อวี้เสวียนจีชื่นชอบท่าทีไม่ยี่หระของอีกฝ่าย “ไม่เลวๆ ข้าขอชื่นชมในความปราดเปรื่องของเ้า แต่วันนี้ข้าไม่ได้มาฉลองแสดงความยินดีต่อเ้าเป็พิเศษเท่านั้น ยังมีของขวัญชิ้นหนึ่งมอบให้แก่เ้า”
“ของขวัญหรือ?” ซูเฟยซื่อขมวดคิ้ว ในดวงตามีแววพิศวงวูบไหว
สิ่งของได้จากมือของอวี้เสวียนจีล้วนเป็ของดี เพียงแต่ตอนนี้นางไม่ได้ขาดแคลนอะไร ที่แท้เขาคิดมอบอะไรแก่นาง?
ไม่รอให้ซูเฟยซื่อคิดมาก จู่ๆ ใบหน้างามเลิศของอวี้เสวียนจีพลันก้มลงมาใกล้
่เอวถูกรวบแน่นทันที จนนางตั้งสติได้ก็ถูกอีกฝ่ายอุ้มขึ้นมาเสียเฉยๆ
“อวี้เสวียนจี เ้าทำอะไร?” ซูเฟยซื่อร้องอย่างตื่นตระหนก กระทั่งการขานนามด้วยความเคารพก็ลืมไปหมดสิ้น
อวี้เสวียนจีเห็นความลนลานในดวงตาของนาง ก็ยิ่งอารมณ์ดีสุดประมาณ “ยายตัวเล็ก ก็มีเวลาที่กลัวด้วยสินะ”
ซูเฟยซื่อขยับมุมปากเล็กน้อย อวี้เสวียนจีชอบตั้งชื่อเล่นแปลกๆ ให้นางเสียเหลือเกิน แค่เรียก ‘นังหนู’ ก็แทบทนไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่คาดว่าจะกลายเป็ ‘ยายตัวเล็ก’ ไปแล้ว
ผ่านไปไม่กี่วัน นางมิต้องถูกเรียกว่า ‘มดน้อย หนูน้อย แมวน้อย หมาน้อย เม่นน้อย’ ไปหรอกหรือ?
“ตาเฒ่า เ้าคงไม่ได้คิดลักพาตัวหญิงสาวชาวบ้านในยามวิกาลหรอกนะ?” ซูเฟยซื่อตอบโต้
ไม่คิดว่าอวี้เสวียนจีกลับยิ่งมีความสุข “ตาเฒ่าหรือ ฮ่าๆ ๆ น่าสนุก น่าสนุกดีนี่”
วิทยายุทธ์ของอวี้เสวียนจียอดเยี่ยมสุดๆ การหลบเลี่ยงองครักษ์ลาดตระเวนของจวนอัครมหาเสนาบดีนั้น สำหรับเขาก็แค่การละเล่นสนุกๆ เท่านั้น สักพักก็พานางร่อนลงบนยอดหลังคาของห้องซูเต๋อเหยียนแล้ว
ยอดหลังคาของห้องซูเต๋อเหยียน?
เที่ยงคืนยามวิกาล อวี้เสวียนจีพานางมาที่นี่ทำไม!
ซูเฟยซื่อเบนสายตาสงสัยไปทางเขา ทว่าเขากลับชี้ไปที่กระเบื้องบนยอดหลังคา ส่งสัญญาณให้นางเปิดดู
ซูเฟยซื่อก้มลงแกะกระเบื้องแผ่นหนึ่งออก เพียงเห็นซูเต๋อเหยียนกำลังนั่งอยู่ในห้อง แต่ตรงหน้าเขาเห็นนางแซ่หลี่กำลังคุกเข่า ซูเฟยซื่อเหลือบดูนางแซ่หลี่คราหนึ่ง มุมปากอดไม่ได้ที่จะกระหวัดขึ้นเล็กน้อย นางแซ่หลี่แต่งตัวด้วยชุดนี้ คิดทำอะไร? หรือจะเป็อุบายสาวงาม!
“ใต้เท้า ขอท่านโปรดฟังข้าน้อยพูดหน่อยเถิดเ้าค่ะ” นางแซ่หลี่ขมวดคิ้วเหมือนคิดอธิบายบางอย่างต่อซูเต๋อเหยียน
แต่ถูกซูเต๋อเหยียนขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “พูดอะไรอีก? คิดว่าด้วยฝีมือน้อยๆ เ่าั้ของเ้า ข้าไม่รู้หรือ? เฟยซื่อเป็บุตรสาวแท้ๆ ของข้า ตีสุนัขยังต้องดูเ้านาย เ้าเอาข้าไปไว้ไหน?”
ดีจริงนะ ตีสุนัขยังต้องดูเ้านาย ที่แท้นางในสายตาซูเต๋อเหยียนก็แค่สุนัขตัวหนึ่ง
ไม่ บางทีแม้แต่สุนัขตัวหนึ่งก็เทียบไม่ได้ เ้านายเลี้ยงสุนัข ยังมีความรักต่อสุนัข แต่ซูเต๋อเหยียนเพียงถือว่านางเป็เครื่องมือทางการเมืองที่ไร้ความรู้สึก ดวงตาของซูเฟยซื่อหรี่ลงบรรยากาศรอบข้างพลันรู้สึกได้ถึงอันตราย
นางแซ่หลี่ถูกซูเต๋อเหยียนตวาดใส่จนตะลึงงัน แต่ก็ยังรีบยกศีรษะขึ้น ลองตาน้ำตานองมองอีกฝ่าย “ใต้เท้า ไม่ใช่ข้าน้อยใจคับแคบมิอาจอภัยคน แต่ตอนนี้โหยวเอ๋อร์ได้เข้าวังเป็นางสนม เถียนเอ๋อร์ก็โตแล้ว ข้าน้อยไม่มีความจำเป็ต้องไปโกรธสาวรับใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ข้าน้อยทำแบบนี้ล้วนเพื่อประโยชน์ของใต้เท้ากับจวนอัครมหาเสนาบดีนะเ้าคะ”
เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่นางแซ่หลี่เลือกสวมใส่อย่างพิถีพิถัน บวกกับผิวพรรณที่หมั่นถนอมบำรุงเป็อย่างดี ท่ามกลางแสงไฟวูบไหวจากเทียนไข ทำให้ซูเต๋อเหยียนที่เห็นภาพตรงหน้าอดหวั่นไหวไปกับบรรยากาศเช่นนี้ไม่ได้ กระทั่งความโกรธก็ถึงกับหายไปบ้างแล้ว “เพื่อข้าและจวนอัครมหาเสนาบดี? พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“หรือว่าใต้เท้าไม่รู้สึกว่าซูเฟยซื่อแปลกๆ ไป? ยังจำได้สมัยเป็เด็ก เฟยซื่อเป็คนเงียบๆ และขี้ขลาดที่สุดในบรรดาลูกๆ ข้าน้อยพยายามใกล้ชิดกับนางหลายครั้ง นางล้วนตื่นตระหนกจนแทบเป็ลม แต่ตอนนี้กลับเหมือนเปลี่ยนไปเป็คนละคน ไม่เพียงแต่ปากคอเราะราย กระทั่งฝีไม้ลายมือยังอำมหิตเด็ดขาด ท่านดูการจัดการดูแลจวนอัครมหาเสนาบดีของนางในไม่กี่วันนี้ เกือบจะไม่เหมือนสาวน้อยอายุสิบสามคนหนึ่งเ้าค่ะ”
ซูเต๋อเหยียนขมวดคิ้ว นางแซ่หลี่พูดถูก สิ่งเหล่านี้กำลังเป็ความสงสัยที่เกาะพัวพันในจิตใจมาตลอด
เห็นซูเต๋อเหยียนไม่ได้ให้นางหุบปาก นางแซ่หลี่รีบพูดต่อ “ข้าน้อยคิดอยู่นาน ก็นึกไม่ออกว่าทั้งนี้มีเื่อะไรที่ทำให้คนหนึ่งเปลี่ยนได้มหาศาลแบบนี้ นอกจากว่าที่ผ่านมาเป็ท่าทางที่นางแสร้งทำ ใต้เท้าคิดดูเถิด สาวน้อยคนหนึ่งสามารถวางแผนและปลอมตัวได้ขนาดนี้ ทั้งยังเป็ต่อหน้าคนที่สนิทกับนางที่สุดนางจะมีเป้าหมายอะไร? ภายหน้าเติบใหญ่จะทำเื่อะไรออกมาได้อีกเ้าคะ?”
“นี่” ซูเต๋อเหยียนหวนรำลึกถึงวาจาของนางแซ่หลี่อย่างถี่ถ้วน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผล รู้สึกว่ามิอาจดูแคลนซูเฟยซื่อได้
“ข้าน้อยรู้ว่าใต้เท้าโกรธเคืองข้าเพราะเื่นั้น แต่จะโทษข้าน้อยอยู่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร? ข้าสมรสเข้าสู่จวนอัครมหาเสนาบดีจนถึงวันนี้ นับทศวรรษดุจวันหนึ่ง ทั้งช่วยสามีสอนลูกหลานขยันดูแลงานบ้าน ยังมีจุดไหนที่ทำไม่ได้ถึงเกณฑ์? ถ้ามิใช่เพราะเซียงเอ๋อร์วางยาปลุกกำหนัดข้าแล้ว ต่อให้ข้าน้อยตายก็ไม่สามารถทำสิ่งที่น่ารังเกียจผิดต่อขนบธรรมเนียมเช่นนี้ซึ่งเป็เื่ที่ผิดต่อใต้เท้าออกมาได้นะเ้าคะ”
นางแซ่หลี่ปาดเช็ดน้ำตา ไหล่สองข้างลู่ลงสั่นเทิ้ม ท่าทีน่าสงสารสุดประมาณ
วาจาของนางไม่ว่าในหรือนอกต่างเป็ความทุ่มเทในหลายปีนี้ต่อจวนอัครมหาเสนาบดี เป็ความรู้สึกฉันสามีภรรยาหลายสิบปี สุดท้ายซูเต๋อเหยียนยังคงใจอ่อน
เขาถอนหายใจแล้วพยุงนางแซ่หลี่ขึ้น “ข้ารู้ว่าเื่นี้มิอาจโทษเ้า เ้าก็อย่าได้ตำหนิตนเองเลย สำหรับเื่ปกครองครอบครัว ตอนนี้เฟยซื่อเพิ่งรับมือจัดการดูแลต่อ หากเปลี่ยนมือมาเป็เ้าอีกครั้งอย่างไร้เหตุผลแล้ว แม้นางจะไม่พูด ก็เกรงว่าจะนึกตำหนิอยู่ในใจ”
นางแซ่หลี่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอย่างโกรธเกรี้ยว ทว่าการแสดงออกบนใบหน้ายังคงอ่อนโยน “ไม่ว่าใครปกครองครอบครัว จวนอัครมหาเสนาบดีนี้ยังมีใต้เท้าเป็เ้านาย ถึงจะหมดอำนาจในการดูแลครอบครัวแล้ว แต่ด้วยนิสัยของเซียงเอ๋อร์ ท่านเชื่อว่านางสามารถทำเื่นี้ได้หรือ? แม้ว่านางจะสติปัญญาหลักแหลม แต่คงไม่ได้มีความสามารถในการวางแผนเื่นี้เ้าค่ะ”
“ความหมายของเ้าคือ?” ในใจซูเต๋อเหยียนมีข้อสงสัย แต่ไม่ได้พูดออกมา
“ข้าน้อยได้ยินว่าวันนั้นเฟยซื่อเชิญท่านไป แม้กล่าวว่าคือเื่บังเอิญก็นับว่าปกติ แต่โอกาสที่ท่านอ๋องเก้าพันปีปรากฏขึ้นนั่นมันยิ่งกว่าบังเอิญ ยังมีซีอ๋องอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเื้ัมีผู้เล่นลูกไม้ ด้วยวิสัยของซีอ๋องจะสมรสกับเซียงเอ่อร์ไปเป็พระชายาได้อย่างไร?”
กล่าวจบ นางแซ่หลี่มุ่นคิ้วลงอีก “อย่างที่พูดกัน โฉมสะคราญถดถอย ความรักจืดจางมลายสิ้น ข้าน้อยรู้ว่าวาจานี้ใช้ไม่ได้แล้ว แต่ให้เฟยซื่อกุมอำนาจปกครองครอบครัวจวนอัครมหาเสนาบดี ข้าน้อยไม่วางใจเลยเ้าค่ะ”
นางแซ่หลี่กล่าวแต่ละคำเพื่อซูเต๋อเหยียนและจวนอัครมหาเสนาบดี ทุกคำพูดราวกับไร้ความรู้สึกเห็นแก่ตัว ฟังจนซูเต๋อเหยียนยิ่งรู้สึกละอายใจ “โฉมสะคราญถดถอย ความรักจืดจางมลายสิ้น วลีนั้นใช้ไม่ได้แล้วเสียที่ไหน ั้แ่ต้นจนจบเ้าเป็นายหญิงจวนอัครมหาเสนาบดีของข้า คู่สร้างคู่สมของข้าซูเต๋อเหยียน เื่ของเฟยซื่อ ข้าจัดการได้ เ้าวางใจเถิด”
“อืม” นางแซ่หลี่พยักหน้า แต่อยู่ๆ เท้าพลิกคราหนึ่งก็ล้มลงสู่อ้อมอกของซูเต๋อเหยียนแล้ว ทั้งยังไม่ลืมแสร้งอุทานใอย่างอ่อนแอออดอ้อนเสียงหนึ่ง “อ๊ะ”
ซูเต๋อเหยียนก้มลงมองคนในอ้อมอก กาลเวลาไม่อาจทำอะไรใบหน้างามพิศ ทว่านางกลับยิ่งมีเสน่ห์อย่างที่ที่หญิงสาวอ่อนวัยไม่เคยมี
ตอนนี้กระโปรงแผ่ยาวดุจแม่น้ำสีแดง ทั่วร่างนางราวกับเพลิงร้อน ดอกโบตั๋นที่ปักอยู่บนผ้าปิดหน้าอกวับๆ แวมๆ ยั่วยวนเขาจนทั่วร่างยิ่งร้อนแรงคล้ายถูกไฟเผา
“นายท่าน” เมื่อนางแซ่หลี่เห็นซูเต๋อเหยียนใช้สายตาจับจ้องนางตรงๆ ก็รีบก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย “นายท่าน เราไม่ได้ดื่มด้วยกันมานานแล้ว ให้ข้าน้อยคารวะนายท่านสักจอกดีไหมเ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้