เวลาแปดโมงครึ่ง อาจารย์และศิษย์เดินทางมาถึงสถานีรถไฟเจียงเป่ย สวี่ฮุ่ยถือตะพาบสองตัวตรงไปยังสำนักงานตำรวจประจำมณฑล
คนที่เธอรู้จักในเมืองก็มีแต่ลู่ฉี่เสียน เธอจึงคิดจะฝากตะพาบไว้กับเขา
เฉียนหย่งกำลังปั่นจักรยานมาทำงาน เห็นสวี่ฮุ่ยเดินตรงไปยังสถานีตำรวจอย่างรีบร้อน นึกว่าเธอจะแจ้งความ จึงรีบปั่นจักรยานไปขวางหน้าเธอแล้วถามด้วยความเป็ห่วงว่า “สหายสวี่ฮุ่ย คุณจะแจ้งความหรือครับ?”
พอสวี่ฮุ่ยเห็นเฉียนหย่ง นึกขึ้นได้ว่าในเมืองเอกเธอยังรู้จักเขาอยู่อีกคน ก็เปลี่ยนใจ คิดจะขอให้เขาช่วยดูแลตะพาบให้
การฝากตะพาบสองตัวไว้กับชายหนุ่มรูปงามสง่าผ่าเผยอย่างลู่ฉี่เสียน ทำให้สวี่ฮุ่ยรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง กลัวลู่ฉี่เสียนเข้าใจผิดว่าเธอใช้เื่นี้เป็ข้ออ้างตามรังควานเขา แม้ว่าเธอจะอยากทำเช่นนั้นก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังกังวลว่าหัวหน้าลู่ผู้เ็าสูงส่งดุจเซียนจะไม่อยากทำเื่ขี้ปะติ๋วแบบนี้เพื่อเธอและปฏิเสธเธอ
แต่ถ้าขอเฉียนหย่ง เธอก็ไม่ต้องรู้สึกหนักใจอีก
เฉียนหย่งเป็คนเข้าถึงง่าย คงไม่ปฏิเสธคำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอหรอก
สวี่ฮุ่ยส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “ฉันไม่ได้มาแจ้งความค่ะ ฉันอยากขอให้คุณช่วยดูแลตะพาบให้สักสองสามชั่วโมงได้ไหมคะ?”
เฉียนหย่งรู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่ง พยักหน้าหงึกหงักราวกับลูกเจี๊ยบจิกกินข้าวสาร “ได้สิ ได้แน่นอน!”
สวี่ฮุ่ยกล่าวขอบคุณ แล้วส่งตะพาบสองตัวให้เฉียนหย่ง ก่อนจะไปเข้าร่วมงานประกาศเกียรติคุณกับอาจารย์ใหญ่โจว
เฉียนหย่งแขวนถังใส่ตะพาบไว้ที่แฮนด์จักรยาน แล้วปั่นตรงไปยังสำนักงานตำรวจ
เมื่อเขาถือถังตะพาบเข้าไปในสำนักงานตำรวจ มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมองเข้าไปในถัง เห็นว่าเป็ตะพาบก็เอ่ยขอซื้อ แต่เฉียนหย่งปฏิเสธทันที
เฉียนหย่งพูดอย่างภาคภูมิใจ “นี่สหายสวี่ฮุ่ยฝากฉันดูแล ต่อให้จ่ายเงินเท่าไหร่ฉันก็ไม่ขาย”
...
งานประชุมประกาศเกียรติคุณของมณฑลปีนี้ มีรางวัลมากกว่าปีที่แล้ว
ผู้ที่สอบได้ที่หนึ่งไม่เพียงได้รับเงินรางวัลสามพันหยวนและเกียรติบัตรเท่านั้น ยังได้รับปากกาหมึกซึมฮีโร่[1] อีกหนึ่งด้ามด้วย
สวี่ฮุ่ยรู้ว่าปากกาหมึกซึมฮีโร่ราคาไม่ถูก ด้ามหนึ่งก็ปาเข้าไปห้าสิบกว่าหยวน เทียบเท่ากับเงินเดือนหนึ่งเดือนของคนงานทั่วไป
แต่ไม่นึกเลยว่า ปากกาที่งานประชุมแจกจะเป็ปากกาหมึกซึมฮีโร่รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นสลักทองคำ ราคาด้ามละสี่ร้อยกว่าหยวน
สวี่ฮุ่ยเห็นอาจารย์ใหญ่โจวชอบปากกาหมึกซึมฮีโร่สลักทองคำด้ามนั้นมากก็อยากมอบให้เขา
แต่อาจารย์ใหญ่โจวไม่ยอมรับไว้ บอกว่าปากกาด้ามนี้เป็ตัวแทนเกียรติยศของเธอ
สวี่ฮุ่ยเลยมอบเงินรางวัลสามพันหยวนที่เพิ่งได้รับให้อาจารย์ใหญ่โจว
อาจารย์ใหญ่โจวยังเขียนใบรับเงินให้สวี่ฮุ่ยเหมือนเดิม
หลังจากการประชุมประกาศเกียรติคุณเสร็จสิ้น อาจารย์และศิษย์ก็ไปที่สำนักงานตำรวจด้วยกัน
ระหว่างทาง สวี่ฮุ่ยซื้อแตงโมลูกใหญ่หนึ่งลูก เฉียนหย่งช่วยเธอ เธอต้องตอบแทนเขาบ้าง
เมื่อมาถึงหน้าสำนักงานตำรวจ อาจารย์โจวก็หาที่ร่ม ๆ ยืนรอ ส่วนสวี่ฮุ่ยเข้าไปเอาตะพาบคนเดียว
ทันทีที่สวี่ฮุ่ยเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของสำนักงานตำรวจ เธอก็เจอลู่ฉี่เสียนกำลังเตรียมนำทีมออกไปปฏิบัติภารกิจพอดี
ลู่ฉี่เสียนมองสวี่ฮุ่ยแล้วถามว่า “มาหาฉันเหรอ?”
“มาหาผมต่างหาก!” เฉียนหย่งที่อยู่ด้านหลังลู่ฉี่เสียนยิ้มให้สวี่ฮุ่ย “ผมดูแลตะพาบสองตัวของเธออย่างดีเลยนะ แถมยังป้อนบิสกิตให้มันกินด้วย”
พูดจบก็หันหลังกลับไปเอาตะพาบในห้องทำงาน
ตอนที่รับตะพาบจากเฉียนหย่ง สวี่ฮุ่ยกล่าวขอบคุณหลายครั้ง
เฉียนหย่งยิ้มหน้าบาน ถูมือพลางพูด “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ มีอะไรมาหาผมได้เสมอ”
สวี่ฮุ่ยยิ้มรับคำแล้วยื่นแตงโมให้เขา
เฉียนหย่งปฏิเสธ “เื่แค่นี้เอง ทำไมต้องซื้อแตงโมมาให้ผมด้วย? ผมไม่รับหรอก คุณเอาไปกินเองเถอะครับ”
ทั้งสองยื้อยุดกันไปมา สุดท้ายเฉียนหย่งก็รับแตงโมลูกนั้นไว้ สวี่ฮุ่ยถึงหันหลังเดินจากไป
เฉียนหย่งรีบเรียกเธอ “มะรืนว่างไหมครับ?”
“ว่างค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ?” สวี่ฮุ่ยหันกลับมาถามพลางกะพริบตาโตปริบ ๆ”
เฉียนหย่งเกาหัวด้วยความเขินอาย “มะรืนผมอยากชวนคุณไปดูหนัง”
“…” สวี่ฮุ่ยกล่าว “เดินทางจากตำบลเถาฮวามาเมืองหลวงมณฑลเพื่อดูหนังเื่เดียวมันไกลเกินไป ฉันว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะ”
“ไม่ต้องมาเมืองเอกหรอก ผมจะชวนคุณไปดูหนังที่ตัวอำเภอ”
สวี่ฮุ่ยจำต้องปฏิเสธอีกครั้ง “ฉันไม่ชอบดูหนังค่ะ” พูดจบก็กล่าวขอบคุณเฉียนหย่งอีกครั้งแล้วเดินจากไป
ก่อนไป สวี่ฮุ่ยอยากทักทายลู่ฉี่เสียนก่อน แต่เห็นเขากำลังคุยงานกับเพื่อนร่วมงานด้วยสีหน้าจริงจัง เธอจึงไม่กล้ารบกวน
ลู่ฉี่เสียนเงยหน้าขึ้น มองตามแผ่นหลังของเธอที่เดินจากไป
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินไปหาเฉียนหย่ง กระซิบข้างหูเขาว่า “นายซวยแล้ว ไปแย่งผู้หญิงคนเดียวกับลูกพี่”
เฉียนหย่งใ “ไม่จริงน่า ลูกพี่ไม่ยุ่งกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”
“มันขึ้นอยู่กับว่า ผู้หญิงคนนั้นสวยสะกดหรือเปล่า”
เฉียนหย่งใจคอไม่ค่อยดี รีบเข้าไปหาลู่ฉี่เสียน “ลูกพี่นี่ลูกพี่ชอบสวี่ฮุ่ยเหรอครับ?”
ลู่ฉี่เสียนขมวดคิ้ว “ออกเดินทาง ทำงาน! เวลาทำงาน ห้ามพูดเื่ไร้สาระ!”
สิ้นเสียงก็ก้าวฉับ ๆ ออกจากสถานีตำรวจ เฉียนหย่งกับลูกน้องคนอื่น ๆ รีบตามไป
ครั้งก่อนนัดกับเถ้าแก่แซ่เฉาที่ตลาดต้าตงเหมินไว้ว่า หากมีตะพาบก็ให้นำไปขายที่ร้านเขาโดยตรง
สวี่ฮุ่ยรักษาคำพูด เดินทางมาถึงหน้าโรงแรมอู่เยว่ฮวาตามที่ที่เขาบอกพร้อมกับอาจารย์โจว แล้วมองเข้าไปด้านใน
พนักงานต้อนรับหญิงมองเธอั้แ่หัวจรดเท้า “เธอมาสมัครงานเหรอ?”
สวี่ฮุ่ยเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีป้ายประกาศรับสมัครงานติดอยู่หน้าโรงแรม
เธอส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ฉันนัดกับเถ้าแก่เฉาไว้ว่าจะมาขายตะพาบ เถ้าแก่เฉาอยู่ไหมคะ?”
พนักงานต้อนรับพยักหน้า “อยู่ค่ะ” ว่าแล้วเธอก็เดินไปเรียกเถ้าแก่เฉา
เถ้าแก่เฉาเดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เห็นสวี่ฮุ่ยไม่ได้มาคนเดียว ด้านหลังยังมีชายวัยกลางคนตามมาอีกคน สีหน้าของเขาชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็ปกติอย่างรวดเร็ว
เถ้าแก่เฉาเดินเข้ามาใกล้ มองตะพาบสองตัวในถังของสวี่ฮุ่ยแล้วส่ายหน้า “ตะพาบพวกนี้ตัวเล็กเกินไป ฉัน้าสองชั่งขึ้นไป”
สวี่ฮุ่ยรู้สึกผิดหวัง รู้แบบนี้แต่แรกเธอคงไม่เสียเวลาเดินทางไกลจากเจียงเป่ยมาเจียงหนานหรอก เสียเวลาเปล่า ๆ
อาจารย์และศิษย์เดินออกมาจากโรงแรมฺอู่เยว่ฮวา สุดท้ายก็ต้องไปที่ตลาดต้าตงเหมินอยู่ดี
สวี่ฮุ่ยเพิ่งวางถังลง ยังไม่ทันได้ะโก็มีลูกค้าหลายคนมารุมล้อมขอซื้อตะพาบ
ลูกค้าเหล่านี้ต่างกดราคากันสุด ๆ
สวี่ฮุ่ยไม่ขาย พวกเขาก็แย่งซื้อ เอื้อมมือไปคว้าตะพาบในถัง
สวี่ฮุ่ยร้อนใจ “นี่! พวกคุณมาแย่งกันได้ยังไง?”
“แย่งอะไรกัน? พวกเราก็ให้เงินเถอะ!” ลูกค้าคนหนึ่งพูดอย่างชอบธรรม
“แต่ฉันไม่ขายให้พวกคุณ!” สวี่ฮุ่ยพยายามปกป้องตะพาบของตัวเองสุดชีวิต
อาจารย์ใหญ่โจวกล่าว “ฉันจะไปตามผู้ดูแล!”
ลูกค้าคนหนึ่งขวางเขาไว้ “นี่ ตาแก่ แกมายุ่งอะไรเื่ชาวบ้านเขา!”
สวี่ฮุ่ยเห็นดังนั้นก็รู้ว่าเจอคนไม่ดีเข้าแล้ว เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและอาจารย์ใหญ่โจว เธอจึงจำใจขายตะพาบในราคาถูก
“ไสหัวไปให้หมด!” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น
ทุกคนหันไปมอง เป็เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามาดดูผู้ดี
พวกคนที่คิดจะซื้อตะพาบของสวี่ฮุ่ยด้วยกำลัง พอเห็นว่าผู้มาใหม่ไม่ธรรมดาและดูมีภูมิหลัง ก็ไม่กล้าหาเื่ พากันวิ่งหนีไป
สวี่ฮุ่ยจำชายหนุ่มคนนั้นได้ นั่นไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ชะโงกหน้าออกมามองเธอตอนลู่ฉี่เสียนให้เกี๊ยวจีกวนเธอที่โรงพยาบาลหรอกเหรอ!
เด็กหนุ่มผู้นั้นคือลู่ฉี่โหย่ว เขาชี้นิ้วไปที่ตะพาบสองตัวในถังของสวี่ฮุ่ย “ฉันเหมาทั้งหมดนั่น!”
ตะพาบสองตัวหนักสามจินแปดเหลี่ยง สวี่ฮุ่ยตั้งใจจะคิดเงินเขาแค่สามจินครึ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มคนนี้ เธอกับอาจารย์ใหญ่โจวคงโดนเอาเปรียบไปแล้ว ลดน้ำหนักให้เขานิดหน่อยถือว่าสมควร
แต่เด็กหนุ่มกลับให้เงินเธอสามจินแปดเหลี่ยงตามน้ำหนักจริง “ไม่ต้องลดให้ฉัน ฉันไม่สนใจเงินแค่นี้หรอก”
สวี่ฮุ่ยรับเงินด้วยใบหน้าแดงก่ำ กำลังจะยกถังเดินจากไป
ลู่ฉี่โหย่วเรียกเธอไว้ “ต่อไปถ้าตกตะพาบได้อีก เอามาส่งที่บ้านฉันเลยนะ ฉันอยู่บ้านเลขที่ 18 ถนนชางเซิ่ง อำเภอชางเซิ่ง”
สวี่ฮุ่ยตอบรับ
ขายให้เขาโดยตรง ต่อไปก็ไม่ต้องมาเมืองหลวงแล้ว คนเมืองซื้อตะพาบยังเม็ดเยอะขนาดนี้
[1] ปากกาหมึกซึมฮีโร่ หมายถึง แบรนด์ปากกาจากประเทศจีนรายหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1931 เป็ยี่ห้อปากกาหมึกซึมยอดนิยมของจีนในยุค 80