จากนั้นไม่พูดไม่จาและรีบพาหลิวชิวเซียงเดินผ่านห้องครัวไป
ขณะนี้ตั้งแท่นบูชาไว้เรียบร้อย ้ามีข้าวเหนียวปั้นโรยงาทอด ไก่ตัวอ้วนสีเหลืองหนึ่งตัว ปลาหนึ่งตัวกับตะเกียบหนึ่งคู่ และเหล้าหนึ่งจอก
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ซินแสสวีนำแก้วอีกใบรินเหล้าไปทั้งสี่ด้านของแท่นบูชา เป็อันได้ฤกษ์มงคลพอดี
“ยามมงคลมาถึง!”
คำพูดเพียงไม่กี่คำ แต่ซินแสสวีกลับพูดเอื้อนได้ยืดยาว หางเสียงยังร้องเสียงสูงด้วยเล็กน้อย
หลิวเต้าเซียงมองเขาอย่างมีความสุข แต่เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นกําลังจุดธูปที่มือซ้าย จึงไม่เข้าใจว่าทำไปด้วยเหตุใด
หลิวชิวเซียงอธิบายเสียงเบา “ข้าได้ยินคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านพูดว่า ในการบูชาเทพเ้า ใช้มือซ้ายนั้นดี ส่วนมือขวานั้นชั่วร้าย ดังนั้นจึงต้องใช้มือซ้ายปักธูป”
หลิวเต้าเซียงแอบไตร่ตรอง คงไม่ใช่เพราะคนที่เริ่มต้นธรรมเนียมนี้ถนัดมือซ้าย จากนั้นคนก็เห็นว่าไม่ได้ใช้มือขวา จึงเกิดการแตกฉานเป็ความรู้เล่าขานว่า มือซ้ายดี มือขวาชั่ว
ไม่ว่าความจริงจะเป็อย่างไร!
หลังจากซินแสสวีปักธูปเสร็จ ก็ให้คนในครอบครัวของนางขึ้นมาปักธูปและกราบไหว้เทพเ้า
เมื่อบูชาน้ำชาและเหล้าให้แก่เทพเ้าซิ้งเรียบร้อย ก็รับซูเหวินจากมือลูกศิษย์ชายมา เป็ภาพที่วาดโดยใช้สัญลักษณ์บางอย่างบนกระดาษ ความหมายโดยรวมน่าจะกล่าวว่าครอบครัวหลิวซานกุ้ยย้ายบ้านใหม่ ขอท่านเทพเ้าซิ้งปกปักษ์คุ้มครองให้ครอบครัวนี้ปราศจากทุกข์ภัย คุ้มครองให้บ้านนี้มีข้าวหอมกรุ่น และเนื้อที่เต็มไปด้วยน้ำมัน!
มีกินมีใช้ ชีวิตก็นับว่าดีมากแล้ว
หลิวเต้าเซียงมองไปที่ซินแสสวีเผาซูเหวิน ตามด้วยกระดาษเงินกระดาษทองเพื่อขอบคุณเทพเ้าซิ้ง แล้วจึงพาคนทั้งหมดโค้งคำนับ จากนั้นหลิวซานกุ้ยกับจางกุ้ยฮัวจึงดึงธูปออก ซินแสสวีบอกอีกว่าให้ดูเวลาและจัดการปูเตียงให้เสร็จในยามมงคล
ในสมัยโบราณมักจะพิถีพิถันกับการปูเตียงอย่างยิ่ง เมื่อไปถึงเรือนกลาง ซินแสสวีขอวันและเวลาเกิดของหลิวซานกุ้ย จากนั้นจึงคำนวณอย่างแม่นยำ ขณะนั้นหลิวซานกุ้ยได้เอ่ยถามขึ้น “ของภรรยาข้าไม่ต้องใช้หรือ?”
ซินแสสวีเดิมทีกำลังหลับตาและใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายชูขึ้นคำนวณอะไรบางอย่าง
“สามีนำภรรยาตาม เตียงหลักในบ้านย่อมต้องอิงตามหัวหน้าครอบครัว”
หลิวซานกุ้ยเห็นว่าซินแสสวีกล่าวเช่นนี้จึงไม่พูดอะไรต่อ
อาจเป็เพราะซินแสสวีรู้เื่เกี่ยวกับโจวอี้ [1] ไม่นานนักก็คำนวณเสร็จ
“เ้าบ้านหลังนี้ชะตาธาตุทอง ตำแหน่งห้องนอนควรหันไปทางทิศตะวันตก” ขณะพูดก็เดินนำทุกคนเข้าไปยังห้องโถง ตามด้วยห้องทิศตะวันตก
จางกุ้ยฮัวกระซิบจากด้านหลัง นางอยากยกห้องทิศตะวันตกนี้ให้บรรดาบุตรสาว!
ซินแสสวีไม่นึกรําคาญเมื่อได้ยินเช่นนั้น และพูดเพียงว่า “ห้องปีกตะวันตกสามารถยกให้ใครก็ได้ แต่เดิมคือทิศตะวันออกเป็ที่เคารพนับถือ แต่เ้าของบ้านหลังนี้ได้ถูกกําหนดให้มีธาตุทองเป็สิริมงคล ต้องอยู่อาศัยด้านทิศตะวันตก ส่วนฟากตะวันออก สามารถเก็บไว้เป็ห้องรับรองแขก”
หลิวซานกุ้ยยิ้ม เขาคิดไว้อย่างดี หากเอาไว้พักอาศัยไม่ได้ก็จะทำเป็ห้องตำราไว้ ถึงอย่างไรคนในบ้านก็รู้หนังสือ ถึงตอนนั้นก็ซื้อตำราทั่วไปกลับมา เพื่อให้บุตรสาวทั้งหลายได้อ่านตำราเปิดโลกกว้างยามว่าง
“ซินแส เช่นนั้นข้ากับภรรยาจะย้ายเตียงไม้มาห้องทางนี้”
ถึงอย่างไรตัวบ้านก็ทำความสะอาดหมดแล้ว เตียงไม้สี่เตียงที่ใช้ในบ้านก็จัดวางไว้ตรงห้องโถง
ในยุคสมัยนี้เตียงนั้นใช้ไม้ประกอบกัน ไม่จำเป็ต้องใช้ตะปูหรือตะปูควงแต่อย่างใด
หลิวซานกุ้ยกับจางกุ้ยฮัวช่วยกันยกข้าวของไปทางนั้น ส่วนสองพี่น้องไม่ได้อยู่เฉย ช่วยกันขนแท่นไม้ย้ายไปที่ห้องทิศตะวันตก
ไม่นานนัก สองสามีภรรยาก็ประกอบเตียงไม้เสร็จสิ้น
จากนั้นก็ถึงคราวของสามพี่น้อง หลิวชิวเซียงนั้นมีชะตาธาตุไม้ จึงเลือกห้องปีกตะวันออกทิศเหนือ ตำแหน่งหัวเตียงตั้งไปทางด้านตะวันออก หลิวเต้าเซียงธาตุไฟ ได้ห้องปีกตะวันออกทิศใต้ หัวเตียงตั้งไปทางทิศใต้ ส่วนหลิวชุนเซียงธาตุเดียวกับหลิวซานกุ้ย ด้วยเหตุนี้จึงเลือกห้องปีกตะวันตกทิศเหนือเช่นกัน รอเพียงนางเติบใหญ่กว่านี้ก็จะให้นางนอนห้องเดี่ยว
หลังจากจัดการเื่ราวเหล่านี้เสร็จเวลาก็ล่วงเลยมาตอนสายๆ แล้ว สองสามีภรรยาเชิญซินแสกับลูกศิษย์ทั้งสองอยู่ทานอาหารด้วยกันก่อน แต่ซินแสสวีบอกว่ามีนัดบ้านหลังต่อไป ซึ่งมีฤกษ์ยามที่คำนวณไว้แล้ว จึงต้องรีบไปให้ทัน
จางกุ้ยฮัวจึงได้แต่ห่อซองแดงให้เขาหนึ่งซอง
สายตาของหลิวเต้าเซียงนั้นว่องไว เห็นว่าซองแดงที่มารดาถืออยู่นั้นไม่ใหญ่แต่ตัวซองกลับไม่เรียบ นางหางตากระตุกจึงแอบกระซิบถามหลิวชิวเซียง
“ท่านพี่ รู้หรือไม่ว่าท่านแม่ห่อให้เท่าใด?”
หลิวชิวเซียงขบริมฝีปากล่างและตอบว่า “ข้าเหมือนจะได้ยินท่านแม่บอกว่า หากจะแสดงความนับถือก็ต้องหนึ่งตำลึง!”
หลิวเต้าเซียงยิ้ม ใช้เงินหนึ่งตำลึงซื้อความสบายใจของท่านแม่ คุ้มค่ายิ่งนัก!
เมื่อสองสามีภรรยาส่งซินแสสวีออกจากบ้านไป ก็บังเอิญเจอกับป้าหลี่และท่านย่าหวงพอดี
หลิวเต้าเซียงได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของสาวน้อยชุ่ยฮัว จึงรีบดึงตัวพี่สาววิ่งออกมาหน้าประตูบ้าน
ได้ยินป้าหลี่บอกกับจางกุ้ยฮัวว่า “เดิมทีข้าคิดว่าจะมาเร็วกว่านี้ แต่ก็คิดได้ว่าวันนี้ที่บ้านเ้าเชิญซินแสมาช่วยทำพิธีปูเตียง จึงเลี้ยวไปหาท่านป้าหวงก่อน แต่ชุ่ยฮัวตาแหลม บอกว่าพวกเ้าไหว้ด้านหลังเสร็จแล้ว ข้าจึงรู้ว่าพวกเ้าเพิ่งไหว้เทพเ้าซิ้ง เมื่อดูเวลาน่าจะใกล้เสร็จแล้วจึงเอาผักตากแห้งบ้านป้าหวงมาที่บ้านเ้า”
หลิวเต้าเซียงโบกมือให้ชุ่ยฮัวและพูดอย่างมีความสุขว่า “เ้ามาเสียที ข้าไม่เห็นหน้าเ้ามาหลายวันแล้ว”
“เฮ้อ เลิกพูดเถิด ่นี้แม่ข้าไปฝึกการเย็บปักแบบใหม่มาจากตำบล หลายวันมานี้ข้าถูกท่านแม่ขังอยู่ในบ้านให้เรียนการปักแบบใหม่” นางทำหน้ากลัดกลุ้มและบ่นกับเพื่อน ต่อมาเมื่อเห็นหลิวชิวเซียง ดวงตาคู่นั้นที่ไม่ได้โตเท่าใดก็เบิ่งกว้างไม่น้อย
นางผละออกจากหลิวเต้าเซียง แล้วตรงดิ่งไปคว้ามือของหลิวชิวเซียง รีบเอ่ยว่า “พี่ชิวเซียง รีบมาช่วยข้าหน่อย แม่ข้าชอบเ้ามาก เ้าไปขอร้องแม่ข้าให้สอนการเย็บปักแบบใหม่ให้เ้าที เ้าจำไว้ แล้วข้าค่อยมาฝึกกับเ้าทีหลัง นะ ได้หรือไม่!”
หลิวชิวเซียงยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายจิ้มหน้าผากนาง “มิน่าเ้าถึงเข้ากันได้กับน้องรอง!”
หลี่ชุ่ยฮัวแลบลิ้นเล็กๆ ออกมาแล้วะโไปควงแขนของหลิวเต้าเซียง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ย “ถูกต้อง ใครใช้ให้เราเข้ากันได้ดีล่ะ”
นางหันไปที่เพื่อนรักอย่างหลิวเต้าเซียงและพูดต่อ “เ้ารอก่อน เมื่อข้าเก็บเงินได้มาก ข้าจะไปซื้อผ้าเช็ดหน้าชั้นดีมาหนึ่งผืน แล้วปักดอกไม้ที่เ้าชอบ หากปักเรียบร้อยก็จะนำมาให้เ้า แม่ข้าพาข้าไปดูงิ้วคราวที่แล้ว ในเนื้อเื่กล่าวว่า หญิงสาวสองคนหากสนิทสนมกันก็สามารถมอบผ้าเช็ดหน้าให้กันได้ เรียกว่าอะไรแลกเปลี่ยนสักอย่างนะ!”
หลิวเต้าเซียงหน่ายใจและลูบหน้าผาก ก่อนจะตอบ “เรียกว่าสัมพันธ์แลกเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้า”
ทันทีที่พูดจบก็นึกถึงของแทนใจอย่างไรอย่างนั้น การแลกเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าต้องปักด้วยมือตนเอง แล้วมอบให้กันและกันเท่านั้น
เพียงแค่คิด นางก็ยกมือขวาขึ้นตบแก้มของตนเองเบาๆ นางนั้นเป็เพศที่เถรตรงจนไม่อาจตรงกว่านี้ได้อีก ไม่สามารถเลือกเพื่อนแล้วทิ้งผืนป่าทั้งหมด เพื่อนที่ดีต้องมี อืม แต่หนุ่มหล่อก็ต้องมีเช่นกัน!
หลิวชิวเซียงเห็นว่าน้องรองถึงกับใบ้กิน จึงเม้มปากยิ้มอยู่ข้างๆ แล้วสะกิดหลี่ชุ่ยฮัวเบาๆ “ทั้งที่เ้าก็รู้ว่านางไม่ชอบเข็มกับด้าย เ้ายังจะหาเื่ให้นางปวดศีรษะอีก”
“ชุ่ยฮัว เ้าปักไปเลย ปักให้ข้าหลายผืนหน่อย หนึ่งผืนน้อยเกินไป ไม่พอใช้ รอไก่บ้านข้าวางไข่เมื่อไรข้าจะทำไข่ตุ๋นให้เ้า หากถึงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ไก่โตได้ที่ ก็จะทำไก่นึ่งรสดั้งเดิมให้เ้า ใช้น้ำร้อนต้มอร่อยยิ่งนัก”
ความสามารถในการเฉไฉของหลิวเต้าเซียงในฐานะที่เป็สายกินช่างแรงกล้าเหลือเกิน
หลี่ชุ่ยฮัวเป็คนที่รักการกินเช่นกัน จึงรีบตอบทันที “เต้าเซียง เื่ผ้าเช็ดหน้าของเ้าในอนาคต ข้าขอเหมาไว้ทั้งหมด เพียงแต่เ้าต้องทำอาหารอร่อยๆ ให้ข้านะ”
“มั่นใจได้เลย หากงานที่บ้านข้าเสร็จสิ้น ข้าจะให้ท่านแม่ไปซื้อลูกเป็ดกลับมา เมื่อถึงเดือนเก้า ก็จะได้ทำเป็ดอบกุ้ยฮัวกินกัน”
ป้าหลี่หูตั้งทันทีเมื่อได้ยิน จึงยิ้มแล้วเอ่ย “กุ้ยฮัว หากบ้านเ้าทำเป็ดอบกุ้ยฮัว อย่าลืมเก็บไว้ให้ข้าด้วย”
จางกุ้ยฮัวไม่เคยได้ยินเป็ดอบกุ้ยฮัวมาก่อน เพียงแต่สมองของบุตรสาวคนรองนั้นมีไหวพริบ ไม่รู้ว่าไปฝึกมาจาไหน จึงได้แต่ยิ้มรับและเอ่ย “วางใจได้ ถึงตอนนั้นข้าจะเลี้ยงไว้เยอะหน่อย หากเ้ากับท่านย่าหวงชอบ ข้าจะทำหลายตัวแล้วส่งไปให้บ้านพวกเ้า”
ท่านย่าหวงยิ้ม โบกมือแล้วพูดว่า “ครอบครัวข้าไม่ต้องมากมายหรอก ให้หลานชายคนโตข้ากินหน่อยก็พอ ข้ากับตาเฒ่าฟันไม่ค่อยดี เนื้อเป็ดหนา เคี้ยวไม่ค่อยไหว”
หลิวเต้าเซียงยิ้มและะโว่า “ท่านย่าหวง เป็ดนึ่งเค็มของแม่ข้าอร่อยมาก หากถึงเวลาข้าจะรบกวนแม่ของข้าให้ทำ จากนั้นส่งไปให้ท่านทั้งตัวเลย”
ท่านย่าหวงพยักหน้ารับว่าดี!
คนทั้งหมดพูดคุยและส่งเสียงหัวเราะกันเพียงชั่วครู่ ป้าหลี่จึงเอ่ยขึ้นว่า “กุ้ยฮัว วันรุ่งขึ้นบ้านเ้าก็จะเลี้ยงฉลองบ้านใหม่ คนในหมู่บ้านเราคงมาทั้งหมด เ้าเตรียมใจพร้อมแล้วหรือไม่?”
ทั้งหมู่บ้านกําลังจะมา แน่นอนว่าต้องมีหลิวฉีซื่อกับหลิวเสี่ยวหลัน คู่แม่ลูกมหาประลัยอยู่ด้วย!
“มีอะไรหรือ บ้านเก่าเกิดเื่อันใดหรือ?”
ทันทีที่จางกุ้ยฮัวได้ยินก็รู้สึกประหม่ามาก
ท่านย่าหวงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารู้เื่นี้เมื่อเช้า ตาเฒ่าไปที่บ้านเดิมของเ้า หลานชายใกล้จะหมั้นหมายแล้ว นอกจากนี้ยังได้ยินว่า แม่สามีเ้าพูดไปทั่วว่าซานกุ้ยของเ้าเก็บเงินได้จากข้างนอก จำนวนมากกว่าร้อยตำลึง”
จางกุ้ยฮัวไม่พอใจมากเมื่อได้ยินคําพูดนั้น แต่ก็ไม่อยากโมโหต่อหน้าทั้งสองคน
นางเพียงฉีกยิ้มเบาๆ แล้วเอ่ย “คนในหมู่บ้านคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ท่านป้าหวง ท่านก็รู้ว่าเงินของครอบครัวข้ามีที่มาอย่างไร”
ท่านย่าหวงมีใจที่จะตีตัวสนิทสนมกับจางกุ้ยฮัว การมีเพื่อนบ้านที่ดีล้วนดีกว่าสิ่งอื่นใด แม้จะมีลำธารกั้น แต่ก็มิได้เป็อุปสรรค มิใช่หรือ?
“เด็กดี เ้าวางใจได้ วันรุ่งขึ้นหากนางเฒ่านั่นไม่อาละวาดก็ไม่เป็ไร แต่หากกล้าพูดพล่ามไปเรื่อย ข้าจะจัดการนางเอง”
ท่านย่าหวงเป็ผู้าุโในหมู่บ้าน คำพูดของนางมีอิทธิพลกว่าหลิวฉีซื่อมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังเป็ถึงภรรยาของหลี่เจิ้ง ด้วยสถานะนี้กลุ่มแม่บ้านในหมู่บ้านใครเห็นก็ต้องให้ความเคารพ
“ข้าว่า หากบ้านเ้าเก็บเงินได้จริง เ้าจะไม่บอกข้าเชียวหรือ?” ป้าหลี่ไม่ได้โทษที่จางกุ้ยฮัวไม่ได้บอกกล่าวเื่นี้
จางกุ้ยฮัวถอนหายใจและตอบว่า “ก่อนที่จะแยกครอบครัว ข้าได้เพียงบ้านที่ผุพังหลังนี้กับที่นาดีสองไร่ เพียงพอให้ครอบครัวข้าพยุงไปได้ ไม่มีทางมีเงินเกินมา แต่ประจวบเหมาะกับที่บ้านข้าได้ข่าวคราวจากน้องชาย ซึ่งไหว้วานคนส่งจดหมายกลับมาให้ข้า แล้วก็แนบเงินสินเ้าสาวมาให้ข้าหนึ่งร้อยตำลึง เื่ในอดีตยังเป็หนามที่ทิ่มแทงใจและทำร้ายเขา แต่ข้าไม่เคยกล่าวโทษเขาแต่อย่างใด”
ป้าหลี่เอื้อมมือไปตบหลังมือของนางและเกลี้ยกล่อมว่า “ข้าเคยบังเอิญเห็นน้องชายของเ้าในสมัยก่อน เขามาซื้อของในร้านเหล็ก ข้าเห็นการพูดการวางตัวของเขาถือว่าใช้ได้ เห็นที ตอนนั้นเขาคงอัดอั้นเช่นเดียวกัน จึงอาศัย่ที่ยังหนุ่มยังแน่นรีบออกไปสร้างตัว หากว่าโชควาสนาดี ก็จะได้ไขว่คว้าและตั้งตัวได้ เ้าดูสิ ตอนนี้เ้าก็มีโชคตามหลังมาแล้วไม่ใช่หรือ!”
-----
เชิงอรรถ
[1] โจวอี้ 周易 หรืออีกชื่อหนึ่งคือ อี้จิง 易经 แปลว่า "ครอบคลุม" เพราะครอบคลุมจนซับซ้อนกว้างใหญ่มาก เป็ปรัชญาว่าด้วย "หลักวัฏจักรแห่งธรรมชาติ" อี้จิงเชื่อว่าปรากฏการณ์ต่างๆ ในโลกนี้ ั้แ่เล็กที่สุดไปจนถึงใหญ่ที่สุด ล้วนเวียนมาเกิดขึ้นอีกครั้ง เวียนขึ้นไปเหมือนขดสปริง เื่เดิม เวลาเดิม แต่รูปภายนอกเปลี่ยนแปลงไปตามกาล ทุกอย่างขยับไปพร้อมกันเหมือนฟันเฟืองของเื่ราวต่างๆที่มีขนาดต่างกัน ในการใช้อี้จิง นอกจากเื่ประเมินอนาคตที่เป็แขนงเล็กแล้ว ก็คงเป็เื่การกำหนดปฏิทิน การทำการเกษตรให้เหมาะสมกับฤดูกาล การดูแลสุขภาพตามสภาพแวดล้อมไปจนถึงแพทย์แผนจีน การเล่นแร่แปรธาตุ การกำหนดสุนทรียะในศิลปะแขนงต่างๆ ของจีน เช่น รูปแบบดนตรี รูปแบบบทกวี บทความ เครื่องแต่งกาย ศิลปะอาหาร และแน่นอนยังใช้กำหนดทฤษฎีดนตรีจีนโบราณ รวมไปถึงการสร้างกู่ฉินอีกด้วย นั่นจึงทำให้ อี้จิง ได้ชื่อว่าเป็รากของอารยธรรมจีนทั้งปวง และทำให้จีนมีเทคโนโลยีโบราณที่ล้ำสมัยตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง
