ใต้แสงจันทร์ส่องสว่าง หั่วอี้คิดเื่ความในใจไปพลางมุ่งหน้าไปทางเรือนเฉินจื่อ [1] ของนางจ้าวไปพลาง กลิ่นดอกไม้อ่อนๆโชยเข้ามาปะทะจมูก ท้องฟ้าถูกหมู่ดาวแต่งแต้มระยิบระยับไปหมด บ่อยครั้งมีเงาไม้ร่ายรำอยู่บนทางสายเล็กซึ่งอยู่ท่ามกลางแมกไม้จวนแม่ทัพที่ถูกปกคลุมด้วยสีสันแห่งราตรีช่างดูลึกลับยิ่งนัก
ยามที่หั่วอี้เปิดม่านและก้าวเข้าไปในเรือนเฉินจื่อนั้น เหมยจื่อสาวใช้ชั้นรองของนางจ้าวกำลังทำความสะอาดอยู่ในลานเรือน
“บ่าวคารวะท่านแม่ทัพเ้าค่ะ”พอเหมยจื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นหั่วอี้ก็ใยกใหญ่จึงคารวะท่านแม่ทัพไปทั้งใจเต้นไม่เป็ส่ำ
“อืม ยามนี้ฮูหยินใหญ่ทำสิ่งใดอยู่ เข้านอนแล้วหรือไม่?”
หั่วอี้พูดพลางมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของนางจ้าว โดยมิได้หยุดรอฟังคำตอบของเหมยจื่อ
“ฮูหยินใหญ่เพิ่งจะเข้านอนเ้าค่ะ” ตอนที่สิ้นเสียงของเหมยจื่อหั่วอี้ก็ไปถึงในห้องนอนแล้ว พร้อมกันนั้นในห้องก็มีกลิ่นเปรี้ยวของลูกหยางเหมยลอยเข้ามาในจมูกหั่วอี้ขมวดคิ้ว คิดว่าคงเพราะร่างกายของนางจ้าวกำลังอยู่ใน่ที่พิเศษจึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
เมื่อเข้ามาด้านใน เหมยเซียงซึ่งคอยรับใช้อยู่ภายในห้องที่ได้ยินเสียงก็รีบก้าวเข้ามาคารวะท่านแม่ทัพ
“ฮูหยินใหญ่นอนแล้วหรือไม่?” หั่วอี้เพิ่งเอ่ยคำ นางจ้าวก็รีบลืมตาที่เพิ่งปิดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อนางหันหน้ามาพบว่าเป็ท่านแม่ทัพจริงๆจึงทั้งตื่นเต้นทั้งยินดี และหมายจะลุกขึ้นนั่ง
หั่วอี้รีบเดินไปที่ข้างเตียงแล้วเอื้อมมือกดนางจ้าวเอาไว้“เ้ากำลังท้อง อย่ารีบร้อนลุกขึ้นมาเช่นนี้ขยับเร็วเกินไปจะเป็อันตรายต่อครรภ์ได้”
นางจ้าวที่ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรก็ได้แต่พยักหน้ารับ นางไม่ได้ยินคำพูดเอาใจใส่เช่นนี้จากท่านแม่ทัพมานานเหลือเกินในใจจึงเกิดความรู้สึกนับร้อยปนเปไปหมด
หั่วอี้มองดูของประดับตกแต่งภายในห้องนอนรอบหนึ่ง พบว่ามีของหลายชิ้นที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนคงเพราะนางจ้าวกำลังตั้งท้องจึงได้ของกำนัลจากฮูหยินผู้เฒ่ามา
“พวกเ้าออกไปก่อน ปิดประตูด้วย หากไม่ได้เรียกก็ไม่ต้องเข้ามา”
หั่วอี้หันไปมองทางพวกของเหมยเซียง
เหมยเซียงกับเหมยจื่อที่ได้ยินคำรีบถอยออกไปอย่างว่าง่าย และปิดประตูห้องนอนหลังจากออกไปด้วยพร้อมกัน
นางจ้าวทั้งตื่นเต้นทั้งยินดี ด้วยคิดว่าหั่วอี้ให้คนออกไปคงเพราะคิดจะแอบอิงกับนางแม้ยามนี้นางจะตั้งท้องจึงไม่ค่อยสะดวก แต่ก็เป็เพราะตั้งท้องเวลานี้ร่างกายนางจึงอวบอิ่มเด่นชัด กลับทำให้ได้รสชาติที่แปลกใหม่ไปจากเดิม
ความจริงแล้วนางคิดว่านับั้แ่นางตั้งครรภ์ก็ยิ่งทำให้มีน้ำมีนวลขึ้น…บุรุษมิใช่ว่าล้วนชอบรสชาติแบบนี้หรอกหรือ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางจ้าวก็ตอบรับเสียงเบาอย่างเอียงอายว่า“ท่านแม่ทัพ…”
คิ้วใบหลิวของนางเดิมทีก็ทั้งเรียวทั้งยาวอยู่แล้วเพราะเวลานี้หางตานางมีรอยยิ้มจึงยิ่งขับให้ดูงดงามเย้ายวน
หั่วอี้รอจนในห้องเหลือเพียงเขาและนางจ้าวสองคน จึงค่อยจดจ้องอีกฝ่ายอย่างละเอียดแม้ทีแรกที่คัดเลือกนางจ้าวผู้นี้เข้ามาในจวนก็เพื่อให้เขาได้ลิ้มรสความเป็ผู้ใหญ่ ครั้งนั้นนางจึงไม่ได้มีความรักใคร่ใดกับเขาแต่เพราะนับได้ว่านางเป็คนมีความสามารถ ดังนั้นถึงรอบกายจะเปลี่ยนสตรีมามากมาย แต่กลับเป็นางจ้าวที่คอยติดตามเขาเสมอมาแม้มิได้มีความรักอันร้อนแรงแต่ก็นับว่าอยู่ด้วยกันมานานเหมือนลำน้ำที่ไหลรี่มายาวไกลเขาจึงเห็นนางจ้าวเป็สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวไปเสียแล้วและนับว่าพอจะมีความผูกพันอยู่บ้าง
เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจ้าวจึงไม่ตั้งท้องเสียที ฉะนั้นหลังจากมีอาหนูปรากฏตัวขึ้นเขาจึงมาที่เรือนของนางจ้าวน้อยครั้งนัก
ยามเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของนางจ้าว แววตาของหั่วอี้ก็มืดดำลงทันใด ทั้งมีความสงสารฉายเข้ามาในดวงตา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงนั่งลงบนเตียงโดยไม่รู้ตัว และมีท่าทีอ่อนโยนขึ้นยามมองนางจ้าวเขากุมมือนาง “ระยะนี้อยากอาหารหรือไม่ อยากกินอะไรก็ให้ห้องครัวทำอย่าให้ตนเองต้องหิว”
“เ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ใส่ใจเ้าค่ะ”นางจ้าวเอียงหัวเข้าซบที่อกของหั่วอี้ ในใจหวานหอมดั่งได้ดื่มน้ำผึ้ง
“ไฉ่เอ๋อร์ เ้าเองก็รู้ องค์หญิงต้าเว่ยผู้นี้เป็ข้าเอาชนะมาจากพระหัตถ์ของกษัตริย์แห่งชางอี้และนำกลับมาด้วยเหตุนี้ข้าจึงไม่อาจปล่อยให้นางเกิดเื่ในจวนได้ หากทำเช่นนั้นไม่เท่ากับเป็การประกาศต่อใต้หล้าว่าแม่ทัพเช่นข้า้าสร้างปัญหากับแคว้นต้าเว่ยหรอกหรือ?”
หั่วอี้พูดถึงตรงนี้ก็ไม่ได้เอ่ยต่อ กลับเงียบไปพักหนึ่งแล้วหันมองนางจ้าว
“แล้วแต่ท่านแม่ทัพจะสั่งคำเ้าค่ะ”ริมฝีปากของนางจ้าวฉาบด้วยรอยยิ้มแต่ในรอยยิ้มนั้นกลับมีความหม่นหมองที่อธิบายไม่ได้แฝงอยู่นางแอบเ็ปอยู่ในหัวใจ ที่แท้ท่านแม่ทัพมาวันนี้ก็เพื่อองค์หญิง อุตส่าห์หลงนึกไปว่าเขามาเพราะนางเสียอีก
“อะแฮ่มๆ” หั่วอี้กระแอมไอสองสามหน ที่สุดก็ตัดสินใจพูดต่อ“เวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังคำเ้าเป็ที่สุด เ้าลองไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าให้นางล้มเลิกคำสั่งเถิด”
หั่วอี้พูดจบก็จดจ้องนางจ้าวอยู่เงียบๆ
นางจ้าวก้มหน้าลง ทำให้ไม่อาจมองเห็นอารมณ์ในดวงตา สีหน้าของนางมืดมนคล้ายกำลังคิดบางสิ่งอาศัยท่าทีเช่นนี้มาปิดบังความชิงชังที่ประดังอยู่ในดวงตาองค์หญิงที่ไม่มีที่มาที่ไปชัดแจงนั่นถือสิทธิ์ใดมาได้รับความรักใคร่จากท่านแม่ทัพ สตรีในจวนเข้าๆ ออกๆ นับไม่ถ้วนท่านแม่ทัพเคยมาขอร้องคนอื่นเพื่อสตรีผู้หนึ่งแต่เมื่อใดกัน
ดวงตานางส่องประกายความเคียดแค้นสาหัสแต่กลับหดหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่ามีเพียงตัวนางเท่านั้นที่รู้ยามเมื่อเงยหน้าขึ้นท่าทีของนางก็เปลี่ยนเป็ว่าง่ายเสียแล้ว
นางอมยิ้มน้อยๆ ที่ริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นเอ่ยกับหั่วอี้ว่า“ท่านแม่ทัพ ฮูหยินผู้เฒ่าก็หาได้้าจะลงทัณฑ์องค์หญิงหรอกเ้าค่ะเพราะอย่างไรคำของหมอผู้นั้นก็ไม่อาจนับเป็จริงเป็จังได้มิใช่หรือเ้าคะเพียงแต่ไฉ่เอ๋อร์ก็ไม่อาจเข้าใจความคิดอ่านของฮูหยินผู้เฒ่า คิดว่านางคงทำไปเพราะคำนึงถึงทายาทรุ่นหลังของจวนแม่ทัพนั่นเพราะจนบัดนี้จวนแม่ทัพยังไม่มีบุตรธิดาสักคน การที่ฮูหยินผู้เฒ่าร้อนใจก็นับว่ามีเหตุผลนะเ้าคะ”
นางจ้าวมิได้รับคำหรือไม่รับคำเพียงแต่ยกลูกมาอ้างหน้าอย่างมีชั้นเชิงเท่านั้น
หั่วอี้ใคร่ครวญพักหนึ่งก่อนตัดสินใจหนักแน่น เอ่ยไปว่า“เอาเช่นนี้ ประการแรกลูกในท้องของเ้าเป็บุตรคนโตของสกุลหั่ว จึงไม่อาจละเลยได้หากเ้าคลอดเป็เด็กผู้ชายจริง เช่นนั้นข้าก็ยินยอมให้เ้าแต่งงานกับข้าอย่างเต็มพิธียิ่งใหญ่ออกหน้าออกตาและกลายเป็ภรรยาเอกของข้าบุตรชายคนแรกของข้าหั่วอี้จะต้องมาจากฮูหยินเอกเป็บุตรชายคนโตจากภรรยาเอกอย่างแท้จริงมิใช่บุตรอนุ
ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังสามารถทำให้เ้าวางใจได้ว่าก่อนที่เ้าจะคลอดข้าจะไม่แต่งงานกับผู้ใด เช่นนี้เ้าจะวางใจและพึงพอใจหรือไม่”
“จริงหรือเ้าคะท่านแม่ทัพ?” นางล้มเลิกความหวังว่าท่านแม่ทัพจะแต่งงานด้วยไปนานแล้วขอเพียงสามารถอยู่ในจวนนี้ต่อไปได้ก็นับเป็ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดของนางไม่คิดเลยว่าแผนการที่ทำในวันนี้ แม้ไม่อาจไล่องค์หญิงออกไปจากจวนได้แต่ก็ทำให้เื่ราวกลับตาลปัตรนางยังมีวันที่สามารถมาเป็ฮูหยินเอกแห่งจวนแม่ทัพได้
นางจ้าวลูบท้องที่พอจะมองออกว่าตั้งครรภ์ของตนแล้วแอบนึกได้ใจ แม้บอกว่านางไม่อาจควบคุมได้ว่าเด็กในท้องจะเป็ชายหรือหญิงแต่นางกลับสามารถทำให้เด็กที่คนในจวนแม่ทัพได้เห็นกลายเป็เด็กผู้ชายและเด็กคนนั้นก็จะคือบุตรชายคนโตจากภรรยาเอกถึงยามนั้นนางค่อยอาศัยบารมีมารดาได้ดีเพราะบุตร พวกของอาหนู องค์หญิงหรือนางเล็กๆ น้อยๆ ผู้อื่น ท่านแม่ทัพก็เพียงให้ฐานะไปตามสมควรแต่ก็ไม่อาจเหนือกว่านางได้
นางยิ้มอ่อนๆ รับดวงตาของหั่วอี้ ยามนางยิ้มคิ้วโค้งดั่งดวงจันทร์ก็ยิ่งงดงามราวจันทร์เสี้ยว
“ท่านแม่ทัพ ยามเช้าวันพรุ่ง ไฉ่เอ๋อร์จะไปหาฮูหยินผู้เฒ่าสักคราเชื่อว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องสร้างบุญกุศลเพื่อลูกในท้องของไฉ่เอ๋อร์เป็แน่เ้าค่ะ”
“ตกลง เอาเช่นนี้เถิด วันพรุ่งก็ต้องฝากเ้าแล้วเชื่อว่าไฉ่เอ๋อร์จะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง คืนนี้ดึกแล้ว เ้าเองก็รีบพักผ่อนเสียอย่าได้เหน็ดเหนื่อยนัก ข้าก็จะไม่รบกวนเ้าพักผ่อนแล้ว”
เมื่อเห็นว่าบรรลุจุดประสงค์แล้วหั่วอี้ก็ลุกขึ้น เดินออกจากห้องนอนไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] เฉินจื่อ หมายถึง ดอกจื่อ (ดอกโกฐสอ) ยามรุ่งอรุณ