ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ผู้มั่งคั่งด้วยโกดังสินค้าในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เซี่ยโม่เสียดายอาหารที่กินไม่หมด ทำทีล้วงมือเข้าไปในถุงผ้า แต่ความจริงแล้วล้วงมือเข้าไปหยิบกล่องอาหารในโกดังสินค้าออกมา จากนั้นเอาอาหารที่เหลือใส่ลงกล่อง

        เธอทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่ สั่งซาลาเปาไส้เนื้อเพิ่มอีกห้าลูกดีกว่า

        อาหารมื้อนี้พี่ซ่งเป็๲คนเลี้ยงเลยไม่กล้าสั่งอะไรมาก หากสั่งซาลาเปาเพิ่ม ชายหนุ่มต้องไม่ยอมให้เธอจ่ายเงินเองแน่นอน เช่นนั้นเอาแค่ห้าลูกก็พอ เธอจะเอากลับไปฝากน้องชาย คุณตา แล้วก็คุณยาย

        หากซ่งมู่ไป๋กลับส่ายหน้า “ห้าลูกไม่พอหรอก เอาสิบลูกดีกว่า”

        เซี่ยโม่รู้สึกเกรงใจ อาหารที่จะนำกลับไปฝากคนที่บ้าน จะให้ขาทองคำคนนี้จ่ายได้อย่างไร

        “งั้นเดี๋ยวฉันจ่ายเงินเองดีกว่าค่ะ”

        “ไม่ต้อง ถือว่าเป็๲ของที่ฉันซื้อให้เพื่อแสดงความกตัญญูต่อคุณตาคุณยายก็แล้วกัน” พูดจบชายหนุ่มก็เดินไปจ่ายเงิน

        เธอเพิ่งค้นพบว่า พี่ซ่งเรียกคุณตาคุณยายเสียสนิทสนมราวกับเป็๞หลานแท้ๆ นี่หมายความว่าอย่างไร

        ต่อมาก็คิดได้ว่า คงเป็๲เพราะชายหนุ่มคิดถึงบ้าน คิดถึงความอบอุ่นของครอบครัวเป็๲แน่

        แน่ละ บ้านของเธอเป็๞บ้านที่อบอุ่นจะตาย

        เธอแสดงความสงสารพี่ซ่งในใจสามสิบวินาที โธ่ ขาทองคำผู้น่าสงสาร!

        ขณะที่ทั้งสองคนเดินออกจากร้านอาหารของรัฐไปที่รถ ชายหัวเกรียนกับเพื่อนก็กินข้าวเสร็จและกำลังเดินออกจากร้านพอดี

        พอเห็นทั้งสองคนเดินไปที่รถกระบะขนาดใหญ่ ชายหัวเกรียนตาพลันลุกวาว “เห็นไหม แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังมีชีวิตดีกว่าฉัน มีรถราขับแต่ฉันยังต้องใช้สองขาอยู่เลย วาสนาของคนเรามันแข่งกันไม่ได้จริงๆ”

        ยุคนี้ใครที่มีจักรยานก็นับว่าเจ๋งมากแล้ว ไม่ต้องไปพูดถึงรถกระบะทหารเลย

        เพื่อนสี่ห้าคนที่มาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา “โล้น นายไปถามมาให้หน่อยสิว่าบ้านญาติของเพื่อนนายคนนั้นอยู่ที่ไหน หากมีโอกาสพวกเราจะได้ไปเที่ยวหา จะได้สร้างความสนิทสนมกันไว้”

        “พูดถูกๆ…” ชายหัวเกรียนพยักหน้าเห็นด้วย

        ขณะที่ชายหัวเกรียนกำลังจะเดินไปถาม ซ่งมู่ไป๋ที่นั่งอยู่ในรถก็บิดกุญแจติดเครื่องยนต์ ควันสีดำพลันลอยออกมาจากท่อไอเสีย

        “แค่กๆ” ชายหัวเกรียนปิดปากไอออกมา เมื่อควันสีดำจางหาย พบว่ารถกระบะได้แล่นออกไปแล้ว

        ชายหัวเกรียนทำได้แค่กระทืบเท้าอย่างเสียดาย

        สองคนที่อยู่บนรถไม่รู้เลยสักนิดว่ามีคนสำลักควันรถของตัวเอง เซี่ยโม่เอ่ยถามออกมา “พี่ซ่ง พวกเราจะไปไหนต่อคะ”

        ซ่งมู่ไป๋นึกถึงการแก้ปัญหาของเด็กสาว ก่อนจะเอ่ยตอบออกออกไป “ไปห้างสรรพสินค้าก่อนก็แล้วกัน อยู่ไม่ไกลจากที่นี่”

        “ค่ะ”

        มาถึงหน้าห้างสรรพสินค้า ซ่งมู่ไป๋ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ

        “เธอไปซื้อของเถอะ ฉันจะไปทำธุระสักหน่อย ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมา ถ้าเธอซื้อของเสร็จแล้วก็รอฉันอยู่ตรงนี้”

        เซี่ยโม่กำลังกังวลอยู่เลยว่า ถ้าชายหนุ่มไปเดินซื้อของในห้างด้วย เธอจะเอาเข็มขัดออกมาจากในโกดังสินค้าอย่างไรดี พอได้ยินเช่นนี้จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

        “พี่ซ่ง พี่ไปทำธุระเถอะค่ะ ไม่ต้องรีบ ฉันก็ต้องเดินเลือกซื้อของสักพักใหญ่เหมือนกัน”

        “ได้ ไม่เจอไม่กลับ”

        หลังเธอลงจากรถ ชายหนุ่มก็ขับรถออกไป

        เด็กสาวเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ไม่ได้คิดจะมาซื้อของแต่อย่างใด ของในห้างไม่ว่าจะคุณภาพหรือความหลากหลายก็สู้ของในโกดังสินค้าเธอไม่ได้

        ขณะเดินดูของไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นเองเธอพบว่าข้างหน้าไม่ไกลมีคนกำลังรุมซื้ออะไรบางอย่างอยู่

        เซี่ยโม่เดินเข้าไปดู ที่แท้ทุกคนกำลังซื้อผ้าที่มีตำหนิอยู่นี่เอง

        ผ้าเหล่านี้มีตำหนิรอยเปื้อนราคาจึงถูก ทุกคนเลยมามุงซื้อกัน

        ลองเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าคุณภาพของผ้าดีไม่แพ้ในโกดังสินค้าของเธอเลย

        เซี่ยโม่วางแผนในใจ เธอจะซื้อผ้ามีตำหนิพวกนี้กลับไป แล้วค่อยถือโอกาสหยิบผ้าในโกดังสินค้าออกมา

        ผ้าที่ซื้อเมื่อคราวก่อนนำไปให้ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านช่วยตัดเย็บชุดหมดแล้ว

        แต่เพราะเธอ๻้๪๫๷า๹เย็บชุดให้อาจารย์เพิ่มอีกคน ผ้าก็เลยไม่พอ

        ไหนจะพี่ซ่งอีก ชายหนุ่มมักจะสวมใส่เสื้อของที่ทำงาน มีแค่วันนี้เท่านั้นที่เปลี่ยนไปใส่ชุดอื่น แต่ก็เป็๲เสื้อทหารเก่าๆ ที่ถูกซักจนสีซีดแล้ว

        เขาคงไม่ค่อยมีเสื้อผ้าให้ใส่

        ในเมื่อเลือกจะเกาะขาทองคำของอีกฝ่ายก็ต้องแสดงน้ำใจสักหน่อย ตัดชุดให้ชายหนุ่มสักตัวสองตัว แล้วก็เสื้อตัวในด้วย ให้ชายหนุ่มรับรู้ถึงความอบอุ่นของคำว่าบ้าน

        ตัดสินใจได้ดังนั้น เด็กสาวเบียดเสียดฝูงชนเข้าไปเลือกซื้อผ้ามาหลายผืน จากนั้นเดินไปห้องน้ำเพื่อหยิบผ้าออกมาจากในโกดังสินค้า พร้อมจานชามกระเบื้องเคลือบ และเนื้อหมูอีกหลายกิโล

        แน่นอนว่าเธอไม่ลืมหยิบเข็มขัดที่จะมอบให้พี่ซ่งออกมาด้วย

        กระเป๋าผ้าที่เธอนำมาด้วยแค่ใส่ซาลาเปาไส้เนื้อกับอาหารที่เหลือจากร้านอาหารของรัฐก็เต็มแล้ว เธอเลยทิ้งไว้บนรถ ไม่ได้เอาลงมา

        เธอเลยต้องหยิบกระเป๋าผ้าลวดลายน่ารักอีกใบออกมาจากในโกดังสินค้า ก่อนจะเอาของทั้งหมดใส่เข้าไป

        พอเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็กลายเป็๞จุดสนใจของผู้หญิงหลายคน

        “สาวน้อย กระเป๋าผ้าใบนี้เธอซื้อมาจากที่ไหนเหรอ”

        เซี่ยโม่คิดในใจว่าแย่แล้ว เดิมทีเธอคิดจะทำตัวไม่ให้เป็๞จุดเด่น ตอนนี้กลับกลายเป็๞จุดสนใจของผู้คนเข้าจนได้

        “มีคนให้มาน่ะค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปซื้อมาจากที่ไหน” เซี่ยโม่ทำได้แค่บอกปัด

        คนที่ถามมองมาด้วยแววตาอิจฉา เธอพูดจบก็หมุนตัวรีบเดินจากไป คิดในใจว่า ไม่ว่ายุคไหนมักจะมีคนตาดีเสมอ และของดีไม่ว่าเมื่อไรก็มักจะกลายเป็๞ที่สนอกสนใจของผู้คน

        พอเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้า เห็นรถของซ่งมู่ไป๋จอดอยู่ไม่ไกล เธอนึกยินดีอยู่ในใจขณะเดินไปที่รถ

        ชายหนุ่มนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ในรถ ในมือถือบุหรี่หนึ่งมวน ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่

        เนื่องจากในรถปิดประตูและกระจกมิดชิด ควันของบุหรี่จึงลอยอวลอยู่ด้านใน เธอจึงมองเห็นไม่ชัดว่าชายหนุ่มมีสีหน้าอย่างไร

        เซี่ยโม่นึกแปลกใจ รู้จักชายหนุ่มมาก็นานแล้ว ไม่เคยเห็นเขาสูบบุหรี่สักที เคยเห็นแต่ให้คนอื่น คราวก่อนโน้นเธอถึงได้ให้บุหรี่อีกฝ่ายไป

        พี่ซ่งกำลังสูบบุหรี่ หรืออาจมีเ๱ื่๵๹ทุกข์ใจ?

        เธอเปิดประตูรถ แต่ก็เปิดไม่ออกจึงใช้มือเคาะที่กระจก

        “พี่ซ่ง ฉันกลับมาแล้วค่ะ”

        เมื่อได้เห็นเด็กสาว ซ่งมู่ไป๋รีบเก็บสีหน้ากลัดกลุ้มกลับคืน เปลี่ยนเป็๞ใบหน้าผ่อนคลายแทน พร้อมทั้งดับบุหรี่ในมือ

        หลังจากส่งเด็กสาวที่ห้างสรรพสินค้าเสร็จ เขาก็ขับรถกลับไปที่ร้านของเก่า เดินไปตรงซอยตันที่เด็กสาววิ่งเข้าไปในนั้น แต่กลับไม่มีถังขยะหรือกองขยะเลย

        ในเมื่อคุณป้าที่เฝ้าอยู่หน้าร้านของเก่าวานให้เธอช่วยทิ้งขยะให้ แล้วเหตุใดถึงไม่บอกว่าถังขยะอยู่ตรงไหน

        เขาเดินหาจนในที่สุดก็เจอถังขยะใกล้ๆ กับจุดที่เขาจอดรถเมื่อตอนเที่ยง นี่มันเ๱ื่๵๹อะไรกัน?

        สายตาคมกริบมองไปที่ร้านของเก่า คุณป้าคนนั้นไม่อยู่แล้ว เปลี่ยนเป็๞ชายชราคนหนึ่งแทน

        ไม่รู้ว่าคุณป้าคนนั้นไปกินข้าวหรือกลับบ้านเพราะออกกะแล้ว

        เขาจึงได้แต่ขับรถกลับมาที่ห้างสรรพสินค้าอย่างจนปัญญา หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างหน่ายเซ็ง

        พอเห็นเด็กสาวเดินมาถึงที่รถ เขารีบเปิดประตูและกระจกเพื่อให้ควันบุหรี่ลอยออกไปข้างนอกตัวรถ

        “พี่ซ่ง พี่สูบบุหรี่ด้วยเหรอคะ” เซี่ยโม่ถามอย่างแปลกใจ

        เขาตอบ “อยากสูบถึงจะสูบน่ะ แต่สูบแล้วทำให้ตัวมีกลิ่น ต่อไปฉันจะไม่สูบแล้ว”

        เด็กสาวพยักหน้าเห็นด้วย “สูบบุหรี่จะทำให้สุขภาพไม่ดี อย่าสูบอีกเลยจะดีกว่าค่ะ”

        “ได้ ต่อไปฉันจะไม่สูบแล้ว”

        เด็กสาวยิ้มอย่างพึงพอใจ “งั้นเราจะไปไหนต่อคะ”

        เขาโยนความสงสัยทิ้งไป แล้วตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี “ฉันจำได้ว่าเธออยากไปไปรษณีย์กับร้านหนังสือ ทั้งสองที่อยู่ไม่ไกลกัน ขับรถไปแค่แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว นู่นไง อยู่ข้างหน้านั่น”

        เซี่ยโม่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ พี่ซ่งใส่ใจเธอจริงๆ พูดเพียงแค่รอบเดียวอีกฝ่ายก็จำได้แล้ว

        เธอมองไปยังทิศทางที่มือของอีกฝ่ายชี้ไป “เห็นแล้วค่ะ อยู่ไม่ไกลจริงๆ ด้วย”

        พูดจบเธอพลันชะงัก

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้