นานแล้วเคยฝักใฝ่เหล่าเทพ ศิษย์ผู้บำเพ็ญตน มุ่งสู่การเป็เซียนในแดน์ หากไม่ค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้ช่างเหมาะสมกับเขามากกว่า
ใบหน้าเคร่งขรึมมองเศษซากลูกแก้วกลมที่ศิษย์สตรีส่งกลับคืนให้เขาไปจัดการมันต่อ มันแตกกระจายเป็เศษเสี้ยว
“ข้าจะสกัดมันขึ้นใหม่ เ้าไปนำสมุนไพรมาตามที่ข้าบอก ไปตามฉางฟู่มาพบข้าด้วย”
“รับทราบ ท่านอาจารย์” ศิษย์สตรีกำลังจะเดินเลี่ยงออกไปจากเรือนกว้างขวางซึ่งรายล้อมด้วยท้องนทีสีนิลสนิท ไม่ทันได้ออกไปพ้นประตู
“เดี๋ยวก่อน เมื่อครู่นี้เ้าพูดถึงเทพ... เป็เผ่าไหน?”
“เทพัเ้าค่ะ ข้ามองเห็นอุ้งเท้าสีนิล เขามีเกล็ดสินิล” ดวงตาชั่วร้ายและเคียดแค้นกล่าวกับท่านอาจารย์ พลันตะคอกนางด้วยสีหน้าก้าวร้าว
“โง่เง่า! ปีศาจชั้นต่ำอย่างเ้า คราวหน้าคราวหลังพบเห็นเพียงเท้าั จำเอาไว้ เอาชีวิตตนให้รอดพ้นเป็อันดับแรก เผ่าัควบคุมได้ดีทั้งหยินและหยาง โดยเฉพาะปีศาจราตรีอย่างเ้า เป็อาหารชั้นดีของั”
“ข้าจะจำใส่สมองน้อย ๆ ของข้า ลู่จูใจร้อนวู่วาม ไม่เจียมตน เกือบเอาชีวิตไม่รอด ท่านอาจารย์เมตตาพวกข้าทั้งหลาย ศิษย์ไม่มีวันลืมบุญคุณ”
“เ้ารีบไป อย่าชักช้า”
ศิษย์ปีศาจพลันหายไป เหลือเพียงกลุ่มไอหยินลอยละล่อง เสียงเรียกดังด้านนอกเรือน ‘ฉางฟู่’ ปีศาจหนุ่มปรากฏกายขึ้นกลางเรือน ในห้องพักของอาจารย์ยินเฟิง ถัดจากโต๊ะไม้สีน้ำตาล มีกระดาษจารึกอักษรแห่งเมืองปีศาจ
“ปั้นดินขอรับ... ท่านอาจารย์...”
ฉางฟู่เป็ผู้นำของวิเศษมาให้อาจารย์ยินเฟิงมากกว่าศิษย์คนอื่น ๆ เขาเป็ที่ริษยาไม่น้อยในบรรดาศิษย์นับร้อยพัน เมื่อเขาส่งปั้นดินให้อาจารย์ยินเฟิง มีสีหน้าพึงพอใจ ชื่นชมเขาไม่น้อย
“ดีมากฉางฟู่ เห็นจะมีเพียงเ้าสามารถนำปั้นดินก้อนกลมบนเทือกเขาหลังบ้านเ้ามาให้อาจารย์ยินเฟิงได้”
ดินก็คือดิน... มิอาจแปรเปลี่ยน ต่อให้เป็ปั้นดินในเมืองปีศาจ ล้วนสูญสลายไปตามกาลเวลา
ดวงตาปีศาจมากมายหลายคู่ ลักลอบดูเซียนยินเฟิงร่ายเวทสีขาวเปล่งประกาย ขณะซ่อนเร้นกายในความมืดทั้งในท้องนทีและป่าไพร
เวทบริสุทธิ์ปะปนไปกับพลังปีศาจซึ่งมาจากปั้นดิน ยินเฟิงหมุนข้อมือเป็วงกลมเพื่อปั้นดินให้เป็รูปร่าง ปรากฏร่างอรชรในอาภรณ์งดงาม
สตรีเทพผู้ถูกปั้นแต่งด้วยมือของปรมาจารย์ผู้หลงใหลในตัวนาง ถูกเสกสรรขึ้นด้วยเวทเซียน์
ร่างบางในอาภรณ์สีขาวสะอาด ยกมือทำความเคารพ ก้มศีรษะอย่างนอบน้อม
“คารวะท่านอาจารย์”
“ไปไป๋...”
มุมปากหนาหยักได้รูปโค้งละไมเป็รอยยิ้ม แสนปลาบปลื้มใจ ทันทีที่พบใบหน้าสวยหวาน เขาเลื่อนมือไปลูบเรือนผมนุ่มสลวยที่มีเพียงกลิ่นดิน
นางอาจเดินไปมาในเรือนปีศาจให้ยินเฟิงอารมณ์ดีไปอีกสามสิบราตรี ให้เขาได้กอดจูบนาง เข้านอนเคียงข้างกายนาง แล้วนางก็จะกลับกลายเป็เศษดิน
ฉางฟู่ ศิษย์คนสำคัญได้ดูวิธีการปั้นดินอย่างใกล้ชิด เบื้องหน้ายินเฟิง ปรากฏเทพธิดาผู้มีใบหน้างดงาม ประหนึ่งภาพวาดในแดนเทวโลกชั้นฟ้า แม้นางไม่มีความคิดไม่มีชีวิตหรือหัวใจ นางเพียงยิ้มได้ พูดได้คำเดียว ‘คารวะท่านอาจารย์’
ฉางฟู่นึกเวทนาอาจารย์ยินเฟิงนัก ตัดสินใจกล่าวด้วยความประสงค์ดี
“ข้าอาจ... นำสตรีมาสนองตัณหาท่านได้ในบางโอกาส เพื่อความเพลิดเพลินใจของท่านอาจารย์ ศิษย์ยินดี เื่กามารมณ์เป็เื่ธรรมชาติ”
“ใช่ งานประจบสอพลอ เป็กมลสันดานของพวกเ้า...”
“ศิษย์เสียมารยาท ผิดไปแล้วท่านอาจารย์!” ศิษย์คนโปรดนั่งลงฟุบหน้ากับพื้น ขอโทษอาจารย์เป็ใหญ่โต มิใช่กลัวจะถูกทำโทษ แต่กลัวว่าอาจารย์จะอารมณ์ไม่ดี พาลไม่สอนวิชาพวกเขาไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์ต่างหาก
ยินเฟิงหันไปทางศิษย์ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “รู้มากไป ก็ไม่ดี ปากมากเกินไป น่าจะลองใช้ปั้นดินอุดปากเ้าเสีย”
“โธ่... ข้าก็เป็เช่นนี้ ท่านอาจารย์ยังไม่ชินอีกหรือ ท่านอย่าถือโทษโกรธเคืองข้าเลย” ฉางฟู่ทำหน้าตาน่าสงสาร กลับร่างเป็สุนัขปีศาจเขี้ยวแหลมคมกลิ้งไปมาแลดูน่าเอ็นดู ก่อนคืนร่างบุรุษ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แลดูเป็ผู้ชั่วร้าย “หากท่านอารมณ์ไม่ดี จะทำโทษข้าก็ได้...”
“ทำโทษเ้า?” ยินเฟิงเลิกคิ้วขึ้นถาม พูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “พวกเ้ามีแต่จะยิ่งได้ใจ เฆี่ยนตีเท่าไรก็ยิ่งชอบ โดยเฉพาะเ้าผู้โปรดปรานหลงใหลความเ็ป ฉางฟู่ เ้าไปให้ปีศาจสตรีเฆี่ยนเ้าแล้วกัน ข้าเบื่อจะตีเ้า...”
ในเทือกเขาลับแลนี้มีเื่ประหลาด ๆ อีกมาก นอกเสียจากศิษย์บางคนโปรดปรานให้เฆี่ยนตี ยิ่งเ็ปทรมานมากเท่าไรพวกเขายิ่งมีความสุข ยินเฟิงมาอยู่เทือกเขาแห่งวิถีมารใหม่ ๆ เห็นศิษย์ถูกตีถูกเผาด้วยไฟร้อน พวกเขาดิ้นทุรนทุรายอย่างเ็ป พอหายจากพิษไฟก็เฝ้าร้องขอให้อาจารย์ทำร้ายพวกเขาอีก
ใช่เพียงเท่านั้น ทั้งอาจารย์และศิษย์ปีศาจทุกผู้ตนต่างไร้จรรยาบรรณ ไม่สนใจเื่ศีลธรรม หลงใหลในกามารมณ์ ใช้หวายเฆี่ยนตีกัน สานสัมพันธ์สวาทไม่สนใจใครเป็ใคร ต่างล้วนทำตามใจจนกลายเป็กิจวัตร
ยินเฟิงรู้แก่ใจดีว่าศิษย์คนโปรดมักสอดแนมเื่ส่วนตัวของเขา ฉางฟู่เป็พวกยุ่มย่ามไม่เข้าเื่เสมอ ทุกเื่ของทุกคนรอบกาย ทั้งที่มีเื่วุ่นวายในแต่ละวัน ทั้งการฝึกฝนวิชาปีศาจ หมกมุ่นในราคะกับปีศาจสตรี แลกเปลี่ยนพลังปีศาจ หาเื่ทะเลาะวิวาทกับเทพหากว่าได้พบปะกันในเทวโลก
“ท่านอาจารย์ คือข้ามีข่าวสำคัญมาแจ้งท่าน...” ฉางฟู่ทำอึก ๆ อัก ๆ จนมองเห็นสายตาดุดันสั่งให้เขาพูด
“มีอะไร?”
“ข้าแอบตามเทพปักษาไปพบนาง... แม่นางไป๋”
“เ้าพูดอะไร? เ้าพบใคร...”
“หญิงสาวใบหน้าสะสวย เหมือนปั้นดินเผาท่าน นางเป็บุตรสาวท่านโหว นางค่อนข้างเก็บตัว จึงไม่มีผู้ใดพบนาง ไม่มีใครรู้ว่าเป็แม่นางไป๋...”
“แล้วเ้าแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นาง?”
“ข้าพบเซียนปักษาโดยบังเอิญ ระหว่างข้ามภพภูมิไปนำศิลาไข่มุก ข้าถือโอกาสลอบตามอี้เจ๋อไป...”
ฉางฟู่ได้ยินนางเรียกอี้เจ๋อ ๆ หัวเราะร่าเริงเดินซื้อของกันในตลาด เขาตามทั้งสองอยู่ห่าง ๆ จนแน่ใจ ได้ยินนางพูดถึงท่านอาจารย์ยินเฟิง คิดว่าน่าจะเป็อาจารย์ท่านเดียวกัน
ยินเฟิงเป็เซียนผู้เดียวที่แปรพักตร์มา เหล่าปีศาจรู้เื่นี้ดี ถึงแม้ว่าว่าเขาไม่ใส่ใจใครมากนัก เพราะทำตามจุดประสงค์ของตนเท่านั้น
อาจารย์หัวเราะร่าเริง หลังได้รับข่าวดีจากศิษย์คนโปรด แทนที่เขาจะว่าฉางฟู่ยุ่งไม่เข้าเื่อีก กลับเอ่ยคำเชยชม “เก่งมากฉางฟู่ เ้าทำดีมาก เ้าสอดรู้จนได้เื่ ดีล่ะ ข้ารับปากว่าจะตกรางวัลให้เ้าในภายหลัง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้