บทที่ 125 หน้าร้านถูกแย่ง
แซ่อันกับแซ่โจว ยังต้องถามอีกเหรอว่าใคร?
แน่นอนว่าเป็โจวเป่าเฉิงกับอันฉิน
“อันฉินคนนี้ใจดำจริงๆ ” ลู่ซือหยวนด่าด้วยความโมโห “ส่วนโจวเป่าเฉิง ฉันเคยคิดว่าเขาไม่เลวเลยนะ”
แต่ก็แค่ถูกเหอเสวี่ยฉินตามใจจนเสียคน
ตอนนี้ดูแล้ว เธอตาบอดไปจริงๆ
“จริงๆ ก็ไม่เห็นมีอะไร” สวี่จือจือพูด “ร้านนั้นทำเลก็งั้นๆ พี่ไม่ต้องโมโหขนาดนี้หรอก พวกเราไปหาใหม่ก็ได้ค่ะ”
“ทำไมเธอไม่โกรธเลยล่ะ?” ลู่ซือหยวนงงแล้วถาม “พวกเขามาเปิดศึกกับพวกเราเลยนะ”
“ฉันรู้” สวี่จือจือยิ้มแล้วพูด “เพราะงั้นพี่หยวนหยวน ตอนนี้สิ่งที่พี่ต้องทำคือปกป้องสูตรลับของพี่ให้ดี”
“ซื้อซาลาเปาจะมีสูตรลับอะไร?” ลู่ซือหยวนหัวเราะ
“ทำไมจะไม่มีคะ?” สวี่จือจือมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูแคลน “สัดส่วนไส้ของพี่นั่นแหละคือสูตรลับ ไม่งั้นทำไมไส้ที่พี่ทำถึงอร่อย ทั้งที่วัตถุดิบเหมือนกัน แต่ของฉันทำไมถึงไม่อร่อย? อย่าให้คนอื่นมาเรียนรู้ไปได้” เธอพูดต่อ “พวกเราเพิ่งมาดูหน้าร้าน ฝั่งนั้นรู้แล้ว ต่อไปต้องระวังให้มาก”
“ได้สิ” ลู่ซือหยวนคิดๆ แล้วก็กังวล “แล้วพวกเราจะปล่อยไปแบบนี้เหรอ?”
ให้สองคนนั้นได้ประโยชน์ไปฟรีๆ?
“จะเป็ไปได้ยังไงคะ” สวี่จือจือพูด
เธอวางแผนมานานขนาดนี้ ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผล แล้วจะยอมให้ผลงานตัวเองตกไปอยู่ในมือคนอื่นฟรีๆ ได้ยังไง โดยเฉพาะคนอย่างอันฉิน?
“แถวนี้ไม่ได้มีแค่ร้านเดียวที่ขายซาลาเปาได้” สวี่จือจือพูด
จริงๆ เธอเล็งหน้าร้านข้างประตูหน้าสถานีไว้นานแล้ว มันเล็กกว่าร้านที่อันฉินซื้อไปหน่อย แต่พวกเธอขายแค่ซาลาเปากับโจ๊ก ร้านใหญ่แต่สิ้นเปลือง
“ฉันรู้ว่าร้านแถวนั้นดีกว่า” ลู่ซือหยวนพูด “แต่ว่าของดีแบบนี้จะมาถึงพวกเรายังไง?”
“อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ทำไมพี่ถึงยังไม่ตื่นตัวสักที?” สวี่จือจือถามอย่างลึกลับ “พี่ไม่เห็นเหรอว่าฉันมีโชคติดตัว? ั้แ่อยู่กับฉัน โชคของพี่ก็ดีขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
ก็จริงอยู่
แต่ว่ามีโชคติดตัวนี่มันหมายความว่ายังไง? แล้วทำไมลู่จิ่งซานบ้านเธอถึงไม่มีโชคดีแบบนี้บ้าง?
“ลู่จิ่งซานพลังเยอะเกินไป ฉันสู้เขาไม่ไหว” สวี่จือจือเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็รู้ว่าคิดอะไร เธอแบมือ “เื่พวกนี้พี่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้สิ่งที่พี่ทำได้คือตั้งใจคิดว่าจะทำซาลาเปายังไงให้ดี”
ทั้งคู่คุยกันอยู่ ฝั่งตรงข้ามมีคู่ชายหญิงเดินมา ผู้หญิงมองทั้งสองคนด้วยท่าทางได้ใจแล้วยิ้มพูดว่า “พวกเธอมาดูหน้าร้านเหรอ? พวกเราเองก็ด้วย” เธอปิดปากหัวเราะ “แต่พวกเราเร็วกว่า จองหน้าร้านไปแล้ว”
คนที่พูดคงไม่พ้นอันฉินที่ลู่ซือหยวนเพิ่งด่าไป ส่วนผู้ชายแน่นอนว่าเป็โจวเป่าเฉิง
“เธอ!” ลู่ซือหยวนได้ยินก็โมโห จะด่าก็ถูกสวี่จือจือห้ามไว้
“งั้นก็ยินดีด้วยนะ” เธอยิ้มจางๆ
“ฉันจะบอกอะไรพวกเธอให้นะ” อันฉินไม่เห็นความโกรธบนหน้าสวี่จือจือเลยสักนิด กลับรู้สึกเหมือนชกหมัดลงบนปุยนุ่น ก็อึดอัดจนไม่พอใจ “พวกเราไปสืบมาแล้ว แถวนี้ไม่มีร้านไหนจะขายหรือให้เช่าอีกแล้ว”
เพราะงั้นอยากจะเปิดร้านซาลาเปาที่นี่ ฝันไปซะเถอะ
สวี่จือจือเมื่อก่อนเก่งนักไม่ใช่เหรอ? สนิทกับคนในสถานีขนส่งแล้วยังไง? สุดท้ายก็แค่ปูทางให้เธออยู่ดี
สมัยก่อนอันฉินอยากแต่งงานกับโจวเป่าเฉิง เพราะเห็นเหอเสวี่ยฉินและตระกูลลู่ที่อยู่เื้ั แต่พอแต่งไปถึงรู้ว่าคุณนายลู่ใจร้ายมาก เธอไม่มีโอกาสได้อะไรจากตระกูลลู่เลย แต่โชคชะตาก็พลิกผัน
ใครจะรู้ว่าโจวเป่าเฉิงที่ดูไม่เอาไหนจะมีพ่อที่เก่งขนาดนี้
ที่สำคัญพ่อคนนี้มีลูกชายแค่โจวเป่าเฉิงคนเดียว ของดีอะไรก็ยกให้โจวเป่าเฉิงก่อน พอได้ยินเธออยากเปิดร้านซาลาเปาในตัวอำเภอก็ติดต่อคนจัดการร้านนี้ให้ทันที
แน่นอนอันฉินทำซาลาเปาเป็ที่ไหนกัน แต่เธอชอบแย่งของของสวี่จือจือเท่านั้น
ทำซาลาเปาไม่เป็แล้วยังไง? ตอนนี้เธอมีเงิน จะจ้างคนมาทำสักสองคนก็ได้
แค่ซาลาเปาเอง จะมีอะไรนักหนา?!
คิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มสะใจบนหน้าอันฉินยิ่งชัดเจน “น่าเสียดายจัง พวกเธออยากเปิดร้านซาลาเปา กลัวต้องไปที่อื่นแล้วล่ะ”
“อย่ามาได้ใจนัก” ลู่ซือหยวนพูดด้วยความโมโห
“พี่หยวนหยวน” สวี่จือจือควงแขนอีกฝ่าย “เจอหมาบ้าบนถนนต้องทำยังไงคะ?”
ลู่ซือหยวนอึ้ง
“แน่นอนว่าต้องหลบให้ไกล” สวี่จือจือพูด “ถ้าถูกหมาบ้ากัดจะทำยังไง? หรือจะกัดกลับ?”
“เพราะงั้น” เธอลากลู่ซือหยวนที่กำลังโมโห “พี่จะโกรธทำไม? ร่างกายเป็ของพี่ โมโหกับของไม่เกี่ยวข้องแบบนี้ไม่คุ้มเลยค่ะ”
เพราะงั้นเธอไม่เคยโกรธคนที่ไม่สำคัญ
“เธอ! สวี่จือจือ” อันฉินะโ
“ฉันไม่เหมือนเธอ ไม่ได้หูหนวก ไม่ต้องะโดังขนาดนั้น” สวี่จือจือพูดจางๆ “คนไม่รู้ยังนึกว่าเธอชอบฉันมากแค่ไหน อีกอย่างฉันขอเตือนสักคำ ผู้หญิงโกรธบ่อยๆ ไม่ใช่แค่แก่เร็วเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงเป็มะเร็งเต้านมด้วย ต่อไปอาจไม่มีอะไรตรงนั้นเลยก็ได้” เธอชี้ไปที่หน้าอกอันฉิน “จุ๊ๆ…น่าสงสารจัง”
“เธอกล้าแช่งฉัน” ถึงเธอจะไม่รู้ว่ามะเร็งเต้านมคืออะไร แต่คำว่ามะเร็งนั้น เธอรู้ว่ามันตายได้
“ฉันแค่บอกความเป็ไปได้เท่านั้น” สวี่จือจือยักไหล่ “ถ้าไม่อยากฟังก็คิดซะว่าฉันไม่ได้พูด”
คนเราทำไมลืมความเ็ปง่ายจัง? ตอนนั้นใครกันที่จ้องเธอจนตาเหล่? ทำไมไม่เคยจำบทเรียนบ้างนะ?
สวี่จือจือส่ายหน้าควงแขนลู่ซือหยวนเดินไป ทำเอาอันฉินโมโหจนกระทืบเท้าอยู่ข้างหลัง
“อุ๊ย” ลู่ซือหยวนกำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงอันฉิน เธออดหันกลับไปมองไม่ได้ เห็นอันฉินนั่งอยู่กับพื้น “ส้นรองเท้าฉัน!”
ที่แท้สะดุดจนส้นรองเท้าหลุด
แปลกจริงๆ
ลู่ซือหยวนมองสวี่จือจือด้วยความประหลาดใจ
ในหัวนึกถึงคำที่สวี่จือจือพูดเมื่อกี้
ดูเหมือนว่าใครที่ทำไม่ดีกับสวี่จือจือ มักจะโชคร้าย อย่างหวังซิ่วหลิงแม่ลูกบ้านตระกูลสวี่ เหอเสวี่ยฉินบ้านเธอ และตอนนี้ก็อันฉิน
แต่ละคน…หลังจากมีเื่กับสวี่จือจือ ไม่มีใครมีจุดจบที่ดีเลย
“ทำไม?” ทันใดนั้นเด็กสาวก็หันหน้ามองลู่ซือหยวน ดวงตาผลซิ่งสวยยิ้มแย้ม “มองฉันอย่างตั้งใจขนาดนี้ คงไม่ได้ชอบฉันหรอกนะคะ?”
ลู่ซือหยวน “…”
“หรือเพิ่งจะเชื่อว่าอยู่กับฉันแล้วโชคดี?” สวี่จือจือมองอีกฝ่ายอย่างรำคาญ “พี่ตื่นตัวช้าไปหน่อยนะ”
สมกับเป็พี่น้องกับลู่จิ่งซานจริงๆ!
.............................