นางจ้าวมองแผ่นหลังหั่วอี้จากไปด้วยใจผิดหวังเต็มทนที่สุดนางก็ไม่อาจรั้งตัวเขาเอาไว้ได้หรือ? นางคิดอยู่ในใจด้วยความเคียดแค้น ทว่าไม่นานจากนั้นนางก็ยินดีหนักหนากับสิ่งที่หั่วอี้รับปากจะให้นางเพราะนับว่านางเฝ้าทนรอจนเมฆเปิดเห็นแสงจันทร์สว่างแล้วมิใช่หรือ?
ตอนที่หั่วอี้ก้าวออกไปจากห้องนอนนั้นเหมยเซียงกำลังรออยู่ข้างนอกประตูใหญ่นางสลดลงทันทีที่เห็นว่าท่านแม่ทัพกลับออกไปรวดเร็วเช่นนี้ นึกว่าคืนนี้ท่านแม่ทัพจะค้างอยู่ในเรือนฮูหยินใหญ่เสียอีก
“ท่านแม่ทัพโปรดระวังทางเ้าค่ะ”เหมยเซียงเห็นท่านแม่ทัพเดินมาถึงตรงหน้า ก็รีบเก็บความคิดของตนกลับไปแล้วย่อเข่าลงคารวะท่านแม่ทัพ
“รีบเข้าไปปรนนิบัติฮูหยินใหญ่ให้เข้านอนโดยไว ระวังให้มากด้วยหากฮูหยินใหญ่ตื่นใหรือาเ็แม้แต่น้อย ก็จงระวังหัวของพวกเ้าเอาไว้”
“เ้าค่ะ ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ บ่าวจะระวังให้มากเ้าค่ะ”
เหมยเซียงตอบรับพลางเงยหน้ามองอย่างระมัดระวัง รอจนท่านแม่ทัพออกไปพ้นเรือนเฉินจื่อแล้วนางจึงรีบเปิดประตูเข้าไปดูแลฮูหยินใหญ่
หลังจากหั่วอี้พูดจบก็ก้าวเท้ายาวมุ่งตรงไปยังหอหั่วเยี่ยนคงเพราะตอนกลับสะสางเื่ในใจเรียบร้อยแล้วเขาจึงอารมณ์ดีนักเดินกลับเข้าไปในหอหั่วเยี่ยนเร็วกว่าที่มาคราก่อนสักหน่อย
เมื่อหั่วอี้กลับมาถึงหอหั่วเยี่ยน เขาก็เห็นอิ๋งเหอที่ไม่รู้ว่ามารออยู่หน้าลานเรือนั้แ่เมื่อใด
“อิ๋งเหอ เ้าอยู่ที่นี่ได้จังหวะพอดีของว่างที่ข้าให้พวกเ้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วหรือไม่?”
อิ๋งเหอคิดว่าทันทีที่ท่านแม่ทัพกลับมาก็จะส่งคนนำอาหารไปให้องค์หญิงโดยเร็วที่สุดนางจึงมารออยู่หน้าลานเรือนนานแล้ว
เป็ดังที่นางคิดเอาไว้ไม่มีผิด พอท่านแม่ทัพเข้ามาก็รีบถามนางว่าเตรียมเสร็จแล้วหรือยังอิ๋งเหอยังไม่ทันมาคารวะท่านแม่ทัพก็รีบตอบไปก่อนว่า “เรียนท่านแม่ทัพบ่าวเตรียมเสร็จนานแล้วเ้าค่ะ ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพจะส่งคนไปส่งให้องค์หญิงเมื่อใดเ้าคะ? องค์หญิงไม่ได้กินไม่ได้ดื่มมากว่าครึ่งวันแล้วบ่าวไม่อาจวางใจได้เลยจริงๆ เ้าค่ะ”
“อืม หายากนักที่องค์หญิงจะมีพวกเ้าที่นับว่าสาวใช้รู้ใจ ดีมากเ้าไม่ต้องนำไปส่งองค์หญิง เตรียมอุ่นเอาไว้ให้ดี อีกเดี๋ยวข้ากลับมาก็ส่งเข้าไปในห้องเป็พอแล้ว”
“อ๊ะ…” อิ๋งเหอแอบใแต่กลับไม่กล้าออกปากถามอีก จึงได้แต่รับคำจากนั้นก็ไปเตรียมอาหารที่ห้องครัว
เมื่ออิ๋งเหอมาถึงห้องครัว ก็เป็ตอนที่อวี้จิ่นยังคงต้มโจ๊กเม็ดบัวอยู่จากประสบการณ์ที่ติดตามองค์หญิงหวงฝู่จิ้งมานานปีจึงรู้ว่าหากหลิ่วจิ้งสามารถกินของเล็กน้อยใดได้ เวลานี้ก็ควรจะกินโจ๊กนุ่มๆ เหลวๆสักหน่อยเป็ดีที่สุด
เห็นอิ๋งเหอเดินเซื่องซึมหมดแรงเข้ามา อวี้จิ่นพลันกังวลใจขึ้นทันใดหรือทางท่านแม่ทัพมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ดูจากที่ท่านแม่ทัพสั่งให้เตรียมอาหารให้หลิ่วจิ้งเมื่อครู่นี้ท่านแม่ทัพก็น่าจะปฏิบัติต่อหลิ่วจิ้งเป็อย่างดี แล้วเหตุใดอิ๋งเหอจึงเดินซังกะตายกลับมา
อวี้จิ่นรีบเข้าไปหาอีกฝ่าย ถามว่า “เป็อะไรไปอิ๋งเหอข้ามิใช่ให้เ้าไปรออยู่หน้าเรือนหรอกหรือ? พอท่านแม่ทัพกลับมาก็จะได้เห็นเ้าทันทีเ้าได้พบกับท่านแม่ทัพแล้วหรือไม่ เหตุใดจึงกลับมาแล้วเล่า”
อวี้จิ่นร้อนใจนัก นางนึกว่าจะได้เห็นอิ๋งเหอเบิกบานกลับมาเสียอีก
“อวี้จิ่น ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว แต่เพียงถามดูว่าเตรียมของว่างเสร็จแล้วหรือยังกลับไม่ได้ให้ข้านำไปส่งให้องค์หญิง”อิ๋งเหอพูดจบก็อ่อนแรงนั่งลงบนธรณีประตูห้องครัว ไม่สดชื่นเอาเสียเลย
“หือ เ้าคงมิได้ฟังผิดไปหรอกนะ ท่านแม่ทัพยังพูดอะไรอีกหรือไม่?”
อวี้จิ่นไม่เชื่อว่าท่านแม่ทัพจะไม่ได้สั่งความใดมาอีก
“ท่านแม่ทัพบอกเพียงว่าให้ข้าเอาอาหารอุ่นเตรียมไว้เมื่อท่าน้าก็จะบอกพวกเรา”
หลังได้ยินอิ๋งเหอกล่าวขยายความแล้ว อวี้จิ่นกลับรู้สึกวางใจขึ้นมาแม้ไม่ว่าจะมองอย่างไรท่าทีของท่านแม่ทัพก็ออกจะประหลาดอยู่สักหน่อยแต่ในเมื่อท่านแม่ทัพบอกให้เอาของว่างไปอุ่น ก็เท่ากับบอกชัดแล้วว่ายัง้ารับของว่างเ่าั้อยู่ส่วนจะให้ใครทานหรือทานเมื่อใดนั้น อวี้จิ่นคิดแล้วก็ยังไม่อาจรู้แน่ชัด
นางอยู่และเติบโตในวังหลวงมานานปีย่อมรู้ว่าหากคนไม่ได้อยู่ข้างกาย โอกาสจะเกิดการเปลี่ยนแปลงย่อมมีมากมายนัก ท่านแม่ทัพไม่เคยขาดเหลือหญิงงามหากไม่ระวังเพียงคราเดียว ท่านแม่ทัพก็อาจจำไม่ได้แล้วว่าเ้าเป็ใครด้วยเหตุนี้ตอนที่หลิ่วจิ้งหมดสติไปนางจึงรวบรวมความกล้ายอมให้หลิ่วจิ้งทนรับความเ็ปสักหน่อยเพื่อแลกกับการรีบฟื้นขึ้นมาโดยเร็ว
“อิ๋งเหอ เ้าไปพักก่อนเถิด โจ๊กเม็ดบัวของข้ายังต้องใช้เวลาอีกครึ่งก้านธูปจึงจะต้มเสร็จให้ข้าคอยเฝ้าไว้เป็พอแล้ว เ้าไปเถิด”อวี้จิ่นคิดสักพักก็ตัดสินใจว่ายังไม่ต้องสนใจเื่ท่านแม่ทัพจะมีความคิดอ่านอย่างไรในเมื่อต้มโจ๊กเม็ดบัวเอาไว้แล้วก็ต้มเสียให้เสร็จค่อยดูสถานการณ์อีกที
หั่วอี้ย้อนกลับไปที่หอหั่วเยี่ยนเพื่อดูว่าสาวใช้ทั้งสองคนเตรียมของว่างเสร็จแล้วหรือไม่หลังจากเขาสั่งความเสร็จก็หันหลังเดินจากไป จึงไม่รู้ว่าสาวใช้ทั้งสองคนที่อยู่ในห้องครัวกำลังนินทาเขาอยู่
หั่วอี้ออกวิ่งโดยใช้พลังยุทธช่วย ทำให้เพียงไม่นานก็ไปถึงห้องเก็บฟืนอีกคราเขาะโลงมาจากบนหลังคาอย่างชำนาญช่องทางและลงมาอยู่ในห้องเก็บฟืนโดยไม่มีใครพบเห็น
นับั้แ่หั่วอี้มาถึงและจากไปอย่างรีบร้อน หลิ่วจิ้งก็ไตร่ตรองเื่ราวทั้งหมดที่เกิดกับนางในวันนี้อยู่ในหัวหลายรอบ
หลังจากลองคิดถึงความเป็ไปได้ต่างๆ หลายครา และตัดความเป็ได้หลายประการออกไปที่สุดนางก็ได้คำตอบว่าเื่ในวันนี้ต้องเป็ฮูหยินใหญ่สร้างเื่บางอย่างขึ้นมา
ปัญหาคือฮูหยินใหญ่จะส่งข่าวกับคนข้างนอกได้อย่างไรจึงทำให้มีหมอที่จู่ๆ ก็พูดคำที่เป็การยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัวได้อย่างบังเอิญเพียงนั้นนอกจากจะขัดขวางการแต่งงานของท่านแม่ทัพแล้ว ยังทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าชิงชังนางจนส่งมาขังในห้องเก็บฟืนได้สำเร็จเื่ที่ดูคล้ายว่าเกิดขึ้นเป็ทอดๆ นี้กลับจัดการออกมาได้อย่างประจวบเหมาะนักทั้งยังเป็ไปตามความประสงค์ของฮูหยินใหญ่ทุกประการ
ค่ำคืนเย็นดั่งน้ำ แม้จะบอกว่าเวลานี้เป็ฤดูร้อนแต่ลมยามกลางคืนก็ยังมีความเย็นอยู่ โดยเฉพาะเมื่อกลางวันค่อนข้างร้อนหลิ่วจิ้งจึงสวมชุดที่เป็ผ้าแพรบาง กลางวันนั้นไม่เป็ไร แต่พอตกกลางคืน ยามลมพัดผ่านก็ยังรู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งกาย
ในขณะที่หลิ่วจิ้งทำให้ตนเองอบอุ่นด้วยการนั่งขดตัวเอามือสองข้างไขว้โอบสองไหล่ตรงมุมห้องเก็บฟืนอยู่นั้นกลับต้องใยกใหญ่เมื่อเห็นว่ามีบางสิ่งตกลงมาจากฟ้า
ตอนที่หั่วอี้ลงมาจากข้างบน หลิ่วจิ้งใจนเกือบร้องออกมาแล้วดีที่นางมองเห็นได้เร็วว่าคนที่มาคือหั่วอี้ จึงกลั้นเสียงไว้ทันมิได้ร้องออกมา
หัวใจของหลิ่วจิ้งพลันเต้นเร็วขึ้นยามเห็นหั่วอี้กลับมาอีกครา แต่ใบหน้าแสนยินดีของนางก็หายไปอย่างรวดเร็วและถูกสีแห่งรัตติกาลบดบังไปจึงไม่ถูกหั่วอี้พบเห็น
“ท่านแม่ทัพ เหตุใดท่านจึงกลับมาอีก ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่เข้านอนอีกหรือเ้าคะ”
หลิ่วจิ้งถามไปดังนั้น เพื่อให้หั่วอี้มองเจตนาของนางไม่ออก
“ทำไมหรือองค์หญิง หรือท่านไม่อยากเห็นข้า นึกว่าท่านอยากเห็นข้าเสียอีก”
หั่วอี้มองหลิ่วจิ้งด้วยความไม่เข้าใจ ้าฟังว่านางจะตอบอย่างไร
หลิ่วจิ้งถอนใจคราหนึ่ง “ท่านแม่ทัพ หากฮูหยินผู้เฒ่าทราบเื่เข้าอาจยิ่งรู้สึกว่าข้าเป็นางจิ้งจอกยั่วราคะความผิดเช่นนี้ข้ามิอาจแบกรับไหว ท่านแม่ทัพคงไม่อยากเห็นข้าโดนมองเป็นางจิ้งจอกจนถูกนำไปเผาทั้งเป็กระมังเ้าคะ”
หลิ่วจิ้งอธิบายเสียงเบาแต่แอบเบ้ปากอยู่ในใจ ดูท่าว่าแม่ทัพผู้นี้จะมิรู้วิธีหว่านล้อมสตรีทว่าแม้ดูคล้ายเป็คนไม่ละเอียดอ่อน แต่กลับล่อหลอกเขาไม่ง่ายเลย
_____________________________