันไหมจ๊ะ”
ชายทั้งสองคนยิ้มยิงฟันเหลืองๆของพวกเขาพลางส่งสายตาหื่นกระหาย จนูเี่อันเริ่มรู้สึกรังเกียจขึ้นมา
“ดึกขนาดนี้มานั่งตรงนี้อยู่คนเดียวคงจะเหงามากล่ะสิใช่ไหม” ชายคนหนึ่งในนั้นยื่นมือมาแตะหน้าเธอ“งั้นเดี๋ยวพวกพี่พาน้องไปเที่ยวดีไหม”
ูเี่อันไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาโดนตัวเธอเป็ทุนเดิมอยู่แล้วเธอเบือนหน้าหลบ จากนั้นจึงจับมือชายคนนั้นและบิดอย่างแรงมือของเขาพลิกไปอีกทางจนเขาส่งเสียงร้องอย่างเ็ป
“ไสหัวไปซะ”น้ำเสียงของเธอในตอนนี้เย็นเยืยบเหมือนลู่เป๋าเหยียนไม่มีผิดพูดจบเธอก็สะบัดมือชายคนนั้นออกไป
แน่นอนว่าพวกเขาไม่คิดจะยอมแพ้ให้กับผู้หญิงอายุไม่เกินยี่สิบต้นๆอย่างเธออยู่แล้ว จึงส่งกำปั้นหนักๆ ลงมาทันที“วันนี้ไม่ว่ายังไงพวกพี่คงต้องพาเธอไปให้ได้แล้วล่ะสาวน้อย!”
ในขณะทีู่เี่อันกำลังประเมินว่าตนพอจะสู้ชายสองคนนี้ได้หรือไม่จู่ๆ คนขับรถก็พาบอดี้การ์ดสองคนเดินมาหาเธอจากนั้นพวกเขาก็จัดการลากชายหื่นกามตรงหน้าเธอเข้าป่าเล็กๆ ด้านหลังไปไม่นานเสียงร้องโอดโอยก็ดังลอยมา...
ูเี่อันยังไม่ทันตั้งสติเงาของคนก็พาดผ่านลงมาจาก้าศีรษะของเธอตามด้วยเสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยที่ดังเข้ามาใกล้
อ้าว? ไหนบอกว่าเที่ยงคืนกว่าถึงจะเสร็จงาน?
เธอหันกลับไปมองอย่างเซอร์ไพรส์เป็ลู่เป๋าเหยียนจริงๆ ด้วย
แสงไฟสลัวสีขาวส่องลงบนใบหน้าคมทำให้เครื่องหน้าของเขายิ่งดูหล่อเหลากว่าทุกที เขากำลังขมวดคิ้วตามมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นก่อนเ้าตัวจะเดินมาถึงเสียอีก
“ูเี่อันรู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว”
อยู่ด้วยกันมาได้สักระยะูเี่อันเริ่มรู้จักนิสัยเขาบ้างแล้วเวลาโกรธเขามักจะเรียกชื่อเธอเต็มยศอย่างนี้นี่เอง
แต่เขาจะโกรธเธอก็คงไม่แปลกเพราะตอนนี้ก็เป็เวลาห้าทุ่มแล้ว ทั้งสวนสาธารณะไม่มีใครอยู่เลยสักคนแถมว่ากันว่าการรักษาความปลอดภัยในเมืองนี้ก็ไม่ค่อยดีอีกด้วย การที่หญิงสาวมานั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวในสถานที่แบบนี้ต้องใช้ความกล้าขนาดไหนกันเมื่อกี้เธอแค่ถูกแซวนิดหน่อยก็นับว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว
ูเี่อันลุกขึ้นพลางพูดเสียงเบา“เลขานายบอกว่า กว่านายจะกลับก็คงเที่ยงคืนให้ฉันอยู่คนเดียวที่โรงแรมน่าเบื่อจะตาย”
นี่เธอกำลังโทษเขา?
ลู่เป๋าเหยียนปรายตามองไปเสียงร้องที่ดังออกมาจากป่าด้านหลังจากนั้นจึงยื่นมือมาหาเธอ
“กลับโรงแรมกับฉัน”
“อืม”ูเี่อันตอบกลับไป พลางส่งมือปล่อยให้เขาจูงเธอเดินผ่านลานกว้างของเมือง
เธอเดินช้ากว่าเขาอยู่หนึ่งก้าวสายลมที่พัดผ่านทำให้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของเขาลอยเข้าจมูกเธอเธอมองแผ่นหลังของเขาที่ตั้งตรงดั่งต้นไวท์พอปลาร์1ย่างก้าวที่ดูน่าเกรงขาม ซึ่งทำให้ทุกคนยอมทำตามเขาทุกอย่างโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดทั้งหมดนี้ทำให้เธอรู้สึก...สบายใจ
“นายกลับมาเร็วแบบนี้งานเสร็จแล้วเหรอ” เธอถาม
ลู่เป๋าเหยียนมองเธอสายตาเย็น“ถ้าฉันไม่กลับมา รู้ไหมว่าพวกนั้นจะลงมือทำอะไรเธอ”
“รู้สิ”เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ “แต่ฉันประเมินดูแล้วทักษะการต่อสู้ของพวกเขาอ่อนด้อยกว่าพี่น้องตระกูลเส้าอีกนะ...”
ลู่เป๋าเหยียนไม่รู้ว่าเธอไปเอาความกล้าหาญแบบนี้มาจากไหนว่าแล้วก็ยิ้มออกมา
“ถ้าเธอประเมินพวกเขาผิดไปล่ะ”
ูเี่อันตอบอย่างไม่ต้องคิด“นายก็กลับมาแล้วนี่ไง!”
เธอพูดด้วยสีหน้าพอใจเล็กๆ
เพราะว่าเขากลับมาแล้วต่อให้เธอประเมินพวกนั้นผิดก็ไม่เป็ไร เพราะอย่างไรก็ยังมีเขาคอยช่วยเธอ
ส่วนเื่ที่ว่าเธอเคยชินกับการส่งมือให้เขาพาเดินจูงไปนู่นไปนี่ั้แ่เมื่อไรก็คงั้แ่ตอนที่เขาเริ่มช่วยเธอออกจากอันตรายทุกครั้งละมั้ง
ชีวิตหลังการแต่งงานสามเดือนของเธอเธอปล่อยใจให้ทุกอย่างมันเป็ไปจนถึงขั้นนี้
เดิมทีลู่เป๋าเหยียนยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างแต่คำพูดของเธอดับเพลิงที่คุกรุ่นอยู่ในใจของเขาได้อย่างชะงัดแค่เพียงรอยยิ้มที่เธอส่งมาให้ ก็ทำให้เชื้อเพลิงดังกล่าวมอดลงอย่างสิ้นเชิง
เขาจูงมือเธอและเร่งฝีเท้าเพื่อเดินกลับโรงแรมให้เร็วขึ้น
ูเี่อันขาสั้นกว่าเขามากเพื่อที่จะตามฝีเท้าเขาให้ทัน เธอต้องเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมมากจึงถามออกไปอย่างสงสัย
“นายเป็คนเดินเร็วแบบนี้เสมอเหรอ”
“ฉันไม่อยากเสียเวลาไปกับการเดินบนถนน”เขาพูดเสียงเย็น
ูเี่อันลองคิดดูก็เห็นด้วยคนงานยุ่งอย่างเขาคงไม่มีเวลามาเดินลอยชายเหมือนเธอ
เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปอีกจู่ๆ ลู่เป๋าเหยียนก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาชะลอฝีเท้าและหันหน้ามาถามเธอ
“อีกหน่อยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนถ้าดึกขนาดนี้แล้วห้ามอยู่คนเดียวข้างนอกอีกเข้าใจไหม”
สายตาจริงจังของเขาจ้องมองเธอเหมือนกับจะดูดเธอเข้าไป
“อืม”ูเี่อันตอบรับเขากลับไปอย่างงงๆ แล้วจึงนึกขึ้นได้ว่านี่เขากำลังกำชับเธออย่างเป็ห่วงงั้นเหรอว่าแล้วมือที่ถูกเขากุมอยู่ก็เริ่มร้อนขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ความร้อนค่อยๆ ลามเข้าไปสู่หัวใจและไล่ขึ้นไปยังใบหน้า
ในใจของเขาคงมีพื้นที่ให้เธออยู่บ้างใช่หรือเปล่า?
ในค่ำคืนอันมืดมิดเหลือเพียงแสงไฟจากยอดตึกสูงที่ยังคงส่องสว่างอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยดวงดาวที่สุกสกาวราวกับอยู่ใกล้พวกเธอเพียงแค่เอื้อมแสงไฟสีขาวตามทางเดินที่ทอดผ่านเข้ามาสะท้อนเงาของเธอกับเขาที่เดินอยู่เคียงข้างกันสายลมแ่เบาที่พัดกลิ่นอายของเขาเข้ามาในลมหายใจของเธอทุกสิ่งทุกอย่างทำให้เธอรู้สึกสบายใจเป็ที่สุด
เมื่อกลับมาถึงโรงแรมลู่เป๋าเหยียนก็หยิบชุดจากกองเสื้อผ้าของเธอ ที่ไม่รู้ว่าคนขับรถเอาขึ้นมาเก็บไว้ให้ั้แ่เมื่อไรพลางพูดว่า
“ไปอาบน้ำ”
อ่างจากุชชี่ที่นี่เป็แบบเดียวกันกับที่บ้านที่ข้างอ่างมีเทียนหอมและไวน์แดงราคาแพงตั้งอยู่ ูเี่อันเทไวน์แดงใส่แก้วจากนั้นจึงลงแช่น้ำอย่างสบายอารมณ์ แต่เมื่อแช่เสร็จก็พบว่าชุดนอนที่เลขาสาวซื้อมาให้เธอนี่มันทดสอบความหนาบนใบหน้าของเธอชัดๆ!
เนื้อผ้าทั้งบางทั้งสั้นอย่างเดียวไม่ว่าแต่สายเดี่ยวเส้นน้อยที่มีก็เหมือนไม่มีนี่มันอะไรกัน? ไหนจะดีไซน์ที่เข้ารูปโชว์สัดส่วนอีกใส่ก็เหมือนกับไม่ได้ใส่อย่างไรอย่างนั้น
หรือว่านี่จะเป็...ชุดนอนยั่วสวาทในตำนาน?
พรุ่งนี้เธอจะต้องไปซื้อชุดใหม่!
เธอคิดอย่างหงุดหงิดพลางเดินออกจากห้องน้ำในขณะเดียวกันคนที่ยืนคุยโทรศัพท์เพิ่งเสร็จอยู่ที่ระเบียงอย่างลู่เป๋าเหยียนก็หันกลับมาพอดี
คนสองคน ตามองตา
วินาทีแรกูเี่อันตาเบิกกว้าง
วินาทีที่สอง สมองเธอขาวโพลนอย่างกับโดนไฟช็อต
วินาทีที่สาม เธอรีบพุ่งไปคว้าเสื้อคลุมพลางจ้องลู่เป๋าเหยียนอย่างใ“นายทำไมยังอยู่ในห้องนี้!”
น่าอายที่สุด!ถ้ารู้ว่าลู่เป๋าเหยียนยังอยู่ เธอยอมขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำไม่ออกมาเลยดีกว่า!
“ไม่ให้ฉันอยู่ในห้องนี้แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหน” ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปากอย่างขำๆ
ูเี่อันจึงรู้ตัวว่าทางโรงแรมไม่ได้จัดให้เธอกับลู่เป๋าเหยียนนอนแยกห้องกัน
พูดง่ายๆ ก็คือคืนนี้พวกเธอสองคนต้องนอนห้องเดียวกัน?
**********************
1 White Poplar หรือต้นไป๋หยาง เป็ต้นไม้ลำต้นตรงแข็งแกร่ง นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในประเทศจีน โดยเฉพาะทางเหนือ เช่น นครปักกิ่ง
