ข้ารับใช้ที่อยู่นอกรถม้าตวาดเสียงดัง "บังอาจ!เ้าเป็แม่นางในหมู่บ้านกลางป่ากลางเขากลับกล้าบริภาษนายท่านของพวกเราช่างไร้มารยาทเสียจริง!"
อวี๋หรูไห่ก็ใเช่นกันเขาจ้องอวี๋เจียวอย่างดุดันและตำหนิเสียงต่ำ "รนหาที่ตาย เ้าพูดกับนายท่านมู่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน? ยังไม่รีบขอโทษอีก!"
ม่านรถม้าถูกเปิดออกมู่เหยี่ยนเผยใบหน้าฉายแววเหนื่อยอ่อนและดำทะมึนออกมาอวี๋หรูไห่กลัวว่าวาจาของอวี๋เจียวจะล่วงเกินเขาจึงก้มหน้าค้อมเอวเอ่ยว่า"หลานสะใภ้ของข้าหยาบคายยิ่งนัก พูดจาไม่เป็มาแต่ไหนแต่ไร ขอนายท่านมู่อย่าได้ถือโทษข้าจะลงโทษนางอย่างหนักแน่นอน"
มู่เหยี่ยนไม่ได้สนใจอวี๋หรูไห่กลับใช้หางตาปรายมองอวี๋เจียวแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า"สตรีเช่นเ้าช่างกล้าหาญเสียจริง คิดจะใช้คำพูดยั่วโมโหข้าหรือ? ข้าไม่ใช่เด็กน้อยที่จะถูกยั่วยุด้วยวาจาไม่กี่ประโยคของเ้า"
กล่าวจบ เขาปล่อยม่านลง มู่เนี่ยนจิ่วไม่กล้าพูดอะไรอีกขณะที่เขากำลังจะเลิกม่านเข้าไปในรถม้า ม่านกลับถูกเปิดออกอีกครั้งครั้นเงยหน้าขึ้นเห็นสีหน้าท่านอาของตนแลดูไม่น่ามองขึ้นอีกหลายส่วนมู่เนี่ยนจิ่วพลันหดกายด้วยความขลาดกลัว
มู่เหยี่ยนเดินผ่านมู่เนี่ยนจิ่วไป เขามองอวี๋เจียวอย่างเ็าเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า "เพียงแต่ในเมื่อเ้ากล้าพูดจาหยาบคายเช่นนี้ข้าก็จะทำตามความประสงค์ของเ้า แต่หากเ้ารักษาอาการป่วยของข้าไม่ได้ข้าจะไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันสหายร่วมเรียนจะทำลายป้ายหมอสกุลอวี๋ของเ้าในวันนี้!"
เหตุผลที่เขาเปลี่ยนใจก็เพราะเมื่อครู่เพิ่งจะยกมือขึ้นเกานึกไม่ถึงว่าตุ่มแผลพุพองเม็ดหนึ่งจะแตกจนน้ำหนองผสมเืไหลออกมาหนึ่งกำมือรู้สึกเ็ปอย่างยิ่ง
อวี๋หรูไห่ทั้งกลัวทั้งโกรธเขาโกรธเพราะอวี๋เจียวไม่ควรหยิ่งยโสเพียงนี้จนทำให้นายท่านตระกูลมู่โกรธเคืองอย่างหนักหากทำลายป้ายสกุลอวี๋ของเขาจริงๆ ภายหน้าเขาจะยังเป็หมอในหมู่บ้านต่อไปได้อย่างไร
แต่อวี๋เจียวกลับไม่ร้อนรนนางเรียกมู่เหยี่ยนลงจากรถม้าแล้วกลับเข้าไปในห้องเพื่อตรวจอาการ
มู่เหยี่ยนถูกคนรับใช้ประคองลงจากรถม้า อวี๋เจียวพาคนไปที่ห้องสมุนไพรทางทิศตะวันตกของห้องโถงกันบรรดาสตรีในสกุลอวี๋ไว้ข้างนอก
"เชิญนายท่านมู่เปลื้องอาภรณ์"อวี๋เจียวเอ่ยขึ้นโดยไม่ตรวจชีพจรของเขาเสียก่อน
มู่เหยี่ยนเหลือบมองอวี๋เจียวข้ารับใช้ทั้งสองคนไม่กล้าลงมือโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อมู่เนี่ยนจิ่วเดินไปข้างหน้ามู่เหยี่ยนถึงยอมยกแขนขึ้น มู่เนี่ยนจิ่วรีบปรนนิบัติท่านอาเปลื้องอาภรณ์ด้วยตนเอง
"แค่เผยแผ่นหลังก็พอ" อวี๋เจียวกล่าวเสริม
มู่เนี่ยนจิ่วค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าบนร่างกายท่อนบนของอาเขาออก ครั้นเปิดเผยออกมาอวี๋หรูไห่สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างอดไม่ได้ภายในห้องเงียบสงัดแต่เดิมทำให้เสียงสูดลมหายใจนี้ดังชัดเจนมากกว่ายามปกติทำเอามู่เหยี่ยนเลิกคิ้วขึ้นมองอวี๋หรูไห่ครู่หนึ่งอวี๋หรูไห่ถึงกับยิ้มเจื่อนออกมา
อวี๋เจียวมองแผลพุพองที่มีน้ำหนองและเืไหลออกมาอย่างไม่ประหลาดใจหลังจากตั้งใจมองพิจารณาแผลอย่างละเอียดแล้วครั้นเห็นแผลบวมเป่งจึงเอ่ยถามออกมาว่า “มักจะรู้สึกกระหายและหงุดหงิดใช่หรือไม่? ให้ข้าดูฝ้าบนลิ้นสักหน่อย”
มู่เหยี่ยนพยักหน้า อ้าปากแล้วแลบลิ้นออกมาหลังจากอวี๋เจียวตรวจดูก็ยกมือขึ้นจับชีพจร
ครู่ต่อมากล่าวขึ้นว่า "แผลพุพองของท่านสร้างความเ็ปอย่างรุนแรงถึงขั้นทำให้หนาวร้อนไปทั้งกาย ท้องผูกอุจจาระเป็สีแดง เส้นชีพจรเต้นเร็วแรงลิ้นแดงฝ้าเหลือง คืออาการแผลพุพองบนหลังที่เกิดจากพลังหยางและความร้อน"
มู่เหยี่ยนเห็นนางวิเคราะห์อาการได้จริงๆ จึงเก็บความคิดดูถูกนางเช่นก่อนหน้านี้ลงไปเขาสวมเสื้อคลุม ทว่าปากกลับเอ่ยเสียงเรียบว่า "อาการของโรคแผลพุพองหากเป็หมอย่อมอธิบายอาการได้ชัดเจน ไม่มีอะไรน่าแปลกไหนเ้าลองบอกมาสิว่าควรรักษาอย่างไร?"
อวี๋เจียวตอบกลับอย่างสุขุม “วิธีรักษาคือขจัดความร้อนเพื่อคลายพิษกระจายลมปราณสลายเืคั่ง”
“เ้าช่างเอ่ยออกมาง่ายดาย หากรักษาง่ายเช่นนี้จริงๆกุนซือฟั่นเจิงกับแม่ทัพจงเจ๋อผู้เลื่องชื่อก็คงไม่ต้องจบชีวิตเพราะโรคแผลพุพองบนหลังเสียแล้ว”มู่เหยี่ยนเย้ยหยัน
อวี๋หรูไห่เอ่ยถามอวี๋เจียวเสียงเบา “ควรจะจัดเทียบยาอย่างไรภายในใจของเ้ามั่นใจว่าจะสำเร็จกี่ส่วน?”
อวี๋เจียวหัวเราะเสียงเบา นางไม่ใส่ใจคำกล่าวของมู่เหยี่ยนเอ่ยเพียง “รบกวนท่านปู่ช่วยจัดเทียบยาด้วยเ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่ถอนหายใจโล่งอกทันใด นั่งลงหน้าโต๊ะด้วยใบหน้ายินดีจากนั้นหยิบพู่กันรอเขียนเทียบยาของอวี๋เจียว