“เย่เฟิง ตอนนั้นเ้าทรยศตระกูลหนานกงข้า เป็คนทรยศเช่นนี้ บัดนี้ยังมีหน้ากลับมาอีกหรือ?”
หนานกงเฉินค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนเมื่อเย่เฟิงมาถึงที่นี่ก่อนกล่าวเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงเ็า
เย่เฟิงหยุดเดินพร้อมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาหันไปมองหนานกงเฉินก่อนกล่าวว่า “ข้าเย่เฟิงไม่ใช่คนของตระกูลหนานกงเ้า ไยกล่าวหาว่าข้าทรยศ? ข้าไม่อยากทะเลาะกับเ้า แต่ข้า้ารู้ว่าหนานกงอวี่บุตรของอาสามอยู่ที่ใด?”
“สมกับเป็คนประเภทเดียวกัน คนทรยศมาตามหาคนทรยศ!”
หนานกงเฉินได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงเ็าพร้อมเผยรอยยิ้มดูแคลน “หนานกงอวี่ขโมยความลับของตระกูลหนานกงข้า จึงถูกขังอยู่ในคุก หากเ้าอยากพบก็เชิญไปที่คุก!”
น้ำเสียงของหนานกงเฉินเย็นเยือก บัดนี้เย่เฟิงค่อย ๆ เติบใหญ่ และยิ่งเป็ภัยคุกคามต่อตระกูลหนานกงเขา จำต้องใช้โอกาสนี้กำจัดเย่เฟิงจึงจะขจัดความกังวลในใจเขาออกไปได้
เย่เฟิงได้ยินคำพูดของหนานกงเฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าหนานกงอวี่ที่เป็ลูกหลานสายตรงของตระกูลหนานกงจะถูกตระกูลหนานกงเองจับขังไว้ที่คุก แต่จะเป็อย่างที่หนานกงเฉินว่ามาจริง ๆ หรือไม่ เช่นนั้นก็ต้องยืนยันข้อเท็จจริง
“หนานกงอวี่ฝึกอยู่ข้างนอกั้แ่เด็ก เขาจะขโมยความลับของตระกูลเ้าไปทำไม ข้าอยากรู้รายละเอียดของเื่นี้?” เย่เฟิงเอ่ยถามหนานกงเฉินด้วยรอยยิ้มเ็า หนานกงอวี่คือสายเืเพียงหนึ่งเดียวที่ปู่สามแห่งตระกูลหนานกงหลงเหลือไว้บนโลกใบนี้ เย่เฟิงจึงมิอาจนิ่งนอนใจขณะที่อีกฝ่ายถูกขังอยู่ในคุก
“เ้าเป็แค่เศษสวะ แต่มีสิทธิ์อะไรมารู้เื่นี้?” ปู่ใหญ่หนานกงกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเื
“ทว่าสวะเยี่ยงข้ากลับเอาชนะลูกเ้าได้ง่าย ๆ นั่นมันไม่แตกต่างจากสวะเลยไม่ใช่หรือ? น่าขันที่เ้าเห็นเศษสวะประหนึ่งสมบัติล้ำค่า เห็นชัดว่าเ้ามันโง่เขลา!” เย่เฟิงกล่าวขณะหันไปมองปู่ใหญ่หนานกง
วันนี้เขามาที่ตระกูลหนานกง เดิมทีไม่อยากมีเื่ทะเลาะกับคนเหล่านี้ แต่อีกฝ่ายก็หาเื่ทะเลาะอยู่ดี
หนานกงิที่อยู่ข้าง ๆ ปู่ใหญ่หนานกงได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี พร้อมกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเบา ๆ ถ้อยคำของเย่เฟิงเฉียบคมอย่างมาก แต่กลับเป็การด่าพวกเขาพ่อลูก
“หากรู้ว่าเ้าจะกลับมาแว้งกัดเยี่ยงนี้ ตอนนั้นข้าคงฆ่าเ้าไปแล้ว!” ปู่ใหญ่หนานกงกล่าว เขากวาดตามองร่างเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยือก ก่อนพูดต่อไปว่า “แต่ดูเหมือนว่าลงมือกำจัดเ้าตอนนี้ก็ยังไม่สาย!”
ระหว่างที่กล่าวเช่นนั้น ปู่ใหญ่หนานกงก็เคลื่อนไหว เขาเดินออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเย่เฟิงในวินาทีต่อมา จากนั้นใช้พลังฝ่ามือโจมตีโดยอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างไร้ที่สิ้นสุดไปที่หน้าอกของเย่เฟิงอย่างไม่ลังเล ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ระยะเริ่มต้น ก็ไม่มีทางสำแดงพลังโจมตีเช่นนี้ได้
ผู้คนในที่แห่งนั้นเห็นฉากนี้ต่างก็ดวงตาสั่นไหวครู่หนึ่ง จากนั้นชายหนุ่มผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า “เย่เฟิงผู้นี้กล้าหาญมาก ไม่นึกว่าจะกล้าบุกตระกูลหนานกง แต่ข้ากลับดูไม่ออกว่าตอนนี้เขาเป็ยังไง? ผู้นำตระกูลและปู่ใหญ่ต่างโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ เขาคงจบเห่เป็แน่!”
“ใช่ ปู่ใหญ่มีพลังแกร่งกล้า แม้ยังไม่บรรลุขั้นยุทธ์แท้ แต่ก็มีพลังของขั้นยุทธ์แท้ อีกอย่างปู่ใหญ่มีประสบการณ์มากมายในหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่ใช่คนที่เย่เฟิงจะต่อกรด้วยได้”
ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา ก่อนหน้านี้มีไม่กี่คนที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างหนานกงหลิงซวงกับปู่ใหญ่หนานกง ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าเย่เฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปู่ใหญ่หนานกง
“สวะ ทรยศตระกูลหนานกง บัดนี้ยังบุกรุกตระกูลข้าอีก ข้าต้องกำจัดเ้าให้ได้!” ปู่ใหญ่หนานกงกล่าวเสียงเย็น ซึ่งเขาสำแดงพลังฝ่ามือถึงขีดสุดเพื่อที่จะโจมตีเย่เฟิง
“หาที่ตาย!”
ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายเย็นเยือก จากนั้นวาดฝ่ามือโจมตีเช่นกัน ซึ่งเป็ฝ่ามือที่ใช้เพียงพลังกายเท่านั้น ไร้ซึ่งพลังหยวนใด ๆ พลันเสียงะเิดังสนั่น นาทีที่ฝ่ามือของเย่เฟิงโจมตี ร่างปู่ใหญ่หนานกงพลันสั่นสะท้าน ก่อนจะกระเด็นไปกระแทกกับแท่นบูชาอย่างแรง ทำให้แท่นบูชาสั่นะเืจนรอยแตกร้าวปรากฏบนนั้น
“มีพลังแค่นี้ แต่กล้าดียังไงมาข่มขู่ข้า?” เย่เฟิงเย้ยหยันขณะมองปู่ใหญ่หนานกงที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น ซึ่งที่มุมปากของปู่ใหญ่หนานกงมีเืไหลออกมาไม่หยุด ใบหน้าก็ขาวซีด จากนั้นเขาพูดเสียงสั่นออกมาว่า “เ้า... เ้าแข็งแกร่งเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด?”
“คนโง่เง่า ข้าเย่เฟิงไม่อยากพล่ามไร้สาระกับเ้า!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น แม้เขายืนอยู่ตรงนั้น แต่ก็ดูสง่าผ่าเผยเป็อย่างมาก
“เป็ไปได้ยังไง? ท่านปู่ใหญ่มีพลังแกร่งกล้า แต่ไม่นึกว่าจะถูกเย่เฟิงซัดกระเด็นด้วยการโจมตีเดียว เย่เฟิงมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!”
นาทีนี้ทุกคนต่างมองไปที่เย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ พวกเขาไม่คาดคิดว่าสวะคนนั้นที่เคยถูกตระกูลหนานกงทอดทิ้ง บัดนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นนี้ ถึงขั้นสามารถกำราบปู่ใหญ่หนานกงที่เป็ผู้แข็งแกร่งในใจของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่เกิดขึ้นน่าใมากเกินไป ทำให้พวกเขาไม่กล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็ความจริง
คนตระกูลหนานกงต่างเผยสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา กระทั่งหนานกงเฉินปลดปล่อยพลังปราณ เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะเอาชนะปู่ใหญ่ได้ง่าย ๆ เช่นนี้
“สวะ เ้ากล้าดียังไงมาทำตัวเหิมเกริมที่นี่? วันนี้ข้าต้องแก้แค้นแทนลูกข้าให้ได้!” ขณะนั้นมีเสียงเย็นเยือกดังมาจากอัฒจันทร์ ซึ่งผู้พูดคือบิดาของเซียวเจี๋ยและเซียวเลี่ยง นามว่าเซียวจิ้น
สายตาที่เย็นเยียบของเซียวจิ้นกวาดมองร่างเย่เฟิง จากนั้นเขาะโขึ้นฟ้า ก่อนจะร่อนลงที่เบื้องหน้าของเย่เฟิง
“สวะ เ้ารู้ผิดหรือไม่!” เซียวจิ้วตวาดใส่เย่เฟิงด้วยโทสะ เขาอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 เป็ยอดฝีมือแห่งไท่โยวเก้าเขต เขาย่อมจัดการเด็กอย่างเย่เฟิงที่อายุไม่ถึง 17 ปีได้อย่างไม่มีปัญหา
ระหว่างที่กล่าวเช่นนั้น พลังขั้นยุทธ์แท้ปะทุออกจากร่างเซียวจิ้น ูเาลูกหนึ่งปรากฏที่กลางอากาศอย่างฉับพลัน ก่อนจะพุ่งไปหาเย่เฟิงหมายบดขยี้ร่างเย่เฟิง
เย่เฟิงเหยียดยิ้มอย่างเ็า จู่ ๆ เจตจำนงหอกพวยพุ่งออกจากร่างเขา ก่อนจะกลายเป็รังสีหอกและทำลายการโจมตีของอีกฝ่าย ทำใหู้เาที่แปรมาจากพลังปราณของเซียวจิ้นถูกรังสีหอกทำลายจนเป็ผุยผง กระทั่งสลายหายไปท่ามกลางอากาศ
“หาที่ตาย!”
เซียวจิ้นเห็นเย่เฟิงทำลายการโจมตีของเขาได้ง่าย ๆ ก็หน้าเปลี่ยนสี จากนั้นวาดฝ่ามือโจมตี ซึ่งฝ่ามือนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง ทุกที่ที่ผ่านล้วนทำให้ห้วงอากาศต้องสั่นไหว ทั้งยังมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเข้าปกคลุมร่างเย่เฟิง พลังนั้นพยายามแทรกซึมเข้าร่างเย่เฟิง ทว่าเย่เฟิงกลับปล่อยให้พลังนั้นแทรกซึมเข้าร่างโดยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด
พลังทำลายล้างรายล้อมร่างเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง แต่เขากลับไม่เป็อะไร ทั้งยังยิ้มเยาะเซียวจิ้น
“ปัง!”
เซียวจิ้นชะงักไปเล็กน้อย แต่พลังฝ่ามือของเขายังคงไม่ลดลง ก่อนจะเข้าโจมตีร่างเย่เฟิง ตามมาด้วยเสียงดังกึกก้อง เซียวจิ้นรู้สึกว่ามีพลังสะท้อนกลับปีนป่ายตามแขนและเข้าสู่ร่างกายเขา ทำให้อวัยวะภายในสั่นคลอนราวกับจะแตกะเิ ซึ่งพลังสะท้อนกลับนั้นทรงอานุภาพมาก กระทั่งซัดร่างเซียวจิ้นกระเด็นไปข้างหลัง
“อั่ก!” เซียวจิ้นอาเจียนเืออกมา พร้อมใบหน้าขาวซีด กระทั่งสภาพจิตใจของเขาก็ยังย่ำแย่ลง
พลังที่ปะทุออกจากร่างเย่เฟิงเมื่อครู่นี้น่าหวาดกลัวมากเกินไป แม้แต่เขาก็ต้านทานไม่ได้ ซึ่งเซียวจิ้นรู้สึกได้ว่าหากเย่เฟิงปลดปล่อยพลังปราณของตนที่แกร่งกว่านี้ มันอาจคร่าชีวิตของเขาได้เลย
“นี่...”
ผู้คนเห็นเย่เฟิงไม่สนใจการโจมตีของเซียวจิ้น มิหนำซ้ำเซียวจิ้นยังกระอักเืออกมาเช่นนี้ พวกเขาต่างก็ตื่นใเป็อย่างมาก
คนตระกูลหนานกงรู้ดีว่าตบะของเซียวจิ้นอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 และเป็อย่างไร ซึ่งตบะระดับนี้ถือว่าเป็ยอดฝีมือของไท่โยวเก้าเขต มีพลังแกร่งกล้ากว่าปู่ใหญ่หนานกง แต่ถึงอย่างนั้นกลับทำลายการป้องกันของเย่เฟิงไม่ได้ ซ้ำยังถูกซัดจนกระเด็น พลังเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มอายุไม่ถึง 17 ปีจะมีได้ มันช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
“สวบ!”
ในเวลาเดียวกันนั้น เย่เฟิงเดินออกมาพร้อมพลังดาราห่อหุ้มร่างเขา แสงดาวส่องกะพริบ ก่อนเย่เฟิงจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเซียวจิ้นในวินาทีต่อมา
“ตาข้าแล้ว!” เย่เฟิงแสยะยิ้ม จากนั้นวาดฝ่ามืออันเรียบง่ายโจมตี แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่น่าทึ่ง
“ท่านพ่อ!”
เมื่อคนตระกูลหนานกงเห็นเย่เฟิงลงมือโจมตีเซียวจิ้นอย่างไม่มีความลังเลใด ๆ ก็เผยสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา สีหน้าของเซียวเลี่ยงก็ฉายอย่างเย็นเยียบ แต่อยู่ห่างมากเกินไป เซียวเลี่ยงจึงทำได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ
“ตูม!”
เสียงะเิดังสนั่น ฝ่ามือของเย่เฟิงโจมตีไปที่จุดตันเถียนชี่ไห่ของเซียวจิ้น ทำให้เซียวจิ้นร้องโอดครวญพร้อมกับร่างสั่นสะท้าน
ด้วยพลังฝ่ามือของเย่เฟิงที่ทรงอานุภาพ ทำให้จุดตันเถียนชี่ไห่ของเซียวจิ้นถูกทำลาย สูญสิ้นตบะกลายเป็คนไร้ค่านับจากนี้ไป!
