เล่มที่ 1 บทที่ 12
“เ้าเด็กโง่ ถ้า้าให้นางตาย ทำไมจะต้องรอเป็เวลาหลายปีถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? เมื่อซูชิงหย่าตายไป ก็สามารถปล่อยให้นางลงไปพร้อมกับซูชิงหย่าได้แล้ว”
น้ำเสียงของอนุหนิงเต็มไปด้วยความรังเกียจ เมื่อพูดถึง ‘ซูชิงหย่า’ สามคำ ในคำพูดเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
แต่มู่หรงฉิงกลับรู้สึกประหลาดใจ อนุหนิงพูดเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไรหรือ? หรือว่าการตายของท่านแม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอนุหนิง? ทว่าท่านแม่เสียชีวิตเนื่องจากป่วยหนักไม่ใช่หรือ?
“ใช่แล้ว ท่านแม่เป็คนมีวิธีการ ส่งแม่ของนางลงไปก่อน หลังจากนางไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว พวกเราก็ส่งนางลงไปหาแม่ของนาง” มู่หรงยวี่หัวเราะคิกคักเมื่อพูดถึงตรงนี้
“เ้าก็จะต้องได้เห็นนางพบเจอกับความลำบากอย่างแท้จริง นางกินยาแล้ว ถึงได้นอนหลับเป็ตาย เ้าเห็นแล้ว จะทำอย่างไรหรือ? จัดการนางเวลาที่นางตื่นจะไม่ดีกว่าหรือ?”
“ข้าก็แค่อยากจะมาดู อยากจะมาดูหนังหน้าที่สงบเสงี่ยมเช่นนี้ของนาง ข้ากำลังคิดว่า ในวันข้างหน้า นางคงทำได้แค่นอนอยู่ข้างๆ คนโง่เง่าคนนั้นอย่างสยองขวัญเท่านั้น แค่คิดยวี่เอ๋อร์รู้สึกมีความสุขจริงๆ” คำพูดของมู่หรงยวี่เปี่ยมไปด้วยความสุข ราวกับว่านางกำลังเพ้อฝันเกี่ยวกับวันเวลาที่ยากลำบากของมู่หรงฉิงหลังจากแต่งงาน ความคิดนั้นส่งผลให้นางหัวเราะคิกคักออกมาดังๆ
“เ้าก็...” เสียงของอนุหนิงเต็มไปด้วยความรักทะนุถนอม มู่หรงฉิงต้องบีบมือของตนเองไว้แน่น นางถึงได้ไม่สูญเสียการควบคุมและกระโจนไปฆ่าสองแม่ลูก
“วันนี้สำเร็จได้ก็ต้องขอบคุณกลอุบายทั้งหลายของท่านแม่ เพียงแต่ลูกไม่เข้าใจว่า เหตุใดท่านแม่ถึงได้มั่นใจนักว่านางจะถูกหลอก?” หลายคนเดินไปที่โต๊ะและจิบน้ำชา มู่หรงฉิงก็กางหูเพื่อฟังเช่นกัน นางอยากรู้เช่นเดียวกันว่า อนุหนิงวางกลอุบายเ่าั้ได้อย่างไร
“นางฉลาดหลักแหลมแล้วอย่างไร ท้ายที่สุดนางก็มีจิตใจดี ถ้านางไม่ไว้ใจยวี้เอ๋อร์มากนัก เหตุการณ์ในวันนี้คงไม่เกิดขึ้น” อนุหนิงพูดพลางเหลือบมองไปทางยวี้เอ๋อร์โดยปราศจากอารมณ์ใดๆ “เื่การเย็บปักถักร้อยของมู่หรงฉิง พวกเรารู้มานานแล้ว แต่พวกเราก็ทำเป็ไม่รู้ไปก่อน จากนั้นทำให้มู่หรงฉิงสงสัยว่าในเรือนของนางมีหนอนบ่อนไส้ เวลาถัดมาหลิ่วชิงก็มาพูดตักเตือน นางจะไม่สงสัยจื่อเอ๋อร์และปี้เอ๋อร์ได้อย่างไร? ใช้โอกาสใน่เวลาที่นางหันเหความสนใจ ยวี้เอ๋อร์ก็ได้มอบจี้หยกที่ซ่อนไว้เมื่อสองสามเดือนก่อนให้กับคุณชายเลวนั่น จากนั้นนำคุณชายเลวคนนั้นไปที่เรือนรับรองแขก”
เข้าใจแล้ว ปรากฏว่าหลิ่วชิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับอนุหนิงจริงๆ ด้วย
“ยวี้เอ๋อร์ติดตามมู่หรงฉิงมาโดยตลอด คุณชายเลวนั่นย่อมไม่เกิดความสงสัยอย่างแน่นอน” มู่หรงยวี่พูดต่อด้วยความตื่นเต้น
แต่มู่หรงฉิงที่นอนอยู่บนเตียงกลับลอบยกยิ้มเ็าอยู่ในใจ ดูท่าว่านางคาดเดาไม่ผิดจริงๆ ทั้งหมดนี้เกิดจากน้ำมือของยวี้เอ๋อร์
“หลังจากเกิดเื่คุณชายเลวนั่น ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องไม่พอใจมู่หรงฉิงอย่างแน่นอน ในเวลาเดียวกันมู่หรงฉิงก็ยังสงสัยในตัวจื่อเอ๋อร์เช่นเดียวกัน นางย่อมไม่สงสัยยวี้เอ๋อร์เป็แน่”
“แต่ท่านแม่ติดต่อกับซูมู่หานได้อย่างไร? ท่านแม่ทำให้เขากล้ามาที่นี่ได้อย่างไรหรือ?” สิ่งที่มู่หรงยวี่สงสัย มู่หรงฉิงเองก็สงสัยด้วยเช่นกัน
“ซูมู่หานคนนั้นดูๆ แล้วก็เรียบร้อยโปร่งใส แต่สันดานจริงๆ ของเขามีความชอบคล้ายๆ กับเ้าเลวนั่น ด้วยการแนะนำเพิ่มอีกเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถเสี่ยงเพื่อกามารมณ์ได้แล้ว” อนุหนิงสูดลมหายใจอย่างเ็า พิสูจน์ให้เห็นว่ากำลังดูถูกซูมู่หาน
“ด้วยกลอุบายลากซูมู่หานเข้ามา มู่หรงฉิงจะต้องสงสัยปี้เอ๋อร์” มู่หรงยวี่ขึ้นเสียง “ในวันข้างหน้ามู่หรงฉิงจะป้องกันตัวจากปี้เอ๋อร์ และเชื่อใจยวี้เอ๋อร์มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน”
“เพียงแต่ท่านแม่ดึงเ้าคนโง่เง่าคนนั้นมาได้อย่างไรหรือ?” มู่หรงยวี่รินน้ำชาให้อนุหนิง น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้ “ได้ยินมาว่าคนโง่งมคนนั้นมีทักษะการต่อสู้ระดับสูง”
“คนโง่งมคนนั้นแม้จะโง่เขลาเบาปัญญา แต่ถึงอย่างไรเขาก็ชอบประลองฝีมือเป็อย่างมาก เมื่อใดที่พบใครก็ตามที่มีทักษะฝีมือระดับสูง เขาจะต้องเข้าไปต่อสู้ด้วย” อนุหนิงพูดจบก็เงยหน้ามองยวี้เอ๋อร์ “ชาที่เ้าส่งมามีปัญหา เ้าไม่กลัวว่าแม่นมรู้สึกตัวขึ้นมาแล้วจะสร้างปัญหาให้เ้าหรือ?”
สายตาของยวี้เอ๋อร์ปราศจากอารมณ์ใดๆ ก่อนลดศีรษะลงเล็กน้อย “บ่าวมีวิธีของตัวเอง อนุหนิงไม่จำเป็ต้องกังวล”
“ทางที่ดีจะต้องหาวิธีให้ได้ ในเวลานั้นเ้าจะต้องไปที่จวนเฉินเพื่อรับใช้ ถ้าเ้าถูกพวกนางสงสัย มันจะส่งผลต่อแผนการของข้า”
“บ่าวรับทราบ”
“ทำไมท่านแม่จะต้องให้นางแต่งเข้าจวนเฉินด้วยล่ะ? แม้จะพูดกันว่านางแต่งงานกับคนโง่งม แต่ท้ายที่สุดแล้วจวนเฉินก็ทำการค้ากับราชวงศ์ย่อมมีหน้าตาชื่อเสียงในเมืองหลวง ลูกจึงรู้สึกขัดใจนัก ลูกเห็นนางได้เป็ภรรยาเอกและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่ได้”
มู่หรงยวี่พูดพึมพำอย่างไม่พอใจ แต่มู่หรงฉิงกลับใจเต้นตึกตัก นางอยากจะรู้เื่นี้ด้วยเช่นกัน
“ค่าสินสอดของนางเยอะมากเช่นนั้น ก่อนหน้าก็พูดคุยกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะเก็บของที่แม่ของนางทิ้งไว้ให้ข้า? แต่ทำไมจะต้องให้เป็สินสอดทองหมั้นแก่นางด้วยล่ะ?”
เมื่อได้ยินเสียงบ่นของมู่หรงยวี่ อนุหนิงถึงกับถอนหายใจเบาๆ “ยวี่เอ๋อร์ อย่าได้มองเพียงของตรงหน้าสิ แม่รอวันนี้มาเป็เวลาสิบปีแล้ว แต่เ้ากลับรอเวลาเพียงสั้นๆ ไม่ได้เชียวหรือ?”
ภายใต้การจ้องมองด้วยความงุนงงของมู่หรงยวี่ อนุหนิงพูดต่อด้วยความรู้สึกโล่งใจ “เ้าไม่จำเป็ต้องคิดมาก เ้าแค่รู้ว่าสินสอดทองหมั้นที่นางเอาไป จะสามารถคืนเป็กำไรกลับมาได้อย่างมากภายในเวลาสองปี ไม่เพียงเท่านี้ มันจะทบกำไรเป็สามเท่า สี่เท่า หรือมากกว่านั้น ไม่เช่นนั้นเ้าคิดว่าทำไมใน่เวลาหลายปีที่ผ่านมา แม่ถึงไม่โลภกำไรจากร้านค้าของนางล่ะ? นอกจากนี้ทำไมข้าถึงไม่อนุญาตให้หัวหน้าร้านเ่าั้คิดเป็อื่น สิ่งที่แม่้าไม่ใช่แค่ของของนาง? แต่แม่้าจะให้เ้าได้เป็ชายาเอกขององค์รัชทายาทในอนาคตต่างหากล่ะ”
“ท่านแม่มั่นใจว่าจะสามารถทำให้ลูกได้เป็ชายาเอกหรือ? เป็ไปได้จริงๆ หรือ?” น้ำเสียงของมู่หรงยวี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“นั่นเป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว หลังจากที่นางแต่งงานออกไปแล้ว แม่ก็จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็ภรรยาเอก ถึงเวลานั้นเ้าก็จะได้เป็บุตรสาวของภรรยาเอก และอีกสามปีหลังจากเ้าเข้าพิธีปักปิ่น เ้าก็จะสามารถเป็ชายาเอกอย่างสง่างาม”
หลังจากฟังเนื้อความเ่าั้ มู่หรงฉิงถึงกับรู้สึกสับสน ร้านค้าเ่าั้อยู่ในการควบคุมของอนุหนิงหรือ? นางคิดเพียงว่าเหล่าหัวหน้าร้านภักดีต่อนาง แต่ไม่นึกเลยว่าหัวหน้าร้านเ่าั้ได้เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเ้านายไปแล้ว
ขณะที่มู่หรงฉิงยังตกอยู่ในภวังค์แห่งความรู้สึกสับสน ทางด้านอนุหนิงและมู่หรงยวี่ได้เดินออกไปพร้อมเสียงสนทนาซึ่งผสานกับเสียงหัวเราะคิกคัก โดยมียวี้เอ๋อร์ทำหน้าที่ดับตะเกียงก่อนจะออกจากห้อง
ภายในห้องจึงกลับมาเงียบสงบ แสงจันทร์เย็นะเืส่องเข้ามาทางประตูหน้าต่าง มู่หรงฉิงรู้สึกเพียงว่าร่างกายของนางหนาวเย็น กระทั่งหัวใจของนางก็พลอยรู้สึกเย็นเยียบไปด้วย
เส้นทางของอนุหนิงได้มีการปูทางมาเป็เวลามากกว่าสิบปี? อนุหนิงทำร้ายท่านแม่ไปแล้ว ตอนนี้อนุหนิงก็คิดจะทำร้ายนางอีก
การเสียชีวิตของท่านแม่ แท้ที่จริงแล้วเป็แผนการของอนุหนิงผู้ร้ายกาจ แต่นางกลับคิดอย่างน่าขันว่า ใน่เวลาหลายปีที่ผ่านมา นางได้ต่อกรกับอนุหนิงสำเร็จ นั่นเป็เพราะนางฉลาดมาก แต่ดูเหมือนว่าอนุหนิงก็แค่เกียจคร้านและมีเวลาว่างถึงได้ต่อสู้กับนางเพื่อฆ่าเวลาก็เท่านั้น
แผนการของอนุหนิงเป็ขั้นเป็ตอน เป็แผนซ้อนแผน เป็เื่ยากที่จะป้องกันตัวได้ นางคิดไปเองว่าตัวเองเป็นักเล่นหมากรุก แต่ที่ไหนได้ั้แ่ต้นจนจบ นางกลับเป็เพียงแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น
อนุหนิงมีจิตมุ่งหมายให้นางแต่งงานกับคนในจวนเฉินด้วยสาเหตุใดกัน? ้าใช้นางเพื่อทำอะไรหรือ?
ยวี้เอ๋อร์ทรยศนางั้แ่เมื่อไร? และทำไมต้องทรยศนางด้วย?
ยวี้เอ๋อร์ทำอะไรกับแม่นมทั้งสองคน? ถึงได้ทำให้สมองของคนทั้งคู่เชื่อกลับหัวกลับหางจากผิดกลายเป็ถูกเช่นนั้น
ท่าทีของปี้เอ๋อร์ก็ดูแปลกพิกลเป็อย่างมาก เป็ไปได้หรือไม่ว่านางไปรู้อะไรมา? จากคำพูดของอนุหนิง นางรู้ว่าปี้เอ๋อร์สามารถเชื่อใจได้ อย่างน้อยก็ไม่มีการทรยศต่อนางในขณะนี้
มู่หรงฉิงรู้สึกสับสนไปหมด ในจังหวะที่นางกำลังจะลุกขึ้นนั่ง นางก็ได้ยินเสียงคนะโข้ามกำแพง และะโมาที่ลานสนามหญ้า
แม่นมทั้งสองได้รับาเ็ กอปรกับการมาเยือนของอนุหนิงยามค่ำคืน ยวี้เอ๋อร์จะต้องทำอะไรบางอย่างแล้วเป็แน่ สำหรับปี้เอ๋อร์ถ้าไม่ใช่เพราะยวี้เอ๋อร์ลงมือทำอะไร เ้าตัวก็คงจะถูกยวี้เอ๋อร์ใช้งานให้ออกจากเรือนไป
ยวี้เอ๋อร์ออกจากห้องไปก่อนหน้านี้ มู่หรงฉิงได้ยินว่านางออกจากเรือนไปพร้อมกับอนุหนิง นั่นก็หมายความว่าเวลานี้ในเรือนของนางย่อมไม่มีคนอื่น
ถ้าเช่นนั้น ผู้ใดกันที่กำลังข้ามกำแพงเข้ามา? เขา้าสิ่งใด?
ในขณะที่มู่หรงฉิงกำลังคิดไตร่ตรอง เสียงฝีเท้าก็ตรงมาทางห้องของนาง
ตามด้วยเสียง ‘แอ๊ด’ ของการเปิดประตู จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ค่อยๆ เบาลงอย่างจงใจราวกับกลัวว่าจะปลุกนางให้ตื่นก็มิปาน
หลังจากวางยา ยวี้เอ๋อร์ไม่ได้กลัวว่านางจะตื่นขึ้นมาอีก ดูจากการกระทำอย่างระมัดระวังของบุคคลนี้ จะต้องไม่ใช่คนเ่าั้อย่างแน่นอน แล้วเป็ใครกัน?
ด้วยเสียง ‘ฟึ่บ’ ของตะบันไฟ ภายในห้องจึงปรากฏแสงไฟจางๆ
มู่หรงฉิงรีบหลับตาเมื่อได้ยินคนนั้นเดินเข้ามาใกล้
“ฉิงเอ๋อร์...”
เสียงของสองคำเปี่ยมไปด้วยความเศร้าใจมาก แต่มันเป็สาเหตุให้มู่หรงฉิงต้องใ
มู่หรงฮ่าว
ทำไมถึงเป็เขา? เขามาที่นี่เพื่ออะไร? อนุหนิงมาเยือนที่นี่ก่อนหน้า เขาก็ไม่ได้มาด้วยกัน แต่เขามาที่นี่ใน่เวลาดึกดื่น เพื่ออะไรกัน?
ระหว่างที่ความคิดของมู่หรงฉิงเต็มไปด้วยความสงสัย ทางด้านมู่หรงฮ่าวถือตะบันไฟด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็เปิดผ้าห่ม และดึงมือของนางออกก่อนเปิดแขนเสื้อของนาง
มู่หรงฉิงเกร็งเครียด ระหว่างที่มู่หรงฮ่าวมองไปที่โส่วกงซา[1] บนแขนของนาง จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่เป็อะไร ไม่เป็อะไร ถ้าถูกคนโง่งมคนนั้นชิงกินไปเสียก่อน ข้าจะต้องเสียใจแย่เลย”
นางไม่ได้สูญเสียความบริสุทธิ์ ทำไมมู่หรงฮ่าวถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก? มู่หรงฉิงไม่ได้คิดอย่างไร้เดียงสาว่า มู่หรงฮ่าวเป็ห่วงนางอย่างแน่นอน
“ฉิงเอ๋อร์… เ้าแต่งงานกับเขา ข้าช่วยอะไรเ้าไม่ได้เลย…” แสงสว่างจากตะบันไฟถูกเลื่อนเข้าใกล้ มู่หรงฮ่าวมองใบหน้ามู่หรงฉิงอย่างระมัดระวัง ยิ่งมองมากเท่าไร ในสายตาของเขายิ่งมีความหลงใหลเพิ่มมากขึ้น
ด้วยสายตาอันร้อนแรงของมู่หรงฮ่าว ทำให้มู่หรงฉิงรู้สึกราวกับสามารถตรวจจับความร้อนซึ่งลุกเป็ไฟได้แม้นางจะหลับตาก็ตาม ในจังหวะที่มู่หรงฉิงไม่อาจอดกลั้นอีกต่อไป จู่ๆ มู่หรงฮ่าวก็ปิดตะบันไฟ จากนั้นกางแขนของเขาพร้อมกระโจนเข้าหามู่หรงฉิง
เด็กสาวไม่อาจเสแสร้งทำเป็นอนหลับได้อีกต่อไปแล้ว นางจึงทำท่าคล้ายละเมอพร้อมเปล่งเสียงอุทาน “เ้าเป็ใคร?”
มู่หรงฮ่าวผงะไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนพูดเบาๆ อย่างอ่อนโยนว่า “ฉิงเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว คือข้าเอง”
“พี่ชายรองหรือ? ดึกๆ ดื่นๆ เช่นนี้ พี่ชายรองมาทำอะไรในห้องของข้าหรือ?” มู่หรงฉิงตำหนิเสียงเข้ม น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเ็า
“ฉิงเอ๋อร์ ในอีกไม่กี่วัน เ้าก็จะแต่งงานกับจวนเฉินแล้ว คนโง่งมคนนั้นจะทำให้เ้าพอใจได้อย่างไร? เขาจะเข้าใจความรักและความอ่อนโยนได้อย่างไร? พี่กังวลว่าฉิงเอ๋อร์แต่งงานไปอยู่ที่นั่นแล้วจะเป็อันตราย จึงมาที่นี่เพื่อสอนฉิงเอ๋อร์”
คำพูดของมู่หรงฮ่าวฟังดูมีคุณธรรมอันสูงส่ง แต่กลับทำให้มู่หรงฉิงรู้สึกหนาวสั่นทั้งร่างกายและจิตใจ
คนบ้า! พวกอนุหนิงแม่ลูกสามคนต่างก็บ้ากันทุกคน
“เ้าคนสารเลว เ้าไม่กลัวว่าท่านพ่อจะรู้เื่นี้แล้วไม่ปล่อยเ้าหรือ?” มู่หรงฉิงเปล่งเสียงอย่างเ็า ก่อนฟาดฝ่ามือไปยังมู่หรงฮ่าวโดยไม่เกรงใจแต่อย่างใด
“ท่านพ่อกำลังหารือถึงเื่ของเ้าในห้องหนังสือกับฮูหยินผู้เฒ่า ท่านพ่อจะมีเวลามาที่นี่เสียที่ไหน” มู่หรงฮ่าวคาดการณ์ได้ว่ามู่หรงฉิง้าจะลงมือ จังหวะที่ลมฝ่ามือพัดเข้ามา เขาก็หลบอย่างเร็วพลัน “เป็สาวเป็แส้เอะอะอะไรก็จะใช้กำลัง ทำไมเ้าไม่เรียนรู้จากยวี่เอ๋อร์บ้างล่ะ จับพู่กันให้มาก เขียนบทกวี ระบายสีก็คงจะดีไม่น้อย”
“ฮึ่ม!” น้ำเสียงเ็าไม่ได้ตอบรับคำพูดของมู่หรงฮ่าว นางะโพรวดออกจากเตียง ก่อนต่อสู้กับมู่หรงฮ่าวในความมืดโดยอาศัยประสาทััและไหวพริบ
แม้มู่หรงฉิงจะเรียนทักษะการต่อสู้มาั้แ่เยาว์วัย แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็ผู้หญิง กอปรกับในตอนแรกของการฝึกทักษะการต่อสู้ ท่านแม่ของนาง้าให้นางเล่าเรียนเพื่อใช้ป้องกันตัว โดยไม่ได้เรียนทักษะที่ลึกลงไปแต่อย่างใด แต่มู่หรงฮ่าวนั้นแตกต่างออกไป อนุหนิงหมายมั่นให้มู่หรงฮ่าวเป็ผู้บัญชาการทหาร ดังนั้น นางจึงให้มู่หรงฮ่าวเรียนทักษะการต่อสู้อย่างเคร่งครัดมาั้แ่ยังเยาว์วัย
หากเป็ในอดีตที่ผ่านมา มู่หรงฉิงต้องพ่ายแพ้แก่มู่หรงฮ่าวก่อนจะถึงกระบวนท่าที่สิบด้วยซ้ำ เนื่องจากความแข็งแกร่งของกำลังภายในของนางยังไม่ถึงระดับนั้น แต่ในวันนี้นางกินยาคลี่คลายร้อยพิษของจ้าวจื่อซิน ไม่เพียงแต่ร่างกายของนางปราศจากผลร้ายจากพิษ นางยังมีกำลังภายในที่แข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย ฉะนั้นหลังจากการต่อสู้ถึงสิบกระบวนท่ากับมู่หรงฮ่าว กำลังภายในของนางก็ยังคงไม่ลดลงแต่อย่างใด
“กำลังภายในของเ้าลึกซึ้งถึงเพียงนี้ั้แ่เมื่อไร?” มู่หรงฮ่าวใ ด้วยกำลังภายในของมู่หรงฉิงไม่ด้อยไปกว่าเขา หากพิจารณาจากพลังฝ่ามือ กำลังภายในของนางอาจจะสูงกว่าเขาก็เป็ไปได้
เมื่อตระหนักถึงข้อสำคัญ ความคิดอยากจะสร้างความอบอุ่นของมู่หรงฮ่าวก็ไม่เหลืออีกต่อไป เขาได้แต่พยายามระวังตัวให้มาก
เขามาที่นี่โดยที่อนุหนิงไม่รู้ด้วย หากท่านพ่อรู้เื่ขึ้นมา ถึงเวลานั้นเกรงว่าอนุหนิงก็ไม่อาจปกป้องเขาได้
เดิมทีคิดว่าแม้มู่หรงฉิงจะแค่มีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง ถึงอย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้เขาก่อนถึงสิบกระบวนท่าเป็แน่ เขาถึงได้กล้าจะทำให้มู่หรงฉิงตกเป็ของเขาก่อนแต่งงาน
แต่ไม่นึกเลยว่ากำลังภายในของมู่หรงฉิงกลับแข็งแกร่งและลึกซึ้งถึงเพียงนี้
-------------------------------
[1] โส่วกงซา คือจุดแดงพรหมจรรย์ที่ข้อมือของผู้หญิงเพื่อเป็เครื่องหมายของการรักษาความบริสุทธิ์