ไม่สนใจการเหนี่ยวรั้งจากทุกคน เนี่ยเทียนเลือกที่จะออกไปจากกลุ่มอย่างเด็ดเดี่ยว
เหตุผลที่เขามอบให้ทุกคนก็คือทะเลทรายเหมาะกับการบำเพ็ญตบะของเขามากกว่า
เหตุผลนี้ แท้จริงแล้วพวกเจียงหลิงและพันเทาไม่เห็นด้วยนัก
เพราะมีเพียงนักพรตที่มีธาตุในการฝึกเป็เปลวเพลิงเท่านั้นถึงจะเพิ่มขอบเขตการบำเพ็ญตบะได้ค่อนข้างเร็วเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็ทะเลทราย
แต่เนี่ยเทียนกลับไม่เคยแสดงออกถึงพร์ธาตุเปลวเพลิงในการฝึกมาก่อน พวกเขาจึงไม่คิดว่าเนี่ยเทียนจะเป็ผู้ฝึกลมปราณที่มีพร์ด้านเปลวเพลิง
ต่อให้ธาตุในการฝึกของเนี่ยเทียนเป็เปลวเพลิงจริง เขตูเาไฟที่พวกเจิ้งปินแห่งอารามเสวียนอู้อยู่ก็ยิ่งเป็สถานที่ที่เหมาะสมในการฝึกบำเพ็ญตบะของเขามากกว่า
ด้วยเหตุนี้ในใจทุกคนจึงรู้ดีว่า เนี่ยเทียนแค่หาข้ออ้างมาแยกตัวออกไปเท่านั้น
พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการคุกคามจากสำนักโลหิตและสำนักภูตผี เหตุใดเนี่ยเทียนถึงยังต้องออกไปจากกลุ่ม
เนี่ยเทียนไม่ได้ให้คำอธิบายที่ที่กระจ่าง เขาแค่แบกเอาเนื้อแห้งหนักหลายร้อยจินของกิ้งก่าดินเดินจากไปเพียงลำพัง
หลังจากแยกตัวออกมาจากคนกลุ่มใหญ่แล้ว เนี่ยเทียนเดินทางเพียงคนเดียวอยู่เกือบครึ่งวัน เลือกสถานที่ที่เปล่าเปลี่ยวซึ่งมีเนินทรายติดต่อกันหลายแห่งแล้วจึงเริ่มเขมือบกลืนเนื้อกิ้งก่าต่อเพื่อนำมาฝึกบำเพ็ญตบะ
เขาไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว ไม่อยากรอให้พลังงานที่แฝงอยู่ในเนื้อแห้งเ่าั้สลายหายไปจนหมดแล้วค่อยมากิน
เขาเสี่ยงอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตแยกจากทุกคนมาก็เพื่อสามารถยืมใช้เนื้อกิ้งก่าดินมาฝ่าทะลุขอบเขตหลอมลมปราณแปดให้ได้เร็วที่สุด
เขาไม่อยากถ่วงเวลาล่าช้าออกไปแม้แต่เค่อเดียว
สองวันต่อมา เื่ที่เขาต้องทำทุกวันก็คือกินอย่างบ้าคลั่ง และฝึกบำเพ็ญตบะอย่างบ้าระห่ำ!
เวลาเพียงแค่สองวัน มหาสมุทริญญาก็ขยายออกไปถึงสามส่วน!
ไม่เร่งรีบเดินทาง ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ใช้เวลาทั้งหมดมาบำเพ็ญตบะ นี่ทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดคิดเอาไว้มาก
ไม่เพียงแต่ขอบเขตหลอมลมปราณเท่านั้นที่ยกระดับขึ้นสูง จากการชุบหลอมเืเนื้อ ขอบเขตที่พลังจิตของเขาปกคลุมออกไปยังบรรลุถึงเก้าสิบเมตร!
เขามีความสุขอย่างมาก ความรู้สึกที่ััได้อย่างชัดเจนว่าตัวเองก้าวหน้าในทุกๆ วัน และค่อยๆ แข็งแกร่งมากขึ้นนั้น ทำให้เขาลุ่มหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น
......
ทะเลทรายร้าง
อวี๋ถงแห่งสำนักโลหิตถือเข็มทิศสีแดงเข้มอยู่ในมือ นางกัดปลายท้องนิ้วแล้วบีบเืแดงสดหนึ่งหยดลงไปบนเข็มทิศ
เืสดหยดนั้นที่มาจากอวี๋ถง พอร่วงลงบนเข็มทิศก็กลายมาเป็เส้นเืเล็กบาง ไหลเวียนไปตามจุดต่างๆ ในเข็มทิศดุจดั่งมีชีวิตและจิตสำนึก
แสงสีเืขมุกขมัวถูกปล่อยออกมาจากเข็มทิศ ทำให้เข็มทิศเผยความลึกลับบางอย่าง
ไม่นานนัก เส้นเล็กบางเ่าั้ก็ค่อยๆ ซึมเข้าไปในเข็มทิศจนหมด และหายวับไป
“จงปรากฏออกมา!” อวี๋ถงเอ่ยเบาๆ
แสงเืจุดเล็กจุดน้อยพลันเปล่งแสงพริบพราวออกมาจากเข็มทิศ แสงสีเืเล็กๆ กระจัดกระจายระยิบระยับ คล้ายกำลังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า
ข้างๆ กัน พวกโม่ซีจากสำนักภูตผี เมื่อเห็นแสงสีเืพวกนั้นปรากฏขึ้นต่างก็พากันเดินเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว
“ไม่เสียแรงที่เป็เข็มทิศโลหิตของสำนักโลหิต ลึกลับเกินคาดเดาจริงๆ ด้วย” โม่ซีเอ่ยชมจากใจจริง
เขารู้ว่าแสงสีเืที่ลอยอยู่บนเข็มทิศเ่าั้ล้วนเป็คลื่นความเคลื่อนไหวของกระแสเื เป็ตัวแทนถึงสิ่งมีชีวิตที่มีเืเนื้อทุกตน
แสงสีเืมากมายรวมอยู่ด้วยกัน เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง หมายความว่ามีคนหลายคนกำลังเดินทาง
“แสงสีเืสิบเก้าจุด หมายถึงสิบเก้าคน หากคิดไม่ผิด คนเหล่านี้น่าจะเป็ผู้ประลองของหอหลิงเป่า และสำนักหลิงอวิ๋น” ตู้คุนมองเข็มทิศตาไม่กะพริบ
“เอ๊ะ!”
อยู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกมาชี้ไปยังจุดสีเืเล็กๆ อีกจุดหนึ่งที่อยู่บนเข็มทิศ กล่าวอย่างแปลกใจว่า “เหตุใดตรงนี้ยังมีคนอีกคนหนึ่งเล่า?”
โม่ซีจ้องมองอย่างนิ่งๆ พบว่าจุดแสงนั้นอยู่ห่างไกลกับแสงอีกสิบเก้าจุดมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน
เพียงแต่ว่าจุดแสงนั่นหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ขยับ
“ข้าคิดว่า คนผู้นี้... น่าจะถูกเตะออกมาจากกลุ่มใหญ่” ตู้คุนแห่งสำนักภูตผีหัวเราะหึๆ “เกรงว่าเขาคงเป็คนที่น่ารังเกียจอย่างมาก ทั้งๆ ที่เ้าพวกนั้นรู้ว่ากำลังถูกพวกเราไล่ล่า แต่ยังเตะเขาออกมาจากกลุ่ม ชัดเจนว่าให้เขาอยู่ลำพังและตายพียงลำพัง มีเพียงคนที่ล่วงเกินทุกคนเท่านั้นถึงจะไม่มีใครรับได้จนถูกผลักไสออกมา ช่างเป็แมลงตัวหนึ่งที่น่าสงสารจริงๆ”
และเวลานี้เอง อวี๋ถงแห่งสำนักโลหิตก็เก็บเข็มทิศไปอย่างฉับพลัน
นางชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “ทางนั้น ห่างไปสามสิบลี้ มีเพียงคนคนเดียว”
“เป้าหมายของพวกเราคือคนกลุ่มใหญ่ของสำนักหลิงอวิ๋นและหอหลิงเป่า แค่คนกระจอกๆ คนเดียว ไม่คุ้มค่าให้พวกเราเปลี่ยนแปลงทิศทาง” โม่ซีขมวดคิ้ว พูดกับตู้คุนว่า “เ้าคนที่ถูกเตะออกมาจากกลุ่มนั่นไม่มีทางใช่เจียงหลิงจูและอันอิ่งแน่นอน นอกจากพวกนางสองคนแล้ว ไม่ว่าใครเ้าก็ล้วนสามารถฆ่าได้สบายๆ”
ตู้คุนกล่าวอย่างรู้ใจว่า “ข้าจะไปกำจัดเขาเอง”
“อืม จัดการเขาได้แล้วก็รีบมารวมตัวกับพวกเรา อย่าถ่วงเวลาล่าช้ามากนัก” โม่ซีกล่าว
“เข้าใจแล้ว”
ภายใต้การชี้ทางจากอวี๋ถง ตู้คุนแห่งสำนักภูตผีจึงแยกจากกลุ่มใหญ่ไปเพียงลำพัง
“ทุกคนเร่งฝีเท้ากันหน่อย จำเป็ต้องสกัดพวกเขาให้ได้ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในเขตูเาไฟ ให้พวกเขาตายอยู่ที่ทะเลทรายร้างกันให้หมด” โม่ซีะโก้อง
“ไปเถอะ!”
......
ตรงกลางของเนินทรายมากมาย เนี่ยเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น กางนิ้วทั้งห้าของมือข้างขวาออก
“ฟู่ ฟู่!”
แสงิญญามากมายหลายเส้นพุ่งออกไปจากปลายนิ้วมือของเขา
แสงิญญาเ่าั้เปลี่ยนแปลงไปตามความคิดของเขา วนเวียนล้อมรอบนิ้ว ประหนึ่งดั่งงูสายฟ้าตัวเล็กเรียวยาวที่ลอดทะลุไปมา
“พลังิญญาหลุดออกจากร่างของขั้นที่เจ็ด” เนี่ยเทียนพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
เวลานี้เขาเพิ่งจะกินเนื้อแห้งปริมาณมากเข้าไป ท้องกำลังย่อยเนื้อสัตว์วิเศษเ่าั้ ยังไม่ทันมีพลังงานแผ่กระจายออกมา
ก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เริ่มโคจรคาถาหลอมลมปราณ เขาทดลองร่ายพลังิญญาออกจากร่างตามขอบเขตหลอมลมปราณขั้นเจ็ด
ความราบรื่นอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขา เมื่อพลังิญญาของเขาไล่ไปตามเส้นชีพจร ถลาไปยังปลายนิ้ว พลังิญญาเป็กลุ่มเป็ก้อนเ่าั้สามารถแผ่ออกจากปลายนิ้วของเขาได้โดยไร้อุปสรรคใดๆ
แสงิญญาที่เกิดจากการรวมตัวกันของพลังิญญาเปล่งประกายแสงอยู่ตรงปลายนิ้ว เมื่อหลุดออกไปจากปลายนิ้วได้หมด เขาก็มีการค้นพบอย่างน่าตกตะลึงอีกครั้ง
ต่อให้แสงที่มาจากพลังิญญาของเขาเ่าั้จะหลุดออกไปจากร่างของเขาแล้ว แต่เขาก็ยังคงััได้ว่า เขาสามารถควบคุมมันผ่านพลังจิตได้!
มองเห็นแสงิญญาที่เคลื่อนไหวได้ตามใจ ใบหน้าของเนี่ยเทียนเต็มไปด้วยความเบิกบานพึงพอใจ
เขาแอบมีความรู้สึกได้รางๆ ว่า ยิ่งพลังจิตแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ การรับััต่อพลังิญญาก็ยิ่งเฉียบคม การควบคุมก็ยิ่งประณีตละเอียดอ่อนมากเท่านั้น
และเขา เดิมทีก็มีพลังจิตที่แข็งแกร่งั้แ่เกิดอยู่แล้ว หลังจากผ่านการฝึกฝนกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งใน่เวลาที่ผ่านมา พลังจิตของเขาจึงยกระดับขึ้นสูงในทุกๆ วัน
ตอนนี้ขอบเขตที่กระแสจิตของเขาปกคลุมได้ขยายไปถึงหนึ่งร้อยเมตรแล้ว!
นี่หมายความว่าพลังจิตของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เหนือล้ำเกินกว่าผู้ฝึกลมปราณในระดับเดียวกัน
พลังจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่ง ช่วยประคับประคองพลังิญญา เมื่อพลังิญญาแต่ละกลุ่มก้อนหลุดออกไปจากร่างกาย พลังจิตที่แข็งแกร่งของเขาทำให้เขาสามารถเปลี่ยนแปลงพลังิญญาที่หลุดออกจากร่างได้อย่างพิถีพิถัน สามารถนำไปใช้ได้ดังใจปรารถนา
“เยี่ยมไปเลย!” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้น
และเวลานี้เอง เนื้อสัตว์วิเศษที่เขากินเข้าไปก่อนหน้านั้น พอถูกย่อย มันจึงค่อยๆ เกิดเป็พลังงาน
เนี่ยเทียนทำจิตใจให้สงบทันที ไม่เสียเวลาต่อ เตรียมใช้คาถาหลอมลมปราณมาฝึกบำเพ็ญตบะ
เนื้อกิ้งก่าดินหลายร้อยจิน หากเขากินมันได้หมดก่อนหน้าที่จะเกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง นำพลังงานมาบำเพ็ญตบะ เขาเชื่อว่าเขาสามารถใช้เนื้อสัตว์วิเศษเ่าั้มาช่วยให้ฝ่าทะลุหลอมลมปราณขั้นแปดได้ในระยะเวลาสั้นๆ
“สวบ สวบ!”
เสียงฝีเท้าที่ชัดเจนดังขึ้นกะทันหัน และเสียงก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ
เนี่ยเทียนที่เดิมทีคิดจะฝึกบำเพ็ญตบะพลันหน้าเปลี่ยนสี ไม่มีเวลาให้คิดมาก รีบปล่อยพลังจิตออกไปััความผิดปกติรอบด้านทันที
เขารู้ว่าพวกคนของสำนักหลิงอวิ๋นและหอหลิงเป่าเวลานี้ล้วนกำลังเร่งเดินทางไปยังเขตูเาไฟ ไม่มีทางมาที่นี่ได้
ผู้ที่มาย่อมเป็ลูกศิษย์ของสำนักภูตผีและสำนักโลหิตอย่างแน่นอน หรือไม่ก็เป็สัตว์วิเศษของทะเลทรายร้าง
ที่เขาแผ่กระแสจิตออกไปเพราะ้าแน่ใจในจำนวนของอีกฝ่าย และตัดสินใจว่าจะหนีไปดีหรือไม่
“มีแค่คนเดียว!”
หลังจากนั้นเขาก็เก็บกระแสจิตทันที แล้วจึงลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อนอะไร
“สวบ สวบ!”
เสียงฝีเท้าถูกเน้นหนักอย่างจงใจ ดูเหมือนว่าผู้ที่มาเยือนจะไม่กังวลว่าเขาจะหลบหนี จึงจงใจสร้างสถานการณ์ข่มขวัญเขา
เนี่ยเทียนสีหน้าผ่อนคลาย หลังจากแน่ใจแล้วว่ารอบด้านมีเพียงแค่คนเดียว เขาไม่เพียงไม่ตื่นเต้น ในใจยังแอบมีความรู้สึกฮึกเหิมด้วย
“เป็เ้ารึ?”
ไม่นานตู้คุนแห่งสำนักภูตผีก็เผยกายอยู่บนเนินทรายแห่งหนึ่ง
“เ้าไม่หนีหรอกรึ?” เขากล่าวด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
“ที่แท้ก็เ้านั่นเอง” พอเขาปรากฏตัว เนี่ยเทียนก็จำได้ในทันทีเช่นกัน เขาแสยะปากยิ้ม กล่าวว่า “มีแค่เ้าคนเดียว เหตุใดข้าต้องหนีด้วยเล่า? คนอื่นๆ เล่าอยู่ใกล้ๆ นี้หรือไม่?”
“คนอื่นๆ รึ? หึหึ เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใคร ก็แค่คนคนหนึ่งที่ถูกเตะออกจากกลุ่ม มีค่าพอให้ทุกคนเปลี่ยนทิศทางเพื่อมาหาเ้าอย่างนั้นหรือ?” ตู้คุนกล่าวเสียดสี
“ดีมาก ในเมื่อมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ต่อเถอะ!” เนี่ยเทียนชิงลงมือทันที
-----