บทที่ 71 การต้มตุ๋น ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็มีเหมือนกัน
“โอ๊ย! ปวดเอวจังเลย”
อีกฝ่ายเป็หญิงชรา เธอนอนแผ่กับพื้นกุมเอวตัวเองครวญคราง “เจ็บเหลือเกิน! แม่หนูขี่จักรยานยังไงกันไม่รู้จักระวังเลย กระดูกกระเดี้ยวของฉัน...เจ็บ เจ็บเหลือเกิน...”
สวี่จือจือถึงกับขำ
ที่แท้การต้มตุ๋น ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็มีเหมือนกันสินะ
“ขอโทษนะคะ” ลู่ซืออวี่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก รีบเข้าไปพยุงหญิงชราขึ้น “พวกหนูไม่ได้ตั้งใจ คุณยายเป็อะไรมากไหมคะ?”
“อะไรคือไม่ได้ตั้งใจ!” หญิงชราปัดมือลู่ซืออวี่ออก “ถ้าตั้งใจวันนี้ชีวิตยายแก่ๆ คงต้องมาจบลงตรงนี้แน่”
พูดจบก็ล้มตัวลงนอนกับพื้น ร้องครวญครางเสียงดัง
ลู่ซืออวี่ถึงกับพูดไม่ออก นี่...จะทำยังไงดีล่ะ?
หญิงชรานอนเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้น เอามือกุมเอวพลางร้องโอดโอย “เจ็บ เจ็บเหลือเกิน! กระดูกกระเดี้ยวของฉัน...”
วันนี้เป็วันตลาดนัด ไม่นานก็มีคนมามุงดูกันเต็มไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้สิ เหมือนสองสาวนี่ขี่จักรยานชนคนเข้า”
“จุ๊ๆ จักรยานคันใหญ่ขนาดนี้ยังจะซ้อนคนอีก ไม่ล้มเองก็ชนคนอื่นอยู่ดี”
ลู่ซืออวี่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ได้แต่ทำอะไรไม่ถูกหันไปถามสวี่จือจือ “พี่สะใภ้ จะทำยังไงดีคะ?”
อยากจะบอกว่าพวกเธอไม่ได้ชนใครสักหน่อย แต่หญิงชรานอนกับพื้นร้องโอดโอยเสียขนาดนั้น จะให้พูดออกไปได้ยังไงกัน
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดออกไป หญิงชราที่นอนอยู่กับพื้นก็ลุกขึ้นมาคว้าขากางเกงของเธอ แล้วร้องะโ “ทำยังไงน่ะเหรอ? พวกเธอต้องพาฉันไปโรงพยาบาล เอวฉันแทบหักแล้ว ต่อไปจะทำงานทำการอะไรก็ไม่ได้ แล้วฉันจะอยู่ยังไง!”
ลู่ซืออวี่ไม่คิดว่าหญิงชราจะคว้าตัวเธอไว้ เธอใกรีดร้องออกมา ทรงตัวไม่อยู่ล้มหงายหลังลงไป
“อ๊า!” เธอร้องออกมา เกือบจะล้มแล้ว
ทำไมถึงบอกว่าเกือบ? ก็เพราะสวี่จือจือช่วยประคองเธอไว้ ถ้าไม่ได้ช่วยเธอคงล้มลงไปแล้ว แถมคงเจ็บหนักกว่านี้ด้วย
สวี่จือจือมองอย่างเ็า
หญิงชราคนนั้นก็ไม่คิดว่าลู่ซืออวี่จะขี้ใขนาดนี้ เลยปล่อยมืออย่างไม่สบอารมณ์ ลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วยื่นมือไปหาสวี่จือจือ “ช่างมัน ช่างมัน ถือว่าฉันเสียเปรียบเอง จ่ายมายี่สิบหยวน เอาเงินมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันไปโรงพยาบาลเอง”
จ่ายเงินให้เหรอ? ไม่ได้ชนสักหน่อย จะจ่ายทำไม
คนที่มุงดูก็ถึงกับสูดหายใจเข้าลึกๆ เงินยี่สิบหยวนนี่ เทียบเท่าค่าแรงคนงานทั้งเดือนเลยนะ สองสาวนี่จะมีเงินมากขนาดนั้นเหรอ?
“คุณยายคะ” สวี่จือจือถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “ให้หนูดูหน่อยได้ไหมคะ ว่าเมื่อกี้พวกหนูชนคุณยายตรงไหน?”
“นี่...” หญิงชรากลอกตา ชี้ไปที่เอวด้านซ้ายของตัวเอง “อะไร? เธอคิดจะเบี้ยวหรือไง?”
“ไม่ได้จะเบี้ยวค่ะ” สวี่จือจือพูดเสียงสั่น “แค่ถามหน่อยไม่ได้เหรอคะ?”
เวลานี้ต้องยอมรับว่าข้อดีของการหน้าตาดีก็คือตรงนี้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวี่จือจือที่ดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอม ราวกับไม่เคยผ่านโลกมาก่อน ใครเห็นก็เอ็นดู จะไปตำหนิเธอได้ยังไง
อีกอย่างคนเขาพูดก็ถูกนี่นา ไม่ไปโรงพยาบาลแต่อยากได้เงินเขา ถามหน่อยก็ไม่ได้หรือไง ทำไมต้องดุขนาดนี้ด้วย แม่หนูก็ไม่ได้ตั้งใจจะชนสักหน่อย
“คุณยาย แน่ใจนะคะว่าตรงนี้?” สวี่จือจือถามเสียงแ่เบาอีกครั้ง
“แน่นอนสิ ก็ตรงนี้นี่แหละ” หญิงชราชี้ “เมื่อกี้ฉันเดินมาดีๆ พวกเธอก็พุ่งเข้ามาชน ชนตรงนี้ของฉัน เจ็บมากเลย” พูดพลางคลึงเอวตัวเอง “เอวฉันแทบหักแล้ว อย่าพูดมาก รีบเอาเงินมาให้ฉันไปหาหมอ โอ๊ย... เจ็บเหลือเกิน” หญิงชราพึมพำ
“แต่ว่า...” สวี่จือจือชี้ไปยังทิศทางที่หญิงชราพูด “คุณยายมาจากทางใต้กำลังจะไปทางเหนือ พวกหนูมาจากทางตะวันตกกำลังจะไปตลาดทางตะวันออก จะชนยังไงก็ชนเอวด้านซ้ายของคุณยายไม่ได้หรอกค่ะ” สวี่จือจือพูดด้วยความน้อยใจ ดวงตาแดงก่ำ
“ใช่แล้ว” มีคนชี้ไปที่จักรยานที่ล้มอยู่กับพื้น “เมื่อกี้ฉันเห็นเด็กคนนั้นพอเห็นคนมาก็ทิ้งจักรยานตัวเองเลย หักแฮนด์จักรยานไปทางโน้นแล้วทิ้งลงพื้น”
ทุกคนมองตามสายตาของเธอก็เห็นจักรยานสองแปดล้มตะแคงอยู่กับพื้น แฮนด์จักรยานหันไปอีกทาง แบบนี้เหมือนจะชนหล่อนไม่ได้
สายตาของทุกคนที่มองหญิงชราก็เปลี่ยนไป
“จักรยานของหนู” สวี่จือจือพูดเสียงสั่น “ถ้าคนที่บ้านรู้ว่าหนูทำจักรยานล้ม พวกเขาต้องตีพวกหนูแน่ แต่คุณยายวางใจเถอะค่ะ” เธอพูดอย่างจริงจัง “พวกหนูจะพาคุณยายไปตรวจที่โรงพยาบาลให้ได้ เครื่องมือที่โรงพยาบาลแม่นยำมาก ชนหรือไม่ชน ตรวจดูก็รู้”
“ชนตรงนี้ เมื่อกี้ฉันลืมไป” หญิงชรารีบเอามือกุมเอวด้านขวา “ตรงนี้ ตรงนี้ต่างหาก โอ๊ย! เจ็บจัง”
พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ ใครจะไม่รู้ว่าเธอ้าอะไร คงจะมาคอยดักอยู่ตรงนี้ เห็นสองสาวดูท่าทางรังแกง่ายเลยตั้งใจจะต้มตุ๋น
ทุกคนก็เลยพูดขึ้นว่า “จะส่งไปโรงพยาบาลทำไม? แม่หนูเอ๊ย! นี่คนเขาเห็นพวกเธอยังเล็ก เลยจะหลอกเอาเงินน่ะ”
“ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว” หญิงชราพอได้ยินแบบนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นร้องไห้เสียงดัง “พวกแกชนคนแล้วไม่รับผิดชอบ พวกแกเป็พวกเดียวกันใช่ไหม? หรือเห็นว่านังแพศยาสองคนนี้หน้าตาดี?”
คนที่พูดเมื่อกี้โกรธจนแทบคลั่ง เลยยิ้มเยาะ “ดูสภาพตอนนี้ของป้าสิ เหมือนคนโดนชนเอวตรงไหน?”
หญิงชราชะงักไป ครั้นจะร้องไห้ต่อก็ทำไม่ลง ได้แต่เอามือกุมเอวตัวเองไว้ “เอวฉัน เอวฉันโดนคนชนแทบหักแล้ว แต่ไม่มีใครมาช่วยฉันเลย ์! ฉันจะอยู่ยังไงดี”
“เมื่อกี้ไม่ได้บอกว่าชนเอวด้านขวาเหรอ? ทำไมถึงจับเอวด้านซ้ายล่ะ?” มีคนกระซิบถาม
พูดจบหญิงชราก็รีบเปลี่ยนมือไปกุมเอวด้านขวา
ทุกคน “...แม่หนูรีบไปเถอะ ยายแก่คนนี้มันนักต้มตุ๋น”
“เป็ไปได้ยังไงคะ?” สวี่จือจือเอามือปิดปาก มองไปยังหญิงชราที่นอนอยู่กับพื้นด้วยสีหน้าสับสน “คุณยายกำลังจะหลอกเอาเงินพวกหนูจริงๆ เหรอคะ?”
ยังไม่ทันที่หญิงชราจะตอบ คนที่มุงดูอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้น “ดูสิ เดี๋ยวก็จับเอวข้างนี้ เดี๋ยวก็จับเอวข้างนั้น ถ้าไม่ได้แกล้งทำแล้วจะเป็อะไรได้อีก”
“เด็กคนนี้นิสัยดีเกินไป มองปราดเดียวก็รู้ว่าทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว”
“เป็แบบนั้นจริงๆ เหรอคะ?” สวี่จือจือมองด้วยดวงตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา มองสลับไปมาระหว่างทุกคนกับหญิงชราที่กำลังทำหน้าตื่นตระหนก แล้วพูดด้วยความสงสัย “แต่คนแบบนี้ไม่ควรส่งไปสถานีตำรวจเหรอคะ?”
“ถ้าเกิดว่า” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ถ้าเกิดวันหลังหล่อนไปหลอกเอาเงินคนอื่นเหมือนที่วันนี้มาหลอกพวกเรา จะทำยังไงคะ?”
“วันนี้พวกเราโชคดีที่เจอทุกคนใจดีขนาดนี้ แต่ถ้าวันหลังคนอื่นไม่โชคดีเหมือนพวกเราล่ะคะ?”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้