หลินเฟิงตกอยู่ในห้วงความฝันที่ยาวนานมาก ในความฝันนั่น ิญญาของเขาหลุดออกจากร่างและท่องไปในความมืด ไม่ว่าิญญาของเขาจะล่องลอยไปทางไหนก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากความมืดนี้ได้
ที่นี่คือโลกแห่งความมืด ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อาศัยอยู่
หลินเฟิงไม่รู้ว่าิญญาของตัวเองล่องลอยมานานแค่ไหนแล้ว ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของเขา แสงสว่างนี้คือสีสันสดใสเพียงอย่างเดียวในความมืด มันบินเป็วงกลมอย่างงดงาม
“ช่างเป็ฝันที่ดีนัก”
ยิ่งหลินเฟิงเข้าไปใกล้ๆ แสงสว่างนั่นมากเท่าไร มันก็จะยิ่งเปล่งแสงเจิดจ้ามากขึ้นเท่านั้น ไม่ช้าหลินเฟิงก็พบว่า แสงสว่างที่บินเป็วงกลมนั่นค่อยๆ ลอยห่างออกไปไกลมาก ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถไล่ตามไปทันได้ แสงสว่างนั่นดูคล้ายกับคัมภีร์์ที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศและมีกลิ่นอายอันเก่าแก่ นอกจากนี้ยังรู้สึกราวกับว่าคัมภีร์์เล่มนั้นได้ล่องลอยอยู่ที่นี่มาเป็เวลานานแล้ว
ขณะที่หลินเฟิงมองไปยังคัมภีร์์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ แสงสว่างก็ยิ่งเปล่งแสงเจิดจ้ามากขึ้น ไม่ช้าหลินเฟิงก็มองเห็นคัมภีร์์กำลังเปิดออก และวินาทีต่อมาอักขระนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาหาหลินเฟิง!
“ตูม!!!”
ราวกับว่าสมองได้ะเิออกมา หลินเฟิงสะดุ้งลุกขึ้นมานั่ง ฝนยังคงตกปรอยๆ และท้องฟ้าก็ยังมืดมิดเช่นเดิม หากไม่มีแสงสว่างเจิดจ้าจนแสบตานั่น ก็ไม่ต้องพูดถึงคัมภีร์์ใดๆ ทั้งสิ้น
“แฮ่ก แฮ่ก...” หลินเฟิงส่งเสียงหายใจทางปาก ร่างกายของเขายังคงสั่นเล็กน้อย นับว่าโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่
ในตอนที่รู้สึกเ็ปราวกับร่างจะถูกฉีกออกจากกัน หลินเฟิงเกือบคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้วแน่ๆ เพราะนั่นไม่ใช่ความเ็ปที่มนุษย์คนไหนจะสามารถทนได้
“ตอนที่ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ปลุกจิติญญาให้ตื่น ก็ต้องทนทรมานกับความเ็ปแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” ดวงตาที่ลึกล้ำของหลินเฟิงเหม่อมองไปในความมืด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย หลินเฟิงไม่เคยคิดว่าตัวเองมีพร์ที่แข็งแกร่ง แต่อย่างน้อยเขาก็มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ในเมื่อคนอื่นๆ สามารถทนกับความเ็ปในตอนที่ปลุกจิติญญาให้ตื่นขึ้นได้ เขาก็ต้องทนได้เหมือนกัน
แต่ในระหว่างที่หลินเฟิงปลุกจิติญญาให้ตื่นขึ้นนั้น เขาต้องพบกับความเ็ปที่จู่โจมตัวเองถึงสามครั้ง โดยแต่ละครั้งจะทวีความเ็ปมากขึ้น จนกระทั่งถึงครั้งสุดท้าย ซึ่งความเ็ปในครั้งสุดท้ายแทบจะคร่าชีวิตของหลินเฟิงไปได้ ความเ็ปแบบนั้น ถ้าไม่มีปณิธานที่แน่วแน่มากพอก็คงไม่สามารถทนรับมันได้ ในการปลุกจิติญญานอกจากเืที่ไหลออกมาแล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วง
บางทีการปลุกจิติญญาให้ตื่นขึ้นของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจิติญญาของเขาจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้วหรือยัง
หลินเฟิงตัดสินใจปลดปล่อยพลังจิติญญาของตัวเองออกมา วินาทีนั้นหลินเฟิงก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืด ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวได้กลายเป็ความมืด และเป็ความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ตอนนี้หลินเฟิงไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืด แต่อยู่ในโลกมืดต่างหาก
ประสาทััของหลินเฟิงดูเหมือนจะว่องไวขึ้น เขาสามารถรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในรัศมีรอบตัวเขา แม้จะเป็เพียงการเคลื่อนไหวเล็กๆ เขาก็รับรู้ได้ นอกจากนี้จิตใจของเขาก็ดูจะเยือกเย็นมากขึ้น ทำให้ประมวลความคิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ราวกับว่าสามารถมองทุกอย่างออกได้ในพริบตา
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ดวงตาทั้งสองข้างของหลินเฟิง เนื่องจากเขาไม่สามารถมองเห็นดวงตาของตัวเองได้ จึงไม่รู้ว่าดวงตาของเขาในตอนนี้มันดำมืดและไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ มันมีเพียงแต่ความเฉยชาและสงบนิ่งจนน่ากลัว
“จิติญญา... แห่งความมืด”
หลินเฟิงค้นพบว่าสมองของเขาแจ่มใสขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า จนแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกหวาดกลัวต่อจิติญญานี้
และดูเหมือนว่ามันจะไม่หยุดอยู่แค่นี้...
จิตใจของหลินเฟิงสั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ด้านหลังของเขาปรากฏเงาสีดำขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งบินวนเป็วงกลม และตรงยอดเงาสีดำนั่นก็มีคัมภีร์เล่มหนึ่งลอยค้างอยู่กลางอากาศ ซึ่งคัมภีร์เล่มนั้นได้เปิดอ้าไว้หนึ่งหน้าราวกับว่ามันเป็แบบนี้อยู่แล้ว
“นี่ก็เป็จิติญญาอีกประเภทเหรอ?” หลินเฟิงตกตะลึงจนตาค้าง เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ปลดปล่อยจิติญญาออกมา พวกเขาจะรู้สึกถึงตัวตนทุกสิ่งอย่างของจิติญญาอย่างชัดเจน ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเหมือนกับในความฝันไม่มีผิด ในโลกที่มืดมิดได้ปรากฏกลุ่มแสงสว่างขึ้นมาและท่ามกลางแสงสว่างเ่าั้ ได้มีคัมภีร์์ลอยค้างอยู่กลางอากาศ!
ในความทรงจำของหลินเฟิง ไม่มีจิติญญาประเภทไหนสามารถปลดปล่อยขั้นที่สองได้ ราวกับว่าจิติญญานี้มีสองขั้น ขั้นแรกจะไม่ใช่เงาสีดำๆ เหมือนก่อนหน้านี้ แต่มันจะทำให้โลกรอบตัวของเขากลายเป็สีดำแทน ขั้นที่สองจะปรากฏจิติญญาคัมภีร์์ออกมา
ซึ่งในตอนแรกหลินเฟิงคิดว่าการปลุกจิติญญาของตัวเองนั้นล้มเหลว แต่ตอนนี้ นอกจากจะไม่ล้มเหลวแล้ว ยังดีเกินความคาดหมายอีกด้วย
“คัมภีร์์ จิติญญาแห่งคัมภีร์...” หลินเฟิงไม่รู้ว่าควรจะเรียกจิติญญานี้ว่าอย่างไร
ในทวีปเก้า์มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วน และมีจิติญญาหลากหลายประเภท บางครั้งหลังจากผ่านการปลุกจิติญญาให้ตื่นขึ้น จิติญญาบางคนก็อาจจะเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นมา ไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองรู้จักจิติญญาทุกประเภท พวกเขารู้เพียงว่ามีจิติญญาแบบปกติที่พบเห็นได้ทั่วไปกับจิติญญากลายพันธุ์
จิติญญาแห่งคัมภีร์น่าจะเป็จิติญญากลายพันธุ์ประเภทหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่จิติญญาประเภทต่อสู้หรือป้องกัน และไม่น่าจะใช่จิติญญาประเภทเสริมการต่อสู้ แต่ผู้ที่จิติญญาแห่งคัมภีร์จะจดบันทึกสัตว์อสูรที่หายาก ลงบนจิติญญาแห่งคัมภีร์ของพวกเขา ซึ่งสัตว์อสูรที่ถูกจดบันทึกเอาไว้ อาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์ได้
“โอ้... ์” หลินเฟิงถอนหายใจออกมาเบาๆ ทันใดนั้นรูม่านตาที่ดำมืดทั้งสองข้าง ก็ปรากฏแสงสว่างสีเงินเหมือนแสงอาทิตย์ขึ้นมา
แสงสว่างอันแพรวพราวนี้ปรากฏขึ้นเพียงแวบเดียวก็หายไป จากนั้นหลินเฟิงก็ตกอยู่ในภวังค์ หรือว่าจิติญญาแห่งคัมภีร์หน้าแรกได้มอบความสามารถเหนือธรรมชาติให้กับเขา ทำให้เขาสามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ทุกอย่าง
“จากนี้ต่อไป ข้าจะเรียกเ้าว่าจิติญญาแห่ง์” หลินเฟิงกระซิบพูดขึ้นมา เมื่อจิติญญาสลายไป ดวงตาของเขาก็ค่อยๆ กลับมาเป็ปกติ ไม่มีแววตาที่ดูไร้อารมณ์ราวกับไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
เมื่อหลินเฟิงแบมือออก ลมปราณสีขาวก็ปรากฏขึ้นมา ตอนนี้เขาสามารถกลั่นหยวนชี่ฟ้าดินให้กลายเป็ลมปราณได้แล้ว นั่นหมายความว่าตอนนี้หลินเฟิงได้ทะลวงผ่านขอบเขตแห่งจิติญญาแล้ว
เมื่อจิติญญาแห่งความมืดได้ตื่นขึ้น มันก็ให้กำเนิดจิติญญาแห่ง์ขึ้นมา ถึงแม้ว่าจิติญญางูน้อยของเขาจะไม่ตื่น แต่หลินเฟิงก็รู้สึกพอใจกับสภาพนี้มาก
เมื่อเขาปลดปล่อยจิติญญาแห่งความมืดออกมา ก็ทำให้พลังในการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น แต่ถ้าปลดปล่อยจิติญญาแห่ง์ออกมาด้วย จะทำให้เขาได้รับพลังเหนือธรรมชาติ หลินเฟิงคิดว่าหากไม่จำเป็จะไม่ปลดปล่อยจิติญญาแห่ง์ออกมา
“ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 1 หึๆ ไม่มีใครเป็คู่ต่อสู้ของข้าได้แน่” หลินเฟิงยิ้มอย่างมั่นใจ เขารู้สึกได้ว่าจิติญญาแห่งความมืดของตัวเองนั้นน่ากลัวมาก ถ้าได้พบกับหลินเชียนอีกครั้ง หลินเฟิงเชื่อว่าจะสามารถเอาชนะนางได้อย่างแน่นอน หลินเชียนมีจิติญญาเพลิงน้ำแข็งแล้วอย่างไร? มันเทียบไม่ได้กับจิติญญาแห่งความมืดของเขาแน่
ฝนยังคงตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ท้องฟ้าที่มืดมิดก็ค่อยๆ ปรากฏแสงสว่างเรืองรองขึ้นมาตรงเส้นขอบฟ้า
หลินเฟิงลุกขึ้นยืนพลางก้มมองดูเสื้อที่เปียกชุ่มของตัวเอง แล้วอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะนั่งสมาธิข้ามคืนแบบนี้ บ้าระห่ำดีจริงๆ
หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังทิศทางของเมืองหยางโจว ดวงตาที่สดใสของเขาพลันทอประกายเ็าขึ้นมา เมื่อคืนคฤหาสน์ท่านเ้าเมืองได้ส่งยอดฝีมือในระดับขอบเขตนักรบลมปราณขั้น 8 และ 9 จำนวนหนึ่งมาลอบสังหารเขา ถ้าหากเขาอ่อนแอกว่านี้สักนิด เกรงว่าคงตายโดยไร้ที่ฝังไปแล้ว
“ท่านเ้าเมือง น่าหลันเฟิง พวกเ้าจะต้องเสียใจที่ทำกับข้าในวันนี้”
หลินเฟิงก้าวเท้าเดินไปตามเส้นทางที่ทอดยาวออกไป
